ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - มุหัรรอม ฮิจญเราะฮฺศักราช 1429
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
มุหัรรอม ฮิจญเราะฮฺศักราช 1429
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sat Jan 19, 2008 10:50 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

BilalThai บันทึก:
asan บันทึก:

اذا ثبتت الرؤية في بلد وجب على المسلمين الالتزام بها ولا عبرة باختلاف المطالع لعموم الخطاب بالامر بالصوم والافطار
เมื่อได้รับการยืนยันการเห็นเดือน(เสี้ยว)ในเมืองหนึ่งเมืองใด ก็จำเป็นแก่บรรดามุสลิมจะต้องยึดถือปฏิบัติด้วยมัน และไม่มีการพิจารณาถึงความแตกต่างการขึ้นของจันทร์เสี้ยว(อิคติลาฟุลมะฏอลิอฺ) เพราะคำสั่งได้กล่าวโดยรวม ให้ถือศีลอดและการละศีลอด (


ที่บ้านของผม มีคนกลุ่มหนึ่งทำตามอย่างข้อความข้างต้นทุกประการ ผลปรากฏว่า จากวันเริ่มต้นถือศีลอด และวันอีด นับถือศีลอดได้ 28 วัน

ในชีวิตพวกเขาเก่งมากในเรื่องตรวจสอบข่าวการดูเดือนของต่างประเทศ แต่ในชีวิตทั้งชีวิตพวกเขาไม่เคยได้ออกไปดูเดือนในวันที่ 29 แม้สักครั้งเดียว

.......
ผมอยากจะให้คุณ BilalThai นำเสนอทัศนะด้วยการอ้างอิงหลักฐาน ไม่ใช่ประชดประชัน ผมเองก็ไม่ได้โจมตีว่า ผู้ที่มีทัศนะแตกต่างในกรณีนี้ชั่วร้าย เพราะประเด็นนี้เป็นการเข้าใจตัวบทที่แตกต่างกัน ผมอยากให้คุณตอบคำถามของคุณอะสุกะ ที่ว่า
คำพูด:
ตกลงอิบนุอับบาสตามหะดีษกุเรบ ยึดตามมะฏอลิอฺ หรือตามเขตแคว้นกันแน่ เพราะตามสภาพภูมิศาสตร์ เมืองมาดีนะฮฺกับดะมัสกัสเวลาต่างกันแค่ 13 นาทีกว่าๆเอง และอยู่ในมะฏอลิอฺเดียวกันด้วย

.......
เพราะคุณมีทัศนะที่แบ่งโซนไม่ใช่หรือ?

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
BilalThai
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 10/01/2008
ตอบ: 17


ตอบตอบ: Sun Jan 20, 2008 12:23 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Asan อ้างคำถามของคุณอะสุกะ “ตกลงอิบนุอับบาสตามหะดีษกุเรบ ยึดตามมะฏอลิอฺ หรือตามเขตแคว้นกันแน่ เพราะตามสภาพภูมิศาสตร์ เมืองมาดีนะฮฺกับดะมัสกัสเวลาต่างกันแค่ 13 นาทีกว่าๆเอง และอยู่ในมะฏอลิอฺเดียวกันด้วย” ….. เพราะคุณมีทัศนะที่แบ่งโซนไม่ใช่หรือ

BilalThai (ผมก็ไม่แน่ใจว่าเขาถามผมโดยตรงหรือเปล่า) แต่ก็ขอตอบ :

ต้องขอทำความเข้าใจใหม่ เวลาผมพูดถึงหะดีษกุรอยบ์ ผมพูดเพียงว่าท่านอิบนิ อับบาส ยืนยันว่า ตัวท่านและชาวเมืองมะดีนะฮฺในขณะนั้นเองก็ดูเดือน ท่านยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนกำหนดเดือนรอมฎอนของมะดีนะฮฺ ให้เป็นไปตามรอมฎอนของดามัสกัส พร้อมพูดตัดบทไปว่า ท่านนบีใช้ให้ถือบวชให้ครบ 30 วัน หรือ 29 วันถ้าเห็นเดือน ลองกลับไปอ่านสิ่งที่ผมเขียนสิครับ ผมเอง “ไม่ได้อ้าง” เรื่องหะดีษกุรอยบ์เข้ากับการแบ่งโซนหรือการกำหนดมะฏอลิอฺที่เกิดขึ้นในสมัยปัจจุบันเลย !!!

ผมเข้ามาแสดงความคิดเห็นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ “บทความ” ของอาจารย์ท่านหนึ่ง ที่คุณวิทยากรทำลิ้งค์ไว้ต่างหาก ผมแย้งในประเด็นว่า การอธิบายคำพูดของอิบนิ อับบาสด้วยหะดีษเรื่องพยาน 2 คนนั้นไม่น่าจะถูกต้อง เพราะเมื่อดูปริบทของหะดีษไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับประเด็นพยาน หรือไม่ว่าจะด้วยเรื่องความน่าเชื่อถือของตัวกุรอยบ์เอง ผมยังตัดข้อความของเชค ริฎอ มาอ้าง และตั้งคำถามในส่วนที่เกี่ยวกับหะดีษที่ท่านนบี ศ็อลฯ สอบถามอาหรับชนบทเรื่องการเห็นเดือน เพราะผมไม่มีตัวบทของหะดีษนี้ ผมจึงถามว่า ใครพอมีตัวบทหะดีษนี้ไหม เพราะผมอยากรู้ว่า อาหรับชนบทนั้นมีกี่คน ถ้าหนึ่งคน ประเด็นเรื่องต้องมีพยาน 2 คนในหะดีษกุรอยบ์ก็น่าจะตกไปได้

ผมยังได้พยายามทำความเข้าใจ “ทิศทางของบทความ” ดังกล่าวว่าจะนำไปในทางใด และผมได้เขียนความเข้าใจของผมไปแล้ว แต่ก็ไม่มีคำตอบจากบุคคลอื่น ตรงนี้ต่างหากที่ผมพูดถึงการ “แบ่งเขต” ในถ้อยคำว่า ถ้าเข้าใจตามบทความดังกล่าวก็หมายความว่า เห็นเดือนเพียงจุดเดียว หรือรับข่าวการเห็นเดือนที่จุดเดียว สอบสวนถูกต้องแล้ว ปฏิบัติตามได้ทั่วโลกใช่ไหม? โดยไม่ต้องมีพรมแดนแดน ไม่มีประเทศ ไม่มีมะฏอลิอฺเข้ามาเกี่ยวข้อง เข้าใจอย่างนี้ถูกต้องไหม? ประเด็นนี้ผมถามโยง “ความเข้าใจที่ผมมีต่อบทความ” นั้นเท่านั้น

ผมไม่ได้เรียนศาสนาโดยตรง และก็ไม่ได้รอบรู้ศาสนาอย่างลึกซึ้งอะไร สำหรับเรื่อง การกำหนดมัฏละอฺและการแบ่งโซนนั้นผมยังเรียนไม่ถึง ผมยอมรับว่า “ผมไม่รู้ว่า” หลักฐานจากอัล-กุรฺอานและหะดีษสนับสนุนมัฏละฮฺตรงๆ นั้นมีหรือไม่ ต้องให้ผู้รู้ท่านอื่นตอบ

แต่ผมก็เข้าใจได้ว่า ในความรู้สึกนึกคิดของคนในสมัยเมื่อ 1300-1400 ปีก่อน แนวคิดเรื่องมัฏละฮฺมันคงยังไม่มี มันน่าจะเป็นการพัฒนาและการหาทางออกของปัญหาทางวิชาการในระยะหลังมากกว่า(ความเห็นส่วนตัวนะ) แต่ผมก็กล้าบอกได้ว่า สำหรับคนในสมัยท่านอิบนิ อับบาส ความแตกต่างระหว่างมะดีนะฮฺกับดามัสกัสมันมากมาย เราจะเอาความรู้สึกปัจจุบันไปวัดไม่ได้ เพราะสมัยก่อนยังต้องขี่อูฐ เดือนรอนแรมหลายสิบวันอย่างยากลำบาก เฉพาะระหว่างมักกะฮฺกับมะดีนะฮฺก็เหมือนกัน จะพูดว่าเวลาต่างกันแค่ 13 นาทีไม่ได้ สมัยนั้นมันเหมือนคนละแผ่นดินกันเลย คือมันไกล ไกลจริงๆ ไกลเหมือนคนละโลก

ผมไม่เห็นด้วยที่จะนำ concept สมัยใหม่ไปจับบุคคลในอดีต ผมพยายามที่จะมองคนในอดีตด้วยสภาพและความรู้สึกของเขาเอง ตรงนี้ผมยังยืนยันว่า ท่านอิบนิ อับบาสเองก็คิดว่า ดามัสกัสเหมือนคนละแผ่นดินแล้วสำหรับท่าน ดังนั้น ท่านจึงยืนยันว่า มะดีนะฮฺต้องดูเดือนเอง กำหนดเดือนรอมฎอนเอง จะ 29 หรือ 30 ก็ขึ้นกับการดูเดือนเชาวาลในมะดีนะฮฺ ที่ดามัสกัสไม่เกี่ยว

ผมไม่ได้นำ concept ของคำว่า มัฏละอฺ , มะฏอลิฮฺ หรือการแบ่งโซนไปยัดเยียดให้กับท่านอิบนิ อับบาส ซึ่งผมเชื่อว่า “น่าจะ” เป็นพัฒนาการที่เกิดขึ้นในภายหลัง เรื่องนี้ให้คนที่เขารู้แจงแจกต่อก็แล้วกันนะครับ

ผมแค่กำลังเรียนเรื่องดาราศาสตร์, การดูเดือนและการคำนวณระดับอนุบาลเท่านั้น จริงๆ ครับท่าน !!!
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sun Jan 20, 2008 1:18 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอะลัยกุมทุกท่าน
คุณโอสุกะ และอ.อะสาน
ที่ท่านได้อ้างว่ามัฏละฮฺว่าจะแยกได้ไงในเมื่อดิมัชกัส กับมะดีนะฮนั้นใกล้เพียง 1200-1300
กม. ฮิลาลปรากฏไม่ต่างกันมาก ให้เรามาดูไทยกับพม่า นั้นชิดติดกันใกล้ยิ่งกว่า มะดีนะฮฺกับดิมัชก
ท่านโอสุกะ ลองอธิบายหะดีษที่ว่าให้หน่อยครับ
ท่านนบีฯ Solallah กล่าวว่า ลาตะศูมู หัตตาตะเราวุลฮิลาล
لا تصوموا حتي تروالهلال
อย่าละศีลอดจนกว่าท่านจะเห็นฮิลาล เราอย่านับวันใหม่หรือเข้าวันใหม่จนกว่าเราจะเห็นจันทร์เสี้ยวใหม่เสียก่อน
ท่านอับดุลลอฮฺบินอับบาสตามคำสั่งท่านเราะสูลุลลอฮฺ
และผมก็เอาแบบอย่างที่ศอหาบะฮฺมาใช้ และมาบอกว่าแบบนี้คือวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
การปฏิบัติตามสุนนะฮฺท่านจะไปหาเรื่องหลีกเลี่ยงไปทำไม

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Sun Jan 20, 2008 3:08 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณโอสุกะถามว่า
ตกลงอิบนุอับบาสตามหะดีษกุเรบ ยึดตามมะฏอลิอฺ หรือตามเขตแคว้นกันแน่ เพราะตามสภาพภูมิศาสตร์ เมืองมาดีนะฮฺกับดะมัสกัสเวลาต่างกันแค่ 13 นาทีกว่าๆเอง และอยู่ในมะฏอลิอฺเดียวกันด้วย
*************
ท่านนบีฯ กล่าวว่า ลาตะศูมู หัตตาตะเราวุลฮิลาล และอย่าละศีลอด(นับขึ้น1ค่ำเชาวาล)จนกว่าจะเห็นมันจันทร์เสี้ยวฮิลาล
لا تصوموا حتى تروا الهلال، ولا تفطروا حتى تروه؛ فإن غُم عليكم فاقدروا له » ؟
ระยะทางที่กุเรบเดินทาง 2-3อาทิตย์ ท่านยังจะให้รวมวันเดียวกันให้ได้
แล้วย้อนไปดูคำตอบของผมเมื่อเดือนก่อนสิครับว่า ซามัวกับ ตองก้า เขาจะใกล้กว่ากันมั้ย

http://www.moradokislam.org/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=786&postdays=0&postorder=asc&start=45

ในตอนฤดูหนาวดวงจันทร์อยู่ทางใต้ เพราะแกนของโลกปัดเอียง
ชาวชามซีเรียก็มีโอกาศเห็นฮิลาลหลังมะดีนะฮฺ
ถ้าหากกุเรบเดินทางไปดะมัชกัส บอกมุอาวียะ ศอหาบะฮ์ที่ซีเรียก็จะไม่ตามชาวมะดีนะฮ
และเขาก็จะบอกอย่างเดียวกันกับที่อิบนุอับบาสบอก เราไม่ตามหรอกเพราะเราจะดูเดือนบ้านเรา
และแบบนั้แหละที่เราะสูล Solallah สั่งใช้เรา.. ชาวชามเราก็จะหาวันต้นเดือนของเรา ท่านอยู่มะดีนะฮฺ
ก็ดูฮิลาลเพื่อเริ่มวันต้นเดือนของท่าน...
ลองนึกกันดูว่า แต่ละประเทศแต่ละเมืองก็มีวันขึ้นต้นเดือนของตนเอง เมืองไทยเราก็มีวันขึ้นต้นเดือนของเรา อินเดีย ปากิสตาน บังกลาเดส ก็มีวันขึ้นหนึ่งค่ำของเขา
แต่ละประเทศเขาจะเริ่มขึ้นเดือนใหม่เมื่อเขาเห็นจันทร์เสี้ยวในบ้านเมืองของเขา
แต่ อุละมาไทยเก่งกว่าเยอะ จีนเห็นก็ไปนับขึ้นต้นวันตามจีนด้วย
ที่อรับเห็นก็ไปตามเดือนของอรับ
อเมริกาเห็นก็น่าจะตามด้วย รับรองว่าวันของอุละมาไทยดูไม่จืดแน่
ต้องนั่งฟังข่าววิทยุโทรทัศน์กันยันดึกยันสว่าง แล้วประเทศจีน อรับอเมริกาเขาไม่สนใจจะนับตามฮิลาลบ้านเราเลย
ทำไมเราไปละเมิดมองข้ามสุนนะฮที่เรียบง่าย ที่คนธรรมดาสามัญก็ทำได้โดยช่วยกันดูตอนค่ำ30
ไม่ต้องใช้วิทยุ โทรศัพท์ ถ้าศาสนาต้องไปยึดถือเทคโนโลยี ทันสมัย พวกเราก็กลายเป็นพวกที่ดูถูกดูแคลน ประชาชาติตัวอย่างชนรุ่นแรกที่ไม่เจริญทางวิทยาศาสตรฺเทคโนโลยี่ อย่าว่าแต่ วิทยุเลยที่ บรรดาเศาะหาบะฮฺจะมี แม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ยังอัตคัต คอลีฟะฮอบูบักรอัศศิดดีกผู้ที่ซื่อสัตย์ที่สุด ท่านสวม ใส่เศษผ้าที่เอามาเย็บต่อๆกันเป็นเหมือนกระสอบแล้วตัดเป็นช่องสวมหัว คอลีฟะอุมัร ค้อฏฏอบ สวมเสื้อผ้าขาดปะเต็มตัวขณะที่เป็นตัวเทนไปรับมอบเมืองยะรุสะลิม ท่านเหล่านี้ถูกรับรองเรื่องได้รับสวนสวรรค์ เพราะท่านเหล่านั้นปฏิบัติแบบอย่างง่ายๆกัดสุนนะฮด้วยฟันกราม
แต่น่าอนาถใจใยพวกเราที่อ้างว่าจะทำตามแบบอย่างสุนนะฮฺกลับได้ดูถูกดูแคลนวิธีการง่ายๆเรียบๆตามวิธีของบรรดาสหายของเราะสูล Solallah เราจะเป็นจะตายให้ได้ถ้าไม่ตามเดือนของสะอูดี
แล้วทั่งๆที่จะตามก็ตามไม่ถูกวัน กลับไปล้ำหน้าหนึ่งวันตลอด เพราะไม่ยอมเรียนรู้วิถีโคจรของดวงจันทร์ ว่าวนรอบโลกอย่างไร และไม่เรียนรู้ว่าวันดวงจันทร์ที่นับช่วงเวลามัฆริบ กลับไปเอาวันแบบสากลคืนเดียวกันที่ฝรั่งมาบอก ..........

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
BilalThai
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 10/01/2008
ตอบ: 17


ตอบตอบ: Sun Jan 20, 2008 8:04 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation

หลังจากพูดคุยกันมาพอสมควรแล้ว จากทัศนะของผู้ดูกระดานข่าว สรุปได้ว่า ไม่มีหลักฐานจากทั้งอัล-กุรฺอานและหะดีษที่สามารถถือเป็นข้อสนับสนุนแนวความคิดเรื่องการแบ่งโซนดูเดือน(มะฏอลิอฺ) แม้กระทั่งหะดีษกุรอยบ์ก็ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะนำมาอ้างสนับสนุน เพราะหะดีษดังกล่าวเป็นเพียงการวินิจฉัยส่วนตัวของเศาะหาบะฮฺท่านหนึ่งเท่านั้น ไม่มีผลผูกมัดในทางศาสนา คำพูดของอิบนิ อับบาสในหะดีษดังกล่าวเองที่ว่า “ไม่ อย่างนี้แหละที่ท่านรสูลเคยสั่งใช้พวกเรา” ก็ยังมีความหมายไม่ชัดเจนว่า คำว่า “อย่างนี้แหละ” หมายถึงอะไร?

ผู้ดูกระดานข่าวยืนยันหลักฐานด้วยหะดีษอื่นๆ โดยตีความจากคำว่า “ท่านทั้งหลาย” ซึ่งหมายถึงมุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติตามบรรทัดฐานเดียวกัน นั่นคือถ้าเห็นหิลาล(ของเดือนรอมฎอน) ก็ต้องถือศีลอด และถ้าเห็นหิลาล(ของเดือนเชาวาล) ก็ให้เลิกถือศีลอด ไม่ว่าจะเห็นหิลาล ณ ที่ใดในโลก หรือแม้เพียงที่เดียวก็บังคับใช้กับมุสลิมทุกคนได้ทั่วโลก โดยปราศจากขอบเขตของดินแดน, ประเทศ, ภูมิภาค หรือเขตแดนใดๆ ที่มนุษย์ทำขึ้น ถ้ามุสลิม ณ สถานที่หนึ่งทราบว่ามุสลิมที่อื่นเห็นฮิลาล แม้ว่าจะอยู่ห่างกันเป็นพันๆ ไมล์ก็ต้องปฏิบัติศาสนกิจไปตามข้อมูลการเห็นฮิลาลนั้น

สรุปว่า หลักฐานมีแต่สนับสนุนการปฏิบัติในสิ่งที่ปัจจุบันเรียกว่า วะฮฺดะตุ้ล มะฏอลิอฺ ให้ถือตามรายงานการเห็นฮิลาลจากสถานที่แรก สถานที่เดียวที่ผ่านการตรวจสอบว่าถูกต้องน่าเชื่อถือ ไม่ว่ารายงานนั้นจะมาจากแผ่นดินใด หรือประเทศใดก็ตาม ต่อไปนี้ผมจะเรียกว่า “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” สั้นๆ เพื่อให้เข้าใจว่าผมกำลังพูดถึงหลักการนี้

ถ้าว่านี่คือความเข้าใจหลักการศาสนาที่ถูกต้องเกี่ยวกับการดูฮิลาลและการกำหนดเดือนแล้ว ผมขอตั้งคำถามให้ผู้ดูกระดานข่าวช่วยชี้แจงดังต่อไปนี้ :

1. คุณได้อธิบายหะดีษกุรอยบ์ไปตามการตีความของอุละมาอฺที่คุณอ้างมาว่าอิบนิ อับบาสต้องมีความคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” อย่างแน่นอน ผมขอหลักฐานที่เป็นรายงานการปฏิบัติของเศาะหาบะฮฺท่านอื่นๆ ตลอดจนบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ของเศาะหาบะฮฺว่าท่านอื่นๆ ปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เหมือนหรือต่างกับของท่านอิบนิ อับบาส ต้องการทราบเฉพาะชนในยุคแรกที่เรียกกันว่า “สลัฟ” เท่านั้นนะครับ
2. ขอทราบบันทึกหรือรายงานเกี่ยวกับการเห็นฮิลาลและการกำหนดเดือนของเมืองสำคัญต่างๆ ในยุคต้อนๆ ของประวัติศาสตร์อิสลามเรื่อยมาจนถึงสมัยของเจ้าของมัซฮับทั้งสี่(ท่านอิมามหะนะฟีย์, มาลิกี, ชาฟิอี และฮัมบาลี)ว่าเมืองสำคัญๆ ในอาณาจักรอิสลามสมัยนั้นปฏิบัติกันอย่างไร และชนชาวมุสลิมในสมัยนั้นเข้าใจ “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” อย่างที่คุณอธิบายมาหรือไม่ เมืองหนึ่งปฏิบัติตามการเห็นฮิลาลของอีกเมืองหนึ่งหรือไม่
3. ในยุคของบรรดาเศาะหาบะฮฺ และยุคของชนรุ่นที่สอง ซึ่งเป็นยุคต้นของอิสลามนั้น (ยุคสลัฟ) ได้ปรากฏว่ามีบันทึกหรือรายงานเกี่ยวกับการแจ้งข่าว หรือการจัดให้มีการสื่อสารเพื่อแจ้งรายงานการเห็นฮิลาลระหว่างเมืองต่างๆ หรือไม่ เช่นระหว่างเมืองมักกะฮฺ, บัสเราะฮฺ, กูฟะฮฺ, ดามัสกัส ฯลฯ มีการส่งม้าเร็ว หรือสัญญาณอื่นใดเพื่อการนี้หรือไม่?

ผมกระหายใคร่ที่จะได้รับทราบคำตอบตามคำถามข้างต้น หวังว่าคงจะกรุณาตอบให้ทราบด้วยดี ขณะเดียวกัน ผมขอพูดถึงความเห็นของผมต่อไปว่า :

ผมอ่านหนังสือและบทความในอินเทอร์เน็ตที่เป็นภาษาอังกฤษจากหลายๆ แหล่งพบว่า ข้อมูลอันประกอบด้วยบันทึกหรือรายงานที่จะสนับสนุนแนวความคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” ตามคำถามทั้งสามข้อนั้นไม่มีอยู่ในหนังสือเล่มใดๆ แสดงว่าชนมุสลิมในยุคแรกเข้าใจหลักการดูฮิลาลและการกำหนดเดือนไม่เหมือนแนวคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” ตามที่กล่าวอ้างกัน และถ้าจะนับทัศนะของอุละมาอฺสำคัญๆ ในยุคแรกของอิสลาม (ไม่เกิน ฮ.ศ. 400 ) กล่าวได้ว่ามีมากมายหลายท่านที่สนับสนุนให้เมืองต่างๆ หรือ “ท้องถิ่น” ดูเดือนเสียมากกว่า

เมื่อผู้คนทั่วไปปฏิบัติค้านกับแนวความคิดที่เรียกว่า “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” แล้ว นี่อาจจะมีความจำเป็นบางอย่างที่ทำให้แนวความเรื่อง “มัฏละอฺ” หรือการแบ่งโซนถูกพัฒนาขึ้นมาโดยนักคิดและนักปราชญ์ยุคต้นตอนปลาย ยุคกลางและยุคหลัง เพื่อแก้ไขปัญหาและความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในทางปฏิบัติ และขณะเดียวกันก็ไม่ได้มีหลักฐานใดๆ มาสนับสนุนว่า มีการฟูมฟักและบ่มเพาะแนวความคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” ให้พัฒนาขึ้นมาเลยตลอดประวัติศาสตร์ของอิสลาม (จนกระทั่งเมื่อไม่กี่สิบปีที่ผ่านมา)

แนวความคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” จะพัฒนาขึ้นมาได้อย่างไร ในเมื่อมันแนวความคิดที่ปฏิบัติไม่ได้ในยุคสมัยก่อน คำถามก็คือ อิสลามบัญญัติ “ข้อบังคับทางศาสนา” ที่ผู้คนปฏิบัติไม่ได้ในความเป็นจริงได้อย่างไร เช่น ถ้าค่ำวันที่ 29 เดือนชะอฺบาน เมืองมักกะฮฺเห็นฮิลาล จะแจ้งให้เมืองอื่นๆ ถือศีลอดในวันรุ่งขึ้นทันได้อย่างไร เมืองอื่นๆ ก็อยู่ในภาวะเดียวกัน จะขี่อูฐ หรือขี่ม้าไปแจ้งข่าวให้มันทันการได้อย่างไร อัลลอฮฺ (سبحانه وتعالى) มิได้ทรงบัญญัติภาระหนักที่เกินกว่าความสามารถที่มนุษย์จะแบกรับได้มิใช่หรือ?

การสื่อสารอย่างรวดเร็ว เพราะการพัฒนาทางเทคโนโลยี่ที่ล้ำสมัยทำให้มนุษย์สามารถส่งข่าวได้อย่างรวดเร็ว ระดับวินาที เป็นสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นในระยะ 50 ปีที่ผ่านมานี้เอง อินเทอร์เน็ต โทรศัพท์ทางไกลระหว่างประเทศ การส่งแฟกซ์และเทเล็กซ์ ทำให้การสนทนาหรือส่งข่าวทวีป และข้ามโลกเป็นไปได้ในยุคปัจจุบัน แต่เราจะพูดถึงหลักการที่ถูกบัญญัติขึ้นเมื่อ 1,400 ปีกว่ามาแล้วอย่างไร แนวคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” ยังมิได้ถูกบังคับใช้ในสมัยก่อน แต่เพิ่งจะมาถูกบังคับใช้ในสมัยปัจจุบันกระนั้นหรือ? แล้วใครเป็นผู้ปรับเปลี่ยนมัน และปรับเปลี่ยนมันบนพื้นฐานอะไร?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Jan 20, 2008 11:31 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

BilalThai บันทึก:
Exclamation
ผมขอตั้งคำถามให้ผู้ดูกระดานข่าวช่วยชี้แจงดังต่อไปนี้ :
1. คุณได้อธิบายหะดีษกุรอยบ์ไปตามการตีความของอุละมาอฺที่คุณอ้างมาว่าอิบนิ อับบาสต้องมีความคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” อย่างแน่นอน ผมขอหลักฐานที่เป็นรายงานการปฏิบัติของเศาะหาบะฮฺท่านอื่นๆ ตลอดจนบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ของเศาะหาบะฮฺว่าท่านอื่นๆ ปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เหมือนหรือต่างกับของท่านอิบนิ อับบาส ต้องการทราบเฉพาะชนในยุคแรกที่เรียกกันว่า “สลัฟ” เท่านั้นนะครับ

..................
Exclamation
ผมว่าคุณสรุปและบิดเบือนแล้วนะครับ ที่ผมสรุปคือ
1. คำว่า "นี้แหละคือสิ่งที่ท่านรซูลุลลอฮ Solallah ใช้พวกเรา ท่านอิบนุอับบาสอาจหมายถึง เมื่อไม่เห็นเดือนเสี้ยว ก็ให้นับให้ครบสามสิบวันก็ได้เพราะมีรายงานหะดิษอื่นที่มาจากท่าน
2.เป็นไปได้ว่า ท่านอิบนิอับบาสไม่ตามการยืนยันการเห็นเดือนที่กุรัยบ์มาบอก เพราะเป็นการบอกเล่าของคนๆเดียว โดยไม่มีพยานสองคนมายืนยัน และไม่มีการเห็นจากเมืองอื่นมาสนับสนุน ท่านจึงไม่รับ
.........
ข้างต้นผมได้นำเสนอคำอธิบายของนักวิชาการ ไม่ใช่มานั่งเทียนใช้เหตุผลของตนเอง และผมก็ต้องการให้คุณนำเสนอหลักฐานทางวิชาการ ไม่ใช่ความคิดเห็นของคุณ แต่คุณไม่ได้นำเสนออะไรเลยที่เป็นวิชาการ และผมบอกมาแต่แรกว่า ไม่ได้หวังเอาชนะ แต่เรานำเสนอเพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้อ่าน ใครจะเชื่อใครก็อยู่ในดุลยพินิจของเขา
คุณถามว่า
ผมขอหลักฐานที่เป็นรายงานการปฏิบัติของเศาะหาบะฮฺท่านอื่นๆ ตลอดจนบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ของเศาะหาบะฮฺว่าท่านอื่นๆ ปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร
............
ในเมื่อ คำพูดของท่านอิบนุอับบาส ที่กล่าวในตอนท้ายของหะดิษว่า "นี้แหละคือ สิ่งที่รซูลุ้ลลอฮ ได้ใช้พวกเรา" ไม่ชัดเจน คุณแน่ใจได้อย่างไรว่า หมายถึงท่านรซูลุ้ลลอฮ กำหนดกฏเกณฑ์ในการดูเดือนเสี้ยวว่า ต้องเมืองใคร เมืองมัน โซนใครโซนมัน แล้วมีหะดิษว่าเศาะหาบะฮคนใหนทำแบบอิบนุอับบาสตามที่คุณเข้าใจ
ท่านอิหม่ามอันนะวาวีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ได้อธิบายถึงทัศนะนักวิชามัซฮับชาฟิอียว่า

إذا رأوا الهلال في رمضان في بلد ولم يروه في غيره فإن تقارب البلدان فحكمهما حكم بلد واحد، ويلزم أهل البلد الآخر الصوم بلا خلاف، وإن تباعدا فوجهان مشهوران في الطريقتين:
أصحهما : لا يجب الصوم على أهل البلد الأخرى، وبهذا قطع المصنف والشيخ أبو حامد والبندنيجي وآخرون، وصححه العبدري والرافعي والأكثرون
والثاني : يجب، وقال به الصيمري، وصححه القاضي أبو الطيب والدارمي وأبو علي السنجي وغيرهم
เมื่อพวกเขาเห็นจันทร์เสี้ยวในเดือนเราะมะฏอน ในเมืองหนึ่งเมืองใด โดยที่ไม่เห็นมันในเมืองอื่น แล้วถ้าหากทั้งสองเมืองนั้นอยู่ใกล้เคียงกัน ข้อชี้ขาด(หุกุม)ของทั้งสองเมืองนั้น คือหุกุมของเมืองเดียวกัน และจำเป็นแก่ ชาวเมืองอีกเมืองหนึ่ง ต้องถือศีลอด โดยไม่มีข้อขัดแย้ง(ระหว่างนักวิชาการ) และหากทั้งสองเมืองนั้นอยู่ห่างใกลกัน ก็แบ่งออกเป็นสองแนวทาง ที่แพร่หลายในสองแนวทางนั้น คือ
1. ที่ถูกต้องกว่าจากสองแนวทางนั้นคือ ไม่จำเป็นต้องถือศีลอดแก่ชาวเมืองอื่น(ที่ไม่เห็นเดือนเสี้ยว) และด้วยทัศนะนี้ ผู้เรียบเรียง(หมายถึง อบูอิสหากอัชชิรอซีย์ เจ้าของหนังสืออัลมุหัซซับ) ,เช็คอบูหามีด,อัลบันดะนีญีย์และบรรดาคนอื่นๆ ได้กล่าวไว้อย่างเด็ดขาดและ อัลอับดะรีย์,อัรรอฟิอีย์และนักวิชาการส่วนมาก ได้ระบุว่าถูกต้อง(เศาะเฮียะ)
2. จำเป็นต้องถือศีลอด(แก่ชาวเมืองอื่นที่ไม่เห็นเดือน) อัศศัยมะรีย์ ได้กล่าวมัน และอัลกฮฎีย์ อบูฏัยญิบ,อัดดาริมีย์,อบูอะลี อัสสันญีย์และอื่นจากพวกเขา ได้ระบุว่าถูกต้อง(เศาะเฮียะ)
- ดู อัลมัจญมัวะ เล่ม 6 หน้า 273
.........
และท่านอิหม่ามนะวีย์เอง ก็กล่าวอีกว่า

وقال بعض أصحابنا تعم الرؤية موضع جميع أهل الأرض، فعلى هذا نقول: إنما لم يعمل ابن عباس بخبر كريب لأنها شهادة فلا تثبت بواحد
และบางส่วนของบรรดาสหายของเรา(หมายถึงนักวิชาการมัซฮับชาฟิอีย์) กล่าวว่า " การเห็นครอบคลุมถึงสถานที่ของชาวโลกทั้งหมด และบนทัศนะนี้แหละ เราขอกล่าวว่า "ความจริงที่อิบนุอับบาส ไม่ปฏิบัติตาม การบอกเล่าของกุรัยบ์นั้น เพราะ การยืนยัน จะไม่ถูกรับรองด้วยคนเพียงคนเดียว" - ดู ชัรหุมุสลิม เล่ม 7 หน้า 197

ท่านอิหม่ามอบูอัฏฏอยยิบ เศาะดีก หะซันคอน กล่าวว่า
وأما استدلال من استدل بحديث كريب عند مسلم وغيره فغير صحيح، لأن ابن عباس لم يصرح بأن النبي أمرهم بألاَّ يعملوا برؤية غيرهم من أهل الأقطار، بل أراد ابن عباس أنه أمرهم بإكمال الثلاثين ولم يروه،
และสำหรับการอ้างหลักฐานของผู้ที่อ้างหลักฐาน ด้วยหะดิษกุรัยบ์ รายงานโดยมุสลิมและคนอื่นจากท่านนั้น "ไม่ถูกต้อง" เพราะอิบนุอับบาส ไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนว่า ท่านนบี Solallah ใช้พวกเขาไม่ให้ปฏิบัติตามการเห็นจันทร์เสี้ยวของอื่นจากพวกเขาจากผู้ที่อยู่ในดินแดน(ประเทศ)อื่น แต่ทว่า อิบนุอับบาสหมายถึง ท่านนบีใช้พวกเขาให้ถือศีลอดให้ครบสามสิบวัน โดยที่พวกเขาไม่เห็นมัน(เดือนเสี้ยว) - "อัรเราเฎาะฮ อัลนะดียะฮ ชัรหุอัดดุรรุลบะฮียะฮ เล่ม 1

........
อินชาอัลลอฮมีต่อ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Mon Jan 21, 2008 12:11 am, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Jan 21, 2008 12:01 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติม
ท่านอัลบัยฮะกีย์ ได้บันทึกหะดิษจากสายรายงานของกุรัยบ์เองในอัสสุนันของท่านว่า
أخبرنا علي بن أحمد بن عبدان، أنا أحمد بن عبيد، ثنا عبيد بن شريك : ثنا ابن أبي مريم، أنا محمد بن جعفر، ثني محمد بن حرملة، أخبرني كريب أنه سمع ابن عباس يقول: أمرنا رسول الله صلى الله عليه وسلم أن نصوم لرؤية الهلال ونفطر لرؤيته فإن غم علينا أن نكمل ثلاثين
อะลี บินอะหมัด บิน อับดาน ได้บอกเราว่า " ฉันคือ อะหมัดบิน อุบัยด์ อุบัยด์ บินชะรีก,อิบนุอบีมัรยัม ได้เล่าว่า "ฉันคือ มุหัมหมัด บิน ยะอฺฟัร ,มุหัมหมัด บิน หัรมะละฮ ได้เล่าฉันว่า "กุรัยบ์ ได้บอกฉันว่า เขาได้ยินอิบนุอับบาส กล่าวว่า "รซูลุลลอฮ Solallah ได้ใช้เราให้ถือศีลอด สำหรับการเห็นเดือนเสี้ยว และให้เราละศีลอด สำหรับการเห็นมัน ดังนั้นถ้าหากมีเมฆมาบัง ก็ให้เราถือให้ครบ 30 วัน"
.......
อัลหาฟิซ อัลเฆาะมารีย์ กล่าวว่า
"فهذا هو حديث كريب نفسه اختصره بعض الرواة بقوله: "هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُولُ اللَّه
หะดิษนี้ คือ หะดิษของกุรัยบ์เอง ผู้รายงานบางส่วนได้สรุปมัน ด้วยการกล่าวว่า "นี้แหละคือ สิ่งที่รซูลุลลอฮ ใช้พวกเรา (1)
-(1) "التوجيه" (ص 83)، وقد فصل في ذلك وذكر طرقاً كثيرة فراجعها من (ص 82 إلى ص 90)
......
และผู้รายงานที่ชื่อ มุหัมหมัด บิน หัรมะละฮ คือ ตัวของผู้รายงานจากกุรัยบ์ ในเศาะเฮียะมุสลิม ก็แสดงว่า น่าจะเป็นหะดิษเดียวกัน
........
เพราะฉะนั้น คุณBilalThai น่าจะนำเสนอทัศนะของคุณในเชิงวิชาการตามที่คุณบอกว่าอ่านมามาก ว่า นักวิชาเขาค้านทัศนะที่ผมว่าอย่างไร
.....
อินชาอัลลอฮ จะมาตอบข้ออื่นต่อ ถ้าคุณโต๊ะบิลาล นำเสนอข้อคัดค้านทางวิชาการในทัศนะของคุณ ผมค่อนข้างจะเบื่อแบบ บ่นไปเขียนไปนะครับ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
BilalThai
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 10/01/2008
ตอบ: 17


ตอบตอบ: Mon Jan 21, 2008 6:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

BilalThai บันทึก:
Exclamation
1. คุณได้อธิบายหะดีษกุรอยบ์ไปตามการตีความของอุละมาอฺที่คุณอ้างมาว่าอิบนิ อับบาสต้องมีความคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” อย่างแน่นอน ผมขอหลักฐานที่เป็นรายงานการปฏิบัติของเศาะหาบะฮฺท่านอื่นๆ ตลอดจนบุคคลที่เป็นลูกศิษย์ของเศาะหาบะฮฺว่าท่านอื่นๆ ปฏิบัติเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร เหมือนหรือต่างกับของท่านอิบนิ อับบาส ต้องการทราบเฉพาะชนในยุคแรกที่เรียกกันว่า “สลัฟ” เท่านั้นนะครับ
ะไร?


คุณ asan คุณตอบไม่ตรงคำถามที่ผมถามเลย ผมถามถึงการปฏิบัติของเศาะหาบะฮฺท่านอื่นๆ และพวกลูกศิษย์ของเศาะหาบะฮฺเกี่ยวกับเรื่องการดูเดือน ผมไม่ได้ถามถึงการอธิบาย หรือการตีความของบรรดาอุละมาอฺ เพราะถ้าจะเอาการอธิบาย หรือพูดถึงการตีความของเหล่าอุละมาอฺแล้ว ที่สวนทางกับความเชื่อของคุณมีมากมายนะครับ เอาไว้ให้คุณ มะหฺดีสอูดีย์ เข้ามาทำหน้าที่เถอะ

ขอความกรุณาอ่านคำถาม และตอบให้ตรงคำถามหน่อย นะครับ สำ

หรับข้อความอย่างที่คุณ quote นั้น ผมหามาไม่ได้หรอก สุดความสามารถที่จะทำ เพราะไม่ได้เรียนสายตรงทางศาสนา และก็อ่านตำราภาษาอาหรับไม่ได้ มันก็ต้องอภิปรายกันตามหลักเหตุผล และความบางอย่างนั้นก็เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กัน บางอย่างก็มาจากตัวบท(แต่ไม่ได้อ้าง)
และถ้าการอภิปราย หรือการแสดงความคิดเห็นของผม มันผิด ขาดเหตุผล และใช้ไม่ได้ ก็ชี้แจงและอธิบายที่ถูกต้องมาสิครับ ขอให้คุณ asan มองว่าผมเป็นคนไม่รู้และมีความอยากรู้ ถ้าคุณชี้แจงมาด้วยเหตุผลและหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งทำให้ผมยอมรับ และหมดประเด็นที่จะแย้งแล้ว ผมจะเลิกความคิดเดิมๆ ของผม และ อินชาอัลลอฮฺ หันไปปฏิบัติตามหลักการที่คุณนำเสนอ

ก่อนที่ผมจะพิมพ์ข้อความต่างๆ ผมมักจะร่างเอาไว้ในโปรแกรม Word ก่อนแล้วตัดมาแปะลงในกระดานข่าวนี้ ผมพยายามใช้ถ้อยคำที่ชัดเจน หลีกเลี้ยงคำที่กำกวม และพยายามสื่อให้อ่านเข้าใจง่ายแล้ว

แต่ก็ไม่คิดว่าคุณจะเบื่อ คิดว่าพูดไปบ่นไป บางครั้งก็รู้สึกว่าคุณเป็นคนขาดเหตุผล และไม่รู้จักอดทนที่จะคุยกับคนที่มีความเห็นต่างกับคุณ บางครั้งคุณก็ เหน็บ หรือ แควะ คนอื่น ไม่เป็นไร เสนอมาสิครับ ถ้าดี ผมจะยอมรับ

ผมเคยถามถึงหะดีษที่ต่างกันสองหะดีษเรื่องพยาน ที่บอกว่าต้องมีพยาน 2 คนในบทความของ อ.ฟารีด และพยาน อาหรับชนบท ในบทความของเชคริฎอ แต่ไม่เห็นมีใครชี้แจงเลย มีแต่ข้อความในลักษณะเป็นการระบายโทสะออกมาว่า "ที่นี่ไม่ใช่ที่จะพิพากษา" อะไรในทำนองนั้น
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
BilalThai
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 10/01/2008
ตอบ: 17


ตอบตอบ: Mon Jan 21, 2008 6:29 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

(ตอนต่อจากที่เขียนในวันที่ 20 มกราคม 2551)

แนวคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” เป็นความผิดพลาด ทำไมแนวคิดนี้จึงมิได้มีผู้ใดนำมาบังคับใช้ในนามของอิสลามเลยตลอดอดีตกาล นับตั้งแต่ยุคแรกของอิสลาม มันเพิ่งจะเริ่มอุบัติเมื่อ 50 ปีมานี้เอง

ข้อพิสูจน์มีอยู่ดังนี้คือ : ถ้ามีจันทร์ดับ(new moon) บังเกิดขึ้น ซึ่งเป็นดวงจันทร์ที่ยังมองไม่เห็น มันยังไม่ได้เป็น “ฮิลาล” ต่อมามันได้พัฒนาไปเป็นดวงจันทร์ที่มีอายุมากขึ้น(นับจากตำแหน่ง conjunction) จนกลายเป็นฮิลาลที่มองเห็นได้ มันปรากฏอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าของฮอนนูลูลู ฮาวายนาน 20 นาที เดือนรอมฎอนของฮอนนูลูลูและฮาวายจึงเริ่มขึ้นนับจากนั้น

แต่คำถามก็คือ สอูดีย์อารเบีย, คูเวตและบะห์เรนจะทำอย่างไรกับการถือศีลอดของพวกเขา ยามนั้นในฮอนนูลูลูเป็นช่วงค่ำคืนเวลา 18:30 น. หลังจากตรวจสอบเรื่องการเห็นเดือนแล้ว มีใครบางคนคว้าโทรศัพท์และหมุนไปยังเพื่อนที่อยู่ในสอูดีย์อารเบีย เวลาในฮอนนูลูลูขณะนั้น (สมมุติว่าตรวจสอบการเห็นฮิลาลเร็วที่สุดครึ่งชั่วโมง) ล่วงเข้าเวลา 19:00 น.แล้ว แต่ในสอูดีย์อารเบียจะเป็นเวลาเช้า 07:00 น. ของอีกวันหนึ่ง มันช้าเกินไปที่สถานีโทรทัศน์ TV1 ของสอูดีย์อารเบียจะประกาศเริ่มต้นรอมฎอน แถมพวกเขายังพลาดละหมาดตะรอเวี๊ยะฮฺในค่ำคืนแรกของรอมฎอนไปอีกด้วย!

สำหรับพี่น้องมุสลิมในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และอีกหลายพื้นที่ในออสเตรเลีย พวกเขาไม่มีโอกาสที่จะเริ่มต้นเดือนรอมฎอนได้ทันเวลา เพราะเวลาท้องถิ่นในขณะนั้นคือ 12:30 น. ในช่วงบ่าย (หรือช้าไปกว่านั้นในบางพื้นที่ของออสเตรเลีย เพราะความต่างทางด้านเวลา)ของวันรุ่งขึ้น! อย่างนี้แล้ว ใครจะพูดได้ไหมว่าอัลลอฮฺ (سبحانه وتعالى) ทรงชอบที่จะให้ความอยุติธรรมนี้ประสบกับปวงบ่าวของพระองค์ที่อยู่ทางด้านซีกตะวันตกของเส้นแบ่งเขตวันระหว่างประเทศ (International Dateline)

จากข้อพิสูจน์ เราจะเห็นได้ว่ามันไม่มี ฮิกมะฮฺ ใดๆ ผนวกอยู่ในแนวคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” แต่อย่างใด สิ่งสำคัญที่ควรจะรำลึกเอาไว้ก็คือ ข้อพิสูจน์นี้ไม่ได้อาศัยการคำนวณทางดาราศาสตร์เข้ามาช่วยแต่อย่างใด นี่เป็นเพียงสามัญสำนึกตื้นๆ ที่แสดงให้เห็นว่าแนวคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” นั้นช่างตลกขบขันเพียงใด

ด้วยการดูเดือนของแต่ละท้องถิ่น พี่น้องมุสลิมไม่ต้องปฏิบัติตามกลุ่มชาติพันธุ์, เผ่าพันธุ์, กลุ่มการเมือง หรืออำนาจปกครอง / รัฐบาลใดๆ ไม่มีใครรู้สึกว่าเป็นที่ตลกขบขัน ไม่มีชาติใด/ รัฐใดเป็นที่รักชอบมากกว่าชาติ / รัฐอื่น นี่คือครรลองของอิสลาม ครรลองแห่งความเป็นธรรม ครรลองแห่งความยุติธรรม เป็นครรลองที่อัลลอฮฺ (سبحانه وتعالى) ทรงบัญชาให้พวกเขาปฏิบัติตาม เป็นครรลองที่ท่านรสูล (صلى الله عليه وسلم) ได้สอนท่านอิบนิ อับบาสเอาไว้ (กรุณาย้อนกลับไปอ่านหะดีษกุรอยบ์อีกครั้ง)

การที่มีคนกล่าวอ้างว่าอุละมาอฺ หรืออิมามมัซฮับทั้งสี่ มีท่านนั้นท่านนี้ออกฟัตวาสนับสนุนแนวคิดเรื่อง “การเห็นฮิลาลที่จุดเดียว” อย่างที่กล่าวอ้างกันย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะในบรรดาท่านเหล่านั้นไม่มีใครสักคนหนึ่งได้มีชีวิตอยู่ในยุคสมัยที่มนุษย์เราสามารถเดินทางเป็นพันๆ กิโลเมตรได้ภายในวันเดียว หรือใครคนหนึ่งสามารถนั่งโทรศัพท์พูดคุยกับเพื่อนที่อยู่ไกลออกไปอีกมุมหนึ่งของโลกเพื่อสอบถามเกี่ยวกับการดูฮิลาล ไม่มีทางที่จินตนาการของอุละมาอฺในอดีตจะวาดภาพเทคโนโลยี่ของปัจจุบันได้

อย่างดีที่สุด ฟัตวาของอิมามมัซฮับทั้งหลายน่าจะเป็นไปในลักษณะสนับสนุนการดูเดือนในระดับ “ท้องถิ่น” หรือระดับ “ภาค” หรือถ้าใครหวังที่จะขยายพื้นที่ให้กว้างขึ้นไปก็น่าจะเป็นระดับ “ประเทศ” อย่างแน่นอน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Jan 21, 2008 11:23 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

[quote="BilalThai"]
BilalThai บันทึก:
Exclamation


คุณ asan คุณตอบไม่ตรงคำถามที่ผมถามเลย ผมถามถึงการปฏิบัติของเศาะหาบะฮฺท่านอื่นๆ และพวกลูกศิษย์ของเศาะหาบะฮฺเกี่ยวกับเรื่องการดูเดือน ผมไม่ได้ถามถึงการอธิบาย หรือการตีความของบรรดาอุละมาอฺ เพราะถ้าจะเอาการอธิบาย หรือพูดถึงการตีความของเหล่าอุละมาอฺแล้ว ที่สวนทางกับความเชื่อของคุณมีมากมายนะครับ เอาไว้ให้คุณ มะหฺดีสอูดีย์ เข้ามาทำหน้าที่เถอะ

.................
Exclamation
คุณ BilalThai" ครับ ผมบอกแล้วไงว่า ประเด็นนี้ มีสองทัศนะ ทัศนะที่ระบุว่า ต้องถือตามการเห็นเดือนเสี้ยวของเมืองใคร เมืองมัน โดยอ้างหะดิษกุรัยบฺ ซึ่งหะดิษนี้นักวิชาการมองต่างมุมกัน ในความหมายของถ้อยคำของอิบนิอับบาสตอนท้ายของหะดิษ แต่คุณพยายยามที่จะใช้เหตุผลอ้างโดยคุณไม่มาวิเคราะห์หะดิษดังกล่าว อีกทั้งถามว่า หาหลักฐานการปฏิบัติของเหล่าเศาะหาบะฮ อื่นๆ ทั้งๆบรรดาเศาะหาบะฮก็ต้องปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮและท่านนบี Solallah สอนไว้ มีรายงานจากท่านนบี Solallah ว่า ท่านได้เห็นกระดาษแผนหนึ่งจากคัมภีรเตารอต อยู่ในมือของท่านอุมัร บิน อัลคอ็ฏฏอ็บ (ร.ฎ) แล้วท่านได้กล่าวว่า
(لو كان موسى حيا ما وسعه إلا اتباعي ) فقال عمر: رضيت بالله ربا وبالإسلام دينا وبمحمد نبيا .)
หากมูซายังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่ถูกเปิดกว้างแก่เขา นอกต้องปฏิบัติตามฉัน แล้วท่านอุมัร กล่าวว่า " ฉันยอมรับอัลลอฮเป็นพระเจ้า,ยอมรับอิสลามเป็นศาสนาและยอมรับมุหัมหมัด เป็นนบี- รายงานโดยอันนะสาอียฺ
..........
เท่าที่เห็นคนนำเสนอ คือ เอาเหตุผลและแนวคิดทางดาราศาสต์ มาลบล้างทัศนะที่คุณไม่เห็นด้วยแทนที่คุณจะนำเสนอหะดิษ มา เสนอ

[quote="BilalThai"]
BilalThai บันทึก:
Exclamation ผมเคยถามถึงหะดีษที่ต่างกันสองหะดีษเรื่องพยาน ที่บอกว่าต้องมีพยาน 2 คนในบทความของ อ.ฟารีด และพยาน อาหรับชนบท ในบทความของเชคริฎอ แต่ไม่เห็นมีใครชี้แจงเลย มีแต่ข้อความในลักษณะเป็นการระบายโทสะออกมาว่า "ที่นี่ไม่ใช่ที่จะพิพากษา" อะไรในทำนองนั้น

.....

ใจเย็นซิครับ ก็คุณเองไม่ใช่หรือที่กำลังค้านอยู่ว่า ทัศนะของอ.ฟาริด และเช็คริฎอ ผิดพลาด

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Tue Jan 22, 2008 3:12 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ต่อเรื่องคำสี่งห้ามคำสั่งใช้ของท่านเราะสูลุลลอฮฺ...

เมื่อปรากฏว่า ศอหาบะฮฺท่านหนึ่งท่านใด ได้อ้างเรื่องใดๆ นั้นว่าเป็นคำสั่ง.. หรือคำห้าม..คำใช้..หรือเป็นสุนนะฮฺ ของท่านเราะสูลุลลอฮฺ ฯ และสายรายงานนั้นถูกต้อง และบรรดาศอหาบะฮฺเองก็มิได้ยกคำสั่งใช้หรือห้ามนั้นมาประกอบทั้งหมด เพียงแต่พูดว่า เราถูกสั่ง ถูกใช้ เราถูกห้าม ..
เรามาดู ที่ ท่านหญิงอาอิชะฮฺเราะฎิยัลลอฮุอันฮา ได้กล่าวว่า
นุอฺมะรุ บิเกาะฎออิศเศามิ วะลานุอฺมะรุ บิเกาะฎออิศเศาะลาต
พวกเราบรรดาสตรี ถูกสั่งให้ชดใช้ศีลอด (ที่ขาดเพราะมีรอบเดือน) แต่ไม่ได้ถูกสั่งให้ชดใช้นมาซ(ที่ขาดไปเพราะมีรอบเดือน) บันทึกโดยอิมามมุสลิม หะดีษที่69/335 (และผู้บันทึกอื่นๆ)
ท่านอุมมุอะฏียะฮฺฯได้กล่าว่า
نهينا عن اتبا ع الجناءز
พวกเรา(บรรดาสตรี) ถูกห้ามจากการตามไปส่งผู้ตายที่กุบูร แต่พวกเราไม่ได้ถูกเข้มงวดในเรื่องนี้.. บันทึกโดยอิมามบุคอรี หะดีษที่ 1278 อิมามมุสลิม หะดีษที่ 35/938
ที่ศอหาบะ อ้างว่าเป็นสุนนะฮฺ ก็มี.
ท่านมูสา บินสะลามะอัลฮุซะลีย์ ตาบิอีนชาวอียิปต์อยู่พร้อมกับท่านอับดุลลอฮฺบินอับบาส เราะฎิยัลลอฮฺฯ ที่มักกะฮฺ ฉันถามท่านว่า...เมื่อพวกเราอยู่คือนมาซร่วมกับท่าน(ที่เป็นชาวมักกะฮฺ)เราะนมาซ 4 เราะกะอะฮฺตามพวกท่าน..และเมื่อเรากลับยังที่พักของพวกเรา (ซึ่งเป็นผู้เดินทางด้วยกัน) เราจะนมาซเพียง 2 เราะกะอะฮฺ(ดังนี้จะถูกต้องหรือไม่) ท่านอิบนุอับบาสจึงกล่าวว่า -นั่นแหละคือสุนนะฮฺของท่านอบุลกอสิม(คือท่านเราะสูล Solallah )
บันทึกโดยอิมามอะหมัดใน มุสนัดเล่มที่ 1 หน้า216
ถ้าจะถือตามท่านอัชเชากานีย์หรือ อ.อะสาน จากการอ้างคำสั่งใช้คำสั่งห้ามตามหะดีษที่รายงานกันของศอหาบะฮฺนั้น ...คำพูดที่ชัดเจนของเราะสูล Solallah ในแต่ละเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดมีว่าอย่างไร ผู้รายงานคือใคร และมีบันทึกในตำราหะดีษเล่มไหน..
แต่เรารับทราบว่าเป็นการอ้างของศอหาบะฮฺ ว่า พวกเราถูกสั่งใช้ ถูกสั่งห้าม อย่างที่นำมา ซึ่งผู้สั่ง ผู้ห้ามไม่ใช่ใคร แต่เป็นท่านเราะสูลุลลอฮฺ Solallah
ดังนั้น คำอ้างกล่าวของศอหาบะฮฺเรื่องคำห้าม คำใช้ จากท่านเราะสูลฯ จึงมีลักษณะไม่แตกต่างกับที่ท่านอับดุลลอฮฺ บินอับบาส ได้กล่าวอ้างในหะดีษกุเรบ ที่ อย่างนี้แหละที่ท่านเราะสูลฯ Solallah สั่งใช้เรา..คือไม่จำเป็นต้องมีตัวบทรายละเอียดดังกล่าวจากท่านเราะสูลฯในเรื่องนี้..
ตัวอย่างข้างต้นนี้จึงหักล้างเหตุผลที่ท่านเชากานีย์หรือ อ.ฟารีด อ.อะสานที่บอกว่า การที่ ศอหาบะฮฺท่านใด ได้อ้างเรื่องใดๆ..ว่าเป็นคำสั่งของเราะสูลฯ Solallah จำเป็นจะต้องมีตัวบทหะดีษจากคำพูดจริงๆของท่านเราะสูลฯ Solallah มายืนยันด้วยเสมอ.

ความขัดแย้งในความหมายของคำว่า ฮากะซา อะมะเราะนา เราะสูลลุลลอฮฺ Solallah "هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُولُ اللَّه..
ฮากะซา ประกอบด้วยพยันชนะสามตัว ฮากะซา هاء ك ذا

ยังมีต่อ........

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Jan 22, 2008 10:13 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

mahdisaudi บันทึก:
[size=18]
ตัวอย่างข้างต้นนี้จึงหักล้างเหตุผลที่ท่านเชากานีย์หรือ อ.ฟารีด อ.อะสานที่บอกว่า การที่ ศอหาบะฮฺท่านใด ได้อ้างเรื่องใดๆ..ว่าเป็นคำสั่งของเราะสูลฯ Solallah จำเป็นจะต้องมีตัวบทหะดีษจากคำพูดจริงๆของท่านเราะสูลฯ Solallah มายืนยันด้วยเสมอ.
ความขัดแย้งในความหมายของคำว่า ฮากะซา อะมะเราะนา เราะสูลลุลลอฮฺ Solallah "هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُولُ اللَّه..
size]

.........
คำว่า نهينا عن اتبا ع الجناءز มันก็คล้ายๆคำว่า َكَذَا أَمَرَنَا رَسُولُ الله ในประเด็นการมองต่างมุม
เพราะคำว่า " นี้แหละที่ท่านรซูลุลลอฮ Solallah ใช้พวกเรา นั้น อาจจะหมายถึง ให้ถือตามการเห็นของเมื่องใครเมืองมัน หรือ ว่า หมายถึง หากไม่เห็นเดือนก็ให้ถือให้ครบ 30 วัน เพราะมีหะดิษที่รายงานจากอิบนุอับบาสในสำนวนอื่นที่ระบุอย่างนั้น ซึ่งเป็นประเด็นที่นักวิชาการเข้าใจต่างกัน ส่วนคำว่า " نهينا عن اتبا ع الجناءز ก็มีลักษณะเดียวกัน
..........

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม


แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Tue Jan 22, 2008 12:19 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Jan 22, 2008 12:16 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เมืออาบังmahdisaudi นำเสนอหะดิษอุมมุอะฏียะฮที่ว่า
عن أم عطية رضي الله عنها قالت : " نهينا عن إتباع الجنائز ولم يعزم علينا
รายงานจากอุมมิอะฏียะฮ (ร.ฎ) นางกล่าวว่า " เราถูกห้ามไม่ให้ติดตามญะนาซะฮ โดยไม่ห้ามเด็ดขาดแก่พวกเรา"
........
จริงๆแล้วในหะดิษนี้ ก็มีนักวิชาการมองต่างมุมเช่นกัน
มาดูคำอธิบายหะดิษนี้
1. อัศศอ็นอานีย์กล่าวว่า
ظاهر في أن النهي للكراهة لا للتحريم، كأنها فهمته من قرينة وإلا فأصله التحريم، وإلى أنه للكراهة ذهب جمهور أهل العلم، ويدل له ما أخرجه ابن أبي شيبة من حديث أبي هريرة (أن رسول الله صَلّى الله عَلَيْهِ وَسَلّم كان في جنازة فرأى عمر امرأة فصاح بها فقال: دعها يا عمر) الحديث وأخرجه النسائي وابن ماجه، ومن طريق أخرى ورجالها ثقات
ที่ชัดเจน แท้จริงการห้ามนั้น หมายถึง น่ารังเกียจ(มักรูอฮ) ไม่ใช่ห้าม ที่เป็นหะรอม(เป็นสิ่งต้องห้าม) เหมือนกับว่า มันถูกเข้าใจจากหลักฐานแวดล้อม และถ้าไม่อย่างนั้น หลักเดิมของมัน เป็นสิ่งต้องห้าม และ บรรดานักวิชาการส่วนใหญ่ มีทัศนะว่า เป็นการห้าม ที่เป็นน่ารังเกียจ(มักรูฮ) และสิ่งที่เป็นหลักฐานบ่งบอก คือ หะดิษที่บันทึกโดย อิบนุอบีชัยบะฮ จากหะดิษอบีฮุรัยเราะฮว่า(แท้จริงรซูลุ้ลลอฮ Solallah ได้ปรากฏอยู่ที่ญะนาซะฮ แล้วท่านอุมัรเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เขาจึงตะโกนใส่นาง แล้วท่านรซูลุ้ลลอฮกล่าวว่า "ปล่อยนางไปเถอะ โอ้อุมัร) หะดิษบันทึกโดย อันนะสาอีย์อิบนุมาญะฮ และจากบรรดาสายรายงานอื่น โดยที่บรรดาผู้รายงานมัน เชื่อถือได้ - ดูสุบุลุสสลาม
เล่ม 2 หน้า 157
.............
2. อัลกอฎีย อิยาฎ กล่าวว่า
اختلف العلماء في إباحة اتباع الجنائز، فجمهورهم على منعه لظاهر النهي في الحديث، واختاره جماعة علماء المدينة، ومالك يجيزه ويكرهه للشابة وفي الأمر المستنكر، وقال ابن حبيب من أصحابنا بالقول الأول، وحجة من أجازه أنه لم يعزم عليهن في ذلك
บรรดานักวิชาการ มีความเห็นต่างกัน ในกรณีอนุญาตให้ติดตามญะนาซะฮ, แล้วส่วนใหญ่ในหมู่พวกเขาห้าม เพราะถือตามความหมายที่ปรากฏการห้ามในหะดิษ และ นักวิชาการชาวมะดีนะฮคณะหนึ่งและมาลิก ได้เลือกทัศนะนี้ โดยที่มาลิก ระบุว่าอนุญาต และเป็นมักรูฮ(น่ารังเกียจ)สำหรับหญิงสาว และในเรืองนี้ เป็นการตำหนิติเตียน และอิบนุหะบีบ จากสหายของเรา ได้มีทัศนะตามทัศนะแรก และหลักฐาน ของผู้ที่อนุญาต คือ ไม่ได้ห้ามเด็ดขาดแก่พวกนางในเรื่องดังกล่าว - إكمال المعلم بفوائد مسلم 3/383
........
ผมได้ยกตัวอย่างนี้มา เพื่อชี้ให้เห็นว่า คำว่า هَكَذَا أَمَرَنَا رَسُولُ اللَّه แม้จะเป็นหะดิษมัรฟัวะ เป็นคำสังท่านรซูลจริงๆ แต่ก็หมายถึง คำสั่งให้ถือครบ 30 วัน เมื่อไม่เห็นเดือน ไม่ใช่ เพราะตามประเทศที่มัฏละอฺต่างกันไม่ได้ เรื่องนี้ มีหลักฐานแวดล้อม(เกาะรีนะฮ)ที่เป็นหะดิษอื่นที่รายงานจากอิบนิอับบาสมาประกอบ ดังนั้นนี้คือ ปัญหาคิลาฟในด้านการเข้าใจตัวบท ผมว่า ปล่อยวางดีกว่าจะมาเอาเป็นเอาตายกัน ในทำนองเดียวกันในหะดิษอุมุอะฏียะฮ ก็เข้าใจและมองต่างมุมกันอยู่
...
วัสสลาม

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
BilalThai
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 10/01/2008
ตอบ: 17


ตอบตอบ: Tue Jan 22, 2008 7:35 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

พอเห็นคุณบอกว่า “..... ปล่อยวางดีกว่าจะมาเอาเป็น เอาตายกัน” เอ้อ! เหนื่อยใจนะคุณ asan ผมเองก็เครียดมาหลายวันแล้ว ผมกลับไปทบทวนอ่านสิ่งที่คุณเขียนอธิบายมาทั้งหมด ตั้งแต่ข้อความแรกของคุณ จนถึงข้อความของคุณในหน้าสุดท้าย ไม่เข้าใจความคิดเรื่องการดูเดือนของคุณเลย

ขอให้คุณปัดหะดีษกุรอยบ์ออกไปก่อนนะครับ อย่าไปพูดถึงมัน ช่วยอธิบายเป็นภาษาชาวบ้านให้ฟังหน่อยเถอะว่า คุณมีหลักการดูเดือนอย่างไร และจะกำหนดเดือนอย่างไร อธิบายให้ละเอียดๆ หน่อยก็ได้ และขอเถอะ!!!! เอาภาษาง่ายๆ นะ ไม่ต้องอ้างตัวบทหรือตำราก็ได้ ผมว่าผมเองสัปสนหมดแล้วจริงๆ

ด้วยความเคารพจากใจจริง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Jan 22, 2008 9:10 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

BilalThai บันทึก:
พอเห็นคุณบอกว่า “..... ปล่อยวางดีกว่าจะมาเอาเป็น เอาตายกัน” เอ้อ! เหนื่อยใจนะคุณ asan ผมเองก็เครียดมาหลายวันแล้ว ผมกลับไปทบทวนอ่านสิ่งที่คุณเขียนอธิบายมาทั้งหมด ตั้งแต่ข้อความแรกของคุณ จนถึงข้อความของคุณในหน้าสุดท้าย ไม่เข้าใจความคิดเรื่องการดูเดือนของคุณเลย
ด้วยความเคารพจากใจจริง

.........
หลักการดูเดือนของผมมีดังนี้ครับ

1.อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
فَمَن شَهِدَ مِنكُمُ الشَّهْرَ فَلْيَصُمْهُ
ดังนั้นผู้ใดในหมู่พวกเจ้าประจักษ์ชัดแก่เดือนนั้น เขาจงถือศีลอด
2. อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า
يَسْأَلُونَكَ عَنِ الأَهِلَّةِ قُلْ هِيَ مَوَاقِيتُ لِلنَّاسِ وَالْحَجِّ
พวกเขาถามเจ้าเกี่ยวกับเดือนแรกขึ้น(เดือนเสี้ยว) จงกล่าวเถิด มันคือกำหนดเวลาต่างๆสำหรับมนุษย์และสำหรับประกอบพิธีหัจญ - อัลบะเกาะเราะฮ /189
3. ท่านนบี Solallah กล่าวว่า
"صوموا لرؤيته، وأفطروا لرؤيته، فإن غُمَّ عليكم، فأكملوا عدة شعبان ثلاثين يوماً". رواه البخاري، ومسلم
พวกท่านจงถือศีลอดอันเนื่องมาจากเห็นเดือนเสี้ยว (ของเดือนเราะมะฎอน)และพวกท่านจงงดการถือศีลอด เนื่องจากการเห็นเดือนเสี้ยว(ของเดือนเชาวาล) แล้วถ้าหากมีเมฆมาบดบัง ก็จงนับเดือนชะอฺบานให้ครบ 30 วัน" - รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม
4. รายงานจากอิบนุอุมัร(ร.ฎ)กล่าวว่า
تراءى الناس الهلالَ، فأخبرتُ رسول اللّه صلى الله عليه وسلم، أني رأيتُه، فصـام وأمَرَ النـاس بصيامـه -رواه أبـو داود، والحاكـم، وابن حِبّان، وصححاه
บรรดาผู้คนเห็นเดือนเสี้ยว แล้วข้าพเจ้าได้บอกกับท่านรซูลุ้ลลอฮ Solallah ว่า ข้าพเจ้าเห็นมัน แล้วท่านก็ได้ถือศีลอด และใช้ให้ประชาชนถือศีลอด- รายงานโดย อบูดาวูด หากิมและอิบนุหิบบาน และท่านทั้งสองระบุว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ
5. และดังที่ได้ระบุในฟิกฮอัสสุนนะฮว่า
ذهب الجمهور إلى أنه لا عبرة باختلاف المطالع.
فمتى رأى الهلالَ أهلُ بلد، وجب الصوم على جميع البلاد؛ لقول الرسول صلى الله عليه وسلم: "صوموا لرؤيته، وأفطروا لرؤيته". وهو خطاب عام لجميع الأمة، فمن رآه منهم في أيِّ مكان، كان ذلك رؤية لهم جميعاً
เมื่อช่าวเมืองหนึ่งเมืองใด เห็นเดือนเสี้ยว ก็จำเป็นบรรดาเมืองอื่นทั้งหมด ต้องถือศีลอด เพราะรซูลุ้ลลอฮ Solallah กล่าวว่า พวกท่านจงถือศีลอดอันเนื่องมาจากเห็นเดือนเสี้ยว (ของเดือนเราะมะฎอน)และพวกท่านจงงดการถือศีลอด เนื่องจากการเห็นเดือนเสี้ยว(ของเดือนเชาวาล) และท่านได้กล่าวกับบรรดาอุมมะฮทั้งหมด ดังนั้นผู้ใดจากพวกเขาเห็นเดือนเสี้ยวที่ใดก็ตาม ดังกล่าวนั้น เป็นการเห็นสำหรับพวกเขาทั้งหมด - ดูฟิกอัสสุนนะฮ ของสัยยิดสาบิก
.........
แล้วคุณละครับใช้หลักเกณฑ์อะไร ตอบด้วย ผมกำลังรออยู่

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7  ถัดไป
หน้า 5 จากทั้งหมด 7

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.13 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ