ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
คนที่เดินผ่าน มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 104 ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com
|
ตอบ: Mon May 08, 2006 1:13 pm ชื่อกระทู้: อาชีพ ลาแบ ? บุญหรือบาป |
|
|
อัสลามมุอะลัยกุม วะร่อมาตุลลอฮ ว่าบ่าร่อกาตุฮ
หลังจากที่ผมได้เข้ามาอ่าน ข้อความการสนทนาของ 3 นศ.ไคโร ที่รับรอง การประกอบพิธีกรรมกินบุญบ้านคนตาย นั้น กระทำได้ ไม่เป็นบิดอะห์ อีกทั้งยังถามหาคำสั่งห้าม อีกต่างหากด้วย
ผมเองถึงกับมานั่งวิเคราะห์วิจัยด้วยตนเองเป็นเวลา 2-3 นาทีเต็ม ว่าอาจจะเป็นไปได้ ด้วยสาเหตุนี้กระมัง จึงทำให้มีช่องทางทำมาอาชีพกับศาสนาขึ้นมาก็เป็นได้
เรามารู้จักอาชีพ ลาแบ กันคร่าวๆดีกว่า อาชีพ ลาแบ เป็นอาชีพเก่าแก่ เป็นอาชีพที่ ไม่ต้องลงทุนอะไรมากนัก มีผ้าสะโร่ง เสื้อกูรง หมวก ผ้าสะราบั่น หนังสือซูเราะห์ยาซีนเล่มเล็ก( เฉพาะพวกมือใหม่ที่ยังจำไม่ได้ ) อาจจะมีลูกประคำตัสเบี๊ยะด้วยก็ดีจะได้ดูขลัง และกระเพาะอาหารที่ว่างเปล่า
การเป็นลาแบนั้นไม่ใช่จะเป็นกันง่ายๆ คุณต้องมีพรรคพวก มีกลุ่ม มีก๊วน พูดง่ายๆถ้าคุณมีความสนิทสนมกับโต๊ะครูผู้ทำพิธี คุณก็จะเป็นได้อย่างไม่เก้อเขิน เมื่อคุณติดสอยห้อยตามไป
การเป็นลาแบนั้นสำหรับมือใหม่ควรศึกษาขั้นตอนการประกอบกุศลกรรมเพื่ออุทิศผลบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า อีซีกุโบร์และอาราวะย์ ให้แม่นยำ ถ้าเป็นไปได้ท่องจำ อ่านได้ทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนจบได้ยิ่งดี เวลากะเต๊ะนั้น ควรโยกตัวตามจังหวะไปด้วยเป็นการใส่อารมณ์ไปในตัว ไม่ควรเร่งเร้าจังหวะให้เร็วเกินไปเพราะอาจมีคนชราร่วมวงอยู่ด้วย จะหายใจไม่ทัน ตรงนี้ต้องระวัง
ส่วนผู้ที่จะเป็นผู้นำอ่านหัวเสื่อนั้น ผมขอแนะนำ การอ่านดุอาควรอ่านให้ยาว 3-4 หน้ากระดาษเป็นอย่างน้อย ต้องอ่านให้เร็ว กระชับ ลิ้นต้องไว อย่าตะกุกตะกัก แล้วเจ้าภาพจะเกิดความประทับใจเอง นั่นหมายถึงงานหน้าคุณอาจจะได้มาทำหน้าที่อีก
การเป็นลาแบที่ดีนั้น คุณต้องพูดจาสุภาพ รู้จุดประสงค์ของเจ้าภาพ สงบเสงี่ยม ไม่มูมมาม ตระกุมตระกาม ควรหลีกเลี่ยงการจ้องมองอาหาร หรือใจจดใจจ่อกับอาหารที่เจ้าภาพกำลังยกมา ไม่วิจารณ์รสชาดของอาหาร หรือเปรียบเทียบ เปลี่ยนเป็นคำชมได้จะดี อย่าคาดหวังกับเงินที่เจ้าภาพแจกว่าเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านั้น เราได้แจกมาแล้วตอนร่วมละหมาดญะนาซะ ถ้าเจ้าภาพแจกอีกในระหว่างที่เรากะเต๊ะ ก็ถือว่าเราได้โชค 2 ต่อ (ตามความเข้าใจของชาวบ้าน ) และต่อที่ 3 คือการกินบุญ มีแต่ได้กับได้
การรับงานนั้นโต๊ะครูจะเป็นผู้กลั่นกรองเอง แจกจ่ายแบ่งสายเอง เมื่อเจ้าภาพมาติดต่อ เพราะบางครั้งอาทิตย์นึง มีออเดอร์เข้ามาเยอะ ( เช่น ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ โกนผมไฟ แต่งงาน เปิดร้านใหม่ ลูกสอบติด เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง วันเกิด ฯลฯ ) งานอาจมีการชนกัน จึงต้องมีการแบ่งกลุ่มเดินสาย ทั้งนี้การคัดสรร อาจขึ้นอยู่กับศักดินาของเจ้าภาพเป็นหลัก ถ้าเจ้าภาพรวยมีหน้ามีตาในสังคม ก็จะเป็นพวกโต๊ะครูหัวกะทิ ส่วนเจ้าภาพที่เบี้ยน้อยก็เป็นพวกหางๆหรือพวกมือใหม่
ปัญหาของ อาชีพลาแบคือ พวกคณะใหม่ เพราะพวกคณะใหม่ทำให้ชาวบ้านเลิกทำบุญ งานของ ลาแบ จึงลดลง บางท้องที่ บางท้องถิ่น ลาแบถึงกับตกงานไปเลยก็มี บางคนต้องเปลี่ยนไปขายข้าวหมกแทน
ผมเขียนมานี้ ไม่ได้มีเจตนาจะเอาโต๊ะครูมาล้อเลียน หรือเสียดสีนะครับด้วยความเคารพ แต่มันคือความจริงที่ปรากฎในสังคมทุกวัน จับต้องได้ และอยากให้ผู้อ่านพิจารณาว่า สิ่งที่ 3 นศ.ไคโร ให้การรับรอง มันสอดคล้องกับศาสนา สอดคล้องกับความเข้าใจของชาวบ้านหรือไม่ ทั้งนี้เพื่อให้ทันเล่ห์เหลี่ยมของโต๊ะครู ที่คอยตอกย้ำให้อาชีพ ลาแบ นั้นมั่นคงยิ่งขึ้น และสมควรที่ถูกขจัดออกไป
วัสลามมุอะลัยกุม วะร่อมาตุลลอฮ ว่าบ่าร่อกาตุฮ...
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
adeel มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004 ตอบ: 172
|
ตอบ: Mon May 08, 2006 6:47 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อาชีพเดินกินบุญ หรือกินบุญเป็นอาชีพ
ฮ่าๆๆๆเอิกๆๆๆ
ตอนไปอำเภอจะกรอกว่าอาชีพ กินบุญ ได้ป่ะ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
dabdulla มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005 ตอบ: 437
|
ตอบ: Tue May 16, 2006 1:50 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ญาติผมคนนึง ประสาทไม่ค่อยจะดี
แม่ของเขานั้นเคย ให้เขาไปกินบุญ มีเจ๊ร้านรองเท้า ซึ่งอยู่ใกล้บ้านแก มาถามว่า ลูกชายคนเล็กไปทำอะไร เห็นใส่เสื่อ ใส่สะโหร่งออกไปข้างนอก
ผมนั่งอยู่พร้อมกับได้ยิน ด้วยกับสองรูหูว่า ตอนนี้ลูกชายแก รับจ้างสวดตามบ้าน
บิดอะห์ หรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่า คำนี้ ไม่ชินหู
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
คนที่เดินผ่าน มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 104 ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com
|
ตอบ: Fri Jun 02, 2006 2:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
...บางทีบางครั้ง ก็ต้องทน...
คำจำกัดความ: |
|
ขนาดไฟล์: |
30.04 กิโลไบต์ |
เข้าชม: |
14248 ครั้ง |
|
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
คนที่เดินผ่าน มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 104 ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com
|
ตอบ: Fri Jun 02, 2006 2:17 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
...ความอยากไม่เคยปราณีใคร...
คำจำกัดความ: |
|
ขนาดไฟล์: |
23.11 กิโลไบต์ |
เข้าชม: |
14247 ครั้ง |
|
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อับดุรเราะฮ์มาน มือเก่า
เข้าร่วมเมื่อ: 14/02/2006 ตอบ: 56
|
ตอบ: Thu Jun 08, 2006 11:32 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ผมว่าคุณคนเดินผ่านน่าจะจัดรายการ รู้ทันละแบ แข่งกับรายการรู้ทันประเทศไทยนะครับ ผมว่าต้องดังแน่ๆเลย -*-
การที่จะกำจัดอาชีพละแบออกไปจากสาระบบเมืองไทยผมว่ากำจัดระบอบทักษิณยังจะง่ายกว่าเยอะเลยครับคุณ หรือคุณเห็นว่าไง
ผมมีคนรู้จักอยู่เยอะแยะที่ประกอบอาชีพที่ว่าเนื่องจากอย่างที่คุณว่า ใช้ทุนน้อย ผลตอบแทนดี มีแต่ได้กับได้ ประเด็นที่น่าวิเคราะห์คือจริงหรือที่ว่าพวกคณะใหม่ทำให้ละแบตกงาน ถ้าเป็นเช่นนั้นจะมีผลกระทบต่อสังคมไนมุมกว้างเชียวนะครับ เพราะอย่าลืมว่าละแบเองย่อมมีภาระที่จะต้องดูแลตัวเองและครอบครัว การตกงานถ้าละแบมีความสามารถในการทำข้าวหมกอย่างที่คุณว่าคงไม่น่าห่วง แต่ถ้าพวกเขาไม่มีความรู้อื่นล่ะ เรื่องใหญ่เลยนะครับเพราะผมประเมินว่าเมืองไทยเราน่าจะมีละแบประจำแต่ละกำปงนับสิบๆคนถ้าทั้งประเทศตัวเลขน่าขึ้นเกินหลักหมื่นนะครับ เราน่าจะช่วยกันป้องกันการว่างงานของละแบไว้ก่อนดีไม้ครับ โดยอาจจะนำอาชีพละแบเข้าสู่สาระบบแรงงาน จัดให้มีการลงทะเบียนชื่อละแบ เพื่อจัดเก็บเงินประกันสังคม และถ้าเป็นไปได้ควรจะมีศูนย์ฝึกอาชีพละแบกรณีละแบว่างงานหรือตกงาน ด้วยคุณว่าดีไม้ครับ -*-
เฮ้อชักจะกลายเป็นมัจญนูนเข้าไปทุกวันแล้วแฮะ เรา
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
Shaki มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 19/06/2006 ตอบ: 1
|
ตอบ: Mon Jun 19, 2006 7:48 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ความจริง การไปกินบุญ หรือที่ท่านเรียกว่า ละแบ แต่ไม่ใช่อาชีพ เป็นการได้รับเชิญไปรับประทานอาหาร ซึ่งหน้าที่ทางสังคม ทั้งมุสลิมและศาสนิคอื่นๆ แต่จะไปทำอะไรกันก่อนรับประทานอาหารนั้นก็เป็นอีกเรื่อง ที่ว่ากันว่า เข้าข่ายบิดอะฮฺ การได้รับประทานอาหารหนึ่งมื้อกับเงินที่แจก 10-20 บ้าง หรือให้อาหารใส่ถุงกับไปฝากคนที่บ้านบ้าง ท่านคิดว่าถ้าเป็นอาชีพจะเลี้ยงชีพได้หรือไม่? วันหนึ่งอาจไป 3 ที่ ได้ 60 บาท อย่างนี้เลี้ยงชีพไม่ได้ จึงไม่ใช่อาชีพ
ฉะนั้น ถ้าเราจะบ่งชี้ว่า การเดินสายกินบุญของพวกเขานั้นเป็นอาชีพหรือเปล่า ต้องเอาหลักของการครองชีพตามความเป็นจริงของคนไทยมาพิจารณาว่า เป็นไปได้เพียงไร การไปรับประทานอาหารตามคำเชิญจึงเป็นหน้าที่ทางสังคมไม่ใช่อาชีพ แต่นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่เราเห็นๆกันนั้น ไม่ใช่เรื่องทางสังคม เป็นเรื่องที่ไม่มีในแบบฉบับของท่านนบีมูฮัมมัด(ซล)
อย่าเห็นเป็นเรื่องขบขัน ควรอย่างยิ่งที่กระจายความรู้ความเข้าใจในเรื่องของอิสลามให้คนรุ่นในสมัยนี้ได้เข้าใจว่าอะไรคืออิสลาม อะไรคืออิสลามไม่กระทำ เราอย่านึกสนุก เราต้องตระหนกว่าถ้าคนรุ่นใหม่ในสมัยนี้ยอมเดินตามทำพีธีกรรมอย่างที่เห็นเราจะช่วยพี่น้องเราได้อย่างไร
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อารัช มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 05/07/2006 ตอบ: 2
|
ตอบ: Wed Jul 05, 2006 1:20 am ชื่อกระทู้: |
|
|
คือจะมาอ้างว่าเป็นหน้าที่ทางสังคม หรือไม่นั้นไม่ทราบเอาอะไรมาเป็นเกณครับว่านี่คือหน้าที่ แล้วไม่ทราบว่าใครบอกคุณครับว่ามันเป็นหน้าที่ทางสังคม อย่าลืมนะครับว่าสังคมที่เรากําลังพูดถึงนั้นคือสังคมมุสลิม การที่จะมีการนําเอาอะไรมาเป็นมาตราฐานในสังคมนั้นจําเป็นอย่างยิ่งครับที่จะต้องมีหลักฐานในการนํามาปฏิบัติอย่างชัดเจน แล้วอิสลามเรามีมาตราฐานตรงนี้ว่าอย่างไรอันนี้ต้องทําความเข้าใจตามแนวทางแห่งอัลลิสลามเป็นลําดับแรกนะครับ ไม่เช่นนั้นแล้วแต่ละคน หรือแต่ละสังคม ซึ่งมีมาตราฐานทางสังคมและมาตราฐานทางด้านความคิดก็ต่างกัน แล้วถ้าแต่ละคนต่งอ้างความคิดของตนเองบ้าง อ้างว่าเป็นมารญาติทางสังคมของตนเองบ้าง แล้วมันจะเรียกว่าอิสลามได้อย่างไรกันละครับพี่น้อง เพราะฉนั้นสําหรับสังคมมุสลิสแล้วต้องยอมเชยครับ(แต่ขอโทษครับอินเทรนสุดดๆและจะอินเทรนจนกียามะฮฺ)ต้องกลับไปดูว่าเมื่อพันสี่ร้อยกว่าปีที่แล้ว ท่านนบี และบรรดาซอฮาบะท่านได้มีการแสดงออกในเรื่องนี้ใว้อย่างไร และกรุณายอมรับด้วยว่านบีเขาไม่ได้ ไปกินบุญคนตายกัน และนั่นก็เพียงพอแล้วครับ ว่านีไม่ใช่มารญาติ และหาใช่มาตราฐานแห่งสังคมอัลลิสลามอย่างเด็ดขาด และกรุณาอย่าอ้างอีกนะครับว่านี่เป็นมาตราฐานหรือมารญาติทางสังคม อาจใช่ครับแต่ไม่ใช่สําหรับสังคมอิสลามอย่างแน่นอนที่สุด และฝากใว้อีกอย่างนะครับสําหรับ ฝั่งญาติผู้ตายหนะ ไม่มีหน้าที่ต้องทําอาหารเลี้ยงแขกนะครับตรงกันข้ามครับพวกแขกที่ไปบ้านคนตายนั่นแหละต้องเอาของไปให้กับบรรดาลูกเมียคนตาย เพราะนี่คือมาตราฐานแห่งอัลลิสลามอันดีงามที่ควรอย่างยิ่งที่ควรจะกระทํา หรือคุณคิดว่ามารญาติทางสังคมในการไปกินบุญคนตายมันสําคัญกว่า กรุณาอย่าเอามาตราฐานเลวๆที่ดูเผินๆเหมือนจะดีมาหลอกตัวเองและชาวบ้านอีกเลย และอย่ามีหน้ามาถามหาคําสั่งห้ามนะครับ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sun Jul 06, 2008 10:55 am ชื่อกระทู้: |
|
|
فعن جرير بن عبد الله البجلي رضي الله عنه قال: كنا نعد الاجتماع إلى أهل الميت وصنعة الطعام من النياحة. رواه الإمام أحمد وابن ماجه.
وقد اتفقت المذاهب الأربعة المتبعة على أن اجتماع الناس على طعام بيت الميت أمر مكروه مخالف للسنة، واستثني الضيوف فيجوز إطعامهم.
وإذا تقرر أن الاجتماع إلى أهل الميت وصنع الطعام من النياحة التي ورد النهي عنها، فالذي ينبغي للمسلم أن لا يشارك فيه ولا يأكل منه ، وأن يكون تابعا للنبي صلى الله عليه وسلم والسلف الصالح، ولا يكون تابعا للعادات التي تخالف هديه صلى الله عليه وسلم، لا لحرمة الآكل أو الطعام في ذاته ولكن لما يتلبس بهذا الفعل من بدعة ومخالفة للشرع .
والله أعلم.
รายงานจาก ญะรีร บิน อับดุลลอฮ เราะฎิยัลลอฮุอันฮู กล่าวว่า พวกเรานับว่า การชุมนุมกันที่ครอบครัวผู้ตายและทำอาหารกินกัน เป็นส่วนหนึ่งจากนิยาหะฮ(ที่ต้องห้าม) - รายงานโดย อิหม่ามอะหมัดและอิบนุมาญะฮ
บรรดามัซฮับทั้งสี่ที่ถูกตาม เห็นฟ้องกันว่า การที่บรรดาผู้คนชุมนุมกัน รับประทานอาหารที่บ้านผู้ตายนั้น เป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ(มักรูฮ) ขัดแย้งกับสุนนะฮ ยกเว้น แขกที่มาเยือน อนุญาตให้เลี้ยงอาหารพวกเขาได้ และ การชุมนุมที่ครอบครัวผู้ตายและทำอาหารกินกัน เป็นส่วนหนึ่งจากอัลนิยาหะฮ ที่ปรากฏรายงานการห้ามจากมัน ดังนั้น ที่สมควรสำหรับมุสลิม คือ การไม่หุ้นส่วนในนั้นและไม่รับประทานอาหารจากนั้น และ(สมควร)ปฏิบัติตามท่านนบี และ บรรดาชาวสะลัฟผู้ทรงธรรม และอย่าปฏิบัติตามประเพณี ที่ขัดแย้งกับทางนำของท่านนบี ไม่ใช่ว่าการกินและอาหารนั้นหะรอมในตัวของมัน แต่ (หะรอม)สิ่งที่เกี่ยวพันกับการกระทำนี้ จากบิดอะฮและสิ่งที่ขัดแย้งกับศาสนบัญญัติ - วัลลอฮุอะอฺลัม
http://www.islamweb.net/ver2/Fatwa/ShowFatwa.php?lang=a&Id=108285&Option=FatwaId
_________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย asan เมื่อ Fri Jul 18, 2008 4:42 pm, แก้ไขทั้งหมด 1 ครั้ง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
คนครุ มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008 ตอบ: 5
|
ตอบ: Wed Jul 16, 2008 10:53 am ชื่อกระทู้: |
|
|
แหม บังจ๊ะ ไปเอารูปมาจากไหนครับเนี่ยะ แถวๆซอยวากัฟป่าวแถวนั้นเขามีเป็นชมรมเลยนะ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
คนที่เดินผ่าน มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 13/02/2006 ตอบ: 104 ที่อยู่: jaseen_muslim@hotmail.com
|
ตอบ: Wed Jul 16, 2008 9:55 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัสลามมุอะลัยกุม วะร่อมาตุลลอฮ ว่าบ่าร่อกาตุฮ
...ดาวุด แซวผมเล่นซะแล้ว 555 สบายดีนะ...
...ในซอยบ้านผมก็มีบ้าง โดยเฉพาะวันทำบุญซอย(ไม่รู้ว่าไปเอาหลักฐานที่ไหนว่ามีทำบุญซอย)มาเรี่ยรายลงขันทำบุญ ผมละงง...
...รูปที่เอาลงเป็นงานญาติห่างๆผมเอง ผมเขียนกระทู้นี้ 2 ปีที่แล้ว...
...ณ วันนี้ล่าสุด ผ่านมาไม่นาน งานทำบุญ 100 วัน ผู้ใหญ่ 100 บาท แล้วนะคร๊าบบบ เด็กๆ 40 บาท คร๊าบบบ เรียกว่า " ชุดสุดคุ้ม " ยิ่งกว่าในโฆษณา KFC อีก...
...ละแบก็เลย " กินเยอะเงินแยะ " มีความสุขกันไป...
วัสลามมุอะลัยกุม วะร่อมาตุลลอฮ ว่าบ่าร่อกาตุฮ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Jul 19, 2008 5:06 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
وَيَكْرَهُ اتِّخَاذُ الطَّعَامِ فِى الْيَوْمِ اْلاَوَّلِ وَالثَّالِث وَبَعْدَ اْلاُسْبُوْعِ وَنَقْلُ الطَّعَامِ اِلَى الْقُبُوْرِ
และมักรูอ(เป็นการน่ารังเกียจ)เลี้ยงอาหารในวันแรกของการตาย,วันที่สามของการตาย,หนึ่งสัปดาห์หลังจากการตายและนำอาหาร(ไปเลี้ยงที่)กุบูร - อิอานะฮอัฏฏอลิบีน เล่ม 2 หน้า 146
_________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|