ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - นี่หรือพี่น้องมสลิม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
นี่หรือพี่น้องมสลิม
ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Thu Mar 30, 2006 10:43 am    ชื่อกระทู้: นี่หรือพี่น้องมสลิม ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam พี่น้องทุกคน


จะเห็นได้ว่าสังคนมุสลิมเราปัจจุบันนี้ล้วนแต่มีความแตกแย้งที่มีให้เห็นทุกย่อมหญ้า ทั้งที่อิสลามได้สอนให้ผู้ที่มีกาลีมะตุดตัยยีบะฮ์เหมือนกัน ให้รักและอภัยต่อกันในขณะเดียวกันก็รู้จักให้อภัยต่อกัน แม้ว่าเขานั้นจะเคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน...และที่สำคัญห้ามที่จะจองเวรหรืออาฆาตต่อกัน............

จากความแตกแยกในสังคมมุสลิมนี่เอง กลายเป็นรอยแยกที่เกิดสูญากาศให้มีช่องว่าง จนไม่อาจประสานหรือร่วมจุดยืนต่อกันได้...ไม่ว่า จุดประนีประนอมเรื่องของความสามัคคีเรื่องของการปรองดองที่เกี่ยวกับงานศาสนาโดยตรง...

จากความคิดที่แตกต่างและแนวทางที่ไม่เหมือนกันซึ่งกลายเป็นข้อพิพาทกันจนนไม่สามารถเยี่ยวยาได้ เพราะต่างก็มีฐิติต่อกัน จากความฐิติ เลยคิดว่าตนนั้นคือผู้ถูกต้องฝ่ายเดียว โดยไม่สนใจเหตุผลของอีกฝ่ายหนึ่ง
จากความสุดโต่งทางความคิดที่เข้าใจว่า แนวทางอื่นนั้นเป็นเรื่องไร้สาระและงมงายตลอด เลยไม่สามารถ รู้เขารู้เราและขาดการให้เกียรติซึ่งกันและกัน..

จากเหตุผลดังกล่าวมาแล้วนั้น คือที่มาของหัวเรื่องที่ว่า ทำไมมุสลิมจึงต้องแบ่งแยกต่อกัน

----------------ซึ่งผมจะได้นำเสนอให้พี่น้องได้อ่านกันต่อไปครับ.........อิงชาอัลเลาะ-----------------------


wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Thu Mar 30, 2006 12:51 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ความสุดโต่งตรงกันข้าม(opposist)กับความหย่อนยาน และทางสายกลาง ซึ่งคำ3 ประโยคนี้ ย่อมมีความหมายและลักษณะอาการของมันที่แตกต่างกัน

ความสุดโต่งคือการการแข็งหรือตึง ซึ่งเป็นข้อดี กับการรักษารูปแบบของกฏหมายหรือข้อระเบียบบังคับที่ตายตัวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ขณะเดียวกันความสุดโต่งถ้านำมาใช้กับศาสนาโดยเฉพาะปัญหาที่ละเอียดอ่อน ซึ่งต่างฝ่ายก็มีเหตุผลและหลักฐานของตนเองนั้น ก็ย่อมไม่เกิดผลดีอันใด หนำซ้ำยังนำเอาความสุดโต่งซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดความแตกแยกไปคั่นตรงกลางระหว่างความหย่อนยานและความเป็นกลางหรือพอดี
ความหย่อนยานคือการละหลวมหรือละเลยเป็นข้อเสียในเชิงปฏฺบัติกับข้อกฏระเบียบต่างๆที่ถูกกำหนดมา และบางครั้งต้องทำให้เกิดความล้มเหลวในกฏนั้นๆอย่างไร้รูปแบบ โดยไม่มีจุดยืนหรือมาตรฐานของการปฏิบัติ และเป็นผลร้ายพอๆกับความใสดโต่ง

ความพอดีหรือความเป็นกลางคือการนำความสุดโต่งและความหย่อนยานมา เฉลี่ยเพื่อวิเคราะห์ผลออกมา ให้เกิดความพอดีหรือความเป็นกลางหรือทางสายกลางขึ้นมา...ทั้งนี้เพื่อลดความแข็งตึงและหย่อนยาน ให้กลับมายืนนยู่บนมาตรฐานแห่งความเป็นกลางที่ไม่มีตั้งตึงและหย่อนจนเกินไป

ในอิสลามนั้น ถึงแม้นว่าจะไม่มีคำนี้อย่างชัดเจนนัก แต่แบบอย่างท่านนบีและซุนนะซอฮาบะทั้งหญิงและชายก็หาได้โดยไม่ยากนัก ตามประวัติศาสตร์จะเห็นว่า ซอฮาบะหลายคนที่พยายามจะหลีกหนีการกระทบกระทั่งการต้องประทะกันต่อหน้าต่อตากับพี่น้องมุสลิมด้วยกัน ก็มีมาก

และเป็นซอฮาบะชั้นแนวหน้า ทุกครั้งที่มีความขัดแย้งไม่ว่าผลจากการปกครองการเมืองด้านศาสนา เขาเหล่านั้นมักจะหลีกเลี่ยงหรือห่างไกลกับสิ่งเหล่านั้น ซึ่งมีแต่จะทำให้เกิดความแตกแยกและกลายเป็นความแปลกแยกในที่สุด...
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
dabdulla
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005
ตอบ: 437


ตอบตอบ: Thu Mar 30, 2006 12:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คำว่าแบ่งแยกในที่นี้ คงไม่ใช่เรื่องของความสัมพันธ์ หรือ เรื่องของความเป็นพี่น้องมุสลิมหรอกครับ

เป็นเรื่องของการแบ่งแยก ตามในทัศนะแห่งคำสอนของอิสลาม คงจะเรียกว่าอย่างนั้นจะดีกว่า

การคิดว่าตัวเองถูก คือความคิดที่วิปริต อย่างรุนแรง และ มิใช่แนวทางอันดีในศาสนาแห่งอิสลามอย่างแน่นอน

แต่การตามศาสนา โดยตามแบบ ลักษณะ ที่ปู่ย่า ตายาย ทำตามกันมาก็ไม่ใช่ในหลักการอิสลามเหมือนครับ

ทางออกของปัญหามีง่ายมากๆ และ สามารถเกิดขึ้นได้ในสังคมไทย คือการที่ผู้รู้ ที่จบมาและมีความรู้ พูดอย่างเดียวกัน ตามที่ตัวเองเรียนมา หรือมีความขัดแย้งกัน แต่ความขัดแย้งนั้นบนหลักการของ กิตาบุลลอฮ และ ซุนนะห์ และ บรรดา ซอฮาบะห์ ที่ทำเป็นแบบอย่างไว้

นั่นคือปัญหาหลักของสังคมไทย คือ โต๊ะครูครับ ไม่ใช่ ประชาชน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Thu Mar 30, 2006 12:59 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณดับดุลลา..เข้าใจถูกแล้วครับที่ว่า



ก-----ารคิดว่าตัวเองถูก คือความคิดที่วิปริต อย่างรุนแรง และ มิใช่แนวทางอันดีในศาสนาแห่งอิสลามอย่างแน่นอน

แต่การตามศาสนา โดยตามแบบ ลักษณะ ที่ปู่ย่า ตายาย ทำตามกันมาก็ไม่ใช่ในหลักการอิสลามเหมือนครับ .....
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
dabdulla
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2005
ตอบ: 437


ตอบตอบ: Thu Mar 30, 2006 1:05 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ปัญหา ในการคิลาฟ กัน ไม่ใช่ปัญหาที่มาเอาเป็นเอาตาย และ ไม่สมควรจะเรียกสิ่งนี้ว่า ความขัดแย้ง

ผมยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นการอาบน้ำละหมาด และ ให้ลูบศรีษะ มีแต่ชาวบ้านเข้าใจว่า การลูบหัวเพียงโดนผม สามเส้นก็ใช้ได้ เคยมีใครไปอธิบาย ให้ชาวบ้านฟังบ้างว่า ลักษณะการลูบศรีษะของการอาบน้ำละหมาดเป็นอย่างไร ท่านนบีทำอย่างไร มีวิธีการอย่างไร และกรณีพิเศษเป็นอย่างไร

ร้อยวัน พันปี ก็เห็นชาวบ้านลูบ สามเส้นตลอด ไม่เคยลูบเต็มหัวสักที

ต้องโทษ ไอ้พวกโต๊ะครูทั้งหลาย ที่อเร็ม กันเฉพาะตอนไปอยู่เมืองนอก แต่พอมาเมืองไทย แล้วนิ่ง เป็น สากเบือ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Mar 30, 2006 4:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
สาเหตุที่มุสลิมแตกแยก
1. ไม่ปฏิบัติตาม อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ

وَأَطِيعُواْ اللّهَ وَرَسُولَهُ وَلاَ تَنَازَعُواْ فَتَفْشَلُواْ وَتَذْهَبَ رِيحُكُمْ وَاصْبِرُواْ إِنَّ اللّهَ مَعَ الصَّابِرِينَ
[8.46] และจงเชื่อฟังอัลลอฮ์และร่อซู้ลของพระองค์เถิด และจงอย่าขัดแย้งกัน จะทำให้พวกเจ้าย่อท้อ และทำให้ความเข้มแข็งของพวกเจ้าหมดไป และจงอดทนเถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นทรงอยู่กับผู้ที่อดทนทั้งหลาย- อัลอัมฟาล/46

أَمَرَهُمْ أَنْ يُطِيعُوا اللَّه وَرَسُوله فِي حَالهمْ ذَلِكَ فَمَا أَمَرَهُمْ اللَّه تَعَالَى بِهِ اِئْتَمَرُوا . وَمَا نَهَاهُمْ عَنْهُ اِنْزَجَرُوا وَلَا يَتَنَازَعُوا فِيمَا بَيْنهمْ أَيْضًا فَيَخْتَلِفُوا فَيَكُون سَبَبًا لِتَخَاذُلِهِمْ وَفَشَلهمْ

พระองค์ทรงบัญชาให้พวกเขาเชื่อฟังต่ออัลลอฮและศาสนทูตของพระองค์ ในสภาพดังกล่าวพวกเขาประสบอยู่(คือเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรู) ดังนั้นสิ่งใดก็ตามที่อัลลอฮ(ซุบฮานะฮูวะตาอาลา)ทรงบัญชาแก่พวกเขา ก็ให้พวกจงยึดมั่น และสิ่งใดก็ตามที่พระองค์ทรงห้ามพวกเขา ก็ให้พวกเขาจงเชื่อฟัง และอีกทั้งพวกเขาจงอย่าโต้แย้งในสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา แล้วพวกเขาขัดแย้งกัน แล้วมันก็จะเป็นสาเหตุ ให้พวกเขาทอดทิ้งซึ่งกันและกันและทำให้เกิดความอ่อนแอ – ดูตัฟสีรอิบนิกะษีร อธิบาย อายะฮที่ 46 ซูเราะฮอัลอัมฟาล
..........................
จากโองการข้างต้น จะเห็นได้ว่า อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ทรงสอนให้มุสลิม เชื่อฟัง ต่ออัลกุรอ่าน และ อัสสุนนะฮ โดยให้ยึดถือปฏิบัติในสิ่งที่ทรงใช้และเชื่อฟังในสิ่งที่ทรงห้าม ทรงห้ามไม่ให้โต้แย้งกัน แล้วทำให้ขัดแย้งกัน จนเป็นเหตุให้เกิดความแตกแยกและความท้อแท้สิ้นหวัง
ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮูอะลัยฮิวะสัลลัมลัม กล่าวว่า

أوصيكم بتقوى الله والسمع والطاعة وإن كان عبدا حبشيا فإنه من يعش منكم يرى بعدي اختلافا كثيرا فعليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين وعضوا عليها بالنواجذ وإياكم ومحدثات الأمور فإن كل محدثة بدعة وإن كل بدعة ضلالة‏
หน้าที่ของพวกท่านคือ การยำเกรงต่ออัลลอฮและการเชื่อฟังปฏิบัติตาม ถึงแม้ว่า(ผู้นำ)จะเป็นทาสผิดดำก็ตาม เพราะว่าหลังจากฉัน พวกท่านจะได้เห็นว่า มีการขัดแย้งกันมากมากมาย ดังนั้น หน้าที่ของพวกท่าน คือ การปฏิบัติตามสุนนะฮของฉันและสุนนะฮของบรรดาเคาะลิฟะฮผู้ทรงธรรม ผู้ได้รับทางนำ จงกัดให้มั่นด้วยฟันกราม และจงระวังในกิจการต่างๆที่ถูกอุตริขึ้นใหม่ แท้จริงสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และทุกบิดอะฮนั้น เป็นการหลงผิด – รายงานโดย อะหมัด
........................................
เมื่อมีการขัดแย้ง แทนที่จะกลับปฏิบัติตาม อัสสุนนะฮ กลับ ไปอ้างอุลามาอคนนั้น โต๊ะครูคนนี้ แล้วมา บอกว่า บิดอะฮที่ดีที่ทำได้ก็มี แล้วจะไม่ให้ขัดแย้งได้อย่างไร บางคนก็ก็เอาหะดิษต่อไปนี้มาอ้าง คือ
اختلاف أمتي رحمة

ความขัดแย้งของประชาติของฉันนั้น เป็นความเมตตา - นี้มันหะดิษที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมา*** สนับสนุนนานามัซฮับที่ไม่ตรงกัน ซุบฮานัลลอฮ
...........................
***((اختلاف أمتي رحمة)). موضوع. "الأسرار المرفوعة" (506) . "تنزيه الشريعة" (2/402) . وقال الألباني: لا أصل له. "الضعيفة" (11

2. แบ่ง ศาสนาของอัลลอฮ ให้เป็นนิกาย ให้เป็นมัซฮับ โดยแต่ละมัซฮับต่างก็มีหลักการของตนเอง และผู้ที่ถือมัซฮับ ก็ผูกขาดอยู่กับมัซฮับที่ตนสังกัดอยู่

إِنَّ الَّذِينَ فَرَّقُواْ دِينَهُمْ وَكَانُواْ شِيَعاً لَّسْتَ مِنْهُمْ فِي شَيْءٍ إِنَّمَا أَمْرُهُمْ إِلَى اللّهِ ثُمَّ يُنَبِّئُهُم بِمَا كَانُواْ يَفْعَلُونَ
[6.159] แท้จริงบรรดาผู้ที่แบ่งแยกศาสนาของพวกเขา และพวกเขาได้กลายเป็นนิกายต่าง ๆ นั้นเจ้า (มุฮัมมัด) หาใช่อยู่ในพวกเขาแต่อย่างใดไม่แท้จริงเรื่องราวของพวกเขานั้น ย่อมไปสู่อัลลอฮ์แล้วพระองค์จะทรงแจ้งแก่พวกเขาในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน- อันอันอาม/159

وَالظَّاهِر أَنَّ الْآيَة عَامَّة فِي كُلّ مَنْ فَارَقَ دِين اللَّه وَكَانَ مُخَالِفًا لَهُ فَإِنَّ اللَّه بَعَثَ رَسُوله بِالْهُدَى وَدِين الْحَقّ لِيُظْهِرهُ عَلَى الدِّين كُلّه وَشَرْعه وَاحِد لَا اِخْتِلَاف فِيهِ وَلَا اِفْتِرَاق فَمَنْ اِخْتَلَفَ فِيهِ وَكَانُوا شِيَعًا أَيْ فِرَقًا كَأَهْلِ الْمِلَل وَالنِّحَل وَالْأَهْوَاء وَالضَّلَالَات فَإِنَّ اللَّه تَعَالَى قَدْ بَرَّأَ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِمَّا هُمْ فِيهِ وَهَذِهِ الْآيَة كَقَوْلِهِ تَعَالَى " شَرَعَ لَكُمْ مِنْ الدِّين مَا وَصَّى بِهِ نُوحًا وَاَلَّذِي أَوْحَيْنَا إِلَيْك " الْآيَة

และ เป็นที่ชัดเจนว่า แท้จริงอายะฮนี้ ครอบคลุมถึง ทุกๆผู้ที่แบ่งแยกศาสนาของอัลลอฮและปรากฏว่าเขาเป็นผู้ที่ขัดแย้งมัน แท้จริง อัลลอฮ ได้ส่งศาสนทูตของพระองค์มาพร้อมด้วยทางนำและศาสนาที่ถูกต้อง เพื่อให้มันปรากฏเหนือ ศาสนาทั้งหลาย และ บัญญัติของพระองค์นั้นมีหนึ่งเดียว ไม่มีการขัดแย้งกันในนั้น ดังนั้น ผู้ใดขัดแย้งกันในมัน(ในศาสนาของอัลลอฮ) และพวกเขากลายเป็นนิกาย หมายถึง เป็นพวกๆ ดังเช่น ชาวลัทธิ และนิกายต่างๆ พวกตามอารมณ์และพวกงมงายต่างๆ ดังนั้น อัลลอฮซุบฮานะฮูวะตาอาลา ทรงให้ท่านรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม เป็นอิสระ(ไม่เกี่ยวข้อง)จากสิ่งที่พวกเขายึดถือในสิ่งนั้น และโองการนี้ ดังคำดำรัสของอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลาที่ว่า “ 42.13] พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนาแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่นูห์ และที่เราได้วะฮีย์ยฺแก่เจ้า- จนจบอายะฮ - ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร อธิบายอายะฮ 159 ซูเราะฮ อัลอันอาม
………….

3. การประนีประนอมกับความไม่ถูกต้อง โดยอ้าง เรื่อง ความสามัคคี ในที่สุด ชาวบ้านก็ตกอยู่ในความขัดแย้งโดยไม่รู้จักจบ เพราะใครมาพูดความจริง ก็ถูกประณามว่า “สร้างความแตกแยก” จึงไม่มีใครกล้ามาบอกความจริงว่า ฝ่ายใดถูก ฝ่ายใดผิด
ท่านนบี ศอลฯ กล่าวว่า

"من رأي منكم منكرا فليغيره بيده فان لم يستطع فبلسانه فان لم يستطع فبقلبه وذلك أضعف الإيمان
บุคคลใดในหมู่พวกท่านเห็นสิ่งที่ต้องห้าม เขาจงเปลี่ยนแปลงมัน ด้วย มือของเขา แล้วถ้าหากเขาไม่มีความสามารถ ก็จงเปลี่ยนแปลงมันด้วยลิ้น(วาจา)ของเขา แล้วถ้าเขาไม่มีความสามารถ ก็จงเปลี่ยนแปลงมันด้วยใจของเขา (คือ ใจไม่เห็นด้วยกับความไม่ถูกต้องนั้น) และดังกล่าวนั้น(หมายถึง การเปลี่ยนแปลงด้วยใจ) นั้น เป็นความศรัทธาที่อ่อนแอที่สุด –
.......................
เพราะฉะนนั้น การใจกว้างกับสิ่งไม่ถูกนั้น ไม่ใช่นโยบายของอิสลาม พึงเข้าใจด้วยนะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Thu Mar 30, 2006 5:00 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จะเห็นได้แบบอย่างขอซอฮาบะบางคนนั้นเมื่อเขามีความขัดแย้งเรื่องปัญหาใดก็แล้วแต่ที่จะนำพาไปสู่ความแตกแยก จนไม่สามารถประนีประนอมกันได้ ทางออกที่ดีที่สุดของเขา คือการปลีกตัว

ซึ่งตัวอย่างเหล่านี้เช่น ท่านอลี บินอบูตอลิบ(รด)ครั้งหนึ่งสมัยที่ท่านปกครองนั้น จะมีการเกิดความขัดแย้งหลายฝ่ายและที่ชัดเจน นั้นระหว่างฝ่ายที่ถือท่านมุอาวียะ บินอบูซุฟยาน(รด)
ในเรื่องปัญหาของตำแหน่างคอลีฟะ ท่านได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งในการแยกตัวออกจากความว้าวุ่นทางการเมือง โดยสร้างความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์ให้มากขึ้นกับเวลาที่มี และถ้าตรงไหนมีการขัดแย้งที่ไม่สามารถประนีประนอมกันได้ ท่านก็จะตักเตือน และเมื่อไม่สำเร็จท่านก็จะมอบหมาย
ไว้กับอัลลอฮ์
ความจริงปัญหาความขัดแย้งระหว่างพี่น้องมุสลิมที่มีกาลีมะเดียวกัน นั้นมีอยู่ทุกย่อมหญ้าของสังคนมุนุษย์โลก แต่บางครั้งปัญหาคิลาฟียะที่มีตั้งแต่อดีต ซึ่งบางเรื่องนั้นได้ยุติไปนานแล้วแต่เมื่อประมาณ4 - 500 ปีที่ผ่านมา กลับมีคนกลุ่มหนึ่งนำปัญหามารื้อฟื้นใหม่ด้วยกับการอ้างถึงคำดำรัสในอัลกรุอ่านและอัลฮาดีสมาเป็นตัวแปร เพื่อให้ตรงเป้าหมายของการฟื้นฟู คล้ายกับการกล่วอ้างการปฏิวัตอิสลามในอิหร่านโดยโคไมนี .เพีนยงแต่ว่า คำอ้างนี้ไม่ได้บิดเบือนจากสิ่งถูกต้องมากนัก...

ในอดีตนั้นช่วงประมาณ ฮศ 90-260 ช่วงนั้นศาสนาอิสลามได้รุ่งโรจน์มาก และขยายอาณาจักรของความเป็นอิสลามได้เกือบทั่วโลก บวกกับความรุ่งเรืองในด้านศาสนาที่แปรผันตามทุกวินาที......

นักวิชาการศาสนาอิสลามหลายคนเป็นที่ยอมรับของคนในทั่วโลกโดยเฉพาะความพัฒนาในเรื่องศาสนา ของอิสลามก้าวไกลอย่างแพร่หลาย

เมื่อวิชาการศาสนาเจริญมากขึ้นคนมีความรู้และมีความปรับระดับตัวเองให้เป็นที่ยอมรับในวิชาการศาสนา ก็มากขึ้นตามลำดับ ในขณะเดียวกันปัญหาต่างๆหรือคิลาฟที่ไม่เคยมีในสมัยท่านนบีก็ติดตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ถ้าเราคือมุสลิมูนทุกคนไม่ลืมฮาดิสที่รายงานโดยท่าน อบูดาวุดที่กล่างว่า ท่านนบีกล่าวไว้ว่า..ทุกเกือบร้อยปี อัลลอฮ์(ซบ)ว่า.จะทรงบังเกิด บุคคลที่.เรียกว่า มุญัดดิด...มาให้แก่อุมัตอิสลาม เพื่อกระทำการส่งเสริมเผยแพร่กิจการศาสนา ..

ดังนั้นในยุคถัดมาเมื่อวัตถุยิ่งเจริญขึ้น จิตใจคนก็เริ่มเสื่อมลง ในบางครั้งจะเห็นว่ามีปัญหาเกิดขึ้นอย่างมากมายซึ่งบางปัญหาทก็ไม่เคยมีในสมัยท่านนบีและซอฮาบะมาก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้มันก็ต้องจึงเกิดคำถามอย่างมากมายตามมา และด้วยเหตุผลความรับผิดชอบอันนี้ของมีความรู้ในสมัยนั้นเขาก็ต่างพยายามศึกษาหาความรู้ค้นคว้ารายละเอียดกับปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจากอัลกรุอ่าน จาก ซุนนะนนบีและแบบอย่างของซอฮาบะเพื่อที่จะตอบให้กับปัญหาหรือคิลาฟที่เกิดขึ้น ในสมัยนั้นให้อย่างชัดเจนและขาวสะอาด โดยปราศจากความค้างคาใจ

ทั้งนี้เพื่อไม่ต้องการให้ศาสนาอิสลามของอลลอฮ์(ซบ)เจอทางตันในขณะนั้น

เมื่อเป็นดังนั้น...ปัญหาหรือคำถามต่างๆขึ้นมากมาย ที่ไม่มีในสมัยท่านนบีและซอฮาบะ จึงถูกตอบโดยผู้มีความรู้ที่ได้รับการยอมรับของคนในสมัยนั้นไปพร้อมๆกัน หรือทีเราเรียกกันเขาผู้นั้นว่า อุลามะหรือ ผู้มีความรู้ และถ้าเรากลับไปมองเนียะมัตของอัลลออ์แล้วเราจึงไม่แปลกใจแต่อย่างใดว่า ที่พระองค์กล่าวว่า หรือเจ้าคิดหรือว่าเราจะสร้างเจ้าอย่างไร้สาระ จะเห็นได้ว่า ....

พอมาถึงตรงนี้มุสลิมทุกคนก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้รู้หรืออุลามะนั้นล้วนมาจากพระประสงค์ของอัลลออ์ทั้งสิ้น ปัญหาใดที่ในอัลกรุอ่านบอกไว้แต่เป็นข้อความที่กว้างหรือครอบคลุม โดยที่ท่านนบีเองก็ไม่ได้อรรถาธิบายไว้ โดยที่อัลลออ์มีพระประสงค์ให้ท่านกลับไปเสียก่อน ดังนั้นจะเห็นว่าอัลกรุอ่านบางอายะฮ์ ..ซอฮาบะที่อยู่หลังจากท่านจะเป็นผู้ทำหน้าที่ชี้แจงมันแทน เช่น ท่านอบูบักร์ ท่านอุมัรท่านอุสมาน ท่านอะลี (รด)และยุคซอฮาบะ ถัดมา ซึ่งเขาเหล่านั้นก็พยามยามอธิบายถึงข้อความนั้นเพื่อให้เกิดความกระจ่าง..ซึ่งอายะหนึ่งที่พระองค์กล่าวไว้ในคัมภีร์อันสูงส่งว่า ---------และเมื่อเจ้าไม่รู้ ดังนั้นเจ้าจงสอบถามผู้เถิด---------------

จนมาถึงยุคสลัฟหรืออีหม่ามทั้งสี่ ก็มีผุ้รู้บางท่านนึกถึงฮาดิสบทหนึ่งของท่านนบีกล่าวว่า ทุกๆเกือบร้อยปี อัลลอฮ์จะให้เกิด บุคคลที่เรียกว่า มุญัดดิด ให้แกอุมัติอิสลาม ในรายงานของท่านอบูดาวุด...



------------------------เชิญมิตรสหายนักศึกษาจากไคโรทุกคน ต่อครับ-----------------------------------
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Thu Mar 30, 2006 9:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

การเกิดมัซฮับ ไม่ใช่เป็นเครื่องหมาย หรือสาเหตุในการสร้างความแตกแยกแต่ประการใด หากเราได้ทำการศึกษาอิสลามอย่างแท้จริง เราจะพบว่า แนวทางในการปฏิบัติ นิติศาสตร์อิสลาม ได้เกิดมัซฮับตั้งแต่สมัยของบรรดาซอฮาบะฮ์แล้ว เช่นชาวกูฟะฮ์ (อิรัก) ยึดการวินิจฉัยมัซฮับของท่าน อิบนุมัสอูด และบรรดาสานุศิษย์ เป็นต้น มักกะฮ์ยึดการวินิจฉัยของท่าน อิบนุอับบาส และบรรดาสานุศิษย์ เป็นต้น ทีนครมะดีนะฮ์ ยึ่งการวินิจฉัยมัซฮับของท่าน อิบนุ อุมัร เป็นต้น การที่ประชาชาติอิสลามในสมัยนั้น ได้ทำการยึดแนวทางการวินิจฉัยที่แตกต่างกันไป ก็ไม่ได้สร้างความแตกแยกหรือไม่มีการบาดหมางในระหว่างพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องฟิกห์ที่อยู่ในเชิงวินิจฉัยข้อปลีกย่อย เมื่อเป็นเช่นนี้ บรรดาซอฮาบะฮ์ผู้ที่มีคุณสมบัติวินิจฉัยอิจญฺฮาด ก็ไม่ใช่ผู้ที่สร้างความแตกแยก แบ่งนิกาย เลยแม้แต่น้อย หากแม้นว่า พวกเขาจะมีการคัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่องฟิกห์

พอมาถึงสมัยของอัตตาบิอีน สำนักเด่นๆในสมัยนั้น มีอยู่ 2 สำนักด้วยกัน คือ สำนักหะดิษ(เน้นหะดิษ) และสำนักที่เน้นความเห็น (เช่นให้หลักการกิยาส) สำนักหะดิษก็อยู่แถบหิญาซฺ คือมักกะฮ์และมะดีนะฮ์เป็นต้น เนื่องจาก ที่นครมะดีนะฮ์นั้น เป็นเมืองหลวงเก่า ที่มีบรรดาซอฮาบะฮ์อาศัยอยู่มากมาย ซึ่งสามารถที่จะรายงานหะดิษได้มากกว่า ที่กูฟะฮ์อิรักที่เน้นความเห็นมากกว่า เนื่องจากการรับตัวบท ณ ที่กูฟะฮ์นั้น สามารถรับได้น้อยกว่าที่แถบหิยาซฺ เมื่อเป็นเช่นนี้ การวินิจฉัยในเชิงฟิกห์จึงมีความแตกต่างกัน แต่กระนั้น ก็ไม่ได้ทำให้อิสลามต้องเกิดความแตกแยกแต่ประการใด และการมีความเห็นและทัศนะที่แตกต่างกันระหว่างสองนำหนักนี้ ก็ไม่ได้สร้างความแตกแยกใดให้เกิดขึ้นประชาชาติอิสลาม ยิ่งไปกว่านั้น มันกลับทำให้อิสลามยังความรุ่งเรือง และพวกเขาต่างให้เกียตริซึ่งกันและกัน

มาถึงสมัน ตาบิอิตตาบิอีน คือสมัยของ บรรดาอิมามทั้ง 4 อิมามอบูหะนีฟะฮ์ จะใช้ฟิกห์ที่หนักไปทาง สำนักที่เน้นความเห็น เนื่องจากท่านอาศัยอยู่ที่อิรัก ส่วนท่านอิมามมาลิก ท่านจะเน้นหนักไปทางสำนักหะดิษ เพราะท่านสามารถรับการรายงานหะดิษมากกว่า เนื่องจากท่านอาศัยอยู่ที่นครมะดีนะฮ์ และท่านไม่เคยเดินทางออกจากแคว้นหิญาซฺเลย ส่วนอิมามอัช-ชาฟิอีย์ ก็จะทำการรวมหลักการของทั้งสองสำนักนี้ และท่านอะหฺมัดก็จะเน้นไปทางหะดิษมากกว่า จนกระทั้งท่านกล่าวว่าหะดิษฏออีฟ ย่อมดีความการวินิจฉัยของผู้รู้ อย่างไรก็แล้วแต่ บรรดาอิมามทั้งสี่ ก็ขัดแย้งกันในด้านความเห็น มีความเห็นไม่ตรงกันในด้านการวินิจฉัยในวิชาฟิกห์ และต่างฝ่ายก็มีสานุศิษย์มากมาย ที่ได้รับวิทยาการต่างๆจากบรรดาอิมามทั้ง 4 เหล่านั้น แต่สิ่งดังกล่าวก็ไม่สร้างความแตกแยกแต่ประการใดให้กับประชาชาติอิสลาม เนื่องจากพวกเขาให้เกียตริในปัญหาประเด็นข้อปลีกย่อย และยิ่งไปกว่านั้น ในสมัยดังกล่าวนี้ อิสลามได้แผ่คลุมไปยัง ยุโรปเสปน (อันดะลุส) โดยมัซฮับของมาลิกีย์เข้าไปมีบทบาทมากในแทบนั้น ถึงแม้จะมีมัซฮับอยู่ ก็ไม่ได้ทำให้อิสลามต้องแตกแยกแต่อย่างใด เนื่องจากหากเขาให้เกียตริซึ่งกันและกัน และเข้าใจวิญญานของอิสลามอย่างแท้จริง ดังเป็นเช่นนี้ ยุโรป ได้เล็งความเจริญรุ่งเรืองของกฏหมายอิสลาม พวกเขาจึงส่งบรรดานักศึกษาของพวกเขา มาทำการศึกษาวิทยาการกฏหมายต่างๆของอิสลาม แล้วพวกเขาก็นำหลักการต่างๆเหล่านั้น ไปร่างกฏหมายรัฐธรรมนูญให้กับประเทศของตนโดยกฏหมายของอิสลาม เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะพบว่า กฏหมายของฝรั่งเศสจะคล้ายกับมัซฮับมาลิกีย์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว

ดังนั้น เรื่องมัซฮับ จึงไม่ใช่เป็นสัญลักษ์หรือสิ่งที่นำไปสู่ความแตกแยกแต่ประการใด แต่ที่อิสลามต้องแตกแยกในเรื่องข้อปลีกย่อยนั้น เพราะอะไร ? สาเหตุมาจากใหน ? และคุณลักษณะที่ทำให้มีความแตกแยกนั้น มันกำลังเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน ซึ่งลักษณะและพฤติกรรมที่สร้างความแตกแยกเหล่านี้มันเป็นเช่นไร ? เชิญ บังคนอยากรู้ ชี้แจงของเท็จที่สามารถจับต้องได้ในปัจจุบันครับ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 31, 2006 12:04 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หากการสังกัดมัซฮับ มีบัญญัติไว้ในศาสนา แล้วตอนนี้ไม่ทราบว่า แล้วตอนนี้ทำไม มัซฮับอิบนุมัสอูด มัซฮับอิบนุอุมัร และมัซฮับอิบนุอับบาส ไปอยู่เสียที่ใหน ทำไมจึง หรือ ว่า มัซฮับทั้งสี่ มายกเลิก มัซฮับของเหล่าเศาะหาบะฮ
แล้วหรือ เห็นคนสมัยนี้ไม่นิยม แต่..ที่น่าสังเกตคือ คนสมัยเศาะหาบะฮ คงจะไม่ยึดติดกับมัซฮับ หรือผูกขาดมัซฮับ เหมือนสมัยนี้อย่างแน่นอน แต่เท่าที่สังเกต ความแตกแยก..เกิดจากการยึดเอาความเห็นของบุคคล มาเป็นศาสนามากกว่า คนที่ตะอัศศุบกับผู้นำจนกระทั้ง ไม่ยอมรับอัล-กรอ่านและหะดิษเศาะเฮียะที่ไม่ตรงกับความเห็นของผู้นำ อันนี้ อันตรายมาก ดังอัลกุรอ่านระบุว่า

يَوْمَ تُقَلَّبُ وُجُوهُهُمْ فِي النَّارِ يَقُولُونَ يَا لَيْتَنَا أَطَعْنَا اللَّهَ وَأَطَعْنَا الرَّسُولَا
[33.66] วันที่ใบหน้าของพวกเขาจะถูกพลิกกลับไปกลับมาในไฟนรก พวกเขาจะกล่าวว่า โอ้ความระทมทุกข์ของเรา ! หากเราได้เชื่อฟังปฏิบัติตามอัลลอฮ์ และเราได้เชื่อฟังปฏิบัติตามร่อซู้ลก็จะดีหรอก !!

وَقَالُوا رَبَّنَا إِنَّا أَطَعْنَا سَادَتَنَا وَكُبَرَاءنَا فَأَضَلُّونَا السَّبِيلَا
[33.67] และพวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา แท้จริงเราได้เชื่อฟังปฏิบัติตามบรรดาหัวหน้าของเรา และบรรดาผู้นำของเรา ดังนั้นพวกเขาได้ทำให้พวกเราหลงทาง

رَبَّنَا آتِهِمْ ضِعْفَيْنِ مِنَ الْعَذَابِ وَالْعَنْهُمْ لَعْناً كَبِيراً
[33.68] ข้าแต่พระเจ้าของเรา ได้โปรดลงโทษพวกเขาสองเท่าเถิด และทรงสาปแช่งพวกเขาซึ่งการสาปแช่งอันยิ่งใหญ่
………………..
ในวันกิยามะฮ พวกตะอัศศุบผู้นำ จนยอมทิ้งคำสอนของอัลลอฮและรอซูล นั้น เมื่อรู้ตัวก็สายเสียแล้ว ได้แต่รำพึงรำพันว่า “ว่า ถ้าเราเชื่อฟังอัลลอฮและรอซูลก็จะดี” เลยพาลโกรธผู้นำที่พาให้พวกเขาหลงผิด และของให้อัลลอฮลงโทษผู้นำที่ทำให้พวกเขาหลงผิดสองเท่า แต่ขอเรียนให้ทราบว่า ท่านอิหม่ามทั้งสี่ ท่านเหล่านี้ สอนให้ตามอัลลอฮและรอซูล ไม่ให้ยึดติดกับความเห็นของท่าน

ท่านอบูบักร ซึ่งเป็นเอกอัครสาวกคนสำคัญของท่านนบี ก็สอนไว้ว่า
"أطيعونى ما أطعتُ الله ورسوله ، فإذا عصيتُ الله ورسوله ، فلا طاعةَ لى عليكم" ).

พวกท่านจงเชื่อฟังข้าพเจ้า สิ่งซึ่งข้าพเจ้าได้เชื่อฟังต่ออัลลอฮและศาสนทูตของพระองค์ ดังนั้น เมื่อ ใดข้าพเจ้าฝ่าฝืนต่ออัลลอฮและศาสนทูตของพระองค์ การเชื่อฟังข้าพเจ้า ก็ไม่ใช่หน้าที่ของพวกท่าน
رواه ابن سحاق باسناد صحيح / انظر البداية والنهاية لابن كثير ( 6/301

ท่านอิหม่ามมาลิกได้กล่าวไว้ว่า

(إنما أنا بشر أخطيء واصيب، فانظروا في رأيي فكل ما وافق الكتاب والسنة فخذوه، وكل ما لم يوافق الكتاب والسنّة فاتركوه
แท้จริง ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง มีผิด มีถูก ดังนั้น พวกท่านจงพิจารณา ในความเห็นของข้าพเจ้า แล้วทุกสิ่งที่สอดคล้องกับอัล-กิตาบและอัสสุนนะฮ ก็จงเอามัน และทุกสิ่งที่ขัดแย้งกับอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ ก็จงทิ้งมันเสีย”

(جامع بيان العلم وفضله)، ابن عبد البر: 1 / 775،

......................
การตามทัศนะผู้รู้ ที่วางอยู่บนหลักฐานนั้น แม้จะแตกต่างด้านความเข้าใจ นั้น ไม่มีใครตำหนิหรอกครับ แต่ การเทิดทูลความเห็นของผู้รู้ ที่คิดบิดอะฮขึ้นมา นี้แหละครับ มันอันตราย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 31, 2006 12:20 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติม

((وَلاَ تَكُونُواْ مِنَ ٱلْمُشْرِكِينَ (31) مِنَ ٱلَّذِينَ فَرَّقُواْ دِينَهُمْ وَكَانُواْ شِيَعاً كُلُّ حِزْبٍ بِمَا لَدَيْهِمْ فَرِحُونَ)) (الروم:31-32)
และอย่าอยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี (31) (คือ) ในหมู่ผู้แบ่งแยกศาสนาของพวกเขาออกเป็นนิกายต่าง ๆ และแต่ละหมู่คณะก็พอใจต่อสิ่งที่พวกเขามีอยู่(*1*)
....................
(1) แต่ละคณะแต่ละนิกายก็ยึดมั่นในสิ่งที่ตนประดิษฐ์คิดขึ้นมา เช่น พวกนะศอรอ ยะฮูด มะญูซ และพวกบูชารูปปั้น
.............
ตราบใดที่อ้างว่า ท่านนิกายนั้น ฉันนิกายนี้ แล้วต่างก็พอใจนิกายตัวเองว่าถูก กล่าวหาของคนอื่นผิด นี่คือ ตัวปัญหาทำให้แตกแยก ศาสนาอิสลามไม่มีนิกายและศาสนาอิสลามไม่มีมัซฮับ ที่มีบัญญัติให้เลือกกันนับถือ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Fri Mar 31, 2006 9:39 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

----จากคำพุดของ คูณเสือสมิงที่ว่า...

---หากการสังกัดมัซฮับ มีบัญญัติไว้ในศาสนา แล้วตอนนี้ไม่ทราบว่า แล้วตอนนี้ทำไม มัซฮับอิบนุมัสอูด มัซฮับอิบนุอุมัร และมัซฮับอิบนุอับบาส ไปอยู่เสียที่ใหน ทำไมจึง หรือ ว่า มัซฮับทั้งสี่ มายกเลิก มัซฮับของเหล่าเศาะหาบะฮ..แล้วหรือ เห็นคนสมัยนี้ไม่นิยม แต่..ที่น่าสังเกตคือ คนสมัยเศาะหาบะฮ คงจะไม่ยึดติดกับมัซฮับ หรือผูกขาดมัซฮับ เหมือนสมัยนี้อย่างแน่นอน แต่เท่าที่สังเกต ความแตกแยก..เกิดจากการยึดเอาความเห็นของบุคคล มาเป็นศาสนามากกว่า คนที่ตะอัศศุบกับผู้นำจนกระทั้ง ไม่ยอมรับอัล-กรอ่านและหะดิษเศาะเฮียะที่ไม่ตรงกับความเห็นของผู้นำ อันนี้ อันตรายมาก ดังอัลกุรอ่านระบุว่า


-------นี่แหละครับพี่น้องตัวอย่างของคนที่พยายามสร้างจุดหรือลิ่มที่ทำให้กิดความแตกแยกด้วย
คำพูดของตัวเองที่ไม่มีสาระประโยชน์อันใดในบทความนี้เลย

...ดังนั้นอย่าพยายามเอาอารมณ์ค้างขอตัวเองมาตัดสินความถูกผิดในบทความนี้ครับ
------------ข้อร้อง------------
เพราะผมไม่อยากให้เกิดฟิตนะกับผู้ที่ชอบใช้คำพูดรับใช้อารมร์ตัวเองตัดสินการกระทำของคนอื่นว่าผิดหมด

และอีกอย่างสิ่งที่ผมนำเสนอนั้นก็ยังไม่จบ

เอาเป็นว่า ถ้าจะวิจารณ์อะไรนั้น ขอให้ยกมาเป็นข้อๆแล้วกันแต่ต้อง โดยเหตุโดยผล และต้องรับฟังคนอื่นด้วย โดยเฉพาะความเห็นที่มาจากสติปัญญาที่พระองค์ให้มา โดยไม่จำกัดว่าต้องต้องยกคำดำรัสของพระองค์มาสำทับความาเห๋นของมัคโลกที่พระองค์สร้างหรอกครับ เพราะ บทความนี้ เป็นความเห็นทั่วๆไป ไม่เกี่ยวกับปัญหาศาสนามากนัก

ที่สำคัญ ผมไม่อยากให้ทางเจ้าของเว็บรับอารมณ์ร่วมจากคำพูดของเสือสมิงดำแล้วมาปิดกระทู้ผมอีกครั้งที่4

ส่วนความเห็นของน้องอัลอัชฮารีย์นั้นคือสิ่งที่สอดคล้องกับบทความของผม และความเห็นของคุณอับดุลลาห์นั้นถือว่าเป็นสิ่งที่ดี
ที่ผมเห็นด้วย..
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 31, 2006 10:32 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จริงๆแล้ว อ่านชื่อ กระทู้ ก็รู้ว่า เกิดจากอารมร์ค้าง แต่..ก็ดีนะครับที่ได้อ่านบทความ ที่มีประโยชน์ เสือสมิงอ่านแล้ว อดไม่ได้ที่จะช่วยเสริมให้มันขลังมากขึ้น และเพื่อผู้อ่านจะได้ใช้เป็นเครืองมือในการพิจารณาอีกทางหนึ่งด้วย
.............
จาก
คนที่กลายเป็นเสือสมิงดำไปเสียแล้ว Very Happy
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Fri Mar 31, 2006 10:44 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จะเห็นได้ว่า จากความไม่เข้าใจของบคคล ซึ่งอ้างถึงระดับความรู้ที่ไม่เทียมกันในทุกชนชั้น
จึงทำให้เกิดความแปลกแยกกันในสิ่งที่ตนหรือหมู่คณะได้รับมา..และเผยแพร่ไปในที่สุด

จากความแปลกแยกบนความแตกต่างนั้น ถูกขยายวงกว้างไปเป็นความแตกแยกไปในที่สุด
จนกลายเป็นเรื่องตะอัศสุพในตัวบุคคลทีกลุ่มตัวเองคิดว่ามันคือสิ่งถูกต้อง แล้วถูกต้องเพียงฝ่ายเดียวเท่านั้น และจากประเด็นเหล่านี้ สังคนมุสลิมปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวิชาการด้านศาสนาล้วนมีความขัดแย้ง ซึ่งล้วนมาจาก ความไม่รู้หรือความาเขลาของคน ที่ไม่ยอมเปิดหูเปิดตายอมรับการวินิจฉัยของผู้มีความรู้มากกว่าตน และการไม่เชื่อมั่นและดูถูกในผู้นำของตนเอง ว่าโง่งมงาย
ไม่มีใครที่จะรู้ดีไปเสียทุกอย่างว่าตนคือผู้ที่เลิศที่สุดและไม่มีใครที่ยกตนเองว่าความคิดหรือการเข้าใจของตนนั้นสุดยอด เสมอไป ขณะเดียวกัน ความสุดโต่งในการยึดมั่นว่าแนวทางของตนนั้นจะอยู่รอดปลอดภัยเท่านั้นนี้คือความโง่งมงายที่สุดโต่งเช่นกัน
และขณะเดียงกันไม่มีมุสลิมคนใดที่ไม่เคยผ่านประสบการณ์คงามแตกต่างในการปฏิบัติ ของสังคมมุสลิมเราที่มากมายด้วยความแปลกแยกในการยึดถือ
ซึ่งปรากฏให้เห็นในแง่มุมต่างๆของวิถีการดำเนินชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตัวอย่าง ขณะที่เราเข้าไปละหมาดที่มัสยิดหนึ่ง เราเห็นว่าพี่น้องมุสลิมเราบางคน อ่านบิสลาห์ดัง แต่ในขณะที่บางคนอ่านเบา หรือไม่อ่าน หรือพี่น้องเราบางคนยกมือขอดุอาห์หลังละหมาดเสร็จแล้วขรธที่บางคนไม่ขอดุอาห์อะไร หรือไม่ยกมือ จากตัวอย่างความแปลกแยกตรงนี้ ล้วนมาจาก ความขัดแย้งทางฟิกฮ์เป็นส่วนใหญ่
ประเด็นความทางฟิกฮ์นั้น(ชารีอัต) นั้นเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนมากเพราะเป็นกฎหมายหรือนติศาสตร์อิสลาม ที่มาจากแบบอย่างท่านนบีโดยประสงค์ของอัลลออ์(ซบ)ที่ผ่านสื่อญิบรอเอลมาอีกที ในการศรัทธาของมัวตะซีละนั้น นักวิชาการของเขาส่วนมากจะยึดประเด็นในหลักชารีอัตของท่านนบีเป็นหลักในการดำเนินชีวิต จนบางครั้งเขาเหล่านั้นกลับให้ความสำคัญในกฏชารีอัตมากกว่า คำดำรัสหรือหลักคำสอนของอัลกรุอ่าน เช่นการยึดเอาฮาดีสที่ถ่ายทอดและอ้างจากท่านนบีว่า ถ้ากระทำเช่นั้นหรือเช่นนีท่านจะต้องได้รับโทษและต้องตกนรกแน่นอน..ซึ่งอ้างถึงคำพูดของท่านบีมาเป็นเกณท์ ขณะเดียวกันกับลืมคำดำรัสของพระองค์ที่ว่า..
----บุคคลหนึ่งบุคคลใดที่เป็นภาคีต่อข้านั้นเขาผู้นั้นจะไม่ได้เข้าสวรรค์อย่างแน่นอน....

-----และเฉพาะคนกาเฟรหรือผู้ปฏิเสธศาสนาของข้านั้น สำหรับเขาคือไฟรนกเท่านั้น....
.การที่กล่มมัวตะซีละหรือชนที่ยึดเอาชารีอัตของท่านนบีมาดำเนินชีวิตอย่างสุดโต่งนี้ ถือว่าเขาได้ลืมหรือทิ้งความเมตาของอัลลอฮ์(ซบ)ไข้งหลัง ลืมคิดไปว่าพระองค์นั้นเป็นทรงให้อภัยยิ่งในความผิดพลาดที่มีอยู่ในบ่าวของพระองค์

ในทางตรงกันข้ามเราจะเห็นได้อีกมุมหนึ่งว่าพวกที่ยึดมั่นเฉพาะอัลกรุอ่านเป็นบันทัดฐานในการยึดถืออย่างสุดโต่งจนละทิ้งซุนนะอย่างจงใจ ถือว่าเขามีอันตรายมากในการดำเนินชีวิตของเขาในดุนยานี้

เรื่องเหล่านี้กลายเป็นความซีเรียสขึ้นมากับคนมุสลิมที่ขาดการศึกษาหรือบุคลระดับล่างที่ไม่มีพื้นฐานความรู้ในเรื่องนี้มาเลย จนกลายเป็นเป้าโจมตีของผู้ที่ตะอัศสุพของกฏชารีอัต..และนำไปสุ่ทางที่ไม่สามารถเข้าใจกันได้ โดยเฉพาะผู้ที่คลั่งไคล้กับการไม่ผูกติดกับมัสหับ แต่กลับโจมตีว่าการมีแนวทางหรือการตักลีดตามมัสหับนั้น เป็นสิ่งที่ลำบากและผิดพลาด..ด้วยการออกหนังสือหรือจัดทำสื่อในลักษรธต่างๆเพื่อมุ่งโจมตีผู้ที่ตามแนวทางหรือมัสหับ

สิ่งเหล่านี้คือความเข้าใจผิดของเขา เขามักอ้างว่า มัสหับหรือแนวทางนั้นคือตัวสร้างความยุ่งยากให้กับตัวเอง..ดังตัวอย่างที่ฝ่าย..ลามัสหับ...ออกโจมตีดังต่อไปนี้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 31, 2006 11:47 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อิสลามเป็นศาสนา ที่มุ่งเน้นให้ผู้นับถือ นำคำสอนมาปฏิบัติอย่างถูกต้อง สิ่งที่เป็นพลังขับเคลื่อน ให้นำความรู้มาปฏิบัติ นั้น คือ อีหม่าน การอีม่านที่ถูกต้องย่อมส่งผลให้ผู้ปฏิบัตินั้น ปฏิบัติถูกต้องด้วย เพราะการปฏิบัติมาจากความเชื่อและความเข้าใจ อิสลามส่งเสริมให้มุสลิมศึกษา และ การศึกษาที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของอิสลามได้ นั้นคือ การศึกษาอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ
อัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ คือ คำสอนศาสนาอิสลาม อิสลามมีแนวทางหนึ่งเดียวคือ แนวทางของอัลลอฮ ที่มีศาสดามุหัมหมัด ทำหน้าที่ชี้นำมาสู่แนวทางนี้ นี่คือ แนวทางแห่งเอกภาพ ส่วนที่สุดโต่งคือ การสร้างแนวทางหลายๆแนวทาง อันจะนำมาซึ่งความแตกต่างต่างและจบลงที่แตกแยก ดังอัลลอฮ(ซ.บ)ตรัสว่า

وَأَنَّ هَـذَا صِرَاطِي مُسْتَقِيماً فَاتَّبِعُوهُ وَلاَ تَتَّبِعُواْ السُّبُلَ فَتَفَرَّقَ بِكُمْ عَن سَبِيلِهِ ذَلِكُمْ وَصَّاكُم بِهِ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ
[6.153] และแท้จริงนี้คือทางของข้าอันเที่ยงตรงพวกเจ้าจงปฏิบัติตามมันเถิด และอย่าปฏิบัติตามหลาย ๆ ทาง เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกไปจากทางของพระองค์ นั่นแหละที่พระองค์ได้สั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง


................
จากคนที่กลายเป็นเสือสมิงดำ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
Konyakroo
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/01/2006
ตอบ: 244


ตอบตอบ: Fri Mar 31, 2006 12:33 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

-----------------คุณเสือสมิงดำครับ ฉายานี้..เหมาะกับคูณในรูปภาพที่คุณส่งมาครับฮ้าๆๆๆ-------------

---ผมสังเกตุว่า..เอะอะไรคุณก็ชอบอายะกรุอานมา เสมอๆ เพื่ออะไรครับ ทั้งที่เราไม่ได้คุยหรือถกกันเรื่องศาสนาหรือมุ่งหวังโจมตีฝ่ายที่อยู่ต่างทัศนะหรือเพื่อยืมเอาคำดำรัสของอัลลอฮ์(ซบ)มาสร้างความแตกแยกกับอุมัติหรือบ่าวของท่านเอง.... คุณไม่กลัวและยำเกรงพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าชีวิตของคุณบ้างหรือครับ ผมเห็นคุณยกมาพร่ำเพี่ออยู่ร่ำไรจัง..ฮิๆๆๆ

จากอายะข้างล่าง

وَأَنَّ هَـذَا صِرَاطِي مُسْتَقِيماً فَاتَّبِعُوهُ وَلاَ تَتَّبِعُواْ السُّبُلَ فَتَفَرَّقَ بِكُمْ عَن سَبِيلِهِ ذَلِكُمْ وَصَّاكُم بِهِ لَعَلَّكُمْ تَتَّقُونَ

[6.153] และแท้จริงนี้คือทางของข้าอันเที่ยงตรงพวกเจ้าจงปฏิบัติตามมันเถิด และอย่าปฏิบัติตามหลาย ๆ ทาง เพราะมันจะทำให้พวกเจ้าแยกออกไปจากทางของพระองค์ นั่นแหละที่พระองค์ได้สั่งเสียมันไว้แก่พวกเจ้า เพื่อว่าพวกเจ้าจะยำเกรง[/font">
ขอถามคุณเสือสมิงดำเป็นข้อๆ

ถามสักนิดเถิดว่าตั้งแต่...คุณจำความได้นั้นคุณยกอายะกรุอานเพื่อบังหน้าหรือดิสเครดิฝ่ายต่างทัศนะตามอารมณ์ตนเองกี่ครั้งแล้ว....
---ตอบ กรุณาพูดความจริงนะครับ ขอให้สาบานด้วยนามอัลลอฮ์ด้วย..ถ้าคุณจริง...

และทุกอายะที่คุณยกมานั้นคุณมั่นใจมากแค่ไหน..ว่าสิ่งที่ยกมานี้มันตรงกับพระประสงค์ของอัลลอฮ์(ซบ)ที่ดำรัสไว้ในอัลกรุอานกับสิ่งที่คุณยัดเยียดหรือกล่าวประนาฌให้กับฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นแบบนั้นโดยเฉพาะในประชาชาติยุคของเรานี้....
----ตอบมาด้วยหลักฐานและที่คุณยกมาครับ...ห้ามเอาความคิดตัวเองมาตัดสินครับ

และคุณกล้าตอบได้ไหมว่าคุณเข้าใจเนื้อหาหมดอย่างท่องแท้ในความหมายของอายะที่คุณยกมา

-----ตอบมาด้วยอย่าเบี่ยงเบนและเฉไฉอีกละ...

และขอให้ตอบมาด้วยว่า ในโองการนี้ลงมาเพื่อมุ่งสำทับหรือโจมตีฝ่ายที่ต่างทัศนะคือพวกเรา หรือผู้ที่ยืนอยู่บนแนวทางของผู้มีความรู้เช่น อีหม่ามทั้ง4 ..


ถ้าตอบไม่ได้ก็ขอให้ยุติการก่อกวนที่มุ่งแต่จะสร้างความแตกแยกที่ทัศนะของคุณถนัดนักครับ....ครับ [/font]
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5  ถัดไป
หน้า 1 จากทั้งหมด 5

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.25 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ