ฮิกมะห์ อนุสติเตือนใจ
วัน อังคาร 23 ธ.ค. 03 @ 00:00
หัวข้อ: จริยธรรมอิสลาม



โดย อ.อับดุลลอฮ์ สุไลหมัด

ฮิกมะฮ์ ตามประมวลศัพท์จากพจนานุกรม, ปทานุกรมและตำราอภิธานศัพท์ทั้งหลายได้ระบุว่า “ฮิกมะฮ์” ตามความเดิมจะหมายถึง “ลักษณะของความถูกต้องตามกาลเทศะ” หรือ “การจัดวางวัตถุตามจุดหรือตำแหน่งอย่างถูกต้องและเหมาะสม" แต่สำหรับนักภาษาศาสตร์ โดยเฉพาะกลุ่มวรรณคดีอาหรับและโวหารศาสตร์ได้ให้ความหมาย “ฮิกมะฮ์” ตามหลักภาษานิยมว่า “ฮิกมะฮ์” หมายถึง ถ้อยคำหรือข้อความ, ประโยคคำพูดทั้งร้อยแก้วและร้อยกรองที่มีคติข้อคิด ซึ่งเป็นมรรคผลหรือความสำเร็จรูปทางวิทยปัญญาหรือประสบการณ์ชีวิต


ฉะนั้นเราจึงอาจเรียกคำว่า “ฮิกมะฮ์” เป็นภาษาไทยง่าย ๆ ว่า “พจนคติ” หรือ “อนุสติเตือนใจ” หรือถ้าจะให้เรียกง่ายกว่านั้นก็คือ “สุภาษิต” ข้อความที่ข้อคิดมีคติสอนใจนั่นเอง

ฮิกมะฮ์ อนุสติเตือนใจหรือถ้อยความนำทางที่เป็นวิทยญาณแห่งโวหารของภาษาอาหรับมีปรากฎอยู่ในพระดำรัสของอัลลอฮ์และพระวจนะของท่านรอซูลุลลอฮ์ ตลอดจนมีปรากฏในบทกวีและคำพังเพยหรือสุภาษิตอาหรับอย่างมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพจนคติที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการใช้ชีวิตประจำวันของอิสลามมิกชนและประชาชนทั่วไป และต่อไปนี้ขอนำเสนอ ฮิกมะฮ์ ที่มีเนื้อหาถูกต้องและสอดคล้องกับสุภาษิตและคำพังเพยของไทย ซึ่งจะช่วยทำให้เข้าใจเป้าประสงค์ของ ฮิกมะฮ์ นั้นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

ฮิกมะฮ์ จากอัลกุรอาน


قَالَ اللهُ تَعَالَى اَْلآنُ حَصْحَصَ الْحَقّ

“บัดนี้.. ความจริงทั้งหมดได้ปรากฏชัดแล้ว” จากบทยูซูฟ โองการที่ 51


เนื้อความของโองการข้างต้นมีความเป็นมาอยู่ว่า หลังจากที่นางสุไลคอ ซึ่งมีฐานะเป็นภริยาของท่านผู้ว่าฯ ซึ่งเป็นเจ้าของเรือนที่ยูซุฟอาศัยอยู่ด้วย ได้พยายามที่จะใช้เล่ห์เพทุบายต่าง ๆ นานายั่วยวนให้ยูซุฟทุกรูปแบบ ความคิดอันชั่วร้ายของนางจึงต้องยุติลง แต่เรื่องราวกลับบานปลายในที่สุด นางจึงต้องยอมรับและสารภาพออกมาโดยดีว่า นางเองนั้นเป็นฝ่ายวางแผนโดยทำตัวยั่วยวนอารมณ์และให้ท่ากับยูซุฟมาตลอด และนี่ก็คือคำสารภาพของนาง “บัดนี้ ... ความจริงทั้งหมดได้ปรากฏชัดแล้ว” คล้ายกับนางจะบอกว่าอุตส่าห์ปิดบังอำพรางมาตั้งนาน ในที่สุดเรื่องที่เป็นความลับก็ต้องเปิดเผยออกมา

จากเนื้อความโดยสรุป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโอกงการที่กล่าวมาข้างต้น จัดได้ว่าเป็นพจนคติที่เหมือนจะเป็นนิทรรศอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้เพราะว่าโลกมนุษย์กับความเปลี่ยนไปนี้เองทำให้มนุษย์รู้จักแต่คำว่าอิสระและความเห็นแก่ตัว จนทำให้มีบางคนบางกลุ่มพัฒนาและสรรหาอพฤติกรรมและรูปแบบความชั่วร้ายนานาชนิด และในโอกาสเดียวกันก็พยายามที่จะปกปิดอำพราง หรือกลบเกลื่อนความผิดบาปของตัวเอง สร้างข้อมูลพยานหลักฐานเท็จเพื่อตัวเองจะได้พ้นความผิดและสะอาดบริสุทธิ์ไร้มลทิน แต่ในความจริงแล้ววงจรอุบาทว์ทั้งหลายแหล่ที่อุบัติขึ้นมานั้น ล้วนแล้วต้องมีตราบาปที่คอยฟ้องตัวมันเองอยู่ตลอดเวลา เช่น ฆาตกรฆ่าคนตายย่อมไม่มีความเป็นปกติสุขในการดำเนินชีวิต กระวนกระวายกลัวและระแวงว่าจะมีคนล่วงรู้หรือสืบรู้ความลับของตน และความกระวนกระวายนี่แหละคือพิรุธที่จะฟ้องให้คนรอบข้างรู้ว่าเขาคือฆาตกร วันนี้สังคมอาจจะยังไม่รู้ แต่วันข้างหน้าสังคมจะต้องรู้อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะพยายามปกปิดหรืออำพรางซ่อนเร้นมากน้อยเพียงใดก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกระทงความผิดที่อุกฉกรรจ์ร้ายแรง

ถ้อยความข้างต้นนี้น่าจะใกล้เคียงและตรงกับสุภาษิตไทยบทหนึ่งที่ว่า “ช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวปิดไม่มิด” แน่นอนทีเดียวมันย่อมปิดไม่มิดหรอก อย่าว่าแต่ใบบัวเลย ต่อให้ใช้ใบตาลก็ปิดไม่มิด เพราะสักวันช้างตายตัวนั้นต้องพองอืดส่งกลิ่นเน่าเหม็นฟ้องความตายของมันในที่สุด แต่ถ้าจะให้ใกล้เคียงอีกนิดก็คงจะตรงกับคำพังเพยไทยบทที่ว่า “น้ำลดตอผุด”

จาก “ฮิกมะฮ์” ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้นสอนให้เรารู้ว่า การกระทำความผิดเล็ก, ใหญ่ หรือมากน้อยเพียงใดก็ตาม ผู้กระทำความผิดกระทงนั้น ๆ อย่าลืมว่าความผิดที่ตัวเองทำและพยายามปกปิดนั้นมันคือตราบาปที่จะคอยฟ้องใจต้องเองยันวันตาย และสักวันหนึ่งสังคมรอบข้างก็จะต้องรับรู้ความผิดนั้น ๆ อย่างแน่นอน และในที่สุดก็คงจะต้องขอยืมคำพูดของนางสุไลคอมาใช้ในที่สุด ..... และก่อนอื่นใดทั้งสิ้น พระผู้ทรงยิ่งด้วยเดชานุภาพนั้นทรงรู้เห็นเราและรู้เห็นพฤติกรรมการกระทำของเราทั้งหมดด้วย ทรงรู้ก่อนที่พวกเราจะลงมือทำเสียอีก แล้วไฉนเลยเราจึงยอมจุ่งจมตัวของเราอยู่กับความชั่วร้ายและพฤติกรรมอุบาทว์ทั้งหลาย เราพอใจหรือกับการทรยศองค์พระผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงบันดาลสร้างเราขึ้นมาเพื่อจงรักและสวามิภักดิ์ต่อพระองค์ พวกเราจงมาใคร่ครวญและทบทวนให้ดีและถี่ถ้วนเถิด

โปรดติดตาม “ฮิกมะฮ์ อนุสติเตือนใจ” จากพระวจนะของท่านรอซูลุลลอฮ์ในตอนต่อไป







บทความนี้มาจาก Moradokislam.org
http://www.moradokislam.org

URL สำหรับเรื่องนี้คือ:
http://www.moradokislam.org/modules.php?name=News&file=article&sid=8