ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - สีเหลือง
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
สีเหลือง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> เกี่ยวกับมุสลิมะห์
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Fri Jul 14, 2006 10:00 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

การแตกเป็นเสี่ยงๆนั้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนที่อิมามบุคอรี หรือท่านอื่นๆทำการรวบรวม กลั่นกรองหะดีษอีกนะครับ เพียงแค่หลังยุคของท่านอิมามอาลี มุสลิมก็แตกกันออกไปเป็นหลายก๊ก หลายเหล่า เริ่มจากการขัดกันด้วยแนวคิดทางการเมือง ต่อมาก็กลายเป็นความแตกต่างทางความเชื่อ ความเข้าใจ และการปฏิบัติ ดังนั้น จึงไม่ใช่เพราะหะดีษทำให้แตกต่าง แต่เพราะเกิดความแตกต่างต่างหากจึงต้องทำการคัดสรรและรวบรวมหะดีษไว้เป็นหลักฐานก่อนที่จะหายสาปสูญและแปรสภาพไปเป็นอย่างอื่น

เป็นพระประสงค์ของอัลลอฮฺที่จะทรงพิทักษ์รักษาศาสนาอันสมบูรณ์ของพระองค์ไว้ตลอดไป จึงได้มีมุอ์มินผู้ศรัทธาที่ทุ่มเทชีวิตทั้งชีวิตเพื่อการรวบรวมหะดีษต่างๆที่ถูกต้องอุบัติขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสมในหน้าประวัติแห่งประชาชาตินี้ เช่น อิมามบุคอรี, มุสลิม, อะหฺมัด, อบูดาวูด ฯลฯ อาจานพยายามสร้างภาพตัวเองว่าเป็นผู้ยึดมั่นในอัลกุรอาน แต่เหตุใดจึงบังอาจปรักปรำท่านเหล่านั้นโดยไร้หลักฐาน

لَوْلَا إِذْ سَمِعْتُمُوهُ ظَنَّ الْمُؤْمِنُونَ وَالْمُؤْمِنَاتُ بِأَنفُسِهِمْ خَيْراً
เมื่อพวกเจ้าได้ยินข่าวเท็จนี้ ทำไมบรรดามุอ์มินและบรรดามุอ์มินะฮ์ จึงไม่คิดเปรียบเทียบกับตัวของพวกเขาเองในทางที่ดี”
( 24:12 )


จานไปฟังพวก ด็อกฯ นอกคอกกล่าวปรักปรำใส่ร้ายอิมามบุคอรี-มุสลิม สร้างความคลางแคลงใจในการรวบหะดีษ ก็ผลีผลามขานรับโดยไม่ได้ศึกษาถึงความเข้มงวดรัดกุมในการกลั่นกรองหะดีษแต่ละบท ผู้รายงานแต่ละคน นั่นคือการสร้างฟิตนะฮฺอันร้ายแรงยิ่งในทัศนะของอัลลอฮฺ หรือถ้าจะพิจารณาในเชิงกฎหมายที่มนุษย์เขียนกันตามที่จานเทิดทูนอยู่ มันก็มีหลักการอยู่ไม่ใช่หรือว่า ในเบื้องต้นนั้นให้ถือว่าผู้ถูกกล่าวหาบริสุทธิ์ไว้ก่อน จนกว่าจะมีหลักฐานยืนยันความผิดได้

ไหนล่ะครับ หลักฐานในมืออาจานที่ยืนยันว่าหะดีษเศาะเฮียะห์เหล่านั้น เป็นเท็จ
ไหนล่ะครับ หลักฐานที่ใช้ปรักปรำความฉ้อฉลของผู้รายหะดีษแต่ละท่านตลอดสายรายงานที่สืบสาวขึ้นไปจนถึงท่านนบี
ไหนล่ะครับ หลักฐานที่แสดงถึงความไม่น่าไว้วางใจของอิมามต่างๆที่ทุ่มแรงกาย แรงใจสืบเสาะแสวงหาหะดีษต่างๆมากลั่นกรอง รวบรวมไว้ให้เรา

?????

อะหะดีษก็ไม่ต่างจากผลไม้ในกล่องที่ถูกใส่รวมกันไว้ ในแง่ของสุขวิทยา ถ้าผลไม้ในกล่องเน่าและ ขึ้นรา เราควรจะโยนทิ้งเสียให้หมด ทั้งนี้เพราะเชื้อราอาจจะติดต่อถึงผลไม้ลูกอืนๆได้ และจะไม่ปลอดภัยต่อ สุขภาพถ้าเรา เลือกลูกอื่นมาล้างน้ำและบริโภค,
(matt : - สีเหลือง Fri Jul 14, 2006 11:44 am )

เออ...แน่ะ... เข้าใจเปรียบดีเนอะ
เมื่ออาจานเอาอคติมาเป็นตัวตั้ง จานก็เลยมองหะดีษเป็นสิ่งน่ารังเกียจไปเสียทั้งหมด และขณะเดียวกันก็มองข้ามคำสั่งของอัลลอฮฺที่ให้เราปฏิบัติตามท่านนบี เชื่อฟังคำสอนของท่าน ละเว้นและห่างไกลจากสิ่งที่ท่านห้าม ท่านนบีมาทำหน้าที่นี้ในนามของพระองค์อัลลอฮฺ ได้รับมอบหมายความไว้วางใจมาจากอัลลอฮฺ และในขณะเดียวกันก็อยู่ในการควบคุมดูแล และชี้แนะจากพระองค์ตลอดเวลา สิ่งที่ท่านนบีใช้ก็คืออัลลอฮฺใช้ สิ่งที่ท่านนบีห้ามก็คืออัลลอฮฺห้าม และการปฏิบัติหน้าที่ของท่านนั้น ถูกต้อง และครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่มีส่วนใดขาดตกบกพร่อง การที่จานแมทท์ตีขลุมว่า

“ในอะหะดีษมีส่วนที่เป็นความแท้จริง อยู่ ส่วนที่ตรงกับอัลกุรอานและสนับสนุนโดยอัลกุรอาน ก็เป็นส่วนที่ซ้ำอยู่ในอัลกุรอาน, ซึ่งส่วนที่ซ้ำนี้ ไม่จำเป็นต้อง ศึกษาจาก อะหะดีษทั้งนี้เพราะมีอยู่ในอัลกุรอานแล้ว, แต่ส่วน ที่เป็นประเพนีอรับ, และไม่สอดคล้องกับหลักการหรือ บัญญัติ ในอัลกุรอาน ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก”
(matt : - สีเหลือง Fri Jul 14, 2006 11:44 am )

ผิดถนัดเลยครับ.... ส่วนที่ซ้ำมีมั้ย...มีครับ! ขณะเดียวกันในหะดีษเศาะเฮียะห์ก็มีส่วนที่ไม่ซ้ำด้วยไม่ใช่หรือ และส่วนที่ไม่ซ้ำนี่แหละที่อัลลอฮฺทรงให้ท่านนบีมาทำหน้าที่ บะยาน ที่อาจารย์ asan ได้ยกอายะฮฺมาให้ดูว่า...

لِتُبَيِّنَ لِلنَّاسِ مَا نُزِّلَ إِلَيْهِمْ
เพื่อเจ้าจะได้ชี้แจง (ให้กระจ่าง) แก่มนุษย์ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่พวกเขา


ให้นบีชี้แจง ไม่ใช่แค่มาอ่านให้ฟังแล้วก็ตัวใครตัวมัน ไปตีความกันเอาเอง แต่หน้าที่ของท่านนบีคือให้รายละเอียดในเรื่องการละหมาด ถือศีลอด ซะกาต ซึ่งเราจะไม่พบในอัลกุรอาน รายละเอียดในเรื่องการลงโทษ เรื่องการแต่งกาย การปกครอง และอื่นๆ ฯลฯ ซึ่งอาจานเองก็หามายืนยันกับเราตามที่รับปากไว้ไม่ได้เลยสักเรื่องเดียว

ok อาจานอาจจะอ้างว่า อันนั้น-อันนี้ เป็นประเพณีอรับ... มันจะใช่หรือไม่ใช่อย่างที่อาจานพยายามบ่ายเบี่ยงก็ตาม แต่สิ่งเหล่านั้นคือสิ่งที่ท่านนบียอมรับ ดังเราจะเห็นว่า อันไหนที่ไม่ถูกไม่ต้อง ท่านนบีก็สั่งระงับ สั่งห้าม หรือเปลี่ยนใหม่ให้ถูกต้อง นั่นหมายความว่า ทุกสิ่งที่ผ่านการกลั่นกรองจากท่านนบีแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺทรงอนุมัติหรือทรงให้ใช้เป็นระเบียบปฏิบัติสำหรับประชาชาตินี้ซึ่งถูก verified ในขั้นตอนสุดท้ายของภารกิจของท่านนบีด้วยอายะฮฺ

الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ
วันนี้เราได้ให้ศาสนาของพวกท่านสมบูรณ์แล้วแก่พวกท่าน
....( 5:3 ).

ดังนั้น ทันทีที่ท่านนบีปฏิบัติภารกิจของท่านครบถ้วนสมบูรณ์ เมื่อนั้นสิ่งต่างๆที่ท่านนบีสั่งเป็นอันยุติ.... สิ่งที่ท่านนบีห้าม เป็นอันยุติ...สิ่งที่ท่านนบียอมรับ เป็นอันยุติ...และทั้งหมดนั้นคือ อัลอิสลาม ที่ครบถ้วนสมบูรณ์ที่อัลลอฮฺทรงรับรอง ส่วนที่อยู่นอกเหนือจากนั้น เป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องนำกลับไปสอบทานกับ อัลอิสลามที่สมบูรณ์นั้น

เมื่ออาจานยอมรับว่าในอัลหะดีษนั้นมีส่วนที่ถูกอยู่ด้วย แต่กลับโยนทิ้งไปโดยเปรียบกับผลไม้กล่องเดียวกัน มันตรงกันข้ามกับคำสอนในอิสลาม เพราะอิสลามไม่เคยสอนให้มองข้ามสิ่งที่ดี ที่ถูก ที่เป็น อัลหักฺก์ แม้มันจะปนอยู่กับสิ่งเท็จ(บาฏิล)ก็ต้องจำแนกเอาสิ่งเท็จนั้นทิ้งไป แล้วถนอมรักษาสิ่งดีเอาไว้ ดังนั้นในบรรดาหะดีษทั้งหลายนั้นจึงเปรียบดั่งโคลนตมที่ในนั้นมณีล้ำค่าจมปลักอยู่ นักวิชาการมุสลิมทั้งหลายที่เห็นคุณค่าแห่ง “เพชรในตม” เหล่านี้จึงเพียรพยายามที่จะงมเพชรที่ฝังจมอยู่นั้นขึ้นมาชำระล้างให้สะอาดเพื่อมอบให้เป็นมรดกล้ำค่าแก่ลูกหลานสืบต่อมายังเราทุกวันนี้

ดังนั้น ใครจะเห็นหะดีษเศาะเฮียะห์เป็นผลไม้เน่าในกล่องหรือเป็นเพชรในตม มันขึ้นอยู่กับความเกียจคร้านหรือจริงใจต่อคำสั่งของอัลลอฮฺที่ให้ปฏิบัติตามท่านนบีครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Sat Jul 15, 2006 10:18 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam


คุณAlGhuraba:

ผมว่าผมพอแล้วในการคุยกันเรื่อง นี้ เราคุยกันมามากแล้ว ยังมีอีกหลายปัญหาในเรื่องความศรัทธาของ มุสลิม ซึ่งยังตกลงกันไม่ได้ และผมไม่ต้องการจะทำให้กระเทือนศรัทธา ของผู้ใด ผมได้แสดง ความคิดเห็น ในอีก มุมหนึ่งของ ความศรัทธา โดยเฉพาะในเรื่องนี้ อย่างมากพอสมควรแล้ว

ผมก็ยังนับถือความรู้ของคุณอยู่เสมอมา และเมื่อผมได้สนทนากับ อาจารย์ อาสัน ในบางครั้ง เป็นส่วนตัวแล้ว ผมก็คิดว่า ไม่ควร นำเรื่องนี้มากล่าวซ้ำอีก ขอให้จบเรื่องนี้เพียงเท่านี้ก็แล้วกัน, ผมคิดว่า..สิ่งที่คุณเขียนไม่ได้เสียประโยชน์ในด้านวิชาการต่อ สาธารณชนเลย

ผมเหลือบไปเห็นกระทู้หนึ่ง ของพี่น้องมุสลิมที่มีความหวังว่า มุสลิมจะได้ไปอวกาศ ในอนาคต, ผมดีใจด้วย, ถ้าแนวการ สอนของ มุสลิม เปลี่ยนทิศทางจากการเดินสวนทาง ของความเจริญในด้านวิชาการ, ไปในทางที่สอนให้มีความศรัทธาอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับ ความเจริญ ทางด้าน วิทยาการแล้ว เราคงจะเห็นความฝันนั้นเป็นความจริงได้

wassalam

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
dabdulla
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005
ตอบ: 437


ตอบตอบ: Sat Jul 15, 2006 6:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณเคยพูดถึงว่า

คุณละหมาดเพราะคุณพ่อของคุณแมทท์จับให้ละหมาดตั้งแต่จำความได้ คุณเลยเกิดความเชื่อว่า การละหมาดนั้นตกทอดกันมา

ในหลักฮะดิษ ก็เช่นกัน ก็ใช้สายรายงานเช่นกัน


แต่นักวิชาการเหล่านั้น มีค่าในด้านการรายงานมากกว่าพวกเรานะครับคุณแมทท์ พวกเขามีความจำที่ดีเลิศ และมีอะมานะห์ทางศาสนามากกว่าคนอย่างพวกเรา

ในเมื่อคุณพ่อของคุณแมทท์ละหมาดให้เห็น แล้วคุณแมทท์ก็ทำ ทำไมคุณแมทท์ไม่ลองพิจารณาสายสืบที่ดีกว่า มีความรู้ในด้านการรายงานฮะดิษมากกว่าครับ

คุณพ่อของคุณแมทท์ อาจจะละหมาดตามเขามาอีกที โดยไม่ได้ใส่ใจอะไร พอมารุ่นคุณแมทท์ก็ทำตาม แต่นักวิชาการทางด้านฮะดิษนั้น พวกเขาใส่ใจและพิจารณาสิ่งที่มีอยู่ในมัน

ว่างๆ ลองคุยกับอาจารย์อะสันดู แล้วคุณแมทท์จะรู้ว่าการได้ฮะดิษมาแต่ละบทพวกเขามีวิธีการที่ยากเย็นเพียงใด
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
IRF
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 10/12/2005
ตอบ: 155


ตอบตอบ: Sun Jul 16, 2006 1:38 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จากที่อ่านทำให้ทราบว่าคุณแมทท์เป็นผู้ที่เข้าใจ logic ว่าง่ายๆก็คือเป็นน่ะนะ แต่ไฉนเลยบทจะยกข้อแก้ตัวหลายๆเรื่องกลับไร้ logic เอาซะดื้อ ยกตัวอย่างเรื่องการเปรียบเทียบเรื่องการให้เกียรติวัตถุหรือบุคคลว่าด้วยการเหยียบ แต่ปรากฏว่าเวลาตอบ ตอบไปนู่น คุณพ่อคุณแม่มีบุญคุณอย่างนั้นอย่างนี้ ...นั่นคนรู้ logic ก็น่าจะทราบดีว่า มันออกนอกประเด็น!

เอ้าไม่เป็นไร ข้ามไปเรื่องหะดีษ คำถาม 4 ข้อที่ผมจี้ไป คุณ matt ไม่ได้ตอบตรงๆ แต่ก็เข้าใจว่าคุณ matt ไม่ได้หาว่านบีมั่วซะหน่อย ไม่ได้หาว่าซอฮาบะฮฺมั่วซะหน่อย แต่ประเด็นคือจะรู้ได้ยังไงล่ะว่านบีพูดไว้จริง ดังนั้นก็เลยมีบทสรุปเอาว่า ตกลงหะดีษไหนขัดกับกุรอาน เราก็ไม่ต้องเอาหะดีษนั้น (ฉันไม่สนว่าจะบุคอรีหรือใครก็ตาม) ตรงนี้ไม่ถือว่าเป็นการปฏิเสธหะดีษนะครับ ไม่ได้เป็นการปฏิเสธซุนนะฮฺนบี เพราะถ้าจำไม่ผิด อิมามมาลิกก็มีทัศนะเช่นนี้ (ถ้าจำผิดขอมะอัพ)

แต่ตรงนี้อย่าสับสนนะ มันขัดกันกับที่คุณ matt เคยกล่าวย้ำนักย้ำหนาว่า การเชื่อฟังนบีเสมือนเป็นกุรอานเดินได้ ตรงนี้ถือว่าชีริก คือไอ้เรื่องว่าตกลงอิมามบุคอรีเชื่อถือได้เสมอไปหรือไม่ (ขอใช้ศัพท์ว่า ซอเฮี้ยะฮฺไม่ซอเฮี้ยะฮฺแล้วกันนะ) ไอ้เนี่ยมันคนละประเด็น
>คนนึงบอกว่า "ฉันเชื่อฟังนบีนะ แต่ฉันไม่เชื่อว่าอิมามบุคอรีจะซอเฮี้ยะฮฺเสมอไปว่ะ (คือไม่เชื่อว่าอิมามบุคอรีจะบันทึกถูกต้อง)"
>กับอีกคนบอกว่า "ฉันเชื่อฟังนบีนะ แล้วฉันก็เชื่อในอิมามบุคอรีย์ด้วยว่าซอเฮี้ยะฮฺทุกบท (เท่ากับว่าเชื่อว่าเป็นหะดีษนบีจริง"
อันนี้เขาเชื่อฟังนบีทั้งคู่ แต่ไปต่างกันตรงที่แหล่งอ้างอิง
>แต่สำหรับคุณ matt บอก อิมามบุคอรีย์ไม่ซอเฮี้ยะฮฺเสมอไป รับได้บางอันบางอันก็ไม่รับ (อันนี้ไม่เป็นไร) และในขณะเดียวกันบอกทำนองว่า อย่าไปเชื่อนบีมาก นบีไม่ใช่กุรอานเดินได้..

ตรงนี้ก็อย่าพึ่งโกรธนะ ผมอาจไม่ได้ติดตามมานานจึงเข้าใจผิดก็ได้
จึงอยากขอคำยืนยันจากคุณ matt อันนี้ต้องตอบครับว่า ตกลง เข้ากรณีไหน (หัดตอบสั้นๆให้เป็นแล้วมันจะชัด จะไม่ขุ่น)
คุณ matt เข้าข่ายกรณีใด
1.) เชื่อฟังนบีแน่นอน 100% แต่ไม่เชื่อที่ตัวผู้บันทึกหรือผู้รายงาน
2.) ไม่เชื่อฟังนบีเสมอไป นบีสอนบางอย่างก็เชื่อ บางอย่างก็ไม่เชื่อ เพราะนบีไม่ใช่อัลลอฮฺ
3.) ทั้งไม่เชื่อในตัวผู้บันทึกหะดีษ และไม่เชื่อในนบีด้วย จะเชื่อนบีเพียงบางเรื่องเท่านั้น


3 คำถามนี้คุณ matt เข้าใจดีแน่นอน ไม่ต้องย้อนว่าถามเพื่ออะไร เพียงแต่ตอบเพียงสั้นให้ตรงคำถาม แค่นั้นแหละ ไม่ใช่เพื่ออื่นใด แต่เพื่อจะได้เข้าใจ

จากนั้นมันจะมีคำถามตามมา เช่นแล้วคุณ matt เอาอะไรไปชี้ว่าหะดีษนั้นรับ หะดีษนี้ไม่รับ ที่ไม่รับเพราะขัดกับกุรอาน ทั้งที่จริงแล้วน่าฉงนว่าตกลงหะดีษมันขัดกุรอาน หรือตกลงมันไม่ขัดหรอกแต่เราไปตีความผิดเอง! อืม ..แต่ไม่ต้องตอบนะ เอาแค่ตอบมาก่อนว่าคุณอยู่ในกรณีใดที่ถามไป? เรื่องอื่นค่อยว่ากัน (ค่อยๆไปเป็นขั้นๆ ขี้เกียจค่อยๆไล่ตาม)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Sun Jul 16, 2006 9:48 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

คุณIRF

ผมจบประเด็นแล้วครับ คุณเข้ามาช้าไปหน่อย, ความจริงเรื่องตรรกวิทยาอะไรผมไม่ถนัดหรอกครับ รู้แต่หลักการแต่เพียงเคร่าๆ เท่านั้น, และ เรื่องที่คุณถามมาผมก็ตอบไปแล้ว จะตรงตามความต้องการของคุณหรือไม่, ผมไม่มีความกังวลในเรื่อง นี้ อีกแล้ว

ผมก็ไม่เห็นว่าคำตอบของผมจะยากต่อความเข้าใจเลย, แต่สิ่งสำคัญคือ มันเป็นเพียงแต่เป็นความคิดเห็นของผม ที่หยิบยกมา ให้คิดเท่านั้น, ถ้าคุณจะให้ผมขุดคุ้ยต่อไป คงไม่เกิดประโยชน์อะไรหรอก

คุณเองเท่านั้น ที่จะต้องใช้เหตุผลพิจารณา เอาเอง ว่า "เราจะต้องปฏิบัติอย่างไรจึงจะเรียกว่ารักและเชื่อฟัง "รอซูล" ตามบัญชาของอัลลอฮ์ " ส่วนไหนที่เราต้องเชื่อฟังและส่วนไหนที่เราจะต้องพิจารณาว่า เรื่อง "เล่านั้น" เราควรจะเชื่อหรือไม่?

เวลานี้ผมกำลังซ่อม เครื่องบินที่ใช้ วิทยุบังคับอยู่, ไม่มีเวลามากเพราะ วันอาทิตย์นี้ จะ นำไปเล่น กับ เ้พื่อนบ้าน งานอดิเรก ผมคือ "เล่น" และสร้าง model airplane ผมสร้าง ไว้ 2 เครื่อง ขนาด Wing Span 75" ผมชอบงานอดิเรกนี้มาตั้งแต่สมัยเด็กๆ แล้ว หลักการและ ทฤษฏี ในการบินเช่นเดียวกับ เครื่องบิน จริงๆ, ที่ต้องซ่อมก็เพราะว่า ขณะที่กำลังนำมันลง, เจ้า" ตัวต่อ" มันมา เกาะที่แขน กลัวว่ามันจะต่อยเอา ปล่อยมือไปปัดมัน เลยเสียหลัก ไปเฉี่ยวเอา ยอดไม้เข้า, ปีกซ้ายฉีกไปหน่อย

ฟังดูก็เหมือนเล่นเป็นเด็กๆ แต่มันเพลินดี ทำให้เบาสมองลงไปได้มากทีเดียว, คุยกับคุณมันหนักสมอง ตรรกวิทยา ของคุณทำให้สมองผมหนักอึ๋งไปเลย, model airplane ทำให้ผ่อนคลายได้บ้าง ไม่ทราบว่า คุณมีงานอดิเรกบ้างหรือเปล่า เมื่อตอนเด็กๆ เคยไปดูการเล่น model airplane ที่กองทัพอากาศ เสมอ

วันนี้ ขอเพียงเท่านี้ก่อนแล้วกันครับ ไว้มีข้อสงสัยอะไรแล้วจะกลับเข้ามาเรียนจากคุณอีก


wassalam


แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Sun Jul 16, 2006 11:56 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

“ผมว่าผมพอแล้วในการคุยกันเรื่อง นี้ เราคุยกันมามากแล้ว”
(matt : สีเหลือง - Sat Jul 15, 2006 10:18 am)

ก็นึกอยู่แล้วว่าจะต้องได้ยินเช่นนี้เข้าสักวัน แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ เพราะทุกครั้งที่จานเริ่มมึน หาหมากเดินต่อไม่ได้ ก็มักจะชวนทานขนม ลอดช่องน้ำเชื่อมใสๆ คือมีร่องมีรูตรงไหนก็ตะกายมุดลอดช่องเล็กๆนั่นหนีไปจนได้ทั้งๆที่น้ำใสไม่ขุ่นแม้สักนิด หรือไม่ก็ชวนไปเที่ยวสวน ชี้นก ชมไม้ เปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นอย่างอื่นเสมอ ซึ่งผมเข้าใจดีครับในความลื่นไหลของอาจาน ที่จริงเรื่องการจับผิดอิมามบุคอรี หรือ หลักฐานการปรักปรำข้อหาฉ้อฉลปลิ้นปล้อนของบรรดาผู้รายงานหะดีษนี่เรายังไม่เคยคุยกันเลยนะครับ ไอ้ที่คุยกันมาเยอะน่ะเรื่องหลักฐานการละหมาดในอัลกุรอานต่างหาก ที่ผมพยายามจัดลำดับให้เป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ก่อนจะละหมาดว่า เลข 5 มาจากไหนในบัญญัติละหมาด 5 เวลา อาจานก็ยังหามายืนยันกับผมไม่ได้ แล้วก็ชะแว้บ...หากลีบเมฆมาพรางตัวหายไปซะเฉยๆ มาวันนี้ผมถามหาหลักฐานที่จานใช้ปรักปรำ รอวี ในสำนวน double standard ของอาจาน ก็กลับจะมาชวนไปท่องอวกาศซะแล้ว

ในบรรดาหลายๆปัญหาเรื่องความศรัทธาของมุสลิมนั้น เรื่อง หะดีษและซุนนะฮฺ นี่แหละที่เป็นประเด็นใหญ่อันดับต้นๆทีเดียว เพราะหลุดจากตรงนี้ไป มันทำให้บัญญัติของอัลลอฮฺหายไปครึ่งหนึ่งทีเดียว ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือก็บิดเบี้ยวไปจนผิดรูปตามอารมณ์คนกวนๆ อย่างที่อาจานมีชะฮาดะฮฺด้วนเหลือแค่ครึ่งเดียวน่ะ มันเรื่องใหญ่อักโขทีเดียวนะครับ การพยายามปฏิเสธหะดีษจนทำให้ต้องบิดเบือนอัลกุรอานเข้าข้างตัวตรงนั้นที ตรงนี้ทีโดยไม่ยอมรับฟังคำอธิบายจากท่านนบี มันก็เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเอาการเช่นกัน ดังนั้นมันจึงไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยให้ผ่านไปอย่างลอยนวลครับ

แม้ผมจะไม่มีความรู้เทียบได้กับหลายๆท่านในที่นี้ที่ผ่านเมืองนอกมา เพราะผมมีโอกาสได้เรียนอยู่แค่เมืองนา แต่ด้วยสำนึกในหน้าที่ที่จะต้องต่อสู้เพื่อศาสนาของอัลลอฮฺ จึงไม่อาจนิ่งดูดายการบิดเบือนและใส่ไคล้จากผู้บ่อนทำลายอิสลามเช่นนี้ได้ อย่างไรก็ตาม ต้องขอขอบคุณที่อาจานจะหยุด ผมและอีกหลายๆท่านในที่นี้จะได้ไม่ต้องเหนื่อยไปตามล้างตามเช็ดมากกว่านี้ เพียงเท่าที่อาจานละเลงไว้เลอะเทอะอยู่ตอนนี้ก็แทบจะตามไปชำระสะสางกันไม่ทันแล้วละครับ แต่ถึงแม้อาจานจะหยุด ผมก็ยังคงต้องตามเก็บกวาด เช็ดล้างขยะเหล่านั้นให้หมดไป ซึ่งก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดครับ อาจานวางใจได้ ถ้ายังมีชีวิตอยู่ มีเรี่ยวมีแรง และเน็ตไม่โดนตัดไปซะก่อน อาจานไม่ต้องกลัวว่าผมจะเผ่นหนีไปไหนอย่างที่อาจานได้กรุณาทำให้ดูเป็นแบบอย่างมานานนับปี ก็คงเช่นเดียวกับคุณ IRF ที่จะต้อง “เคลียร์จนมันตกตะกอนแล้วให้มันใสชัดเจนให้ได้ ไม่ยอมให้ผ่านง่ายๆ” (IRF : สีเหลือง - Fri Jul 07, 2006 3:57 am) เพราะอัลลอฮฺทรงสั่งว่า

قَاتِلُوهُمْ يُعَذِّبْهُمُ اللّهُ بِأَيْدِيكُمْ وَيُخْزِهِمْ وَيَنصُرْكُمْ عَلَيْهِمْ
พวกเจ้าจงต่อสู้พวกเขาเถิด อัลลอฮ์ จะได้ทรงลงโทษพวกเขาด้วยมือของพวกเจ้า และจะได้ทรงหยามพวกเขา และจะได้ทรงช่วยเหลือพวกเจ้าให้ได้รับชัยชนะเหนือพวกเขา (9:14)

“ถ้าผมแพ้คดีนี้ ผมจะต้องอยู่ในไฟนรก อย่างแน่นอน”
( matt : สีเหลือง - Sun Jul 09, 2006 2:54 am)

อินชาอัลลอฮฺ...เราเชื่อว่าอาจานจะได้สิทธิ์นั้นสมปรารถนาครับ ถ้าทัศนคตินี้ยังติดตัวไปจนวันตาย เพราะอัลลอฮฺทรงตรัสว่า

وَمَن يَعْصِ اللّهَ وَرَسُولَهُ وَيَتَعَدَّ حُدُودَهُ يُدْخِلْهُ نَاراً خَالِداً فِيهَا وَلَهُ عَذَابٌ مُّهِينٌ
และผู้ใดฝ่าฝืนอัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ และละเมิดขอบเขตของพระองค์แล้วไซร้ พระองค์ก็จะทรงให้เขาเข้านรก โดยที่เขาจะอยู่ในนรกนั้นตลอดกาล และเขาจะได้รับการลงโทษที่ยังความอัปยศให้(แก่เขา)
( 4:14 )

เมื่อหลายๆคำสั่ง หลายๆเงื่อนไขจากท่านนบีถูกอาจานปัดทิ้งโดยอ้างว่าไม่เชื่อถือคนถ่ายทอด แท้ที่จริงมันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ สิ่งที่ท่านนบีนำมานั้นมันคือ อัลหักก์ แล้วอาจานปฏิเสธเพียงเพราะอ้างว่าไม่เชื่อถือคนนั้นคนนี้ที่นำมาบอก ทั้งๆที่บุคคลเหล่านั้นเป็นผู้ศรัทธาที่บริสุทธิ์ใจและเชื่อถือได้ซึ่งอัลลอฮฺทรงมีบัญชาให้เชื่อด้วยนั้น จริงๆแล้วเป็นเพราะอาจานไม่พอใจในข้อบัญญัติบางอย่างที่มาจากอัลลอฮฺต่างหาก พระองค์ทรงรู้ดียิ่งว่าจะมีมนุษย์ชนิดหนึ่งกล่าวอ้างเช่นนี้ พระองค์จึงทรงดักคอไว้ก่อนแล้วว่า....
ذَلِكَ بِأَنَّهُمْ كَرِهُوا مَا أَنزَلَ اللَّهُ فَأَحْبَطَ أَعْمَالَهُمْ
ทั้งนี้เพราะว่า พวกเขาเกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮ.ทรงประทานลงมา พระองค์จึงทรงทำให้การงานของพวกเขาไร้ผล
( 47:9 )

إِنَّ الَّذِينَ ارْتَدُّوا عَلَى أَدْبَارِهِم مِّن بَعْدِ مَا تَبَيَّنَ لَهُمُ الْهُدَى الشَّيْطَانُ سَوَّلَ لَهُمْ وَأَمْلَى لَهُمْ
ذَلِكَ بِأَنَّهُمْ قَالُوا لِلَّذِينَ كَرِهُوا مَا نَزَّلَ اللَّهُ سَنُطِيعُكُمْ فِي بَعْضِ الْأَمْرِ وَاللَّهُ يَعْلَمُ إِسْرَارَهُمْ

แท้จริงบรรดาผู้ผินหลังกลับของพวกเขาหลังจากที่แนวทางที่ถูกต้องเป็นที่ประจักษ์แก่พวกเขาแล้ว ชัยฎอนมารร้ายได้ล่อลวง พวกเขาได้ให้ความหวังแก่พวกเขา (ว่าคิดถูกทำถูกแล้ว)
ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขาได้กล่าวแก่บรรดาผู้เกลียดชังสิ่งที่อัลลอฮ.ทรงประทานลงมาว่าเราจะเชื่อฟังปฏิบัติตามในกิจการบางอย่าง แต่อัลลอฮ.ทรงทราบดีถึงความลับของพวกเขา
(47:9)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Jul 16, 2006 5:18 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ญะซากัลลอฮุคอ็ยร้อน ครับ คุณ AlGhuraba
ผมประทับใจคำพูดของคุณที่ว่า

แม้ผมจะไม่มีความรู้เทียบได้กับหลายๆท่านในที่นี้ที่ผ่านเมืองนอกมา เพราะผมมีโอกาสได้เรียนอยู่แค่เมืองนา แต่ด้วยสำนึกในหน้าที่ที่จะต้องต่อสู้เพื่อศาสนาของอัลลอฮฺ จึงไม่อาจนิ่งดูดายการบิดเบือนและใส่ไคล้จากผู้บ่อนทำลายอิสลามเช่นนี้ได้

เพราะผมเอง ก็ได้เรียนแค่ปอเนาะบ้านนอกคอกนา เช่นกัน แต่ก็ต้องทำหน้าที่ปกป้องกิตาบุ้ลลอฮและสุนนะฮ ของท่านนบี โดยอาศัยความรู้เล็กน้อยที่อัลลอฮให้มา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Sun Jul 16, 2006 10:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam


คุณAlGhurabaและคุณ IRF

ผมเข้าใจว่าเพราะเหตุใด คุณAlGhuraba และคุณ IRF ไม่ยอมหยุดในเรื่องนี้ ทั้งนี้เพราะว่า คุณทั้งสอง มีสิ่งที่เหมือนกัน คือ Egotism, แต่ขาดจิตวิทยา, ความรอบคอบ และ เหตุผล ว่าเพราะเหตุใด ผมจึงไม่อยาก คุยเรื่องนี้ต่อ

มันเป็น เหตุผลส่วนตัวของผม ก่อนอื่นคุณต้องเข้าใจผมเสียก่อนว่า "มุสลิม" ในความเข้าใจ และ ความศรัทธา ของผม ไม่มี คำว่้า มุสลิม "ชีอะต์", "ซุนนีย์", และมัสหับ ใดๆทั้งสิ้น มุสลิม ก็คือ"มุสลิม" ไม่มีนิกาย, คณะเก่าใหม่" ฯลฯ, แต่ ภ้าบุคคล ผู้นั้น ยอมศรัทธาในอัลลอฮ์, เชื่อฟังและใช้วิถีทางชีวิตอย่างถูกต้องทำนองครองธรรม เชื่อฟังและปฏิบัติตามท่านรอซูลทุกๆท่าน โดยยึดหลักบัญญัติจากอัลกุรอานเป็นแนวทางปฏิบัติ แล้ว ย่อมเรียกได้อย่างเต็มที่ว่า "เขาเป็นมุสลิมที่ดีและเมื่อตายไปเขาจะไม่เสียใจ"

คุณAlGhuraba และคุณ IRF มีคุณสมบัติเช่นที่ผมกล่าวมาหรือยัง? ถ้าคุณทั้งสองมีแล้ว ผมแน่ใจว่า คุณจะได้อยู่ในสรวงสวรรค์อย่างแน่นอน, แต่เมื่อคุณสำรวจตัวแล้วยังบกพร่องอยู่ ก็เร่งทำให้ถูกต้องเสีย การประกาศตนเองปาวๆ ว่ารักนบี และรักอิสลาม นั้นมันไม่ได้ประกันสรวงสวรรค์ ให้คุณทั้งสอง อัลลอฮ์ เท่านั้นจะทรงทราบ

สำหรับตัวผมนั้น ผมได้แจ้งจุดยืนมาอย่างชัดเจน ไม่ได้อยู่ในนำ้ขุ่นๆ หรือโคลนตมเลย ทุกอย่างโปร่งใส และเข้าใจได้อย่างง่ายว่า, ถ้าสิ่งที่ผมเชื่อผมกล่าว "เป็นการทำลายอิสลามแล้ว", "ผมจะต้องตกอยู่ในไฟนรกอย่างแน่นอน" ชัดแจ้งมากที่เดียว

คุณทั้งสองแน่ใจหรือว่าคุณมีหลักประกันในการไปสู่สรวงสวรรค์ อย่างแน่นอน ลองพิจารณา เรื่องศรัทธา และ เรื่องต่างๆส่วนตัวของคุณต่อหน้าและลับหลังสังคม, ดูให้อย่างละเอียด เมื่อคุณแน่ใจว่า คุณมีหลักประกันไปสรวงสวรรค์อย่างแน่นอนแล้ว, เมื่อนั้น คุณจึงอาจจะให้คำแนะนำต่อผู้อื่นได้ คุณทั้งสองกล้ายืนยันต่อ "อัลลอฮ์" ได้หรือไม่ว่า คุณทั้งสองไม่ใช่ "มุนาฟิก" ทั้งต่อสังคม และ ที่สำคัญที่สุดต่อ "อัลลอฮ์"

ตัวอย่าง:

สิ่งที่ผมเศร้าใจที่เห็นพี่น้องมุสลิมในเวบนี้ ล้อเลียนและดูถูก "ละแบ" หรือ "โต๊ะละแบ" ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขายากจนและขาดความรู้อย่างที่พวกคุณไปร่ำเรียนกันมา, ผมว่าจะไม่พูดเรื่องนี้แล้ว แต่เนื่องจาก คุณทั้งสอง ซึ่งอยู่ในเกรดเดียวกัน กับ บรรดาผู้ที่ดูถูก "ละแบ" ผมจึงจำเป็น ต้องยกตัว อย่าง เรื่อง นี้ มาให้ คุณ และบรรดาผู้ที่อยู่ในเกรดเดียวกับคุณทราบว่า มรรยาท เช่นนั้น ไม่ใช่ "มรรยาทของท่านรอซูล" ไม่ใช่ซุนนะห์ของท่าน รอซูล, ในขณะที่"ละแบ" หรือ "โต๊ะละแบ" ทำสิ่งที่เขาขาดความเข้าใจ หรือ ด้วยความจำเป็นในการครองชีพที่เขาทราบอยู่เท่านั้น, ผู้ที่ดูถูกและล้อเรียนเขากำลังทำมรรยาท ที่ผมแน่ใจว่า ท่านรอซูลไม่ เคยกระทำ หรือจะไม่กระทำ แต่ในทางตรงกันข้ามท่านรอซูลอาจจะ พยายามให้ความรู้แก่พวกเขาโดยสุภาพ

อาชีพ "ละแบ" หรือ "โต๊ะละแบ" ก็ไม่ต่างจาก ถ้าหากว่ามีครูบาอาจารย์ทางศาสนา บางท่าน(ผมว่าถ้าหากว่ามีบางท่านนะครับ) ที่อาศัยศาสนาบังหน้าทำมาหากินสอนผิดสอนถูก, แต่ต่างกันอยู่ที่ว่า "ละแบ" หรือ "โต๊ะละแบ" ทำโดยขาดความเข้าใจ, แต่อาจารย์บางท่านที่ผมกล่าว ทำโดยอาศัยความรู้ที่เรียนมา

มันเรื่องธรรมดา ผู้ที่เรียนทางศาสนามาโดยตรง ไม่มีวิชาชึพอย่างอื่น ก็ต้องทำมาหากินโดยวิชาชีพที่เรียนมา "คือสอนศาสนา" ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี" และช่วยกันแพร่วิชาความรู้ทางศาสนา ผมเองก็เปิดรายการสอน อัลกุรอานและ ภาษาอรับทางเวบนี้ ฟังอยู่เสมอ , เช่นเดียวกัน ไม่ว่าหมอ, ทนายความ, หรือครูบาอาจารย์ ถ้าขาดจรรยาธรรมทางอาชีพที่ตนประักอบกิจอยู่ ก็จะเลวกว่า"ละแบ" หรือ "โต๊ะละแบ" เสียอีก

บางครั้งเรานึกว่าเราฉลาดและเป็นวิรบุรุษแห่งศาสนาอิสลาม แต่ความจริงแล้วเราอาจจะเป็น "มุนาฟิก" ก็ได้

มีผู้อ้างว่าท่านรอซูลกล่าวมีความหมายว่า"ศาสนาเป็นของง่ายอย่าไปทำให้มันยุ่งยาก, ให้ยึดอยุ่ในทางสายกลาง" คือไม่ให้เป็นผู้บ้าครั่งศาสนา (ถ้าอาจารย์อาสันจำได้ช่วยนำมาอธิบายให้ละเอียดจะขอบคุณมาก) ทำไมไม่ลองทำความเข้าใจ หะดีษต้นนี้ดูบ้าง

ถ้าผู้ใดประกาศตัวว่าทำตาม ที่อิมามบุคคอรี จดบันทึกไว้, แล้ว ทำไมเขาผู้นั้นจึงไม่เลือก อะหะดีษ ที่เกี่ยวกับ การถ่อมตัว, มรรยาทหรือจรรยาธรรม หรือ ความกรุณาปราณี(ซึ่งอะหะดีษเหล่านี้ ตรงกับ บุคคลิกของท่านรอซูลที่ถูกบรรยายไว้ในอัลกุรอาน), มาปฏิบัติและแสดง ให้สังคมในเวบนี้ เห็นว่า เขา ปฏิบัติตามสุนนะห์ของท่านรอซูล แต่อย่าอ้างว่าท่าน รอซูลสั่งให้หยาบคายต่อพี่น้องมุสลิมที่มีความคิดเห็นและเข้าใจต่างกัน จากมุสลิมด้วยกัน

ท่านรอซูล สนับสนุนให้มุสลิมทุกๆท่าน แสวงหาควาวมรู้ทั้งทางโลกและทางความศรัทธาต่อหลักการของอิสลาม เพื่อความก้าวหน้าของสังคม มุสสลิม, เพื่อที่จะได้ไม่ตกเป็นลูกไล่ ของ สังคมอืนๆ และ จะได้ทันโลก และ สามารถที่จะ ป้องกันตนเองได้

การเรียนความรู้เป็นสิ่งจำเป็นในการเข้าใจ สิ่งแวดล้อมรอบข้างของสังคม มนุษย์และสัตว์, แต่สิ่งสำคัญคือ เราต้องเข้าใจว่า ความรู้ทุกชนิดทุกสาขาวิชาการ เหมือนดาบสองคม มีทั้งคุณและโทษ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจรรยาธรรม ของผู้ที่นำความรู้นั้นๆไปใช้

ผมไม่ทราบว่า มี "ข้อห้ามในการศึกษาในทัศนอิสลาม" เมื่อผมเห็น คุณ IRF เขียนบรรยาย ในกระทู้เรื่องนี้แล้ว ผมก็เห็นได้ทันทีว่า คุณ IRF ไม่เข้าใจ ว่าท่านรอซูล สอนไว้ว่าอย่างไร? นั้นก็คือไม่เข้าใจ "คำสอนของท่านรอซูลนั้นเอง" ถ้าห้ามสิ่งเหล่านั้นแล้ว เราจะไปทันเขาหรือ ...?


จากเหตุผลที่อ้างมาเหล่านี้ จึงทำให้ผมไม่อยากจะ คุยเรื่องนี้ต่อไป ทั้งนี้เพราะว่าถึงแม้ว่าผมจะประกาศว่าผมไม่เชื่อฟังเรื่องเล่าที่จดบันทึกโดย"อีมามบุคอรี" ทั้งหมด แต่ผมว่าผม "เชื่อฟังและปฏิบัติตามสุนนะห์ของท่านรอซูล" เป็นส่วนมากกว่าคุณทั้งสอง คุณว่าอย่างไร? การเชื่ออีมามบุคอรี ต่าง จากการเชื่อฟังรอซูล" , และผมแน่ใจว่าผมไม่เป็น "มุนาฟิก" ในเรื่องนี้ ทั้งนี้ผมกล่าวแสดงความในใจผมอย่างตรงไปตรงมา "เชื่อ" ก็ บอกว่า "เชื่อ" และ " ไม่เชื่อ" ก็บอกว่า "ไม่เชื่อ" ใสแจ๋ว ไม่ลุยน้ำขุ่น เลย คุณไม่มีข้อสงสัย ในเรื่องที่เหลือเชื่อใน "ซอเฮี๊ยะ" หะดีษเลยหรือ? และถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับความศรัทธาที่อาจจะทำให้พี่น้องมุสลิมเข้าใจผิดผมก็ถามผู้รู้เป็นการส่วนตัว ตามมรรยาท เพื่อไม่ให้เสียศรัทธา

อาจารยื อาสันช่วยสรุปเรื่องนี้หน่อยครับ อาจารย์จะว่าอย่างไร ความเห็นของอาจารย์ผมจะรับฟังเสมอ และจะไม่ถือเป็นเรื่องส่วนตัว พูดกับผมได้อย่างตรงไปตรงมา เพราะ ผมได้แสดงจุดยืนของผมไว้อย่างเพียงพอแล้ว และไม่เห็นว่าจะเกิดประโยชน์ อย่างไรในการดำเนินเรื่องนี้ต่อไป ไม่ใช่ ว่า ผมจะหาทางออก หรือหลีกเลี่ยงอะไร ถ้าการเสวนา เป็นการแสดงความคิดเห็นและเหตุผลประกอบแล้ว ผมก็พอใจเนื้อหาในการเสวนาแล้ว ทีนี้อยากจะให้อาจารย์ช่วยสรุป เพื่อที่ผมและผู้อื่นจะได้รับประโยชน์ในคำสรุปของอาจารย์ด้วย ถ้าเป็นหลักการของศาสนาแล้ว ผมมีใจกว้างที่จะรับฟังเสมอ


wassalam


แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Jul 16, 2006 11:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณ matt กล่าวว่า
แต่ผมว่าผม "เชื่อฟังและปฏิบัติตามสุนนะห์ของท่านรอซูล"

.......................
ตอบ

คุณแมทครับ ผมยังมองไม่ออกว่า คุณปฏิบัติตามอัสสุนนะฮอย่างไร ในเมื่อคุณไม่ยอมรับ รายงานที่ถูกต้อง ที่เล่าสืบต่อกันมาจากท่านนบี คุณลองพิจารณาอายะฮต่อไปนี้

อัลลอฮตรัสว่า

قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللّهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ

3.31] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ

قُلْ أَطِيعُواْ اللّهَ وَالرَّسُولَ فإِن تَوَلَّوْاْ فَإِنَّ اللّهَ لاَ يُحِبُّ الْكَافِرِينَ

3.32] จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าพวกท่านจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และรอซูลเถิด แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้ แท้จริงอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงชอบผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย

คำว่า "فَاتَّبِعُونِي " ก็จงปฏิบัติตามฉัน"
และคำว่า " أَطِيعُواْ اللّهَ وَالرَّسُولَ พวกท่านจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และรอซูลเถิด

...........
คุณคิดว่า แค่คุณเอาอัลกุรอ่านมา แล้วทำความเข้าใจความหมาย แล้วคุณก็ทำตามนั้น แล้ว อายะฮที่กล่าวถึงพิธีการประกอบศาสนกิจล่ะ เช่น การละหมาด การจ่ายซะกาต การถือ ศีลอด การทำหัจญ คุณทำอย่างไร ผมเคยถามหลายครั้งแล้ว และอยากให้คุณตอบ ว่า คุณเอารูปแบบวิธีการเหล่านี้ มาจากอายะฮที่ให้รายละเอียดแก่คุณ ผมอยากให้คุณคุยต่อ เพราะผมยังมืดแปดด้านว่า ไม่ทราบว่า ประกอบศาสนกิจอย่างไร และ ยิ่งไปกว่านั้น การจัดการเกี่ยวศพ ตามคำสอนอิสลาม คุณเอามาจากอายะฮบทใด ผมงงจริงๆ แต่ถ้าคุณไม่ตอบ ผมก็ยังงต่อไป
..................
อย่าคิดว่าผมอยากโต้เถียงนะครับ แต่ ผมอยากรู้ แนวทางในการปฏิบัติศาสนกิจของคุณจริงนะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Mon Jul 17, 2006 2:29 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

"สุนนะห์" แบบฉบับในการปฏิบัตินั้นถ่ายถอด การปฏิบัติ ตามท่านรอซูลกันมาเป็น รุ่นๆ เป็นมรดกที่ตกทอดมาดดยการปฏิบัติจนเป้นนิสัย และผมได้ อธิบายไว้ในคำตอบหลายตอนแล้ว ปัญหาของเรื่อง อยู่ที่ เราเอา "ซุนนะและหะดีษ" มาใช้เป็นคำๆเดียว กัน อาจารย์ช่วยอธิบายให้ทราบด้วย ชนรุ่นหลัง หลังจากที่ท่าน นบีสิ้นชีพไแล้ว ก่อนที่ เราจะมี "อะหะดีษนั้น เขาปฏิบัติศาสนกิจ กันอย่างไร?" โดยการสอนต่อๆกันมาใช่หรือไม่ครับ? เขาใช้อัลกุรอานเป็นแนวทาง และ ทำการปฏิบัติตามที่ท่านรอซูลสอนต่อกันมา (ถ้าเราจะไม่นับเริ่มจากท่านนบีอิบรอฮิม),

เมื่อมีการรวบรวมอะหะดีษและจัดระเบียบการเรียนและหลักสูตร แล้ว ถ้าอะหะดีษ มาจาก ท่านรอซูลอย่างแท้จริงทั้งหมดแล้ว นักศึกษาศาสนา ไม่ว่าสถาบันใดก็ตาม จะต้อง เชื่อฟังและปฏิบัติ ตามรอซูล เช่น กัน อาจารย์จะเห็นว่า การสนทนาของอาจารย์ และ นักศึกษาจาก กรุงไคโร ทั้ง 3คน นั้น อ้างอะหะดีษต่างๆ มาประกอบ คำอธิบาย ซึ่งไม่อาจจะตกลงกันได้จนปัจจุบันนี้ และ อีกประการหนึ่ง, ถ้าอะหะดีษ เป็นเรื่องจริง ทั้งหมดแล้ว อะหะดีษของชีอะต์กับอะหะดีษของซุนนีย์ จะต้องตรงกันใช่ไหมครับ?

อาจารย์จะเห็นว่า เราสามารถที่จะ นับถือ อัลอิสลาม ได้ด้วยการ ใช้อัลกุรอาน และทำศาสนกิจได้โดยไม่ต้อง ใช้ "อะหะดีษ" ของอิมามบุคอรี "เป็นหนังสือเล่มที่สอง" แต่โดยการปฏิบัติเยี่ยง มุสลิมทั้งหลายที่ปฏิบัติสืบต่อๆกันมาก่อนที่ อิมามบุคอรีจะเกิด

ความจริงแล้วผมไม่คิดว่าท่านอิมามบุคอรีท่านจะมีเจตนา รวบรวมเรื่องเล่าเหล่านี้ (คำบอกเล่า) มาให้เรายึดถือกันเช่นนี้ หรือใช้เป็น หลักการควบคู่ไปกับ อัลกุรอาน หรือ ใช้อธิบายอัลกุรอาน แต่เนือง จาก เป็นความมักง่านของมนุษย์ รุ่นหลัง ที่ขี้เกียจ จะอธิบาย ด้วยเหตุผล เลยใช้เรื่องเล่า เป้น ข้ออ้างอิง เพื่อความสดวก และถ้าผู้ใด ไม่เชื่อ ก็ตัดสินเอา ว่า "ถ้าไม่เชื่อเรื่องเล่า เหล่านั้น แล้ว ก็เท่ากับไม่เชื่อฟังท่านรอซูล" เลยทำให้ความหมายและจุดมุงหมาย ในการ เชื่อฟังท่านรอซูลผิดวัตถุประสงค์ไป

ถ้าเราเชื่อฟังท่านรอซูลเราก็ไม่ควรทำให้ศาสนายุ่งยาก ไป

ตัวอย่างเช่น เราทราบดีว่าในปัจจุบัน "เงินที่เราใช้ในการหมุนเวียน อยู่ ในตลาดการเงิน และ ในตลาดโลก และ ในสังคมมนุษย์ นี้ " ไม่มีเงิน จำนวนใด หรือ ตระกูลใด ที่ ไม่เป็นผลมาจาก สถาบันดอกเบี้ย เงินที่ใช้บำรุงการศึกษา ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ เป็นเงินเดือนครู รัฐบาลกลางต้องจ่าย สนับสนุนทั้งนั้น(เงินหวย) แม้แต่ ในโรงเรียนราษฏร์ เอกชน โรงเรียนสอนศาสนา ก็ได้รับการช่วยเหลือทั้งทางตรงและทางโอ้ม เช่น ทางภาษีอากรณ์ ทางเงินกู้ยืมที่ มีอัตรา ถูก เงินค่าเล่าเรียนจาก นักเรียน ก็มาจากแหล่งต่าง ไม่ว่า นักเรียน นักศึกษาจะมาจาก สถาบันใดก้ตาม บัตรเครดิตต่างๆ แม้แต่บัตรที่จ่ายเงินเดือน ข้าราชการก็ตาม มีส่วนในการ สัมผัสกับสิ่งไม่บริสุทธิื ไม่ถูกหลักในเรื่องดอกเบี้ยและ เงินจากอบายมุขต่างๆ ตามทางศาสนาทั้งนั้น

ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วมุสลิมเราจะอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างไร? จะหันไปทางใดโดยเฉพาะเรื่องการเงิน มันยากที่จะหาการเงินที่บริสุทธิได้ ที่ไม่มีส่วน ในเรื่อง อบายมุขต่างๆทั้งทางตรง และทางอ้อม สิ่งที่ควรทำคือเดินทางสายกลางตามที่มีหะดีษของท่านรอซูลเตือนไว้ซึ่ง มุสลิมทั้งหลายจะต้องเชื่อ ทั้งนี้ เพราะเราเฃื่อว่า อะหะดีษ เป็น คำสั่งของรอซูล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วทำไมเราจึงต้อง ไปมองหาทางเลี่ยง เพื่อหาทางที่จะใช้เงินสกปรกนั้น


ถ้าอาจารย์มุสลิมเปิดโรงเรียน สอนคณิตศาสตร์ มีลูกพ่อค้า "หมู" มาเรียน และเอาเงินที่ ขายหมูได้มาจ่าย อาจารย์มุสลิมจะรับเงินนั้นได้หรือไม่? อาจารย์ช่วยหาหลักการจากอะหะดีษมาอธิบายได้ไหม? มุสลิมขับรถบัส รับส่งผู้คนหลายอาชีพ พ่อค้าหวย, เจ้ามือการพนัน, พระตามวัดต่างๆ เงินเดือนที่เขาจ่ายให้ ก็เป็น เงินที่ได้รับ จาก ผุ้โดยสารเหล่านั้น คำถามอยู่ที่ว่า "มุสลิมที่ขับรถบัสจะรับเงินเดือนนั้น ได้หรือไม่? ในประเทศอรับ เก็บเงินขูดรีด นักท่องเที่ยว ไม่ว่า จะมีอาชีพอะไร หรือ เงินจะได้มาจากไหน?

การที่มุสลิมผุ้หนึ่งไม่เชื่อ คำบอกเล่าของผุ้ใดผู้หนึ่ง เกี่ยวกับท่านนบี เนื่องจากไม่มีเหตุผลและขัดกับความเป็นจริง เกี่ยวกับคุณสมบัติของท่านนบี ที่ระบุไว้ในอัลกุรอาน แล้ว ไม่ถือว่าเขาไม่เชื่อฟังท่านนบี ทั้งนี้ อัลกุรอานสอนให้เราทราบว่า ก่อนจะเชื่ออะไรให้ใช้สมองไตร่ตรองก่อน

เช่นเดียวกับเรื่องการเงิน ถ้าเราไม่ใช่สมองไตร่ตรองหาเหตุผลแล้ว เงินทุกบาททุกสตางค์ มุสลิมไม่อาจจะแตะต้องได้เลย เพราะ มันมาจากแหล่งต่างๆ ที่ขัดกับหลักการของอิสลาม ในทุกๆแง่

การตั้งคำถามผู้ที่ไม่เชื่อในคำบอกเล่าของอีมามบุคอรี แล้ว จะทำการปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างไร? อาจจะเป็นคำถามที่ล้าสมัยไปแล้ว ทั้งนี้เพราะว่า ถ้ามุสลิมที่เกิดก่อน ท่านอิมามบุคอรี สามารถที่ จะเป็นมุสลิมที่ดีที่สุดในโลกได้ ทั้งนี้เพราะเขาได้รับ มรดกตกทอดทางการปฏิบัติศาสนากิจมาจากท่านรอซูลโดยตรง และสั่งสอนลูกหลานรุ่นหลังๆมาเรื่อยๆ จนกระทำกันเป็นนิสัย จนถึงทุกๆวันนี้(ตามความเข้าใจของผม)

แต่ถ้า อาจารย์ ส่งอะหะดีษ ทั้งเล่มอย่างสมบูรณ์ ให้กับผุ้ที่ ไม่เคยรู้จัก การละหมาด และ การปฏิบัติศาสนกิจทางอิสลามเลย โดยที่ไม่มีผู้ใดแสดงแบบฉบับ ว่า การละหมาด มีท่าทางอย่างไร ผมรับรองได้ ว่า "เขาผู้นั้นจะเริ่มสับสนตั้งแต่ การเริ่มอาบน้ำละหมาด"

การเรียนจากการปฏิบัติ ต่างจากการเรียนจากคำบอกเล่า ถ้าอาจารย์ถามผมว่าจะละหมาดและประกอบศาสนกิจอย่างไร ผมก็ตอบว่า จากการปฏิบัติต่อๆกันมา ตั้งแต่ยุคของชาวสลัฟ ตกทอดเป็นมรดกมาจนถึงปัจจุบัน

มันเป็นความจริงที่มุสลิมทุกๆท่าน ละหมาดเป็นมา ก่อนที่จะ รุ้จัก "อะหะดีษ" รวมทั้งอาจารย์และตัวผมเองด้วย, แต่พอเริ่มศึกษาอะหะดีษเกี่ยวกับการ ละหมาด, ก็เริ่มมี ความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องละหมาด เกิดขึ้น เกิดขึ้นอย่างรุนแรงจนบางครั้ง ไม่ยอมละหมาดร่วมกัน

ผมมีเพียงเท่านี้


wassalam

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
อับดุรเราะฮ์มาน
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/02/2006
ตอบ: 56


ตอบตอบ: Mon Jul 17, 2006 7:42 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam พี่น้องทุกๆท่าน
ถึงคุณแมทท์ผู้มีชื่อไพเราะว่ามูฮัมมัดแต่กลับนิยมเรียกในรูปแบบกาฟิรว่า แมทท์ครับ
ผมไม่ได้เข้ามานานจนเซาญะฮ์จะเกิดลูกแล้วคุณก็ยังเป็นเหมือนเช่นเดิม น่าเศร้าจริงๆครับแสดงว่าดุอาอ์ที่ผมขอให้คุณได้ทางนำที่ถูกต้องนั้น คุณยังไม่ได้รับไม่เป็นไรครับผมยังจะคงขอให้คุณและพี่น้องทุกๆคนครับ(อย่าลืมขอให้ผมด้วยนา) แต่ต้องระวังไว้ให้มากๆครับเพราะผมเห็นคนตักเตือนคุณมากมายแต่คุณก็ยังยึดติดในหลักความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง(เหมือนไอ้หน้าเหลี่ยมยังไงยังงั้น มันว่ามันถูกต้องเสมอ*-*)
หรือว่าคนแบบคุณจะตรงกับบุคคลที่พระองค์บอกไว้ในกุรอาน บะเกาะเราะฮ์ลองหาอ่านดูนะครับผมอ่านๆไปรู้สึกว่าCharacterของคนที่ถูกกล่าวถึงมันคล้ายๆคุณยังไงไม่รู้ นะอูซุบิ้ลละฮ์
7-อัลลอฮฺได้ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขา และบนหูของพวกเขาแล้ว และบนตาของพวกเขาก็มีสิ่งบดบังอยู่และเขาเหล่านั้น จะได้รับการลงโทษอันมหันต์
8. และจากหมู่ชนนั้น มีผู้กล่าว่า เราได้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลกแล้ว ทั้ง ๆ ที่พวกเขาหาใช่เป็นผู้ศรัทธาไม่
9. เขาเหล่านั้นต่างหลอกลวงอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และพวกเขาหาได้หลอกลวงใครไม่ นอกจากตัวของพวกเขาเองเท่านั้น(*1*) แต่พวกเขาไม่รู้สึก
10.ในหัวใจของพวกเขามีโรคอย่างหนึ่ง(*1*) แล้วอัลลอฮฺได้ทรงเพิ่มโรคอีกอย่างหนึ่ง(*2*) ให้แก่พวกเขา และพวกเขาจะได้รับการนลงโทษอันเจ็บแสบเนื่องจากการที่พวกเขากล่าวเท็จ
11. และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านจงอย่าก่อความเสียหาแก่แผ่นดิน ซิ พวกเขาก็กล่าวว่า ที่จริงนั้น เราเป็นผู้ปรับปรุงให้ดีต่างหาก
12. พึงรู้เถอะว่าแท้จริงพวกเขานั่นแหละ เป็นผู้ที่ก่อความเสียหาย(*1*) แต่ทว่าพวกเขาไม่รู้สึก
13. และเมื่อได้ถูกล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านจงศรัทธาเยี่ยงที่ประชาชน(*1*) เขาศรัทธากันซิ พวกเขาก็กล่าวว่า จะให้เราศรัทธาเยี่ยงผู้โฉดเขลาเหล่านั้นศรัทธากัน(*2*) กระนั่นหรือ? พึงรู้เถิดว่าพวกเขาเองนั่นแหละเป็นผู้ที่โฉดเขลาแต่พวกเขาหารู้ไม่

เล่าจากยาบิร (ร.ด.) จากท่านนบี (ซ.ล) ได้กล่าวว่า แท้จริงคำพูดที่น่าเชื่อถือมากที่สุดคือคัมภีร์ของอัลเลาะห์ (เพราะเป็นคำพูดของพระองค์) ทางนำที่ดีงามที่สุด คือทางนำของมุฮำมัด กิจการงานที่ชั่วช้าที่สุด คือ กิจการงานที่แหวกแนวออกนอกลู่นอกทางของศาสนาทุก ๆ กิจการที่ออกนอกลู่นอกทางของศาสนา ถือเป็นสิ่งประดิษฐ์ขึ้นใหม่ (ที่ไม่มีต้นตอจากศาสนา) และทุก ๆ สิ่งที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ถือเป็นความหลงผิด และทุก ๆ ความหลงผิดจะนำพาเข้าสู่ขุมนรก

อับดุรเราะฮ์มานหล่อปานซาไก *-*
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Jul 17, 2006 5:14 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ข้อความของคุณ matt
การเรียนจากการปฏิบัติ ต่างจากการเรียนจากคำบอกเล่า ถ้าอาจารย์ถามผมว่าจะละหมาดและประกอบศาสนกิจอย่างไร ผมก็ตอบว่า จากการปฏิบัติต่อๆกันมา ตั้งแต่ยุคของชาวสลัฟ ตกทอดเป็นมรดกมาจนถึงปัจจุบัน
.............
ตอบ
คำว่า "การปฏิบัติต่อๆกันมา ตั้งแต่ยุคของชาวสลัฟ ตกทอดเป็นมรดกมาจนถึงปัจจุบัน "

สิ่งที่ปฏิบัติตกทอดกันมา นั้นต้องเริ่มต้นมาจากนบี ผู้ทำหน้าที่อธิบายอัลกุรอ่าน และ สิ่งที่ตกทอดกันมานี้ คุณแมทจะเชื่อได้อย่างไร ว่า มาจากนบีจริง หากไม่เอามาจากสิ่งที่ถูกถ่ายทอดกันมาจากการรายงานจากคนยุคสะลัฟจนถึงปัจจุบัน โดยผ่านการตรวจสอบของคณะบุคคลที่เชี่ยวชาญ
ในวิชาหะดิษ ผมยังงงอยู่นะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Thu Jul 20, 2006 7:39 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แต่ถ้า อาจารย์ ส่งอะหะดีษ ทั้งเล่มอย่างสมบูรณ์ ให้กับผุ้ที่ ไม่เคยรู้จัก การละหมาด และ การปฏิบัติศาสนกิจทางอิสลามเลย โดยที่ไม่มีผู้ใดแสดงแบบฉบับ ว่า การละหมาด มีท่าทางอย่างไร ผมรับรองได้ ว่า "เขาผู้นั้นจะเริ่มสับสนตั้งแต่ การเริ่มอาบน้ำละหมาด"
(matt : สีเหลือง - Mon Jul 17, 2006 2:29 am )

ตั้งโจทย์มาเช่นนี้ แสดงว่าอาจานแมทท์ไม่เคยดูหะดีษอย่างตั้งใจหาความรู้เลยว่าพูดถึงอะไร และให้รายละเอียดไว้อย่างไรบ้าง รายละเอียดเรื่องการทำน้ำละหมาด และการละหมาดที่ผมพบในอัลอะหีษ ผมว่า มันชัดเจนยิ่งกว่าการทำให้ดูด้วยซ้ำนะครับ

ตอกกลับด้วยโจทย์เดียวกันนี่แหละ... ถ้าจานแมทท์ส่งอัลกุรอานทั้งเล่มอย่างสมบูรณ์ ให้กับผู้ที่ ไม่เคยรู้จัก การละหมาด และ การปฏิบัติศาสนกิจทางอิสลามเลย โดยที่ไม่มีผู้ใดแสดงแบบฉบับ ว่า การละหมาด มีท่าทางอย่างไร ผมรับรองได้ ว่า "เขาผู้นั้นจะเริ่มสับสนตั้งแต่ เจอคำว่าละหมาดเลยทีเดียว"

เพราะเขาจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าละหมาดคืออะไร แม้จะพบคำว่า รุกัวะอฺ สุญูด แต่ก็ไม่สามารถเอามาปะติดปะต่อกันได้ว่านั่นคือส่วนหนึ่งของการละหมาดด้วยหรือไม่ หรือถ้าคิดว่าใช่ จะเอามาต่อกันอย่างไร ฯลฯ..... นี่คือความสมบูรณ์ของอัลกุรอานที่ปราศจากคำชี้แนะ บะยาน จากท่านนบี
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Thu Jul 20, 2006 7:46 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ทั้งนี้เพราะว่า คุณทั้งสอง มีสิ่งที่เหมือนกัน คือ Egotism, แต่ขาดจิตวิทยา, ความรอบคอบ และ เหตุผล
(matt : สีเหลือง - Sun Jul 16, 2006 10:39 pm)

แต่ผมชอบคำว่า steadfastness การยืนหยัด ในกิตาบุลลอฮฺและสุนนะฮฺ มากกว่านะครับ หรืออาจานรู้จักคำไหนที่ดีกว่านี้? แต่ไอ้เรื่องจิตวิทยง จิตวิทยา อะไรน่ะ ยอมรับตรงๆเลยครับว่า ไม่รู้จัก ความรอบคอบก็คงสู้อาจานซึ่งชั่วโมงบิน สูงกว่าไม่ได้แน่ ตามประสาเด็กกะโปโล ขวานฝ่าซาก สตายล์ลูกทุ่ง...เรื่องอย่างนี้ไม่เคยคิดจะขอแข่งด้วยหรอกครับ ส่วน "Egotism" นั้นมันเป็นของอาจานต่างหาก...

أَرَأَيْتَ مَنِ اتَّخَذَ إِلَهَهُ هَوَاهُ أَفَأَنتَ تَكُونُ عَلَيْهِ وَكِيلًا {43}
เจ้าได้เห็นหรือไม่ ผู้ที่ยึดเอาอารมณ์ความคิดเห็นของตัวเองเป็นพระเจ้า แล้วเจ้าจะเป็นผู้คุ้มครองให้มันกระนั้นหรือ?
(25:43)

ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าใครจะบอกจะเตือนอย่างไร จานจึงยังคงเถียงหัวชนกะลาว่า แนวทางของจานนั่นแหละคือการยึดอัลกุรอานเป็นหลัก ทั้งๆที่มันค้านกับคำสั่งในอัลกุรอานมาตั้งแต่ต้น
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Thu Jul 20, 2006 11:54 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ลองพิจารณา เรื่องศรัทธา และ เรื่องต่างๆส่วนตัวของคุณต่อหน้าและลับหลังสังคม, ดูให้อย่างละเอียด เมื่อคุณแน่ใจว่า คุณมีหลักประกันไปสรวงสวรรค์อย่างแน่นอนแล้ว, เมื่อนั้น คุณจึงอาจจะให้คำแนะนำต่อผู้อื่นได้ คุณทั้งสองกล้ายืนยันต่อ "อัลลอฮ์" ได้หรือไม่ว่า คุณทั้งสองไม่ใช่ "มุนาฟิก" ทั้งต่อสังคม และ ที่สำคัญที่สุดต่อ "อัลลอฮ์"
(matt : สีเหลือง - Sun Jul 16, 2006 10:39 pm)

ต้องขอชอบคุณในคำเตือนนี้ ซึ่งเราทุกคนต่างต้องสำรวจและเตือนตัวเองในลักษณะนี้อยู่เสมอ กระนั้นก็ตาม ด้วยธรรมชาติแห่งความเป็นมนุษย์ ก็ย่อมมีผิด มีเผลอไผล พลาดพลั้ง และหลงลืม ซึ่งอีมานของมนุษย์แต่ละคนนั้นมีเพิ่ม มีลด มันมักจะไม่ค่อยนิ่งอยู่ที่ระดับใดระดับหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ท่านนบีจึงให้เราช่วยกันตักเตือนซึ่งกันและกัน น้อยคนนักที่จะรักษาให้คงเส้นคงวาอยู่ในระดับที่เต็มเปี่ยมอยู่ตลอดเวลาได้

เศาะหาบะฮฺท่านหนึ่ง ชื่อ หันเซาะละฮฺ ตอนที่นั่งฟังท่านนบีสั่งสอนอยู่ เขาก็รู้สึกดื่มด่ำ ซาบซึ้ง จนน้ำตาไหล ประหนึ่งว่า สวรรค์และนรกถูกนำมาปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตา แต่ครั้นเมื่อเขากลับไปบ้าน อยู่กับครอบครัว มีความสุขกับการหยอกล้อกับลูกเมีย เขาก็ลืมความรู้สึกขณะอยู่ร่วมกับท่านนบีทั้งๆที่เพิ่งจากมาไม่นาน พอนึกได้เขาก็ร้องไห้เสียใจ และตำหนิตัวเองว่า หันเซาะละฮฺกลายเป็นมุนาฟิกฺไปเสียแล้ว แม้แต่ท่านอบูบักร์ผู้ซึ่งได้ชื่อว่า อัศศิดดีก very good ผู้ที่เชื่อท่านนบีอย่างหมดจิตหมดใจ ไม่ว่าจะมีอะไรที่เหลือเชื่อเกิดขึ้นกับท่านนบี อบูบักร์เชื่อไม่เหลือ! ท่านไม่เคยคลางแคลงแบ่งรับแบ่งสู้หรือไม่แน่ใจเหมือนพวกมุนาฟิกฺตัวจริงเลย) ก็ยังมีความรู้สึกเช่นเดียวกับหันเซาะละฮฺ ทั้งสองพากันไปหาท่านนบีและเล่าเรื่องให้ฟัง ท่านนบีบอกว่า "ถ้าหากว่าใครสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกให้แน่วแน่ได้เหมือนตอนที่อยู่กับฉันแล้วละก็ มลาอิกะฮฺก็จะสรรเสริญเขาทั้งยามเดินและยามนอน แต่หันเซาะละฮฺเอ๋ย...นั่นน่ะมันยากเหลือเกิน...ยากจริงๆ"

และด้วยเหตุที่เราไม่อาจทราบได้ว่าจิตใจของเราจะผันผวนไปอย่างไร เมื่อไหร่ ท่านนบีจึงสอนให้เราหมั่นวิงวอนอยู่เสมอว่า...

يا مقلب القلوب ثبت قلبي على دينك
โอ้พระผู้ทรงพลิกผันหัวใจ ขอพระองค์ทรงทำให้หัวใจของข้าฯมั่นคงอยู่กับศาสนาของพระองค์ด้วยเถิด
( บุคอรี )

ซึ่งสอดคล้องกับคำสอนในอัลกุรอาน...

رَبَّنَا لاَ تُزِغْ قُلُوبَنَا بَعْدَ إِذْ هَدَيْتَنَا وَهَبْ لَنَا مِن لَّدُنكَ رَحْمَةً إِنَّكَ أَنتَ الْوَهَّابُ
โอ้พระผู้เป็นเจ้าของพวกเรา ! โปรดอย่าให้หัวใจของพวกเราเอนเอียงออกจากความจริงเลย หลังจากที่พระองค์ได้ทรงแนะนำแก่พวกเราแล้ว และโปรดได้ประทานความเอ็นดูเมตตา จากที่ที่พระองค์ให้แก่พวกเราด้วยเถิด แท้จริงพระองค์นั้นคือผู้ทรงประทานให้อย่างมากมาย
( 3:8 )

ด้วยเหตุนี้เราจึงวิงวอนอยู่เสมอครับว่า....

رَبَّنَا فَاغْفِرْ لَنَا ذُنُوبَنَا وَكَفِّرْ عَنَّا سَيِّئَاتِنَا وَتَوَفَّنَا مَعَ الأبْرَارِ
โอ้พระเจ้าของพวกข้าพระองค์! โปรดทรงอภัยแก่พวกข้าพระองค์ด้วย ซึ่งบรรดาโทษของพวกข้าพระองค์และโปรดลบล้างให้พ้นจากพวกข้าพระองค์ ซึ่งบรรดาความผิดของพวกข้าพระองค์ และโปรดทรงให้พวกข้าพระองค์สิ้นชีวิตโดยร่วมอยู่กับบรรดาผู้ที่เป็นคนดีด้วยเถิด
( 3:193 )

จะได้อยู่ร่วมกับคนดี แม้ว่าวันนี้จะผิดๆพลาดๆ ลุ่มๆดอนๆไปบ้าง อย่างน้อยเมื่อถึงเวลาจะตาย ก็ขอให้ได้ตายอยู่ในความถูกต้อง ดีงาม บนหนทางของพระองค์ ไม่ใช่ทางของพวกที่ถูกกริ้ว ไม่ใช่ทางของพวกที่หลงผิด ทั้งๆที่มันก็รู้ว่าอัลลอฮฺเป็นเจ้า

وَمَا أُبَرِّئُ نَفْسِي إِنَّ النَّفْسَ لأَمَّارَةٌ بِالسُّوءِ إِلاَّ مَا رَحِمَ رَبِّيَ إِنَّ رَبِّي غَفُورٌ رَّحِيمٌ
และฉันมิได้อ้างว่าฉันสะอาดบริสุทธิ์ แท้จริงจิตใจนั้นถูกครอบงำไว้ด้วยความชั่วนอกจากที่พระเจ้าของฉันทรงเมตตา แท้จริงพระเจ้าของฉันเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
(12:53)

แต่จานครับ.... คำพูดบางคำที่แทรกอยู่ในคำเตือนที่ดูเหมือนจะจริงใจนั้น มันก็ส่อสะท้อนถึงการอวดอ้างบางอย่างของผู้แนะนำตักเตือนได้เหมือนกัน เช่น...

เมื่อคุณแน่ใจว่า คุณมีหลักประกันไปสรวงสวรรค์อย่างแน่นอนแล้ว, เมื่อนั้น คุณจึงอาจจะให้คำแนะนำต่อผู้อื่นได้
(matt : สีเหลือง - Sun Jul 16, 2006 10:39 pm)

เมื่อวันนี้อาจานแนะนำ ตักเตือนเรา มันก็เท่ากับว่า อาจานอ้างว่ามีหลักประกันนั้นแล้ว ???
จานครับ ผมคงบอกได้เพียงว่า อัลลอฮฺทรงตรัสว่า...

قُلْ هَلْ نُنَبِّئُكُمْ بِالْأَخْسَرِينَ أَعْمَالًا
الَّذِينَ ضَلَّ سَعْيُهُمْ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَهُمْ يَحْسَبُونَ أَنَّهُمْ يُحْسِنُونَ صُنْعًا
أُولَئِكَ الَّذِينَ كَفَرُوا بِآيَاتِ رَبِّهِمْ وَلِقَائِهِ فَحَبِطَتْ أَعْمَالُهُمْ فَلَا نُقِيمُ لَهُمْ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وَزْنًا
ذَلِكَ جَزَاؤُهُمْ جَهَنَّمُ بِمَا كَفَرُوا وَاتَّخَذُوا آيَاتِي وَرُسُلِي هُزُوًا

จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “เราจะแจ้งแก่พวกท่านไหม ถึงบรรดาผู้ที่ขาดทุนยิ่งในการงาน?”
“คือบรรดาผู้ที่การขวนขวายของพวกเขาสูญสิ้นไป ในการมีชีวิตในโลกนี้ และพวกเขาคิดว่าแท้จริงพวกเขาปฏิบัติความดีแล้ว”
เขาเหล่านั้นคือบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และการพบกับพระองค์ ดังนั้นการงานของพวกเขาจึงไร้ผล และในวันกิยามะฮ์เราจะไม่ให้มันมีค่าแก่พวกเขาเลย
นั่นแหละการตอบแทนของพวกเขาคือนรกญะฮันนัม เนื่องจากพวกเขาปฏิเสธศรัทธา และพวกเขายึดเอาโองการทั้งหลายของข้า และบรรดาร่อซูลของข้า เป็นที่ล้อเล่น

(18:103-106)

จานครับ.. คำสอน คำพูด และการกระทำของท่านนบีน่ะ...ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะครับ...พึงสังวรณ์...พึงสังวรณ์
-----------------------------
แต่ผมว่าผม "เชื่อฟังและปฏิบัติตามสุนนะห์ของท่านรอซูล" เป็นส่วนมากกว่าคุณทั้งสอง คุณว่าอย่างไร?
(matt : สีเหลือง - Sun Jul 16, 2006 10:39 pm)

ถามผมเหรอ?
อืมม... ไม่ทราบสิครับ เพราะผมก็ไม่เห็นเบื้องหลังอาจานเหมือนกัน
-------------------------
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> เกี่ยวกับมุสลิมะห์ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3, 4  ถัดไป
หน้า 3 จากทั้งหมด 4

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.23 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ