ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เหลือเชื่อ !!! เสื้อเรารักนบีเป็นบิดอะห์
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เหลือเชื่อ !!! เสื้อเรารักนบีเป็นบิดอะห์
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 13, 14, 15 ... 25, 26, 27  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Apr 24, 2006 11:38 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายมุหัมหมัดกล่าวว่า
นายอะสันกล่าวว่า

1. เราจะอ่านตะชะฮฮุด ในสุญูดได้หรือเปล่าครับมุหัมหมัด เพราะอัลลอฮและรอซูลไม่ได้ห้ามชัดๆ

ผมขอกล่าวว่า

มันจะไปอ่านได้อย่างไรล่ะครับ นายอะสัน แบบนี้พูดแบบดมๆนี่ครับ อุดาอ์ในสุยูดนั้น ท่านนบีได้ระบุชัดไว้แล้ว และไม่มีสายรายงานใดบอกว่าท่านนบีหรือบรรดาซอฮาบะฮ์อ่านตะชะฮุดในสุยูด และก็ไม่มีอุลามาอ์ใดให้การยอมรับ แต่มันต่างกับการทำบุญเลี้ยงอาหารเป็นทาน 7 วัน หรือ 3 วัน ซึ่งนบีไม่ได้ห้าม และมีรายงานจากท่านอุมัรและซอฮาบะฮ์ และก็มีอุลามาอ์ให้การยอมรับด้วย อย่าไปเอาเปรียบเทียบแบบตลกๆเลยครับ กริ้วๆๆ
.....................
ตอบ
เอ้า..ก็แสดงว่า ต้องทำตามแบบอย่างท่านบีซิครับ แล้วทำไมชอบแหกคอกอยู่เรื่อยล่ะครับ ท่าน
ท่านนบีสอนอีกอย่างหนึ่ง แต่กลับไปทำอีกแบบ คือ ถ้าเปรียบการประกอบรถยนตร์ ก็หมายถึง ตัวถังนั้น เป็นบิดอะฮ แต่เอาอะไหล่ที่เป็นสุนนะฮ มาประกอบ แล้วจะเรียก ยี้ห้ออะไรดีล่ครับ หุ หุ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Mon Apr 24, 2006 7:12 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam บังอะสัน

บังอะสันครับ ความจริงบังมุหัมมัดนั้น เขาไม่ค่อยมีเวลาสักเท่าไหร่ ก็เลยขอให้บังอัลฟารูกเข้าช่วยบอกว่าให้หยุดการสนทนาชั่วคราว เพราะพวกเราใกล้สอบกันแล้วนะครับ และอีกอย่าง การอ้างอิงเรื่องหลักพิจารณาหะดิษเพียงบางส่วนของบังอะสันนั้น บังอัลฟารูกเห็นว่า ต้องรีบเข้ามาชี้แจงด้วยตนเอง หากให้บังมุหัมมัดชี้แจง เกรงว่าจะไปกันใหญ่

การสนทนาที่ผ่านมาในกระทู้นี้ มันก็เพียงพอสำหรับให้ผู้อ่านพิจารณาแล้วครับ และคำตอบการสนทนาของบังอะสันวันนี้ 24 เมษายน พวกเราไม่ขอตอบ คืออยากให้อยู่อย่างนั้น เพื่อที่จะทำการหยุดการสนทนาชั่วคราว เพื่อบังอะสันจะได้มีเวลาแปลนำเสนอในเชิงวิชาการลงเวปอัซซุนนะฮ์ของบัง พร้อมทั้งบังอะสันจะได้พักผ่อนได้เต็มที่ และพวกเราก็จะเตรียมตัวสอบกันนะครับ

รักษาสุขภาพมากๆ

wassalam

อัล-อัซฮะรีย์

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Apr 25, 2006 3:32 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มุหัมหมัดกล่าวว่า
แต่ ดร. อุมัร อัลอัชก๊อร ( عمر الأشقر ) วะฮาบีย์ที่อยู่ที่ จอแดน (อุรดุน) ได้ทำการบิดเบือน เพิ่มกุหะดิษของท่านอัลบุคอรีย์ ซึ่งมันเป็นการกล่าวโกหกต่อท่านร่อซุลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ซึ่ง ดร. อุมัร อัลอัชก๊อร ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัล-อะกีดะฮ์ ฟิลลาฮ์ ( القعيدة فى الله ) หน้า 175 ตีพิมพ์ มักตะบะฮ์ อัลฟะลาหฺ ตีพิมพ์ครั้งที่ 5 ( الطبعة الخامسة ) ซึ่งเขากล่าวหะดิษได้กุเพิ่มเติมโกหกไว้ว่า
يقول الله يا أدم فيقول لبيك وسعديك؛ فينادى بصوته إن الله يأمرك أن تخرج من ذريتك بعثا إلى النار
"อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า โอ้ อาดำ แล้วอาดำก็กล่าวว่า ขอรับ ดังนั้น จึงถูกประกาศด้วยเสียงของพระองค์อัลเลาะฮ์ แท้จริง อัลเลาะฮ์ทรงใช้ท่านให้ทำให้เกิดออกมาจากลูกหลานของท่าน เพื่อส่งไปยังไฟนรก" ดู หนังสือ อัล-อะกีดะฮ์ ฟิลลาฮ์ ( القعيدة فى الله ) หน้า 175 ตีพิมพ์ มักตะบะฮ์ อัลฟะลาหฺ ตีพิมพ์ครั้งที่ 5 ( الطبعة الخامسة )
ดร. อุมัร อัลอัชก๊อร ซึ่งเป็นอุลามาอ์นิกายวะฮาบีย์แห่งจอแดน ได้กุหะดิษโกหกใส่ท่านนบี เพื่อสนองอากิดะฮ์ของตนที่ว่า "อัลเลาะฮ์ทรงมีเสียงพูด" โดยเพิ่ม ตัว "ฮา" เข้ามาในหะดิษ นายอะดีลครับ แบบนี้ ดร.อุมัร อัลอัชก๊อร ต้องเตรียมที่พำนักในนรกตามที่คุณว่ากับผมไว้หรือเปล่าครับเนี่ย?? ได้เพื่อนของสองคนแล้วเรา แฮ่ะๆๆ เฮิ๊กๆ กริ้วๆ
…………….
ตอบ
ก่อนอื่นบังอะสันต้องขอมาอัฟน้อง al-farook และ น้อง al-azhary ที่บังจำเป็นจะต้องชี้แจงคำกล่าวหาของมุหัมหมัด ที่มีต่อ ดร. อุมัร อัลอัชก๊อร ว่า บิดเบือน โกหกใส่อัลลอฮและโกหกใส่ท่านนบี ซึ่งมันเป็นคำกล่าวหาที่รุนแรงมาก โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ว่าโดนกล่าวหาเยี่ยงนี้ ดังนั้นเพื่อให้ความเป็นธรรมกับท่านผู้นี้ บังอะสันใคร่ขอชี้แจงว่า
ข้อความในหะดิษที่ว่า
يقول الله يا أدم فيقول لبيك وسعديك؛ فينادى بصوت
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า โอ้ อาดำ แล้วอาดำก็กล่าวว่า ขอรับ ดังนั้น จึงถูกประกาศด้วยเสียงหนึ่งว่า
แล้วนายมุหัมหมัด ก็อ้างว่า
“ดร. อุมัร อัลอัชก๊อร ซึ่งเป็นอุลามาอ์นิกายวะฮาบีย์แห่งจอแดน ได้กุหะดิษโกหกใส่ท่านนบี เพื่อสนองอากิดะฮ์ของตนที่ว่า "อัลเลาะฮ์ทรงมีเสียงพูด" โดยเพิ่ม ตัว "ฮา" เข้ามาในหะดิษ”คือ
يقول الله يا أدم فيقول لبيك وسعديك؛ فينادى بصوته
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า โอ้ อาดำ แล้วอาดำก็กล่าวว่า ขอรับ ดังนั้น จึงถูกประกาศด้วยเสียงของพระองค์อัลเลาะฮ์
...................................
จึงอยากจะเรียนท่านผู้อ่านว่า หากดร. อุมัร อัลอัชก๊อร เพิ่มตัวฮา ต่อท้ายคำว่า بصوت : ด้วยเสียงหนึ่ง คำว่า “ด้วยเสียงหนึ่ง” นั้น หากเรามาพิจารณา จากต้นประโยค คือ
يقول الله يا أدم فيقول لبيك وسعديك؛ فينادى بصوت
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า โอ้ อาดำ แล้วอาดำก็กล่าวว่า ขอรับ ดังนั้น จึงถูกประกาศด้วยเสียงหนึ่ง
แล้วคำว่า “ด้วยเสียงหนึ่ง”นั้น ย่อมเป็นเสียงผู้อื่นไปไม่ได้ นอกจากเสียงของอัลลอฮ(ซ.บ) ดังนั้นหากท่านดร. อุมัร อัลอัชก๊อร เพิ่มตัวฮา ต่อท้ายคำว่า بصوت ก็เพื่ออธิบายว่า เป็นเสียงของอัลลอฮ เพราะการยอมรับว่า คำพูดของอัลลอฮ มีเสียงนั้น มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ค้านกับความจริงแต่ประการใด เพราะคำว่า “ได้ยิน”นั้น มันย่อมคู่กับคำว่า “เสียง”
อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ตรัสแก่ท่านนบีมูสา อะลัยฮิสสลามว่า
فاستمع لما يوحى . إنني أنا الله لا اله إلا أنا فاعبدني وأقم الصلاة لذكري " .
ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ถูกวะหยู”แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า – ฏอฮา/13-14
وقوله: ( فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَى ) أي: اسمع الآن ما أقول لك وأوحيه إليك
และคำตรัสของพระอง์ที่ว่า “ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ถูกวะหยูแก่เจ้า” กล่าวคือ ขณะนี้ จงฟังสิ่งที่ข้ากล่าวแก่เจ้าและข้าจะวะหยูแก่เจ้า – ตัฟสีรอิบนิกะษีร
( فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَى ) يقول: فاستمع لوحينا الذي نوحيه إليك وعه، واعمل به.
(ดังนั้นจงฟังสิ่งที่ถูกวะหยูแก่เจ้า) พระองค์ตรัสว่า “ดังนั้น เจ้าจงฟังวะหยูของเรา ซึ่งเราได้วะหยูแก่เจ้า จงให้ความสนใจมันและปฎิบัติตามมัน – ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์

وقد نص أئمة الإسـلام أحمد ومن قبله من الأئمة على ما نطق به الكتاب والسنة بأن الله ينادي بصوت وأن القرآن كلامه تكلم به بحرف وصوت ليس منه شيء كلاماً لغيره لا لجبريل ولا غيره (مختصر العلو 284-285
และบรรดาผู้นำแห่งอิสลาม อะหมัด และบรรดาผู้นำรุ่นก่อนจากท่าน ได้กล่าวเป็นหลักฐานไว้ ตามสิ่งที่อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ได้กล่าวมันเอาไว้ ว่าแท้จริง อัลลอฮ ทรงเรียกด้วย เสียง และอัลกุรอ่านเป็นคำพูดของพระองค์ พระองค์ทรงกล่าวมันด้วย หุรูฟและเสียง ไม่มีสิ่งใดจากมัน(อัลกุรอ่าน) ที่เป็นคำพูดของผู้อื่นจากพระองค์ ไม่ใช่ของญิบรีล และไม่ใช่ของผู้อื่นจากญิบรีล – มุคตะศอรอุลูวี หน้า 284-285
قال شيخ الإسلام (6/35 )
" النداء في لغة العرب هو صوت رفيع ، لا يطلق النداء على ما ليس بصوت لا حقيقة ولا مجازا
ชัยคุลอิสลาม(อิบนุตัยมียะฮ)(6/35)กล่าวว่า “ การเรียก ในภาษาอาหรับ คือ เสียงอันดัง การเรียก จะไม่ถูกอ้างถึง สิ่งที่ไม่มีเสียง ไม่ว่าจะด้วยความหมายจริง หรือ การอุปมาอุปมัยก็ตาม .
وقال ابن القيم في ( مختصر الصواعق 465)
" وقد ذكر سبحانه النداء في تسعة مواضع في القرآن أخبر فيها عن ندائه بنفسه ، ولا حاجة إلى أن يقيد النداء بالصوت ، فإنه بمعناه وحقيقته باتفاق أهل اللغة
และอิบนุกอ็ยยิมกล่าวไว้ใน(มุคตะศอรอัศเศาะวาอิก หน้า 465)ว่า อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ได้ระบุคำว่า “เรียก” ไว้เก้าแห่งในอัลกุรอ่าน ทรงบอกในนั้น เกี่ยวกับการเรียกของพระองค์เอง และไม่จำเป็นจะต้องไปจำกัด การเรียกว่า เรียก ด้วยเสียง แล้วแท้จริง ด้วยความหมายและความเป็นจริงของมัน ก็ ด้วยการเห็นฟ้องของนักภาษาศาสตร์

وقال تعالى : ( وإذ قال الله يا عيسى ابن مريم ) المائدة /166 ففي هذه الآية أن الله يقول ، وأن قوله مَسْمُوع فيكون بصوت
และอัลลอฮ(ซ.บ)ตรัสว่า(และในขณะที่อัลลอฮตรัสว่า โอ้อีซา บุตร มัรยัม) –อัลมาอิดะฮ/116 –ดังนั้น อายะฮนี้ แสดงว่า อัลลอฮทรงตรัส และคำตรัสของพระองค์นั้น เป็นสิ่งที่ถูกได้ยิน แล้วมันปรากฏด้วยเสียง
شرح لمعة الاعتقاد لابن عثيمين ص 73
......................
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เพื่อจะให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาโดยไม่มีโอกาสได้ชี้แจง ส่วนพวกท่านมีทัศนะไม่ตรงกับ ดร. อุมัร อัลอัชก๊อร ก็เป็นสิทธิของพวกท่าน
.................
วัสสลาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Tue Apr 25, 2006 10:49 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam บังฮะซัน

Very Happy บังครับบังจะไปเดือดร้อนทำไมกับคำพูดของน้องมูฮำมัดละครับ ถ้าบังไม่ใช่หัวหน้าวะฮาบีย์ตัวจริง และสลัฟตัวปลอม ...ฮ้าๆๆๆ
อย่ากินปูนร้องทองเลยอาบัง แต่น่าจะให้พี่น้องคนอื่นๆตัดสินเองน่าจะดีกว่านะครับ ที่บังจะมาตีโพยตีพายเอง.
ความจริงมันย่อมไม่หนีไปไหนหรอกครับ
ส่วนมากในความเป็นจริง เวลาบังยกหลักฐานหรือการอ้างอิงจากใครก็ตามที่เพื่อจะนำมาหักล้างคำพูดของนักศึกษาอียิปต์นั้น มันก็หนีไม่พ้น บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของ อีหม่ามอิบนุตัยมียะ ทั้งนั้นแม้บางครั้งบังก็ยังยกคำพูดของท่านมุฮำมัด บินอับดุลวาฮาบ มาหักล้างวคำพูดอุลามะรุ่นก่อนในมัสหับชาฟีอีเลย ดังนั้นการที่น้องมูฮำมัดตั้งฉายานี้ให้กับบัง บังก็ไม่น่าจะเดือดดาล นะครับ ก็เห็นบังบอกว่า บังไม่ยึดติดสายไหน ไม่ตามอุลามะท่านใดทั้งสิ้น แต่มันค้านกับคำพูดของบังกับหลักฐานที่ยกมาล้วนมาจากสายวะฮาบีย์ทั้งนั้น ฮ้าๆๆๆ


อย่างเช่นท่าน อิบนุตัยมิยะ ฯลฯ แม้กระทั่ง ดร. อุมัร อัลอัชก๊อร ไม่ได้เป็นสลัฟบังก็ต้องปกป้องเสียสุดชีวิต ฮ้าๆๆ

และข้อความในหะดิษที่ว่า
يقول الله يا أدم فيقول لبيك وسعديك؛ فينادى بصوت
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า โอ้ อาดำ แล้วอาดำก็กล่าวว่า ขอรับ ดังนั้น จึงถูกประกาศด้วยเสียงหนึ่งว่า
ซึ่งเรื่องเสียงนี้“ดร. อุมัร อัลอัชก๊อรเป็นผู้เพิ่ม ตัวฮาเข้าไปเอง เพื่อให้คนทั่วไปรู้ว่า "อัลเลาะฮ์นั้นทรงมีเสียงพูด ถามว่าอย่างนี้เป็นบิดอะห์ฎอลาละหรือไม่ บิดเบือนอย่างหน้าตาเฉยหรือไม่ หรือว่า บังกล้าบอกกล้ายืนยันอีกว่าเป็นสิ่งที่สามารถกระทำได้ โดยอ้างความชอบธรรมของลัทธิของบังมาตัดสินการเพิ่งคำว่า ฮา ขึ้นมาเอง

เหตุผลของบังที่ยกมาอ้างหลักฐานการเพิ่มคำว่า ฮา ขึ้นมาเอง ของ ดร อุมัร อัลอัชกอดนั้นฟังไม่ขึ้นครับที่บังว่า
...................................
---อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า โอ้ อาดำ แล้วอาดำก็กล่าวว่า ขอรับ ดังนั้น จึงถูกประกาศด้วยเสียงหนึ่ง
แล้วคำว่า “ด้วยเสียงหนึ่ง”นั้น ย่อมเป็นเสียงผู้อื่นไปไม่ได้ นอกจากเสียงของอัลลอฮ(ซ.บ) ดังนั้นหากท่านดร. อุมัร อัลอัชก๊อร เพิ่มตัวฮา ต่อท้ายคำว่า بصوت ก็เพื่ออธิบายว่า เป็นเสียงของอัลลอฮ เพราะการยอมรับว่า คำพูดของอัลลอฮ มีเสียงนั้น มันไม่ได้เป็นสิ่งที่ค้านกับความจริงแต่ประการใด เพราะคำว่า “ได้ยิน”นั้น มันย่อมคู่กับคำว่า “เสียง”

Very Happy ถามครับบังหน่อยเถอะว่า ระหว่างเสียงของมนุษย์กับเสียงของอัลลออ์(ซบ)มันเหมือนกันหรือครับ
ที่ว่าเมื่อพระองค์ตรัสแล้วเราต้องมีหูฟังหรือต้องเอาอวัยวะฟังเท่านั้นจึงได้ยินการตรัสของพระองค์
ผมว่าบังนั้นหลงประเด็นมาก คำดำรัสของอัลลอฮ์นั้นไม่เหมือนคำพูดของมนุษย์นะครับ ที่เมื่อมีเสียงพูดเเล้วต้องได้ยินคือจะต้องอาศัยหูเป็นอุปกรณ์สือสารเท่านั้นไม่นั้นจะไม่ได้ยิน..

ถ้าเป็นอย่างนี้ บังก็พยามเอาซิฟัตของอัลลออ์(ซบ)มาเทียบเคียงกับมนุษย์ธรรมดาเหมือนเรานะครับ
ก็บอกแล้วไงว่าอัลลออ์นั้น ไม่มีสิ่งใดเหมือนและไม่เหมือนสิ่งใด และสิ่งท่านอุมัร อัลอัชกอด พยายามอธิบายโดยเพิ่มอักษร ฮา นั้น เป็นการอุตริกรรมหรือสิ่งที่ประดิษฐ์เพิ่มขึ้นมาที่ลุ่มหลง ให้มนุษย์ทั่วไปได้รู้ว่า อัลลออฮ์นั้นตรัสด้วยเสียง และต้องฟังจึงจะได้ยิน โดยไปเปรียบเทียบกับมัคลูกต่างๆฮ้าๆๆ
โดยที่บังอายะนี้มาเพื่อสนับสนุนการต่อเติมของอุลามะวะฮาบีย์ คือท่านดร.อุมัร อัลอัชกอด

อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ตรัสแก่ท่านนบีมูสา อะลัยฮิสสลามว่า
فاستمع لما يوحى . إنني أنا الله لا اله إلا أنا فاعبدني وأقم الصلاة لذكري " .
ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ถูกวะหยู”แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า – ฏอฮา/13-14
وقوله: ( فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَى ) أي: اسمع الآن ما أقول لك وأوحيه إليك
และคำตรัสของพระอง์ที่ว่า “ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ถูกวะหยูแก่เจ้า” กล่าวคือ ขณะนี้ จงฟังสิ่งที่ข้ากล่าวแก่เจ้าและข้าจะวะหยูแก่เจ้า – ตัฟสีรอิบนิกะษีร
( فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَى ) يقول: فاستمع لوحينا الذي نوحيه إليك وعه، واعمل به.
(ดังนั้นจงฟังสิ่งที่ถูกวะหยูแก่เจ้า) พระองค์ตรัสว่า “ดังนั้น เจ้าจงฟังวะหยูของเรา ซึ่งเราได้วะหยูแก่เจ้า จงให้ความสนใจมันและปฎิบัติตามมัน – ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์

--------ระหว่างคำว่าเสียง กับว่า จงฟังมันคนละเรื่องกันเลย ผมไม่เห็นตรงไหนที่จะตัดสินว่า เมื่อพระองค์ว่า....จงฟังแล้ว.. นั่นต้องหมายถึงว่า...[color=green]พระองค์จะต้องแผดเสียงหรือเปล่งเสียงเป็นคำพูดหรือตัวอักษรเหมือนกับมัคลูกหรือมนุษย์เราๆท่านๆเลย
ดังที่อุลามะวะฮาบีย์ที่เขาเข้าใจตามที่บังยกมาข้างล่างนั้น ไม่ใช่เป็นบทสรุปว่า ท่นเหล่านั้นได้เข้าใจในคำ กุดอรัตของกะลามมุลเลาะฮ์ของพระองค์ว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้
แต่ที่ถูกต้องของการเข้าใจนั้นคือ ไม่มีคนในยคท่านนบี ซอฮาบะ ตาบีอีน ตาบีอิตาบีอีนหรือคนสลัฟ เข้าใจเช่นเดียวกับ คณะของวะฮาบีย์ว่า พระองค์นั้นต้องมีเสียง หรือปรากฏเสียง และตรัสเป็นตัวอักษร เท่านั้น คั๊กๆๆๆๆๆ-----------[/color]
wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Apr 25, 2006 4:59 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

konyakrook
ถามครับบังหน่อยเถอะว่า ระหว่างเสียงของมนุษย์กับเสียงของอัลลออ์(ซบ)มันเหมือนกันหรือครับ
.........
ตอบ
เอ...ใหนว่าอัลลอฮไม่มีเสียง แต่ที่ถาม ถามว่า
ระหว่างเสียงของมนุษย์กับเสียงของอัลลออ์(ซบ)มันเหมือนกันหรือครับ
..........
เอาให้แน่อัลลอฮมีเสียงหรือเปล่า ฮะฮา

ขอถามสักข้อ คำว่า ได้ยิน หมายถึง ได้ยินเสียง หรือ ได้ยินการไม่มีเสียง
พอตอบ ผมจะได้รู้ว่า คุณ สติดีอยู่หรือเปล่า
.............
ผมไม่มีเวลาที่จะตอบโต้กับคนไร้สาระ
ขอรอให้น้องอัลอัซฮารีย สอบเสร็จก่อน
ขอให้บ่นไปคนเดียวเถอะ ฮะฮา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Wed Apr 26, 2006 10:34 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam บังฮะซัน

Embarassed ดีครับ เข้ามาอ่านอย่างเดียวก็ได้ แต่ขอร้องบังอย่ามั่วนิ่มก็แล้วกันครับ
ที่ผมถามว่า ระหว่างเสียงของมนุษย์กับเสียงของอัลลออ์(ซบ)มันเหมือนกันหรือ Question

---ซึ่งจริงๆแล้วผมไม่ได้ตอบสักหน่อยว่าอัลลอฮ์(ซบ)ทรงมีเสียงและตัวเป็นตัวอักษรดั่งที่บังเข้าใจตามอุลามะในสายของบังว่า อัลลออ์นั้นทรงตรัสด้วยเสียงและมีตัวอักษรและเสียงนั้นเหมือนกับเสียงมนุษย์โดยให้ความเข้าใจว่าเสียงนั้นต้องคู่กับการได้ยิน------

บังคงจะตาลายและพยายามตบตาผู้อ่านว่า ในแนวทางของอีหม่ามชาฟีอี(รฮ)ก็ยอมรับว่าอัลลออ์(ซบ)ทรงตรัสดวยเสียงและปรากฏตัวอักษรหรือครับ..ฮิๆๆๆ
บังไม่ได้อ่านข้อความข้างล่างนี้เลยหรือครับผมพูดไว้อย่างไร ดูให้ชัดๆอาบังอย่ามั่วตั้ว

--ก็บอกแล้วไงว่าอัลลออ์นั้น ไม่มีสิ่งใดเหมือนและไม่เหมือนสิ่งใด -----
และสิ่งท่านอุมัร อัลอัชกอด พยายามอธิบายโดยเพิ่มอักษร ฮา นั้น เป็นการอุตริกรรมหรือสิ่งที่ประดิษฐ์เพิ่มขึ้นมาที่ลุ่มหลง ให้มนุษย์ทั่วไปได้รู้ว่า อัลลออฮ์นั้นตรัสด้วยเสียง และต้องฟังจึงจะได้ยิน โดยไปเปรียบเทียบกับมัคลูกต่างๆฮ้าๆๆ


Rolling Eyes ตรงไหนละบังว่าผมยอมรับว่าอัลลออ์นั้นทรงตรัสด้วยเสียงดังที่บังเข้าใจ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อีกอย่างและที่บังไม่ยอมรับว่า
Razz หะดิษฏอวูส เป็นหะดิษมัรฟัวะนั้น เพราะเป็นการคาดเดานั้น เพราะฎอวูสไม่ได้อ้างถึงเศาะหาบะฮคนใด ที่กล่าวว่าท่านนบี ใช้ให้ครอบครัวผู้ตายเลี้ยงอาหารแก่คนที่มาชุมนุมที่บ้านผู้ตาย หรือ เลี้ยงอาหารเพื่ออุทิศผลบุญแก่ผู้ตาย
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
แล้วบังไม่เข้าใจถึงคำบอกกล่าวของท่านฏอวุสหรือครับว่ามันก็คือการถ่ายทอดการกระทำแบบนั้นของบรรดาซอฮาบะและตาบีอีน ที่ท่านอยู่ในเหตุการณ์มันก็หมายถึงว่า ท่านได้เห็นแบบอย่างนั้นมา กับตาท่านเอง
และก็นี่ก็คือหะดิษมัรฟัวะ ที่อ้าง-ท่านนบี (ซล) จาก คำพูด การกระทำ การยอมรับ
หรือ คุณลักษณะ (ของท่านนบี) หรือ หะดิษที่มีสายสืบเล่าไปถึงท่านนบี (ซล)


- ------อ้างจากบังอะสัน----------

หะดิษมักฎูอฺ จะเอามาเป็นหลักฐานอ้างอิงในด้านบทบัญญัติศาสนาไม่ได้ ถึงแม้ว่า จะอ้างอิงหะดิษอย่างถูกต้อง แก่ผู้ที่กล่าวก็ตาม เพราะความจริงมันเป็นเพียงคำพูด หรือ การกระทำ ของคนหนึ่งจากบรรดามุสลิมทั้งหลายเท่านั้น – ดู ตัยสีรมุศเฏาะละหิลหะดิษ ของ ดร.มะหมูด อัฏเฏาะหาน หน้า 133
…………….
ตอบ บังไม่เข้าใจเลยหรือว่าบรรดานักฮาดิสนั้นเขาได้แยกแยะไว้แล้วว่า

หะดิษมักฺฏั๊วะนั้น ไม่สามารถนำมาอ้างเป็นหลักฐานในเรื่องที่จะนำมาฮูกุ่มของศาสนาได้..แม้ว่าจะมีความซอเฮิยะหฺโดยอ้างไปยังผู้กล่าวก็ตาม เพราะเป็นแค่คำพูดหรือการกระทำของคนหนึ่งจากบรรดามุสลิมีนเท่านั้น

---แต่ทว่า หากเนื่อหารายงานหรือสิ่งแวดล้อมที่บ่งถึง มัรฟั๊วะและอ้างถึงท่านนบี) เช่นคำกล่าวของตาบิอีนที่ ยกอ้างถึงท่านนบี(ซล) นั้น บรรดาอุลามะฮาดิสเขาถือว่า...เป็นฮูกุ่มที่มัรฟั๊วะได้ครับผม

และถ้าเราพิจารณาข้อความที่สมบูรณ์เกี่ยวกับหุกุ่มของ หะดิษมักตั๊วะแล้ว ก็จะพบว่า สายรายงานของท่านฏอวูส จะอยู่ในฮูกุ่ม มัรฟั๊วะ ไม่ใช่ฮูกุ่มมักตั๊วะเลย.....
และเรื่องนี้ท่านอิบนุหะญัรซึ่งเป็นหนึ่งในอุลามะฮาดิสท่านก็ยังบอกว่า
คำกล่าวของตาบิอีย์ ที่กล่าวว่า---บรรดาซอฮาบะฮ์ได้กระทำสิ่งดังกล่าว-- และในคำกล่าวของตาบิอีย์นี้ ได้มีอยู่ 2 ทัศนะด้วยกันจากคำกล่าวของนักปราชญ์หะดิษและอุซูลุลฟิกห์


1. คำกล่าวของตาบิอีย์นี้ (คือท่านฏอวูส) อยู่ในบทการรายงานที่ มัรฟั๊วะ คือไปถึงสมัยของท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งความหมายของมันก็คือ บรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหลายได้กระทำการเลี้ยง(ให้)อาหาร ในสมัยของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) โดยที่ท่านร่อซูลทราบในสิ่งดังกล่าว เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงถูกกล่าวว่า คำกล่าวของตาบีอีย์(คือท่านฏอวูส) เป็นการบอกเล่าจากบรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหมด ดังนั้น คำกล่าวของท่านฏอวูสนี้จึงเป็นการ ถ่ายทอดถึงมติของบรรดาซอฮาบะฮ์ ซึ่งจุดมุ่งหมายก็คือ การเลี้ยง(ให้)อาหารนั้น เป็นสิ่งที่แพร่หลายในสมัยของซอฮาบะฮ์ดังกล่าว โดยไม่ได้ถูกตำหนิแต่ประการใด...

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Wink พี่น้องครับ...บังฮะซันชอบยกฮาดีสนี้มาเสมอครับ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของท่านญะฟัรโดยตัดตอนส่วนที่บังชอบและสนับสนุนทัศนะของบัง

--ตอไปนี้ผมจะนำประวัติความเป็นมาของหะดิสนที่บังฮะซันยกมาและอ้างคำพูดของท่านนบี(ซล)ตามตัวบทฮาดีสข้างล่างนี้ว่าจริงๆแล้ว ที่ว่า

اِصْنَعُوْا لآلِ جَعْفَرِ طَعَامًا فَقَدْ اَتَاهُمْ مَايُشْغِلُهُمْ . (حسنه الترمزى وصححه الحاكم

“พวกท่านจงทำอาหารให้แก่ครอบครัวยะฮฟัร ความจริง สิ่งที่นำความทุกข์แก่พวกเขา ได้มาประสบกับพวกเขา” – อัตติรมิซีย์ระบุว่า เป็นหะดิษ หะซัน และอัลหากิมระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ

Rolling Eyes คืองี้ครับ ท่านญะฟัรนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านนบี(ซล)และเป็นบุคคลที่ท่านนบีรักมากท่านเป็นคนกล้าหาญและจัดว่ามีคว่ามรักต่อท่านนบีเช่นกัน ทานได้ทำการยืนหยัดกับท่านนบี(ซล)มาตลอดในการสนับสนุนเผยแพร่ศาสนาของท่านนบี(ซล)ในเรืมแรกที่ท่านได้นบี(ซล)ได้รับวะฮีย์แต่งตั้งใหม่ๆ
ซึ่งในครั้งนั้นท่านญะฟัรก็เพิ่งแต่งงานกับภรรยาของท่านและไม่ได้อยู่กินกันเป็นส่วนมาก เพราะต้องคอยช่วยเหลือและปกป้องท่านบีในการเผยแพร่ศาสนา จากศัตรูคือมุชรีกีนในมักกะฮ์ในครั้งนั้น และเป็นการเริ่มแรกของการประกาศศาสนาให้ชาวกุฟารมุชรีกีนมาเดินมาสู่อัลอิสลาม

ดังนั้นท่านนบี(ซล)จึงมีศัตรูมากมายในขณะนั้น และโองการของที่ อัลลออ์(ซบ)ที่กล่าวว่า" มูฮำมัดจงบอกเถิดว่า "สำหรับข้านั้นคืออัลลออ์นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเจ้าในการปกป้องหรือดูแล
อันตรายจากศรัตรูของเจ้า โองการนี้ก็ยังไม่ได้ลงมาในขณะนั้น
Idea และจากการสงครามนี่แหละท่ทำให้ท่นญะฟัรต้องจบชีวิตลง ท่านนบีและบรรดาที่ศรัทธาตามท่านนบีซึ่งมีเพียงไม่กี่คนต่างก็ร้องให้และบางคนก็ เริ่มท้อถอย และในครั้งนั้นท่านนบีนั้นสงสารท่านญะฟัรและภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหมๆที่ท่านเองเป็นผู้ชักชวนท่านยะฟัรมาร่วมเผยแพร่ศาสนาอิสลาม ซึ่งท่านญะฟัรนั้นมีใจเด็ดเดี่ยว ประกาศจะให้ความร่วมมือต่อท่านนบีในทุกวิถีทาง ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจะแต่งงานอยู่กินกันใหม่ๆ และท่านนบีก็คิดใคร่ครวญมากเรื่องนี้ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ในการจากไปของท่านญะฟัร และเมื่อ ข่าวถึงการตายของท่านญะฟัรทราบถึงภรรยาของท่าน ที่ตั้งหน้าตั้งตาคอยสามีที่จะกลับมาจากสงคราม กลับมาเป็นเช่นนี้ นางจึงเสียใจมากและโอดครวญตลอดเวลา ซึ่งท่านนบีก็ทราบข่าวจากบรรดาซอฮาบะว่าภรรยาของท่านญะฟัรนั้น ร้องให้รำพึงรำพันตลอดเวลาเพราะท่านทำใจยังไม่ค่อยได้จากการจากไปของสามีที่ไม่มีวันกลับมา ท่านนบีนั้นได้ฝากให้บรรดาผู้ใกล้ชิดท่าน(ซอฮาบะ) คอยปลอบประโลมและให้กำลังใจนางอย่างใกล้ชิด และสง่ข่าวคราวจากท่านถึงสามครั้งสามครา แต่ก็ไม่มีทีท่าว่านางจะหายโศรกเศร้า ซ้ำนางยังกล่าวหาและด่าทอต่อท่านบีว่า เป็นผู้ที่ทำให้สามีของนางเป็นแบบนี้ ซึ่งการกระทำของนางนั้นบรรดาอุลามะและนักปราชญ์ต่างถือว่า ในขณะนั้นอิสลามเพิ่งเริ่มเผยแพร่ และจากการที่นางนั้นยังไม่ได้รับอิหม่านด้านศาสนาที่สมบุรณ์ นางจึง เสียดสีท่านบีด้วยคำต่างๆ
จากเหตุผลตรงนี้ท่านนบีจึงตระหนักและกำชับให้บรรดาผู้ใกล้ชิดที่ติดตามท่าน ได้อย่าใด้ละทิ้งนางและคอยให้ความช่วยเหลือนางให้ตลอดและอย่าได้รบกวนให้นางไม่สบายใจ..นี่คือต้นเหตุที่มาของเรื่องครับ
และที่บังฮะซันหะดิสนี้มาจริงๆแล้วมันคือส่วนหนึ่งของประวัติความเป็นมาของหะดิสนี้ แต่บังนั้นชอบยก
คำกล่าว ที่มุ่งสนับสนุนแนวทางของบังเท่านั้นโดยไม่มอง ถึงต้นตอหรือสาเหตุของที่มาของเนื้อหาหะดิสเลย อย่างที่ยกมานี้แหละครับพี่น้อง....

نَعُوْا لآلِ جَعْفَرِ طَعَامًا فَقَدْ اَتَاهُمْ مَايُشْغِلُهُمْ . (حسنه الترمزى وصححه الحاكم

“พวกท่านจงทำอาหารให้แก่ครอบครัวยะฮฟัร ความจริง สิ่งที่นำความทุกข์แก่พวกเขา ได้มาประสบกับพวกเขา” – อัตติรมิซีย์ระบุว่า เป็นหะดิษ หะซัน และอัลหากิมระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ

Rolling Eyes ซ้ำบังยัง ต่อท้าย ให้เห็นถึงระดับของหะดิสด้วย

ทีเวลาทางเรายกหะดิสซอเหียะให้บ้างกลับ อ้างว่า นั้นคือซุนนะซอฮาบะเท่านั้น Rolling Eyes เช่นเรื่องบิดอะ
และพอท่านบิลานและซอฮาบะท่านอื่นๆกระทำในสิ่งท่านนบียังไม่ได้ใช้ เป็นฮาดีสที่ดีบังกลับบอกว่า มันไม่เกียวกัน ...ผมละเซ้งเซ็งกับคำพูดของบัง ที่ไร้จุดยืน

แม้กระทั้งโองการอัลกรุอาน ซึ่งเป็นคำดำรัสที่สูงสงของอัลลออ์(ซบ) บังก็ยังยกมากึ่งๆกลางเป็นส่วนมาก ไม่ว่าเรื่องการอุทิศผลบุญให้คนตาย หรือการที่อ่านตัลกีนเพื่อแผ่บุญไปยังคนที่ตายไปแล้วและอื่น ฯลฯ บังก็ยกมาตอนท้ายๆ ของโองการที่พระองค์ทรงดำรัสหรือตักเตือนกับ บรรดาอุมัรหรือประชาชาของท่านนบีมูซา(อ)ฯลฯโดยที่ไม่ได้ห้ามในสมัยท่านนบีและอุมัรของประชาชาติยุคนี้ด้วยเลย และอะไรที่หมกเหม็ดนั้นบังชอบหนักหนาและฮ้าๆๆๆ


Evil or Very Mad พี่น้องที่รักทั้งหลายครับ ดูเอาเองเถอะครับว่าบังฮะซันลื่นขนาดไหน กับความเข้าใจของบังโดยยกฮะดิสนี้มา
ญะรีร บุตร อับดุลลอฮ อัล-บะญะลี ซึ่งมีฐานะเป็นเศาะหาบะฮ กล่าวว่า

‏كُنَّا نَعُدُّ ‏ ‏الِاجْتِمَاعَ إِلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصَنِيعَةَ الطَّعَامِ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنْ ‏ ‏النِّيَاحَةِ
رواه أحمد وصححه الألباني في أحكام الجنائز (ص167)

พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกันที่ครอบครัวผู้ตายและทำอาหารกินกัน หลังจากที่ฝังมัยยิต เป็นส่วนหนึ่งของการนิยาหะฮ- รายงานโดย อะหมัด อัลบานียได้ระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเหียะ ในหนังสือ อะหกามุ้ลญะนาอิซ หน้า 167

:cry: ทั้งที่เราเองก็บอกแล้วว่าการที่ญาติของมัยยัตมาเชิญเราไปนั้นเราไม่ได้ไปสมทบในการ[color=red]ทำนิยาหะ เหมือนที่บังฮะซันหรือวะฮาบีย์เข้าใจเลย ตรงกันข้ามเราไปเพื่อเชื่อมความสัมพันธ์และช่วยเหลือในภาคสังคมต่อความเป็นพี่น้องกัน และให้เกียตรต่อญาตที่มาเชื่เชิญเรา แต่วะฮาบีย์นั้นไม่เข้าใจอะไรในทางบวกเลย หาว่าเรา พากันวาเติมญาติของตายบ้าง หากินกับซากศพบ้าง..รับจ้างเฝ้ากุโบร์บ้าง ช่างน่าสมเพศมากกับคำผรุสวาทแบบนี้
ตรงกันข้ามการยื่นมือให้ความช่วยเหลือต่อญาติมัยัตนั้น กลับให้เขารู้ว่าเรานั้นไม่เคยละทีงเขาต่างหาก ไม่ใช่เพื่อหวังไปกินหรือกอบโกยดังที่วะฮาบีย์เข้าใขบิดเบือน[/color]
ดูซิครับบังฮะซันเข้าใจแบบนี้ว่า
......................
บังกล่าวว่า...หะดิษฏอวูส ไม่ได้ระบุ เรื่อง พิธีกรรมที่ถูกนำมาประกอบในการเลี้ยงอาหาร แต่ พิธีกรรมบ้านเรา
นั้น ได้กำหนดรูปแบบเอาไว้ ซึ่งไม่มีรูปแบบมาจากสุนนะฮ แต่ตรงกันข้าม มีลักษณะคล้ายคลึงกับพิธีกรรม ทำบุญเนื่องจากการตายในศาสนาอื่น แตกต่างก็เพียงเนื้อหาเท่านนั้น
.................................................
-อะไรกัน การที่เจ้าบ้านหรือญาตของผู้ที่เชื้อเชิญไปรับประทานอาหารต้องเป็นเรื่องพิธีกรรมเลยเชียวหรือ วัลอิยาซูบิลลา
บังคิดอะไรพิลึกมากเลย การซิกรุลลออ์โดยตีวงล้อมนั้นมันเป็นบิดอะหรือครับบัง อย่างนี้ก็เท่ากับว่าบังนั้นไปฮูกมบรรดา-ซฮฮาบะท่านนบีด้วยละซิครับ นะอูซุบิลลา-
-----------------------------------------------------------------------------


wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Wed Apr 26, 2006 10:52 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam พี่น้องครับ.

..บังฮะซันชอบยกฮาดีสนี้มาเสมอครับ เกี่ยวกับการเสียชีวิตของท่านญะฟัรโดยตัดตอนส่วนที่บังชอบและสนับสนุนทัศนะของบัง

--ตอไปนี้ผมจะนำประวัติความเป็นมาของหะดิสนที่บังฮะซันยกมาและอ้างคำพูดของท่านนบี(ซล)ตามตัวบทฮาดีสข้างล่างนี้ว่าจริงๆแล้ว ที่ว่า

اِصْنَعُوْا لآلِ جَعْفَرِ طَعَامًا فَقَدْ اَتَاهُمْ مَايُشْغِلُهُمْ . (حسنه الترمزى وصححه الحاكم

“พวกท่านจงทำอาหารให้แก่ครอบครัวยะฮฟัร ความจริง สิ่งที่นำความทุกข์แก่พวกเขา ได้มาประสบกับพวกเขา” – อัตติรมิซีย์ระบุว่า เป็นหะดิษ หะซัน และอัลหากิมระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ

คืองี้ครับ ท่านญะฟัรนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกับท่านนบี(ซล)และเป็นบุคคลที่ท่านนบีรักมากท่านเป็นคนกล้าหาญและจัดว่ามีคว่ามรักต่อท่านนบีเช่นกัน ทานได้ทำการยืนหยัดกับท่านนบี(ซล)มาตลอดในการสนับสนุนเผยแพร่ศาสนาของท่านนบี(ซล)ในเรืมแรกที่ท่านได้นบี(ซล)ได้รับวะฮีย์แต่งตั้งใหม่ๆ
ซึ่งในครั้งนั้นท่านญะฟัรก็เพิ่งแต่งงานกับภรรยาของท่านและไม่ได้อยู่กินกันเป็นส่วนมาก เพราะต้องคอยช่วยเหลือและปกป้องท่านบีในการเผยแพร่ศาสนา จากศัตรูคือมุชรีกีนในมักกะฮ์ในครั้งนั้น และเป็นการเริ่มแรกของการประกาศศาสนาให้ชาวกุฟารมุชรีกีนมาเดินมาสู่อัลอิสลาม

ดังนั้นท่านนบี(ซล)จึงมีศัตรูมากมายในขณะนั้น และโองการของที่ อัลลออ์(ซบ)ที่กล่าวว่า" มูฮำมัดจงบอกเถิดว่า "สำหรับข้านั้นคืออัลลออ์นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับเจ้าในการปกป้องหรือดูแล
อันตรายจากศรัตรูของเจ้า โองการนี้ก็ยังไม่ได้ลงมาในขณะนั้น
และจากการสงครามนี่แหละท่ทำให้ท่นญะฟัรต้องจบชีวิตลง ท่านนบีและบรรดาที่ศรัทธาตามท่านนบีซึ่งมีเพียงไม่กี่คนต่างก็ร้องให้และบางคนก็ เริ่มท้อถอย และในครั้งนั้นท่านนบีนั้นสงสารท่านญะฟัรและภรรยาที่เพิ่งแต่งงานกันใหมๆที่ท่านเองเป็นผู้ชักชวนท่านยะฟัรมาร่วมเผยแพร่ศาสนาอิสลาม ซึ่งท่านญะฟัรนั้นมีใจเด็ดเดี่ยว ประกาศจะให้ความร่วมมือต่อท่านนบีในทุกวิถีทาง ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งจะแต่งงานอยู่กินกันใหม่ๆ และท่านนบีก็คิดใคร่ครวญมากเรื่องนี้ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ในการจากไปของท่านญะฟัร และเมื่อ ข่าวถึงการตายของท่านญะฟัรทราบถึงภรรยาของท่าน ที่ตั้งหน้าตั้งตาคอยสามีที่จะกลับมาจากสงคราม กลับมาเป็นเช่นนี้ นางจึงเสียใจมากและโอดครวญตลอดเวลา ซึ่งท่านนบีก็ทราบข่าวจากบรรดาซอฮาบะว่าภรรยาของท่านญะฟัรนั้น ร้องให้รำพึงรำพันตลอดเวลาเพราะท่านทำใจยังไม่ค่อยได้จากการจากไปของสามีที่ไม่มีวันกลับมา ท่านนบีนั้นได้ฝากให้บรรดาผู้ใกล้ชิดท่าน(ซอฮาบะ) คอยปลอบประโลมและให้กำลังใจนางอย่างใกล้ชิด และสง่ข่าวคราวจากท่านถึงสามครั้งสามครา แต่ก็ไม่มีทีท่าว่านางจะหายโศรกเศร้า ซ้ำนางยังกล่าวหาและด่าทอต่อท่านบีว่า เป็นผู้ที่ทำให้สามีของนางเป็นแบบนี้ ซึ่งการกระทำของนางนั้นบรรดาอุลามะและนักปราชญ์ต่างถือว่า ในขณะนั้นอิสลามเพิ่งเริ่มเผยแพร่ และจากการที่นางนั้นยังไม่ได้รับอิหม่านด้านศาสนาที่สมบุรณ์ นางจึง เสียดสีท่านบีด้วยคำต่างๆ
จากเหตุผลตรงนี้ท่านนบีจึงตระหนักและกำชับให้บรรดาผู้ใกล้ชิดที่ติดตามท่าน ได้อย่าใด้ละทิ้งนางและคอยให้ความช่วยเหลือนางให้ตลอดและอย่าได้รบกวนให้นางไม่สบายใจ..นี่คือต้นเหตุที่มาของเรื่องครับ
และที่บังฮะซันหะดิสนี้มาจริงๆแล้วมันคือส่วนหนึ่งของประวัติความเป็นมาของหะดิสนี้ แต่บังนั้นชอบยก
คำกล่าว ที่มุ่งสนับสนุนแนวทางของบังเท่านั้นโดยไม่มอง ถึงต้นตอหรือสาเหตุของที่มาของเนื้อหาหะดิสเลย อย่างที่ยกมานี้แหละครับพี่น้อง....

نَعُوْا لآلِ جَعْفَرِ طَعَامًا فَقَدْ اَتَاهُمْ مَايُشْغِلُهُمْ . (حسنه الترمزى وصححه الحاكم

“พวกท่านจงทำอาหารให้แก่ครอบครัวยะฮฟัร ความจริง สิ่งที่นำความทุกข์แก่พวกเขา ได้มาประสบกับพวกเขา” – อัตติรมิซีย์ระบุว่า เป็นหะดิษ หะซัน และอัลหากิมระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ

Rolling Eyes ซ้ำบังยัง ต่อท้าย ให้เห็นถึงระดับของหะดิสด้วย Rolling Eyes

ทีเวลาทางเรายกหะดิสซอเหียะให้บ้างกลับ อ้างว่า นั้นคือซุนนะซอฮาบะเท่านั้น เช่นเรื่องบิดอะ
และพอท่านบิลานและซอฮาบะท่านอื่นๆกระทำในสิ่งท่านนบียังไม่ได้ใช้ เป็นฮาดีสที่ดีบังกลับบอกว่า มันไม่เกียวกัน ...ผมละเซ้งเซ็งกับคำพูดของบัง ที่ไร้จุดยืน

แม้กระทั้งโองการอัลกรุอาน ซึ่งเป็นคำดำรัสที่สูงสงของอัลลออ์(ซบ) บังก็ยังยกมากึ่งๆกลางเป็นส่วนมาก ไม่ว่าเรื่องการอุทิศผลบุญให้คนตาย หรือการที่อ่านตัลกีนเพื่อแผ่บุญไปยังคนที่ตายไปแล้วและอื่น ฯลฯ บังก็ยกมาตอนท้ายๆ ของโองการที่พระองค์ทรงดำรัสหรือตักเตือนกับ บรรดาอุมัรหรือประชาชาของท่านนบีมูซา(อ)ฯลฯโดยที่ไม่ได้ห้ามในสมัยท่านนบีและอุมัรของประชาชาติยุคนี้ด้วยเลย และอะไรที่หมกเหม็ดนั้นบังชอบหนักหนาและฮ้าๆๆๆ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Laughing พี่น้องที่รักทั้งหลายครับอีกไม่นาน เว็บของเราคือ นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ที่เป็นนักเรียนในสถาบันที่เป็นที่ยอมรับทั่วโลก และมีวิชาการทั้ง4 มัสหับ ซึ่งเผยแพร่ถ่ายทอดแบบอย่างเป็นการชี้แนะที่ถูกต้องและให้ความรู้ในยุคก่อนของคนแนวทางสลัฟตัวจริงอย่างเช่น ทัศนะของิอีหม่าม ทั้ง4 ที่เป็นที่ยอมรับของคนในสมัยอดีตก่อน
ศวรรษที7 โดยไม่บิดเบือนและผลประโยชน์ใดๆครับ แต่เพื่อยืนหยัดในหลักการเดิมที่ถูกต้องมาตลอดบนกิตาบุลลอฮ์และซุนนะนบีจนมาถึงยุคสลัฟในศวรรษที่3 ครับ เชิญติดตามได้ครับเร็วๆนี้แน่นอน
www.sunnahstudent.com



wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Apr 26, 2006 2:54 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อย่าไปถือสาคนบ้า อย่าไปว่าคนเมา(บิดอะอ) โบราณว่าไว้ ฮิฮิ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed Apr 26, 2006 3:02 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อย่าจะเข้าไปชมเว็บไซด์ www.bid-ahstudent.com ของ konyakroo จัง ฮิฮิ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Wed Apr 26, 2006 4:54 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บังฮะซัน
www.sunahstudent.com
ครับไม่ใช่
www.bid-ahstudent.com ของบังฮะซัน พี่น้องโปรดทราบตอนนี้บังฮะซันมีเว็บใหม่ที่จะเเนะนำครับ ซึ่งมีหลายๆอย่างที่เป็นวะฮาบีย์ไม่แพ้ ซันwww.assunah.com

ชื่อว่า.....
www. ahsunnah wahhabi.com อย่าลืมเข้าไปดูนะครับ ของแท้เลยละฮ้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ๆๆ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Thu Apr 27, 2006 7:00 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายมุหะมัดฟ้องว่า

นายอะสันครับ อะดีลมันจะเอาผมลงนรกนะครับ

น่าสงสารนายมุหะมัด ช่างไม่รู้ความเอาซะเลย เข้าใจว่าผมเป็นเจ้าของนรกรึไง สามารถจับคนโน้นคนนี้ไปใส่นรกได้ ร้อนตัวนะซี
ท่านะบีกล่าวว่า "ผู้ใดเแอบอ้างเจตนาโกหกต่อฉัน จงเตรียมที่นั่งสำหรับเขาในนรก" นี่แหละเขาว่าฟังไม่รู้ความ

หรือนายมุหะมัดจะยืนยันเหมือนเดิมว่านะบีกินบุญบ้านมัยยิตในวันที่ฝังมัยยิตด้วย ถ้าเช่นนั้นผมก็จะพูดว่านายมุหะมัดโกหกใส่นะบีเรื่อยไป แต่ถ้าบอกว่าไม่ใช่ ที่ยกมาอ้างนั้นผิด ผมก็จะได้หยุดพูด แต่เปล่าเลยนายมุหะมัดยังดันทุรังเช่นเดิม ไม่ยอมชี้แจงที่ผมพูดแต่ไปอ้างว่า คนอื่นก็เติมคำให้นะบีเหมือนกัน โจมตีอุลามาอ์คนอื่น แต่ตัวเองทำอยู่กลับไม่เอ่ยถึง แปลกมั้ย

นายมุหะหมัดยังตะแบงว่ากินบุญบ้านคนตายได้ตั้งแต่วันแรก (ขอย้ำ-วันแรก) โดยยกเมฆเอาฮาดีสที่เติมคำมาเป็นหลักฐาน (นายมุหะมัดออกตัวว่าไม่เติมเองแต่คัดมาจากหนังสือ มิชกาฮ์ อัลมะซอบีหฺ) คือเติมคำเป็น داعى إمرأته และแปลว่า ผู้เชิญชวนจาก(เจ้าภาพ)ของภรรยามัยยิด แต่ฮาดีสในต้นฉบับคือ คือ داعى إمرأة หมายถึง" ผู้เชิญชวนจาก(เจ้าภาพ)ของหญิงคนหนึ่ง" ซึ่งไม่เกี่ยวกับมัยยิตเลย ดังนั้นจึงทำให้ฮุก่มเปลี่ยนไปด้วย และถ้าเป็นจริงอย่างที่นายมุหะมัดว่า ก็แสดงว่า การกินบุญบ้านคนตายวันแรกทำได้ และเป็นซุนนะฮ์อีกด้วย

แต่บรรดานักวิชาการกลับบอกว่าซุนนะฮ์ทำไปให้ ไม่ใช่ไปกินอย่างที่นายมุหะหมัดเข้าใจ


บรรดาปวงปราชญ์กล่าวว่า สุนัตให้เพื่อนบ้านเรือนเคียงหรือบรรดาญาติห่างๆ ทำการตระเตรียมอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิด โดยทำให้พวกเขาอิ่มในวันหนึ่งและคืนหนึ่ง

แต่ที่สุนัตของนายมุหะมัดให้ไปกิน

และนี่ (การทำอาหารให้ครอบครัวมัยยิต) ก็คือทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมากและเป็นแนวทางของมัซฮับทั้งสี่

แต่นายมุหะมัดไปกิน มันมัซฮับไหนหว่า

ยังไม่พอครับ

ท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์(ร.ฏ.) กล่าวว่า" ฉันรัก ที่จะให้เพื่อนบ้านของผู้ตาย หรือบรรดญาติของผู้ตาย ทำอาหารให้กับครอบมัยยิด ในวันที่เขาได้เสียชีวิต และอีกหนึ่งคืนของมัน โดยที่ทำให้พวกเขาอิ่ม เพราะสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นซุนนะฮ์ และมีการระลึกที่มีเกียตริ โดยที่มันเป็นการกระทำของผู้ที่เป็นคนดีก่อนจากเราและหลังจากเรา" ดู หนังสือ อัล-อุมมฺ เล่ม 1 หน้า 247

นี่ไงชัดเจนไหม อิหม่ามชาฟีอีก็บอกว่าซุนนะฮ์ให้ทำไปให้ แต่ซุนนะฮ์มั่วๆ ของนายมุหะมัดดันไปกินที่บ้านคนตายซะนี่

ที่ผมยกมาให้เห็น (ตัวหนังสือสีน้ำเงิน) เป็นข้อความที่ อัลฟารูกโพสต์ไว้ แปลกมั้ย
ไม่ใช่เขาขัดกับบรรดาอุลามาอ์เท่านั้น แต่พวกเขาขัดกันเองด้วย


แล้วนายมุหะมัดยังมั่วอธิบายว่า บางสายรายงาน ได้รายงานโดยไม่มีคำ สรรพนาม คือ داعى إمرأة หมายถึง" ผู้เชิญชวนจาก(เจ้าภาพ)ของหญิงคนหนึ่ง" ซึ่งอุลามาอ์บางท่าน กล่าวว่ามันไม่ใช่ภรรยาของผู้ตายมาเชิญ แต่เป็นหญิงอื่นมาเชิญไปกินบุญรับประทานอาหาร เพื่อที่จะไม่ไปขัดแย้งกับหะดิษของท่านญะรีร โดยทิ้งสายรายงานที่มี "คำสรรพนาม"

คำว่า ทิ้งสายรายงานที่มี "คำสรรพนาม" นั้น อยากบอกนายมุหะมัดว่า ถ้าไม่โกหกก็เอาสายรายงานที่มี "คำสรรพนาม" จากฮาดีสต้นฉบับให้ดูหน่อย ขอย้ำว่า ฮาดีสจากต้นฉบับไม่ใช่หนังสือที่คัดลอกมา ไม่อย่างนั้นเขามั่วมาก็มั่วไป และก็จะไม่รับผิดชอบอีก ฮ่าๆๆๆ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 7:41 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากคุณอะดีล

ที่ผมยกมาให้เห็น (ตัวหนังสือสีน้ำเงิน) เป็นข้อความที่ อัลฟารูกโพสต์ไว้ แปลกมั้ย
ไม่ใช่เขาขัดกับบรรดาอุลามาอ์เท่านั้น แต่พวกเขาขัดกันเองด้วย

วิจารณ์

หากคุณอะดีลต้องการจะอ้างสิ่งที่ผมโพสต์เพียงแต่บางส่วน แล้วเข้าใจเอาเองนั้น ผมถือว่าไม่เป็นธรรม หากคุณต้องการอ้างสิ่งที่ผมนำเสนอจริงๆ คุณต้องอ้างคำพูดของผมมาให้หมด แล้วนำมาวิจารณ์ทีละจุดๆ หากอ้างเพียงบางส่วนนั้น มันไม่ใช่เป็นการอ้างตามหลักวิชาการ ผมได้อธิบายรายละเอียดและชี้แจงอย่างชัดเจนแล้ว การทำอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิดนั้นก็เรื่องหนึ่ง การช่วยทำอาหารเพื่อเป็นทานก็อีกเรื่องหนึ่ง ไม่ใช่ว่า หากพวกเราทำอาหารให้แก่ครอบมัยยิดแล้ว มันก็ไม่ได้ห้ามการช่วยทำอาหารให้เป็นทานแก่มัยยิด นั่นคือความเข้าใจของ "ฟิกห์"

และตอนนี้เราก็กำลังพูดกันเรื่องเกี่ยวกับวิชาฟิกห์ และการช่วยกันทำอาหารเลี้ยงเป็นทานแก่มัยยิดที่บ้านผู้ตายนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่หะรอม และไม่มีอุลามาอ์ใดกล่าวว่ามันเป็นสิ่งที่หะรอม ซึ่งหากเราไปกล่าวหะรอมในสิ่งที่อัลกุรอานและซุนนะฮ์ไม่ได้ระบุหะรอมเอาไว้นั้น เราก็จะตกเป็นผู้ที่อุตริกรรมบิดอะฮ์บัญญัติหุกุ่มขึ้นมาเอง ดังนั้น การช่วยกันทำอาหารเลี้ยงเป็นทานแก่มัยยิดย่อมเป็นสิ่งที่อนุญาติ แต่การที่ครอบมัยยิดต้องทำอาหารเลี้ยงเองกับผู้ที่มารวมตัวนั่งกันปลอบใจนั้น ย่อมเป็นสิ่งที่ศาสนาไม่ส่งเสริม มันเป็นมักโระฮ์ ที่อุลามาอ์ไม่หุกุ่มว่าหะรอมนั้น เพราะว่าท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้บอกไว้ว่ามันเป้นสิ่งที่ต้องหะรอม ดังนั้นบรรดาอุลามาอ์จึงบอกว่าการที่ครอบครัวมัยยิดต้องทำเลี้ยงอาหารกับผู้ที่รวมตัวกันปลอบใจนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่บิดอะฮ์หะรอม แต่เป็นบิดอะฮ์มักโระฮ์ เพราะมันไม่ได้เป็นคำพูดจากท่านนบี(ซ.ล.) และนั่นไงที่เขาเรียกว่า "ฟิกห์" และนั่นก็เป็นเรื่องของครอบครัวมัยยิดทำอาหารให้กับผู้มารวมตัวกันปลอบใจตามที่ตัวบทจากซอฮาบะฮ์ท่านญะรีรรายงานไว้

แต่ประเด็นการช่วยเหลือการทำอาหารเพื่อเป็นทานแก่มัยยิดนั้น ย่อมเป็นสิ่งกระทำได้ ไม่หะรอม ซึ่งอนุญาติให้กระทำได้ และมีหลักฐานจากซอฮาบะฮ์สะลัฟ และมันก็เป็นผลดีกับมัยยิด ท่านอิบนุตัยมียะฮ์เองก็บอกว่า อนุญาติให้ทายาทเอาทรัพย์สินของพวกเขามาทำอาหารเป็นทานได้ แล้วเงินที่พวกเราช่วยเหลือครอบมัยยิดนั้น ทำไมจะเอามาทำอาหารเลี้ยงเป็นทานให้แก่มัยยิดไม่ได้ คุณอะดีลเห็นด้วยใหม? หากคุณไม่เห็นด้วย แสดงว่าหะรอมหรือไม่? ยังไงก็ช่วยตอบบ้างนะครับ

ดังนั้น สิ่งที่เรากำลังพูดอยู่นี้ ก็พูดกันเกี่ยวกับเรื่อง "ฟิกห์" ผมก็อยากให้ทุกๆคนที่เข้ามาสนทนานั้น ให้ใช้หลักการของชาริอะฮ์เข้ามามีบทบาทให้มากๆในการเข้าใจหลักฐานต่างๆเกี่ยวเรื่องนี้ครับ หวังว่าคุณอะดีลคงเข้าใจ

และคำกล่าวของอิมามชาฟิอีย์ที่คุณยกมา โดยอ้างอิงจากข้อความของผมนั้น คุณลองยกมาให้หมดในสิ่งที่ผมได้นำเสนอไปเกี่ยวกับความเข้าใจคำกล่าวของอิมามชาฟิอีย์ซิครับ แล้วคุณก็จะรู้ว่าเราไม่ได้ยกหลักฐานเพื่อมาค้านกันเองเลย โปรดจงเข้าใจครับ

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 7:46 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แก้ไข

การทำอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิดนั้นก็เรื่องหนึ่ง การช่วยทำอาหารเพื่อเป็นทานก็อีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น หากพวกเราทำอาหารให้แก่ครอบมัยยิดแล้ว มันก็ไม่ได้ห้าม(หะรอม)การช่วยทำอาหารให้เป็นทานแก่มัยยิด นั่นคือความเข้าใจของ "ฟิกห์" และคุณอะดีลว่ามันหะรอมหรือเปล่าครับโปรดตอบเราด้วยครับ? เพื่อจะได้สนทนาในเชิงวิชาการกันอย่างแท้จริง

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 8:15 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นายมุหะมัดคงจะยุ่งวุ่นวายอยู่ จึงไม่เข้ามาตอบ ก็ไม่เป็นไรผมมีเวลาก็จะคุยไปเรื่อยๆ แต่ถ้านายมุหะมัดเข้ามาก็ตอบด้วยละกัน ผมเข้าใจว่าอัลฟารูกคงไม่ได้เข้ามากลบเกลื่อนเรื่องที่นายมูหะมัดอ้างว่านะบีกินบุญบ้านคนตายในวันที่ฝัง ยังไงซะ ประเด็นที่ผมถามนายมูหะมัดก็ยังคาอยู่


ช่วงที่รอนายมุหะมัดก็ขอแวะคุยกับ อัลฟารูก เรื่องฮาดีสฏอวูสและฮาดีสท่านอุมัรหน่อย


ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่วะฮ์ฮาบีย์ตามที่นายมุหะมัดกล่าวหา ผมไม่ได้ฝักใฝ่ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ และก็ไม่ผูกขาดมัซฮับใดจากทั้ง 4 แต่ผมศึกษาและรับฟัง อันไหนที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือก็เอาตามนั้น จึงทำให้ผมเพราะผมเป็นคนขี้สงสัยอะนะ เพราะอยากได้อย่างดีที่สุด

ข้อความที่อัลฟารูกโพสต์ไว้ว่า


บรรดาปวงปราชญ์กล่าวว่า สุนัตให้เพื่อนบ้านเรือนเคียงหรือบรรดาญาติห่างๆ ทำการตระเตรียมอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิด โดยทำให้พวกเขาอิ่มในวันหนึ่งและคืนหนึ่งและนี่ก็คือทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมากและเป็นแนวทางของมัซฮับทั้งสี่

ท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์(ร.ฏ.) กล่าวว่า" ฉันรัก ที่จะให้เพื่อนบ้านของผู้ตาย หรือบรรดญาติของผู้ตาย ทำอาหารให้กับครอบมัยยิด ในวันที่เขาได้เสียชีวิต และอีกหนึ่งคืนของมัน โดยที่ทำให้พวกเขาอิ่ม เพราะสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นซุนนะฮ์ และมีการระลึกที่มีเกียตริ โดยที่มันเป็นการกระทำของผู้ที่เป็นคนดีก่อนจากเราและหลังจากเรา" ดู หนังสือ อัล-อุมมฺ เล่ม 1 หน้า 247


ผมอยากได้คำยืนยันว่าเป็นข้อความที่ถูกต้องหรือเปล่า และอัลฟารูก อยู่ในมัซฮับทั้ง 4 ตามที่โพ้สต์ไหม หรือว่ามีแนวทางเฉพาะของตัวเอง ที่ผมถามอย่างนี้เพราะงงมากกับหลักฐานที่คุณกับพวกยกมาอ้าง ซึ่งมันขัดกับข้อความข้างต้น เหมือนกับที่นายมูหะมัด มั่วฮาดีสมาว่า นะบีกินบุญบ้านคนตายวันแรกตั้งแต่ฝังมัยยิต

และอีกหลักฐานหนึ่งที่อัลฟารูกยกมา และคนอยากรู้เอาโพ้สซ้ำคือฮาดีสฏอวูสที่ว่า


" ท่านซุฟยานกล่าวว่า ท่านฏอวูสกล่าวว่า แท้จริงผู้ตายนั้น พวกเขากำลังถูกสอบถามในกุบูรของพวกเขา ถึง 7 วัน และบรรดาซอฮาบะฮ์มีความชอบที่จะทำการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากพวกเขา ในเจ็ดวันดังกล่าว" ท่าน ชัยค์ อัลอะซ่อมีย์กล่าวว่า สายรายงานหะดิษนี้ قوى (มีน้ำหนัก) หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 199

ผมอ่านหลักฐานนี้แล้วก็สงสัยว่า ผู้ตายถูกสอบถามในกุโบร์ 7 วันนั้น หมายถึงตั้งแต่วันแรกที่ถูกฝังใช่ไหม และบรรดาซอฮาบะฮ์ชอบที่จะเลี้ยงอาหารแทนพวกเขาในเจ็ดวันดังกล่าวนั้น หมายถึงซอฮาบะห์เลี้ยงกันที่บ้านคนตายตั้งแต่วันแรกใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นฮาดีสที่เรียกว่ามักตั๊วอ์นี้ก็เป็นหลักฐานว่า เลี้ยงอาหารได้ตั้งแต่วันแรกที่ฝังมัยยิตนะซิ เป็นการอ้างว่าซอฮาบะฮ์ทำใช่ไหม

แต่คำของซอฮาบะฮ์เองกลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเขาบอกว่าการทำเช่นั้นเป็นนิยาฮะฮ์



‏ ‏عَنْ ‏ ‏جَرِيرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْبَجَلِيِّ ‏ ‏قَالَ ‏
‏كُنَّا نَعُدُّ ‏ ‏الِاجْتِمَاعَ إِلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصَنِيعَةَ الطَّعَامِ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنْ ‏ ‏النِّيَاحَةِ
رواه أحمد وصححه الألباني في أحكام الجنائز (ص167)
จากญะรีร บินอับดุลลอฮ อัล-บะญะลี กล่าวว่า “ พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกันที่ครอบครัวผู้ตายและทำอาหารกินกัน หลังจากที่ฝังมัยยิต เป็นส่วนหนึ่งของการนิยาหะฮ- รายงานโดย อะหมัด อัลบานียได้ระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเหียะ ในหนังสือ อะหกามุ้ลญะนาอิซ หน้า 167


เอาละซี .....ฎอวูสที่เป็นตาบีอีนอ้างว่าซอฮาบะห์ทำ แต่ซอฮาบะห์เองกลับบอกว่าพวกเขาไม่ทำเพราะถือเป็นนิยาฮะฮ์ อย่างนี้ขัดกันไหม

และบรรดาปวงปราชญ์รวมถึงมัซฮับทั้ง 4 โดยเฉพาะอิหม่ามชาฟีกลับบอกว่า สุนัตทำไปให้ ยุ่งละซี ทำไมไม่มีมัซฮับไหนอ้างฮาดีสฏอวูสเพื่อทำบุญเลี้ยงบ้านคนตายบ้างละ หรือถ้าฮะดีสฏอวูสไม่มีน้ำหนักพอ ถ้าเช่นนั้นก็ฮาดีสอุมัรที่อัลฟารูกยกมานั่นไง น่าจะมีน้ำหนักดีกว่า แต่ทำไมบรรดาปวงปราชญ์ไม่ใช้เป็นหลักฐาน แต่กลับบอกว่าสุนัตให้ทำอาหารไปไห้ครอบครัวคนตาย โดยเฉพาะอิหม่ามชาฟีอีบอกว่า สุนัตทำไปให้วันหนึ่งกับคืนหนึ่งและมันเป็นการกระทำของผู้ที่เป็นคนดีก่อนจากเราและหลังจากเรา

น่าสังเกตว่าหลักฐานที่ยกมาแต่ละต้นนั้นขัดกับความเข้าใจของบรรดาปวงปราชญ์ มัซฮับทั้ง 4 และอิหม่ามชาฟีอีอย่างหน้ามือกับหลังมือ


ผมยังมีข้อสงสัยอีกเยอะ แต่ที่ถามมานี้ก็มากโข ขอให้ช่วยอธิบายก่อนเมื่อเข้าใจแล้ว จะได้ถามต่ออีก
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 8:27 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัลฟารูกกล่าวว่า

และคำกล่าวของอิมามชาฟิอีย์ที่คุณยกมา โดยอ้างอิงจากข้อความของผมนั้น คุณลองยกมาให้หมดในสิ่งที่ผมได้นำเสนอไปเกี่ยวกับความเข้าใจคำกล่าวของอิมามชาฟิอีย์ซิครับ แล้วคุณก็จะรู้ว่าเราไม่ได้ยกหลักฐานเพื่อมาค้านกันเองเลย โปรดจงเข้าใจครับ

ผมขอถามว่า

ที่ว่าผมยกมาไม่หมดนั้น ยังมีคำของอิหม่ามชาฟีอีตรงไหนอีกหรือ ที่บอกว่าไปกินบ้านคนตายได้ตั้งแต่วันที่ฝังมัยยิต ยกมาให้ดูหน่อยซิ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 13, 14, 15 ... 25, 26, 27  ถัดไป
หน้า 14 จากทั้งหมด 27

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.24 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ