ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sun Apr 19, 2020 12:09 am ชื่อกระทู้: เคาะลิฟะฮอุมัรไม่ได้อุตริบิดอะฮ |
|
|
ชี้แจงกรณีมีการอ้างว่า การละหมาดตารอเวียะ เป็นบิดอะฮที่ท่านอุมัรคิดขึ้นมา เรียกว่าบิดอะฮที่ดี
ขอยืนยันว่า การอ้างว่าท่านเคาะลิฟะฮอุมัร (ร.ฎ) ได้รวบรวมผู้คนละหมาดตารอเวียะนั้น เป็นบิดอะฮหะสะนะฮ เป็นการอ้างที่ไม่ถูกต้อง
อิหม่ามอิบนุอับดิลบัร (ร.ฮ)กล่าวว่า
لم يسنَّ عمر من ذلك إلا ما سنه رسول الله صلى الله عليه وسلم، ويحبه، ويرضاه، ولم يمنع النبيَّ صلى الله عليه وسلم من المواظبة، إلا خشيةُ أن تُفرض على أمته، فلمّا علم عمر ذلك منه، وعلم أن الفرائض لا يزاد فيها ولا ينقص منها بعد موته صلى الله عليه وسلم، أقامها للناس وأحياها، وأمر بها"؛
ท่านอุมัรไม่ได้กำหนดแบบอย่างจากดังกล่าวนั้น นอกจากสิ่งที่ท่านนบี ศ็อลฯได้กำหนดมันให้เป็นแบบอย่างเอาไว้ และท่านชอบมันและพอใจมัน ไม่มีสิ่งใดห้ามไม่ให้ท่านนบี ศ็อลฯปฏิบัติ นอกจาก การกลัวว่า มันจะถูกกำหนดให้เป็นข้อบังคับให้แก่อุมมะฮ เมื่อท่านอุมัร ได้รู้ ดังกล่าวนั้นจากท่านนบี และเขารู้ว่า แท้จริงบรรดาสิ่งที่เป็นฟัรดูนั้น จะเพิ่มเติมในมันและทำให้บกพร่องจากมันไม่ได้ หลังจากการเสียชีวิตของท่านนบี ศ็อลฯ เขา(ท่านอุมัร)จึงได้ปฏิบัติมัน นำบรรดาผู้คน,ได้ฟื้นฟูมัน และได้สั่งด้วยมัน- ฟะตาวาอัสสุบกีย์ 1/618
.............
สรุป
การละหมาดตารอเวียะในรูปแบบญะมาอะฮ คือสิ่งที่ท่านนบี ศ็อลฯได้ทำแบบอย่างเอาไว้และท่านอุมัรเป็นผู้ฟื้นฟูแบบอย่างที่ท่านนบีทำไว้ ไม่ใช่ท่านอุมัรคิดบิดอะฮขึ้ามาใหม่
อะสัน หมัดอะดั้ม
16/4/63 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sun Apr 19, 2020 12:11 am ชื่อกระทู้: ความหายนะที่เกิดจากการฟุ่มเฟือยไม่ประมาณตนของมนุษย์ |
|
|
ความหายนะที่เกิดจากการฟุ่มเฟือยไม่ประมาณตนของมนุษย์
ในคำสอนอิสลามและหัวใจเศรษฐกิจอิสลามคือการประหยัด
จะเห็นได้ว่า ในคำสอนอิสลามนั้น คำว่า "เศรษฐกิจ "มาจากภาษาอาหรับว่า อัลอิกติศอด (الاقتصاد ) แปลว่า ประหยัด ,ปานกลาง
ในภาษาอังกฤษ คือ economy ซึ่งหมายถึง เศรษฐกิจ,การประหยัด เช่น คำว่า economy class ซึ่งหมายถึง ชั้นโดยสารแบบประหยัด (โดยเฉพาะเครื่องบิน)
พระเจ้าสร้างทรัพยากรต่างๆ มาอย่างสมดุลย์ กับความต้องการของมนุษย์แล้ว ไม่ว่าจะบนบก และในน้ำ แต่มนุษย์ ใช้มันแบบล้างผลาญ เผาพลาญ ฟุ่มเฟือยฟุ้งเฟ้อ ความหายนะทางเศรษฐกิจจึงเกิดขึ้น จะโทษพระเจ้าได้อย่างไร แต่จงโทษตัวเอง
พันกว่าปีแล้วที่อัลลอฮตาอาลาสอนและเตือนไว้แล้วว่า
وَلَا تَجْعَلْ يَدَكَ مَغْلُولَةً إِلَىٰ عُنُقِكَ وَلَا تَبْسُطْهَا كُلَّ الْبَسْطِ فَتَقْعُدَ مَلُومًا مَّحْسُورًا
และอย่าให้มือของเจ้าถูกตรึงอยู่ที่คอของเจ้า และอย่าแบมันจนหมดสิ้น มิฉะนั้นเจ้าจะนั่งอยู่ในสภาพ ผู้ถูกประนาม เศร้าโศกเสียใจ- อัลอิสรออ/29
...................
1.คำว่า "และอย่าให้มือของเจ้าถูกตรึงอยู่ที่คอของเจ้า" หมายถึง อย่าตระหนี่ขี้เหนียว เพราะการขี้เหนียว คือการปิดกั้นความเมตตาอัลลอฮ และเป็นอุปสรรค์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ไม่มีการกระจายรายได้
2.คำว่า " และอย่าแบมันจนหมดสิ้น หมายถึง อย่าฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย
แล้ว อัลลอฮ ตาอาลา บอกผลที่เกิดคือ
فَتَقْعُدَ مَلُومًا مَّحْسُورًا
มิฉะนั้นเจ้าจะนั่งอยู่ในสภาพ ผู้ถูกประนาม เศร้าโศกเสียใจ
เป็นไง ? ผลของการฟุ่มเฟือยสุรุ่ยสุร่าย ที่พระเจ้าบอกและเตือน เมือ 1,441 ปีที่ผ่านมา มันสมจริงแล้วใช่ไหม?สมน้ำหน้าตัวเองกันเถิดมนุษย์เอ๋ย
อะสัน หมัดอะดั้ม
16/4/63 _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|