ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - อยากทราบถึงชีวิตของสตรีมุสลิมในตะวันออกกลาง
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
อยากทราบถึงชีวิตของสตรีมุสลิมในตะวันออกกลาง
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
ow
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 19/02/2006
ตอบ: 1


ตอบตอบ: Mon Feb 20, 2006 12:06 am    ชื่อกระทู้: อยากทราบถึงชีวิตของสตรีมุสลิมในตะวันออกกลาง ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คือดิฉันเป็นชาวพุทธที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับสตรีมุสลิมในตะวันออกกลางค่ะ โดยศึกษาเปรียบเทียบกับสตรีมุสลิมไทย โดยดิฉันได้เลือกศึกษาถึง
ความแตกต่างทางด้าน
1.การศึกษา
2.การแต่งกาย ตรงส่วนนี้ (ดิฉันทราบว่า มีบัญญัติไว้ในคัมภีร์ แต่ว่าในประเทศไทยการแต่งกายบางทีก็ไม่เหมือนกับในตะวันออกกลาง)
3.สิทธิและหน้าที่

ซึ่งตอนนี้ดิฉันมีข้อมูลเกี่ยวกับสตรีมุสลิมในตะวันออกกลางน้อยมาก จึงอยากเรียนถามค่ะ
หากคำถามดิฉันไปหลบหลู่ศาสนาของท่าน ก็ขออภัยด้วยค่ะ

ขอบคุณค่ะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Tue Feb 21, 2006 1:10 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงโปรดประทานความสงบและสันติสุขต่อคุณ OW...

เมื่อคุณเริ่มคำถาม อย่างกว้าง เข่นนี้ ตอบได้ยากมาก ทั้งนี้ เพระา่ ว่า สตรีมุสลิมใน ภาค ตะวัน ออกกลาง นั้น มีด้วยกันอยู่ใน หลายประเทศ และขนบธรรมเนียมก็ต่างกันแล้วแต่ท้องถิ่น และ กฎหมาย การปกครอง , ถ้าจะถามว่า สิทธิของสตรีตามหลักการของอิสลาม นั้น มีอะไรบ้าง? พอจะตอบได้อย่างย่อๆดังนี้

เนื่องจากศาสนาอิสลามถูกประทานมาสำหรับมนุษยชาติ ทุกๆเชื้อชาติ ภาษาและเผ่าพันธุ์ ไม่ใช่ สำหรับชาวอรับ หรือ ผู้ที่เป็น มุสลิม เท่านั้น, (มีชาวอรับประมาน20-25% เท่านั้น ที่เป็นมุสลิม ในบรรดา ผู้ที่นับ ถือศาสนา อิสลามทั่วโลก), ดังนั้นมนุษย์ทุกๆคนจึงมีสิทธิที่จะศึกษา ศาสนา อิสลาม และ ศึกษา อัลกุรอาน อย่าง เท่าเทียมกัน คำถามของคุณไม่ เป็นการลบหลู่ ศาสนา อิสลาม แม้แต่นิดเดียว เลย


1.การศึกษา:

มีสิทธิเท่าเทียมกับชายทุกประการ

มีผู้เล่าว่าท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ได้ กล่าวว่า …

“การเสาะแสวงหาความรู้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิม(หญิงและชาย)


2. การแต่งกาย:

แต่งตามวัฒนธรรรมและสภาพภูมิศาสตร์ของแต่ละท้องถิ่น แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องปกปิด ของ สงวนอย่างมิดชิด ไม่ให้ดูเป็นที่ยั่วยุกามรมณ์ ในคัมภีร์ อัลกุรอานระบุไว้อย่าง ชัดเจนว่า เครื่อง แต่งกายใดๆก็ตามไม่สำคัญเท่ากับ ความมีจริยาธรรมและคุณธรรม ที่ดีและมี ความ ศรัทธา ที่ มั่น คง ต่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น


3.สิทธิและหน้าที่:

มีเท่าเทียมชายทุกๆทาง แต่ชายมีหน้าีที่ที่ สำคัญต่อครอบครัวคือ ช่วยในการปกป้องคุ้มกัน เพศหญิง เนื่องจาก สภาพความแข็งแรงของร่างกาย แต่ไม่ได้ หมายความว่า เป็นผู้ เผด็จการ ในครอบครัว, จะต้องมีการตัดสินใจ ดว้ยกันในเรื่อง ครอบครัว


ขอความสันติจงมีแด่คุณ

wassalam


มูฮัมมัด อี. ยูซุบ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
อับดุรเราะฮ์มาน
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/02/2006
ตอบ: 56


ตอบตอบ: Thu Mar 02, 2006 10:55 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
ในคำถามของคุณow มีวิทยปัญญาอยู่ในคำถามให้เราได้วิเคราะห์กันนะครับ แล้วคิดว่าเราจะเจอคำถามนี้บ้างไม้เนี่ย
"ดิฉันเป็นชาวมุสลิมที่กำลังศึกษาเกี่ยวกับสตรีพุทธในตะวันออกกลาง โดยศึกษาเปรียบเทียบกับสตรีพุทธไทย"
เห็นอะไรบ้างครับในคำถามนี้และคำถามเดิม ไม่เห็นก็แล้วไป เพราะผมก็ไม่เห็น Laughing
Laughing
คุณมูฮัมหมัด อี. ยูซุฟ อย่าว่าอย่างโง้นอย่างงี้เลยนะครับ ไอ้ตรง อี. แปลว่าหรือมาจากอะไรครับ คือผมอ่านแล้วรู้สึกไม่ดีครับเพราะคนที่จะมี Middle name เป็นสไตล์การตั้งชื่อของ นัศรอนีนะครับ
ฝากเอาไว้อย่างนั้นแหละครับ ไม่คิดจะเอาคืน นอกจากคำว่า "มรดกอิสลาม" ไม่ผ่านจริงๆ Laughing Laughing
wassalam
ปล.ต้องนี่ครับนี่
อับดุรเราะฮ์มานบุตรของอับดุลเลาะฮ์ลูกของอิบรอฮีมอีกที (ไม่มีอีไม่มีไอ้ ไม่มีสั้น หรือสั่น อิอิ)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 12:49 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

คุณอับดุรเราะฮ์มาน เรื่องชื่อ นี้ความจริง แล้วผมชอบที่จะใช้นามแฝงมากกว่า เพราะว่า ถ้าใครเขาเกลียดและโกรธ เขาก็เอ่ยชื่อ ได้อย่างไม่ต้องเกรง ใจ ผมถูกด่ามาแล้ว ในเวบ มุสลิม โดยมีมุสลิมมะ เรียกผมว่า "ไอ้แมทท์" เมื่อ สมัย ผม ตั้งเวบ muslimthaiUSA.com ไม่ทราบว่าเป็นใคร แต่เมื่อคุณบอกว่าผมควรจะใช้ชื่อ อรับ ผมก็เอาชื่อ มูฮัมมัด ที่ถูกตั้งไว้ตั้งแต่เด็กๆ มาใช้ ส่วน อี. ยูซุบ เป็น ชื่อของคุณปู่ ฮัจจฺ อี.ยูซุบ เมื่อสมัย เมื่อ ประมาณ 90 กว่าปีท่านเคย มีร้านขาย เครื่องเทศ อยู่ แถวบางรัก

ผมว่า อย่าสนใจเรื่องชื่อเลย แม้แต่ชื่อของ เวบนี้ ผมก็ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย เขาว่า "มรดก" ก็มรดก ไปด้วย ก็แล้วกัน

ในความคิดเห็นของผม "อิสลาม" เป็น ศาสนาของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานให้มนุษย์ ทุกผู้ทุกนาม ไม่จำกัดว่าจะต้อง เป็น มุสลิมเท่านั้น ดังนั้น "อิสลาม" จึงเป็น"สมบัติของมนุษยชาติ" ที่ทุกคนมีสิทธิที่จะ ศึกษาเลื่อมใส และศรัทธา โดยไม่จำกัด ว่าจะต้อง อยู่ในสังคมมุสลิมเท่านั้น ทั้งนี้เพราะว่า พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ต้องการที่จะให้ ข่าวสารของพระองค์(อัลกุรอาน) ส่งไปถึงมนุษย์ ทุกๆคนบนโลกนี้ ไม่ว่า จะเป็น กาเฟร(ผู้ทียังขาดความรู้ในอิสลาม), มุชริกีน(ผู้ที่ยังหลง งมงาย อยู่กับวัตถุ และ ยึดตัวบุคคล เป็นหลักศรัทธา)

ถ้าบุคคลใดก็ตาม ที่ไม่เข้าใจหลักการของ อิสลาม มาก่อน เป็นผู้ที่สนใจในศาสนาอิสลาม หน้าที่ของ มุสลิม ก็คือ รีบ อธิบายให้เขาเข้าใจ ใน ปัญหาที่เขายังมีข้อสงสัย อย่าไป คิด ใน ด้าน Negative ต่อคำถามของเขา ตอบคำถามเขาไปอย่าง สุภาพและ พยายาม ให้เขาเข้าใจ ถึงหลักการที่สำคัญที่สุดของศาสนาอิสลาม ที่ ศาสนฑูตทุกๆท่าน นำมาประกาศต่อมวลมนุษย์ ที่เป็นอันหนึ่ง อันเดียวกัน คือ "ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮฺ" ไม่มีพระเจ้า(หรือสิ่ง)อื่นใด ที่สมควรจะได้รับการเคารพบูชานอกจากพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น, การอธิบายควรจะอธิบายเป็นภาษาไทยง่ายๆ เพื่อการเข้าใจ

มันเป็นการเสียเวลาที่มุสลิมด้วยกันนำความรู้ของแต่ละคนมาถกเถียงกันซึ่งทำให้มุสลิมแตกแยกออกเป็นกลุ่มต่างๆ ตามอาจารย์ที่สอนกันมา ในที่สุดก็กลายเป็นนิกายใหม่ขึ้นมา ซึ่งขัดกับบัญญัติของพระเจ้า แม้แต่ ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เองท่าน ก็ถูกกล่าวห้ามจากพระผู้เป็นเจ้า ว่า ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับบรรดาพวกที่แบ่งแยกอิสลาม เป็นนิกายต่างๆ นั้นก็คือ ไม่ว่าจะเป็น นิกายซุนนีย์หรือ นิกายชีอะต์ หรือมัซฮับ ใดๆ ก็ตาม ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่รับรู้และมีส่วนเกี่ยวของ กับบรรดา เขาเหล่านั้น ที่แบ่งแยกศาสนาอิสลาม ด้วยเหตุนี้ผมถึงไม่สังกัดนิกายหรือมัซฮับ ใดๆทั้งสิ้น

คุณจะสังเกตได้ว่าบรรดามุสลิมที่แตกแยกออกเป็นนิกายต่างๆนั้น กล่าว"ชะหะดะห์" ต่างจากที่ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เราจะอ่านพบว่าไม่ว่าจะอยู่นะทีใดก็ตาม ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะกล่าวแต่เพียง ว่า "ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮฺ" เท่านั้น ไม่มีการต่อเติม ชื่อของผู้ใด เข้าไปใน "ชะหะดะห์" อย่างเช่น ในนิกายซุนนีย์และชีอะต์ปฏิบัติกันในอดีตหลังจากที่ ท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สิ้นชีวิตแล้ว และ สืบต่อมาถึงในปัจจุบัน,

ถ้าคุณสามารถที่จะอธิบาย สาเหตุและประวัติในการที่มุสลิมทั้ง สองนิกายนี้ ต่อเติมชะหะดะห์ ให้ผิดแผกไปจาก การสั่งสอน ของท่านศาสนฑูตมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้ว ก็จะเป็นการดีต่อผู้ปฏิบัติ ว่าเพราะเหตุใดมุสลิมในนิกายเหล่านั้น จึง ขาดความเชื่อมั่น ในการกล่าวว่า

"ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮฺ" แต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้, ทั้งนี้ เพื่อความเป็นเอกขององค์พระผู้เป็นเจ้า


wassalam


มูฮัมมัด อี.ยูซุบ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Mar 03, 2006 5:01 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
ผมติดตามการตอบกระทู้มาตลอด จึงสรุป อะกีดะฮ ทั้งของเดิมที่เคยอ่าน กับ วันนี้ของ คุณ matt ดังนี้
1. ให้ปฏิบัติตามอัลกุรอ่านเท่านั้น ส่วนอัสสุนนะฮ เชื่อถือไม่ได้
2. การปฏิญานประโยคที่สองคือ วะอัชฮะดุอันนะมุหัมมะดัรเราะซูลุลลอฮ เป็นประโยคที่พวกสุนนีย และชีอะฮต่อเติมขึ้น
........................
เอาละครับ เรื่องความเชื่อ ไม่มีใครบังคับจิตใจใครได้ ดังนั้น ผมจึงมีปัญหาคับใจอยู่ว่า สมมุติผมเชื่อตามอัลกุรอ่านอย่างเดียว อายะฮข้างล่างนี้ สอนให้ตื่นขึ้นมาละหมาดตะฮัจญุด แล้วผมจะทำอย่างไร เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไร จบอย่างไร


وَمِنَ اللَّيْلِ فَتَهَجَّدْ بِهِ نَافِلَةً لَّكَ عَسَى أَن يَبْعَثَكَ رَبُّكَ مَقَاماً مَّحْمُوداً
[17.79] และจากบางส่วนของกลางคืนเจ้าจงตื่นขึ้นมาละหมาดในเวลาของมัน เป็นการสมัครใจสำหรับเจ้า หวังว่าพระเจ้าของเจ้าจะทรงให้เจ้าได้รับตำแหน่งที่ถูกสรรเสริญ -อัลอิสรออฺ/79
.................
ดังนั้นต้องขอพึง คุณmatt ช่วยตอบด้วย ผมคิดว่า คุณต้องให้ความกระจ่างได้ และหากเป็นไปได้ อยากให้นำเสนอวิธีละหมาดตะฮัจญุด ที่ระบุในอัลกุรอ่าน เพื่อเป็นวิทยาทานให้แก่ผมด้วย
....................
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Sat Mar 04, 2006 10:28 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته

อ้างจาก ท่านแมทท์

ในความคิดเห็นของผม "อิสลาม" เป็น ศาสนาของพระเจ้า พระองค์ทรงประทานให้มนุษย์ ทุกผู้ทุกนาม ไม่จำกัดว่าจะต้อง เป็น มุสลิมเท่านั้น ดังนั้น "อิสลาม" จึงเป็น"สมบัติของมนุษยชาติ" ที่ทุกคนมีสิทธิที่จะ ศึกษาเลื่อมใส และศรัทธา โดยไม่จำกัด ว่าจะต้อง อยู่ในสังคมมุสลิมเท่านั้น ทั้งนี้เพราะว่า พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ต้องการที่จะให้ ข่าวสารของพระองค์(อัลกุรอาน) ส่งไปถึงมนุษย์ ทุกๆคนบนโลกนี้ ไม่ว่า จะเป็น กาเฟร(ผู้ทียังขาดความรู้ในอิสลาม), มุชริกีน(ผู้ที่ยังหลง งมงาย อยู่กับวัตถุ และ ยึดตัวบุคคล เป็นหลักศรัทธา)


วิจารณ์

หาก "อิสลาม" เป็นของ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น กาเฟร มุชริกีน หรือท่านแมทท์ แน่นอนว่า พวกเขาก็สามารถเข้าใจอิสลามได้กันตามอำเพอใจ เหมือนกับที่ท่านทำอยู่หรือเปล่าครับ ? นี่ขนาดเป็นท่านนะครับ แล้ว คนกาเฟร คนมุชริกีน ที่เป็นเข้าของ เป็นสิทธิ์ของพวกเขา ที่จะเลื่ยมใส วิเคราะห์วิจัย "อิสลาม" ได้ ตามทัศนะของท่านแล้ว ศาสนาไม่พินาจ ด้วยความเห็นของท่านหรือครับ ? อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

ولو اتبع الحق أهواءهم لفسدت السموات والأرض

" และหากว่าสัจจะธรรมนั้น ได้ตาม อารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาแล้ว ชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอน"

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Sun Mar 05, 2006 11:44 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

al-farook นักศึกษาไคโร อียิปต์

ผมเฝ้าตามอ่าน ข้อเขียนของคุน และ ของ al-azhary มาพอสมควร ทั้งในเวบ มรดก และ ในเวบ อาจารย์ มุรีด ในเรื่อง ที่คุณถกเถียงกัน คุณทั้งสองมีความรู้ดีในเรื่องที่คุณศึกษามา และทางฝ่ายอาจารย์ อาสัน และ บุคคลอื่นที่ มีความเข้าใจที่ไม่ตรงกับคุณ ในทั้งสองเวบนี้

ผมจึงมานั่งคิดดูว่า หลังจากที่ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม สิ้น ชีวิตแล้ว มุสลิม ได้แตกแยก ออก เป็น มัซฮับ ต่างๆ และด้วยอิทธิพล ทางการแย่ง อำ นาจ กัน และ ด้วยการ ลุ่มหลงและมี ความศรัทธทา ในตัวบุคคล จนลืมไปว่า พระเจ้าทรง มีบัญญัติ ไว้ว่า อย่างไร และท่านรอซูลทุกๆท่านสอนไว้ว่าอย่างไร?

การแตกความสามัคคี ในสังคม มุส ลิม ในสมัยนั้น แตกร้าวกันมากขึ้น ๆ จน เกี่ยวโยง ไป จนถึง การเมือง โดยเฉพาะ การแตก แยก ออกไป เป็น นิกายใหญ่ สองนิกายคือ “ชีอะต์” และ “ซุนนีย์” (นี่เป็นการเรียบ เรียง อย่างย่อๆ และรวบรัด ซึ่งรายละเอียด ในเรื่องนี้ผมว่า คุณทั้งสอง คงจะทราบดีอยู่แล้ว) สาเหตุทั้งนี้ เพราะว่า สังคมมุสลิม แตกความสามัคคีกัน และ ลืมคำสอนของ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม และบัญญัติ ของ พระองอัลลอฮุ ในอัลกุรอาน

จากการถกเถียงกัน ของคุณ ในเรื่อง หลักการเชื่อถือ ในพระเจ้าองค์เดียว นั้น เห็นได้ว่า ทั้งสองฝ่าย ยังตกลงกันไม่ได้ ว่า

1. พระเจ้าคือใคร?
2. พระเจ้ามีตัวตนหรือทิศทางหรือไม่?
3. พระเจ้าสถิตย์อยู่ที่ใด ประทับอยู่บนบัลลังก์หรือไม่อยู่บนบัลลังก์?

คำตอบของ ปัญหาเหล่านี้ เป็นหลักการเบื้องต้นที่สำคัญที่สุด ในศาสนาอิสลาม คือ ความ เชื่อถือ และ ศรัทธาใน พระเจ้าองค์เดียว ถ้าทั้งสองฝ่าย ยังตกลงกันไม่ได้ ว่า เราจะ ศรัทธา ต่อพระเจ้าอย่างไร จึงจะถูกต้องแล้ว คุณทั้งหลายจะมีอะไรเป็น หลักที่เรียกตัวคุณเองว่า “มุสลิม” ผู้ซึ่ง “ยอมตัวทั้งกาย,วาจา, และจิตใจ ยอมจำนนและสวามิภักดิ์ ต่อพระประสงค์ ของพระเจ้า พระองค์เดียว”

ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม และ ศาสนฑูตที่มาก่อนหน้าท่าน สอนอะไรแก่เรา? ท่านสอน “ลาอิลา ฮะอิล ลัล ลอฮุ” ท่านสอน “ให้มนุษย์ รู้จักพระเจ้า และเคารพบูชาต่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น”

ท่านสอนสิ่งเหล่านี้แก่ใคร? ท่านสอนสิ่งเหล่านี้ ต่อ มุชริกีน และ บรรดาผู้ที่ยัง ไม่รู้จักพระเจ้า และท่านสอนหลักปฏิบัติต่างๆ (ซุนนะห์) ให้แก่บรรดา ผู้ที่ ยอมรับ ในหลักการอิสลามแล้ว

หลัการปฏิบัติและตัวอย่างที่ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม กระทำให้ดูเป็นตัวอย่าง นั้น ได้ ถูก ปฏิบัติ กันในสังคมมุสลิม และตกถ่ายทอดกันมา เป็น ประเภณี(ซุนนะห์) ได้แก่ การทำละหมาด, การจ่ายซะกาต, การทำฮัจจฺ ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ มี บัญญัติอยู่ในอัลกุรอาน ว่า ให้ “มุสลิม” ปฏิบัติ, อัลกุรอาน จะไม่บัญญัติสิ่งใดที่ ไม่เคยมี แบบฉบับมาก่อน (ตั้งแต่ท่านนบีอิรอฮิม)

การปฏิบัติของ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม ที่ปฏิบัติสืบ ต่อกัน มาตั้ง แต่ สมัยที่ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม ยังมีชีวิตอยู่ และ ปฎิบัติ สืบตอ่กันมา จนถึงปัจจุบันนี้ เรียกว่า “ซุนนะห์” ซึ่ง ต่างจาก คำว่า “หะดีษ”
ซึ่ง หมาย ถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม ว่ามีผู้เคย เห็น และได้ยิน เขาเล่าว่า ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม กล่าวหรือปฏิบัติอย่างไร?

การรวบรวม “หะดีษ” มีมาหลังจาก ที่ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะ ซัลลัม เสียชีวิตไป 200 กว่าปีแล้ว ดังนั้น ใน “หะดีษ” จึงมี ข้อ ความ และเรื่องราว ที่ผิด พลาด และขัดกันเอง และขัด กับ อัลกุรอาน ขัดกับ หลัก และกฎของ ธรรมชาติ อยู่มาก

สิ่งใดที่ขัดต่ออัลกุรอานและหลักธรรมชาติ แล้ว ย่อมขัด ต่อ อิสลาม ทั้งนี้ เพราะว่า “อิสลาม เป็นศาสนาที่สอดคล้องกับธรรมชาติ ซึ่งพระเจ้าเป็นผู้สร้าง”

บรรดา ซอฮะบะและ ผู้รู้ทางวิชาการ “หะดีษ” พยายามอย่างยิ่ง ที่จะรวม “ซุนนะห์” ให้มีความ หมายร่วมกันกับ คำว่า “หะดีษ” ซึ่งสร้าง ความยุ่งเหยิงและการเข้าใจที่ผิดพลาด ในการ ปฏิบัติ, ตามหลักการ และซุนนะห์ ที่แท้จริง ของ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม ที่ท่านสั่งสอนไว้

ในเรื่องความหมายของคำว่า “ซุนนะห์” และ “หะดีษ” นี้ อาจจะมี หลายท่าน ที่ไม่เห็นด้วย แต่ก็ลองนำไปไตร่ตรองดู

ผมขอเข้าเรื่อง ที่คุณทักท้วงมา ว่า

“หาก "อิสลาม" เป็นของ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น กาเฟร มุชริกีน หรือท่านแมทท์ แน่นอนว่า พวกเขาก็สามารถเข้าใจอิสลามได้กันตามอำเพอใจ เหมือนกับที่ท่านทำอยู่หรือเปล่าครับ ? นี่ขนาดเป็นท่านนะครับ แล้ว คนกาเฟร คนมุชริกีน ที่เป็นเข้าของ เป็นสิทธิ์ของพวกเขา ที่จะเลื่ยมใส วิเคราะห์วิจัย "อิสลาม" ได้ ตามทัศนะของท่านแล้ว ศาสนาไม่พินาจ ด้วยความเห็นของท่านหรือครับ ? อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

ولو اتبع الحق أهواءهم لفسدت السموات والأرض

และหากว่าสัจจะธรรมนั้น ได้ตาม อารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาแล้ว ชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอน."


ผมใคร่จะเรียน ถามคุณ “al-farook” ว่า ถ้า ศาสนาอิสลาม ไม่ใช่สมบัติของมนุษยชาติ, ที่ พระเจ้าประทานมาให้ แล้ว, ศาสนาอิสลามเป็นของใคร? และคุณ เข้าใจ คำว่า “อิสลาม” และ “มุสลิม” ว่าอย่างไร?


จากอายะ ที่ 71 ซูเราะฮฺ อัลมุอฺมินูน ที่คุณ ยกมาอ้างเพียงแต่ส่วนเดียว นั้น เป็นการ อ้างอิงที่ไม่ถูกต้อง การยกข้อความจาก อัลกุรอานมายืนยัน เรื่องใดสิ่งใด คุณควรจะ ยกมาทั้งหมด อายะ และ เรื่องราวที่ติดต่อกัน ว่า อายะที่ยกมาอ้างอิงนั้น พระองค์ อัลลอฮุ ทรงกล่าวถึงอะไร และมีความหมายว่า อย่างไร?

ข้อความที่สมบูรณื ในอายะ 23:71 มีดังนี้:

71. และหากว่าความจริงนั้นสอดคล้องอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาแล้ว ชั้นฟ้าทั้งหลาย และ แผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอน(*1*) แต่ทว่าเราได้ นำข้อเตือน สติ ของพวกเขา (คืออัลกุรอาน) มาให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาเป็นผู้หันหลังให้กับข้อ เตือนสติของพวกเขา



ถ้าคุณยกมาทั้ง อายะให้สมบูรณ์คุณจะเห็นว่า ประโยคที่ต่อไปคือ

“แต่ทว่าเราได้นำข้อเตือนสติของพวกเขา (คืออัลกุรอาน) มาให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาเป็นผู้หันหลังให้กับข้อเตือนสติของพวกเขา”

พวกเขาในที่นี้คือ “บรรดาผู้ที่ยังไม่รู้จักและเชื่อถือ ในคำที่ว่า “ลาอิลา ฮะอิล ลัล ลอฮุ”


ในการศึกษาอัลกุรอานนั้น ไม่ใช่เลือกแต่เพียง แต่สิ่งที่ คุณต้องการเพียง แค่ประโยค สองประ โยค ตัดเฉพาะ ส่วน ที่คุณต้องการมาล่อหลอก และตบตาผู้ อื่น หากคุณทำไป เพราะ ขาดความรู้ความเข้าใจในการศึกาาอัลกุรอานแล้ว, ผม ขอมะอัฟด้วย

แต่ถ้าคุณทำไป เพราะต้องการจะอาศัย ข้อความบางตอนที่ ไม่สมบูรณ์ ทั้ง อายะ เพื่อ ที่จะ หลอกลวง ผู้อื่นนั้น ผม ทิ้งไว้ให้ เป็นเรื่องของอัลลอฮุ, คุณคงจำข้อความในอัลกุรอาน อายะ หนึ่งที่ มีความหมาย อย่างย่อๆ ว่า

“อัลกุรอานประกอบไปด้วยอายะต่างๆ ที่เป็นทั้งบทบัญญัติ ที่คนธรรมดาเข้าใจได้ทันที และ ฃ้อความที่เป็น สุภาษิต และ เรื่อง อุปมาอุปมัย เป็นเรื่องที่ เข้าใจได้ยาก นอกจากพระเจ้าและ ผู้ที่เฉลียวฉลาดและมีปัญญา จึงจะเข้าใจได้ และ ผู้ฉ้อฉลหลอกลวงจะ ชอบยกเอาเรื่อง สุภาษิตและอุปมาอุปมัย เหล่านี้ มาหลอกลวง ผู้ที่ขาดความรู้”


ใน ซูเราะฮฺ อัลมุอฺมินูน ตั้งแต่ อายะที่ 1 จนจบ เป็นเรื่องราว เกี่ยวกับ ที่พระองค์ อัลลอฮ์ ได้ทรงส่ง ศาสนฑูตต่างๆ มาสอนผู้ที่ยังไม่ รู้จักพระเจ้า และ ไม่มีศรัทธา ต่อพระองค์ เพื่อนำข่าว สารที่สำคัญของพระองค์ ที่ว่า “ลาอิลา ฮะอิล ลัล ลอฮุ”

คุณจะเห็นว่า ผู้ใดก็ตาม ที่ไม่รู้จัก และเข้าใจว่า “ลาอิลา ฮะอิล ลัล ลอฮุ” คือใคร? เขาเหล่านั้น คือ ชาวมุชริกีน และ กาเฟร(ผู้ที่ขาดความเข้าใจในพระเจ้า)

ดังนั้นที่ผมกล่าวว่า “อิสลาม" เป็น สมบัติ ของ ทุกคน ไม่ว่าจะเป็น กาเฟร มุชริกีน นั้น จึง ไม่มี อะไรผิดพลาด เป็นหน้าที่ ของมุสลิมทุกๆท่านที่จะต้อง อธิบาย และ เน้นในการสอน ให้บรรดาเขา เหล่านั้น เข้าใจ

ถ้า่ศาสนาอิสลาม ไม่ได้เป็นสมบัติของมนุษยชาติแล้ว เพราะเหตุไร ในจำนวนผู้นับถือ ศาสนา อิสลาม ในโลกนี้ มีเพียง 20% เท่านั้นที่เป็น ชนชาติอรับ และ อีก 80% เป็น ชน ชาติอื่น ที่นับถือศาสนาอิสลาม ประเทศมาเลเซีย, อินโดนิเซีย,บางรัฐในประเทศจีนและิื อื่นๆ ใน เอเซีย ตะวันออก เฉียงใต้ นับถือศาสนาพุทธและพราหมณ์ เป็นส่วนมาก และกลับกลาย เป็น ประเทศที่ นับถือศาสนาอิสลาม, , และ ยุโรปตะวันออก เป็นคริสเตียน มาก่อน เพราะ เหตุใด จึง กลับมานับถือศาสนาอิสลาม และยังมีตัวอย่างอื่นๆอีกมากมาย

ถ้าคุณเชื่อว่าพระเจ้าเป็นผูสร้างแล้ว มนุษย์ทุกๆผู้ เป็นลูกหลานท่านนบีอดัมทั้งนั้น ใน อัลกุรอาน บัญญัติไว้อย่างชัดเน ว่า “พระเ้จ้า จะไม่ปล่อยให้ มวลมนุษย์ ที่ พระองค์สร้างมา เป็นผู้หลงทาง โดยไม่มีจุดหมายปลายทาง” โดยเหตุนี้ท่านจึงได้ประทานอัลกุรอาน ผ่าน ท่านรอซูล เพื่อให้เป็น แนวทาง ปฏิบัติ เพื่อดำเนินชีวิตามวิถีทาง ที่พระองค์ทรง ชี้แนะไว้

พระเจ้าองค์เดียว ทรงบัญญัติ ไว้ในอัลกุรอานว่า

2:62. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และบรรดาผู้ที่เป็นคริสเตียน และอัศ-ซอบิอีน ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก และประกอบสิ่งที่ดีแล้ว พวก เขาก็ จะได้รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มี ความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ

5:69. แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และพวกซอบิอูน และบรรดา ผู้ ที่เป็น คริสต์นั้น ผู้ใดที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และวันปรโลกและ ประกอบ สิ่งที่ดีงามแล้ว ก็ไม่ มีความ กลัวใด ๆ แก่พวกเขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่สียใจ

จากอายะ อัลกุรอานทั้งสองอายาตนี้ แสดง ให้เห็นว่า ศาสนาอิสลามยอมรับ ทั้งชาว ยิว และ คริสเตียน ตลอดทั้ง ผู้ใดก็ตามที่ มีความศรัทธาต่อ พระเจ้าองค์เดียว, เชื่อใน วัน ปร โลก, ปฏิบัติตัว และ ดำเนิน ชีวิตอย่าง มีคุณธรรม


อิสลาม ไม่ได้สอน ให้มุสลิมเป็นศัตรู กับยิว หรือ คริสเตียน, แต่บรรดาอาจารย์สอนศาสนาบางท่าน พยายามอย่างยิ่ง ที่ จะสอนไปในทาง ตรงกันข้าม

ผมอยากให้คุณ ทบทวน บัญญัติในอัลกุรอาน เสียใหม่ ว่า ท่านรอซูล นั้น ท่าน ประกาศ ศาสนา อิสลาม ต่อผู้ใด คุณลองศึกษา “หะดีษ” ซึ่งเป็น “คัมภีร์ เล่มที่ สอง” ของคุณ ดู ซิว่า ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม ท่าน พยายามที่จะ สอน อะไร ให้ แก่ ลุงของท่านที่กำลังป่วยหนัก ท่านพยายาม ที่จะสอน ให้ลุงของท่านยอม รับอิสลาม โดย สอน “ชะหะดะ” ที่ถูกต้อง “ลาอิลา ฮะอิล ลัล ลอฮุ” ทั้งนี้ เพราะว่า ลุงของท่าน ไม่ใช่ มุสลิม

จากการบรรยายของ ท่านอาจารย์ ฟารีด เพนดี้ เกี่ยวกับ เรื่อง อะกีดะฮ ท่านบรรยาย ว่า,.. ท่าน ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม พยายาม สอน พวก มุชริกีน ในนครมะกะ ให้รู้จักพระเจ้า (อัลลออ์) ท่าน รอซูล ถาม พวกมุชริกีน ว่าพระเจ้า คือใคร? พวกมุชริกีนกล่าวตอบว่า อัลลอฮุ แต่พวกมุชริกีน ก็ยังคงเคารพบูชารูป เทพเจ้า ของ พวกเขา (ผมอาจจะ จำมาไม่ ได้หมด)..

ที่นำเรื่องนี้ มาเล่าให้ฟังนั้น ก็เพื่อคุณจะได้ทราบว่า แม้แต่ท่าน รอซูล ก็ พยายามที่จะ สอนมุชริกีน ให้รู้จักอิสลาม.. ตามคำบรรยายดังกล่าว

ตลอดชีวิต ของ ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม ท่านพยายาม ที่จะเผย ศาสนาอิสลาม ให้แพร่สพัด ไปทั่วทุกมุมโลก แต่ มาในสมัยนี้ มุสลิมเราถูกหลอก ให้หลงงมงาย อยู่กับ คัมภีร์ ของ อิหมาม บุคอรี จนลืมหน้าที่ๆ มุสลิม ที่พึงจะต้อง กระทำ สืบต่อจาก ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม นั้นก็คือการเผยแพร่ ศาสนา ของพระเจ้า และ ข่าวสารฉบับสุดท้ายของพระองค์(อัลกุรอาน), แต่(คุณ)กลับหลงงมงาย คิดว่า ศาสนาอิสลาม เป็นของ นิกาย หนึ่ง นิกายใดเท่านั้น

อาจารย์บางท่าน พยายาม อย่างยิ่ง ที่จะ แยกพระเจ้าองค์เดียว (อัลลอฮุ) ผู้สร้าง จักวาล และสิ่งที่มีชีวิตต่างๆ บนโลกนี้ ว่าเป็นพระเจ้าของมุสลิมเท่านั้น

ผมเห็นคุณถกเถียงกันเรื่อง พระเจ้า ประทับอยู่ที่ใด บนบัลลังก์ หรือไม่? มีน้ำหนักหรือไม่? มองดูแล้ว เสียดายเวลาแทน

คุณเป็นนักศึกษาและอาจารย์ทางศาสนาอิสลามโดยตรง ดังนั้น ผมต้องการให้คุณ ให้คำ จำกัดความ ของคำว่าพระเจ้า องค์เดียว หรือ “อัลลอฮ์” ว่า เป็นผู้ใด ในความเชื่อของมุสลิม? และมุสลิม มี ความศรัทธา ต่อพระเจ้า ด้วยวิธีใดบ้าง เพื่อที่ ผู้ที่ยังไม่รู้จัก พระเจ้า จะได้ เข้าใจ หวังว่าคุณคงให้คำจำกัดความ คำว่า “อัลลอฮุ” ให้ทุกๆท่านทราบได้



แมทท์

ศิษเก่า ร.ร.วัดสุทธิวราราม
ยานนาวา

ปล. สลามมายัง อาจารย์ อาสัน ครับ ผมต้องขอมะอัฟด้วย ที่ผมไม่ได้โต้แย้งกับอาจารย์ ถ้าอาจารย์ อ่านความคิดเห็น ผม ถ้าไม่ตรงกับที่อาจารย์ เข้าใจ ขอให้เข้าใจ ด้วยว่า ด้วย ว่า ด้วย ความ นับถือใน ความรุ้ ของ อาจารย์ ผมจะไม่กล่าวอะไรที่อาจจะ เป็นการ ทำให้ เป็นการ หักหาญน้ำใจ เพราะตลอดเวลา อาจารย์ มีความสุภาพ และไม่โอ้อวดใน ความรู้ สมกับ ผู้ที่ปฏิบัติตาม “ซุนนะห์ของท่าน ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม”
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Sun Mar 05, 2006 9:59 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถึง ท่านแมทท์

السلام على من اتبع الهدى

ผมเองก็ไม่ใคร่อยากที่สนทนากับ ท่านแมทท์มากนัก เนื่องจาก การที่ผมได้อ่านคำสนทนาของท่านที่ผ่านมานั้น เราพบว่า ท่านจะเป็นคนที่ไม่ยอมฟังใคร ตลบตแลง จนคุณ อัลฆุรอบาอ์ กล่าวว่า ท่านแมทท์มีลักษณะมุนาฟิก หน้าไหว้หลังหลอก ผมจึงขอหลีกห่าง แต่ท่านแมทท์สนทนากับ บังอัล-ฟารูก โดยกล่าวหาว่า บังเขา อ้างอิง ตบตา ลวงผู้อ่าน ผมก็จะสนทนาเพียงแค่ประเด็นที่บังอัล-ฟารุก ได้หยิบยกมาเท่านั้น

อ้างอิงจาก ท่านแมทท์

ผมใคร่จะเรียน ถามคุณ “al-farook” ว่า ถ้า ศาสนาอิสลาม ไม่ใช่สมบัติของมนุษยชาติ, ที่ พระเจ้าประทานมาให้ แล้ว, ศาสนาอิสลามเป็นของใคร? และคุณ เข้าใจ คำว่า “อิสลาม” และ “มุสลิม” ว่าอย่างไร?


จากอายะ ที่ 71 ซูเราะฮฺ อัลมุอฺมินูน ที่คุณ ยกมาอ้างเพียงแต่ส่วนเดียว นั้น เป็นการ อ้างอิงที่ไม่ถูกต้อง การยกข้อความจาก อัลกุรอานมายืนยัน เรื่องใดสิ่งใด คุณควรจะ ยกมาทั้งหมด อายะ และ เรื่องราวที่ติดต่อกัน ว่า อายะที่ยกมาอ้างอิงนั้น พระองค์ อัลลอฮุ ทรงกล่าวถึงอะไร และมีความหมายว่า อย่างไร?

ข้อความที่สมบูรณื ในอายะ 23:71 มีดังนี้:

71. และหากว่าความจริงนั้นสอดคล้องอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาแล้ว ชั้นฟ้าทั้งหลาย และ แผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอน(*1*) แต่ทว่าเราได้ นำข้อเตือน สติ ของพวกเขา (คืออัลกุรอาน) มาให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาเป็นผู้หันหลังให้กับข้อ เตือนสติของพวกเขา



ถ้าคุณยกมาทั้ง อายะให้สมบูรณ์คุณจะเห็นว่า ประโยคที่ต่อไปคือ

“แต่ทว่าเราได้นำข้อเตือนสติของพวกเขา (คืออัลกุรอาน) มาให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาเป็นผู้หันหลังให้กับข้อเตือนสติของพวกเขา”

พวกเขาในที่นี้คือ “บรรดาผู้ที่ยังไม่รู้จักและเชื่อถือ ในคำที่ว่า “ลาอิลา ฮะอิล ลัล ลอฮุ”


ในการศึกษาอัลกุรอานนั้น ไม่ใช่เลือกแต่เพียง แต่สิ่งที่ คุณต้องการเพียง แค่ประโยค สองประ โยค ตัดเฉพาะ ส่วน ที่คุณต้องการมาล่อหลอก และตบตาผู้ อื่น หากคุณทำไป เพราะ ขาดความรู้ความเข้าใจในการศึกาาอัลกุรอานแล้ว, ผม ขอมะอัฟด้วย

ตอบ

ท่านแมทท์ครับ ท่านเข้าใจคำพูดของ บัง อัล-ฟารูกหรือเปล่า?ครับ หรือว่า ฟังไม่ได้ศัพท์ แล้วจับมากระเดียด กล่าวหาว่า บังอัล-ฟารูก ยกอัลกุรอานมาไม่หมด เพื่อตบตา ลวงผู้อ่าน ทั้งที่ความจริง ท่านแมทท์เองนี่แหละครับ ที่หลอกลวงตัวเอง และบรรดาท่านผู้อ่านที่มีเกียตริ ผมทราบดีว่า คุณไม่ใช่มุสลิม ตามทัศนะของ อาจารย์ ฟาริด และผู้ที่เชื่อตามคำหุกุ่มของอาจารย์ฟาริด แต่ตามทัศนะของเรานั้น เราไม่ขอวิจารณ์ แต่ขอเพียงแค่บอกว่า ผู้ที่อ้างตนว่าเป็นมุสลิมนั้น มันมีทึยุคทุกสมัย ผมไม่ทราบว่า ผู้ที่มีลักษณะอย่างนั้น ท่านแมทท์รวมอยู่ด้วยหรือเปล่า ? วัลลอฮุอะลัม

เรามาเข้าเรื่องกันสักหน่อย จากคำกล่าวของท่านที่ผ่านมานั้น บังอัล-ฟารูก ได้ดึงความเข้าใจจากความเห็นของท่านมาจุดหนึ่ง คือ ท่านอ้างว่า อิสลามเป็น "สมบัติ" ของ คนมุสลิม คนกาเฟร ยิว นะซอรอ ด้วย ท่านใช้คำพูดที่มาจากความคิดของท่านนี้ บังอัล-ฟารูกเขาไม่เห็นด้วย ก็เท่านั้นเอง ซึ่งการที่บังอัลฟารูก ไม่เห็นด้วยนั้น ก็เพราะ คำว่า "สมบัติ" คือสิ่งที่เรามีกรรมสิทธิ์ครอบครองร่วมกันด้วย ซึ่งหากกาเฟร ยิว นะซอรอ ที่ไม่ศรัทธาเชื่อ อัลกุรอาน ก็มีกรรมสิทธิ์ในอิสลาม พวกเขาก็สามารถอ้างสิทธิ์นั้น ในการทำความเข้าใจอิสลาม ได้ตามอารมณ์ที่พวกเขาต้องการ และพวกเขาก็สามารถกล่าวได้ว่า นั่นคือ หลักการที่มาจาก "อิสลาม"

แล้วบังอัล-ฟารูก ก็ยกอายะฮ์อัลกุรอาน ที่มีความหมายสมบูรณ์ เพื่อโต้ตอบผลที่จะตามจากความเข้าใจของ ท่านแมทท์ ว่า


ولو اتبع الحق أهواءهم لفسدت السموات والأرض

" และหากว่าสัจจะธรรมนั้น ได้ตาม อารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาแล้ว ชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินและสิ่งที่อยู่ในนั้นต้องเสียหายอย่างแน่นอน"

ท่านแมทท์ครับ นี่คือ จุดมุ่งหมายที่เราต้องการ อัลหัมดุลิลลาห์ ดังนั้น การอ้างอิงตัวบท เพื่อมายืนยันในสิ่งที่เราต้องการ โดยไม่ให้มีความบกพร่องนั้น ย่อมกระทำได้ ตามหลักวิชา البحث العلمى ที่นักปราชน์อิสลามได้กำหนดเอาไว้ ในการใช้อ้างอิงตัวบท และถ้าหากเรา ได้นำถ้อยความของอายะฮ์ดังกล่าวหลังจากนั้น มานำเสนอ มันก็ไม่มาค้านคำกล่าวของ บังอัล-ฟารูกเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อมันไม่มาค้าน ก็ถือว่า ไม่ใช่เป็นสิ่งที่น่าตำหนิ ไม่ใช่เป็นการตบตา หลอกลองผู้อ่าน แต่ในทางตรงกันข้าม คุณลักษณะเหล่านั้น ย่อมกลับไปที่ตัวท่านแมทท์เองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะท่านแมทท์อ้างทักท้วง ถ้อยคำอัลกุรอานส่วนที่เหลือว่า

"แต่ทว่าเราได้ นำข้อเตือน สติ ของพวกเขา (คืออัลกุรอาน) มาให้พวกเขาแล้ว แต่พวกเขาเป็นผู้หันหลังให้กับข้อ เตือนสติของพวกเขา"

ท่านแมทท์ครับ ในเมื่อพวกเขาได้หันหลัง ปฏิเสธ ไม่สนใจใยดีกับอัลกุรอานและอิสลามแล้ว ดังนั้น อัลกุรอานและอิสลาม ยังเป็น "สมบัติ" ของพวกเขาอยู่หรือครับ ? อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

ان الدين عند الله الاسلام

"แท้จริง ศาสนา ณ ที่อัลเลาะฮ์นั้น คือ อัลอิสลาม"

ไม่เมื่อพวกเขาปฏิเสธ หันหลัง ให้อัลกุรอาน เขาก็ย่อมไม่ใช่อยู่ใน ศาสนาอิสลาม ดังนั้น เมื่อพวกเขาไม่ได้อยู่ในศาสนาอิสลาม แล้วอิสลามจะมาเป็นสมบัติของพวกเขาได้อย่างไร ?

ดังนั้น ผู้ที่กล่าวอ้างว่า อิสลาม คือ สมบัติ ของ กาเฟร ยิว นะซอรอ ด้วยนั้น เขาย่อมโกหกต่ออัลอิสลาม อัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า

"และผู้ใดเล่าจะอธรรมยิ่งกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ ด้วยปากของพวกเขาขณะที่เขาถูกเชิญชวนสู่อิสลาม และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ชี้แนะทางที่ถูกต้องแก่หมู่ชนผู้อธรรม"

อาจารย์ ฟาริด เขาอย่างชวนท่านแมทท์เข้าสู่อิสลามครับ

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสอีกเช่นกันว่า

"และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “สัจธรรมนั้นมาจากพระผู้เป็นเจ้าของพวกเจ้า” ดังนั้น ผู้ใดประสงค์ก็จงศรัทธา และผู้ใดประสงค์ก็จงปฏิเสธ"

ดังนั้น ผู้ศรัทธา ก็ย่อมเป็นมุสลิม ที่มีสิทธิ์หวงแหน อัลอิสลาม เฉกเช่น อิสลามคือสมบัติของเขา แต่ผู้ที่ไม่ศรัทธานั้น เขาย่อมกุฟุร เป็นผู้ปฏิเสธิ อัลอิสลาม ดังนั้น ผู้ปฏิเสธ ย่อมไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับอิสลาม และอิสลามย่อมไม่เป็นสมบัติของเขาเลย

แต่อัลอิสลาม และอัลกุรอานนั้น เป็นของบรรดามุสลิมมีน (และผมไม่ทราบว่า เป็นของผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมตามทัศนะของอาจารณ์ฟาริดด้วยหรือเปล่า?) อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

"และเราได้ให้คัมภีร์แก่เจ้าเพื่อชี้แจงแก่ทุกสิ่ง และเพื่อเป็นทางนำและเป็นความเมตตา และเป็นข่าวดีแก่บรรดามุสลิม"

หากมีคนถามเราว่า อัลอิสลามและอัลกุรอาน นั้น ถูกส่งมาสำหรับประชาชาติหรือไม่ ? เราขอตอบว่า ใช่ แต่หากมีคำถามว่า เมื่ออิสลามถูกส่งมาเพื่อประชาชาติแล้วนั้น อิสลามได้ชื่อว่า เป็น "สมบัติ" ของพวกกาเฟร ยิว และนะซอรอ หรือไม่? ตอบ อิสลามไม่ใช่สมบัติของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะอ้างสิทธิ์ใดๆกับอัลอิสลาม หากพวกเขายังปฏิเสธ และสิ่งที่พวกเขาปฏิเสธ ก็ย่อมไม่ใช่สมบัติของพวกเขา อัลหัมดุลิลลาห์

ส่วนคำพูดอื่นๆของท่านแมทท์นั้น เราไม่ขอร่วมสนทนาวิจารณ์ เนื่องจากเราไม่นิยมสนทนากับผู้ที่ทำตนอยู่เหนือหลักการของศาสนาอิสลาม

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 12:05 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ปล. สลามมายัง อาจารย์ อาสัน ครับ ผมต้องขอมะอัฟด้วย ที่ผมไม่ได้โต้แย้งกับอาจารย์ ถ้าอาจารย์ อ่านความคิดเห็น ผม ถ้าไม่ตรงกับที่อาจารย์ เข้าใจ ขอให้เข้าใจ ด้วยว่า ด้วย ว่า ด้วย ความ นับถือใน ความรุ้ ของ อาจารย์ ผมจะไม่กล่าวอะไรที่อาจจะ เป็นการ ทำให้ เป็นการ หักหาญน้ำใจ เพราะตลอดเวลา อาจารย์ มีความสุภาพ และไม่โอ้อวดใน ความรู้ สมกับ ผู้ที่ปฏิบัติตาม “ซุนนะห์ของท่าน ท่าน ศาสน ฑูต มุฮัมมัด ศ็อล ลัลลอฮุ อะลัย ฮิวะซัลลัม”
..............................
ตอบ

คุณ matt ครับ มนุษย์เราทุกคน หากเรามองอย่างเป็นกลางแล้ว ย่อมมีด้านบวก และด้านลบ
ไม่มีใคร ดีไปเสียทุกอย่าง ยกเว้นท่านศาสดามุหัมหมัด ผมได้สนทนาโต้แย้ง กับ น้อง al-farook น้อง al-azhary และแน่วร่วมของเขา มาตลอด มันไม่ได้ทำให้ผู้รู้สึกว่าขาดทุนเลย ถึงแม้บางอย่าง เราจะมีแนวคิดไม่ตรงกัน แต่น้องๆเขาก็จุดประกายให้ผมคิดอยู่ตลอดเวลาว่า การศึกษา เราจะหยุดนิ่งไม่ได้ และหลายอย่าง ที่ผมได้รับในด้านบวกเมื่อสนทนากับพวกเขา ในทำนองเดียวกัน เมื่อผมได้สนทนากับคุณ จนถึง ณ วันนี้ สิ่งที่ผมได้จากคุณคือ แง่คิด และปรัชญาต่าง ที่ผมสามารถนำมาใช้ปรับปรุงตนเอง และแนวทางเผยแผ่อิสลาม และ วันนี้ ผมได้รู้ว่า คุณ ก็ยังยอมรับในอัสสุนนะฮ เพียงแต่ เราเข้าใจไม่ตรงกัน กล่าวคือ คำว่า สุนนะฮ ตามที่ผมเข้าใจคือ

أما في الاصطلاح , هي ماصدر عن النبي صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ غير القرآن , وهذا يشمل قوله صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وفعله وتقريره وكتابته وإشارته وهمه وتركه

สำหรับความหมายอัสสุนนะฮ ในทางศาสนา คือ สิ่งที่มาจากท่านนบีศ็อลลัลลอฮฺอลัยฮิว่าซัลลัม ที่ไม่ใช่อัลกุรอ่าน และสิ่งนี้ จะครอบคลุมถึง คำพูด การกระทำ การยอมรับ การเขียนข้อความ การแนะนำ ความปรารถนา และการละทิ้งของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอลัยฮิว่าซัลลัม

ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่า คุณจะเรียก อัสสุนนะฮ หรือ อัลหะดิษ ก็ได้มาจากการรายงาน สืบต่อกันมา
ซึ่ง ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง วิชาหะดิษ ก็ทุ่มเทความพยายาม ในการตรวจสอบ ทั้งบรรดาผู้รายงายและ สายรายงาน ว่า น่าเชื่อถือหรือไม่ หากน่าเชื่อถือ ที่สุด ก็จัดในหมวด หะดิษเศาะเฮียะ หากน่าเชื่อถือ รองลงมา ก็จัดในหมวด หะดิษหะซัน หากไม่น่าเชื่อถือ ก็จัดในหมวด เฎาะอีฟ และ หากตรวจสอบว่า มันเป็นสิ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมา ก็จัดในหมวด หะดิษ เมาฎัวะ นี้คือ การแบ่งหะดิษ ในประเด็นหลักๆ
.....................
ส่วนปัญหาความขัดแย้งของมุสลิม นั้น เกิดจากสาเหตุต่อไปนี้

1. การเมือง อันหมายถึง ผลประโยชน์ที่ไม่ลงตัว และการแย่งชิงอำนาจ
2. เผ่านิยม หรือ ตระกูลนิยม รวมถึงชาตินิยม
3. การเข้าใจในตัวบทของอัล-กุรอ่านและ อัสสุนนะฮต่างกัน
4. การตีค่า หรือ ให้น้ำหนักของหะดิษ ต่างกัน กล่าวคือ ในหะดิษบทเดียวกัน บางก็ว่า เศาะเฮียะ บางก็ว่า เฎาะอีฟ
5. การตะอัศศุฟ หรือ ยึดมั่นกับตัวบุคคลที่เป็นอุลามาอมากเกินไป
6. การสร้างเรื่องเท็จของผู้ไม่หวังดีต่ออิสลาม เพื่อ ทำลายความเป็นเอกภาพของมุสลิม บางครั้ง โดยการปลอมหะดิษขึ้นมา
7. การศรัทธาที่อ่อนแอ และการขาดขุดจุดยืนอันแน่วแน่ต่อ อัลลอฮและต่อคำสอนอิสลาม
...............
สิ่งเหล่านี้ ความแตกแยกของมุสลิม แม้จะเอาอัลกุรอ่านอย่างเดียวมาสอน ก็หนีไม่พ้น ก็คุณเห็นอยู่มิใช่หรือ แค่ الرحمن علي العرش استوى ก็แบ่งฝ่าย แบ่งพวกกันแล้ว
เพราะฉนั้น คุณอย่ามอง อัลหะดิษ หรือ อัสสุนนะฮ ว่า คือ ตัวปัญหาเลย ตัวปัญหาอยู่ที่ ความแตกต่างและความหลากหลายของคน มากกว่า
......................
อีกอย่าง คำปฏิญาญนั้น ก็ไม่มีใครเพิ่มเติมขึ้นมา แต่ มันมาจาก หะดิษ หรือ อัสสุนนะฮ ที่รายงานสืบต่อกันมา และ นักวิชาหะดิษ ทั้งหลาย เขาตรวจสอบแล้วว่า มีน้ำหนักเชื่อถือได้ มันก็เหมือนกับ อัตชีวประวัติของบุคคลสำคัญของโลกนั้น แหละ ก็ได้จากการเล่าสืบต่อกันมา และนักประวัติศาสตร์เขาตรวจสอบว่า เชื่อถือได้
.......................
ทีนี้ลองมาดูหะดิษเกี่ยวกับ คำปฏิญาน สองประโยค

‏حَدَّثَنَا ‏ ‏عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ مُوسَى ‏ ‏قَالَ أَخْبَرَنَا ‏ ‏حَنْظَلَةُ بْنُ أَبِي سُفْيَانَ ‏ ‏عَنْ ‏ ‏عِكْرِمَةَ بْنِ خَالِدٍ ‏ ‏عَنْ ‏ ‏ابْنِ عُمَرَ ‏ ‏رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمَا ‏
‏قَالَ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏بُنِيَ الْإِسْلَامُ عَلَى خَمْسٍ شَهَادَةِ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَأَنَّ ‏ ‏مُحَمَّدًا ‏ ‏رَسُولُ اللَّهِ وَإِقَامِ الصَّلَاةِ وَإِيتَاءِ الزَّكَاةِ وَالْحَجِّ وَصَوْمِ رَمَضَانَ

ผู้รายงานมีดังนี้คือ

البخاري

‏عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ مُوسَى

‏حَنْظَلَةُ بْنُ أَبِي سُفْيَانَ

‏عِكْرِمَةَ بْنِ خَالِدٍ

‏ابْنِ عُمَرَ

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏بُنِيَ الْإِسْلَامُ عَلَى خَمْسٍ شَهَادَةِ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَأَنَّ ‏ ‏مُحَمَّدًا ‏ ‏رَسُولُ اللَّهِ وَإِقَامِ الصَّلَاةِ وَإِيتَاءِ الزَّكَاةِ وَالْحَجِّ وَصَوْمِ رَمَضَانَ


..................
ผมอาจจะเอามะพร้าว มาขาย เจ้าของสวน แต่อยากให้คุณพิจารณาว่า "สมควรหรือไม่ ที่เราจะปฏิเสธ หะดิษ ที่ ถูกต้อง
.............................
ผมหวังว่า คุณ matt คงจะนำไปพิจารณานะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 2:06 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เพิ่มเติม

بِالْبَيِّنَاتِ وَالزُّبُرِ وَأَنزَلْنَا إِلَيْكَ الذِّكْرَ لِتُبَيِّنَ لِلنَّاسِ مَا نُزِّلَ إِلَيْهِمْ وَلَعَلَّهُمْ يَتَفَكَّرُونَ

[16.44] ด้วยหลักฐานทั้งหลายที่ชัดแจ้ง และคัมภีร์ต่างๆ ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเราได้ประทานอัซซิกรอแก่เจ้าเพื่อเจ้าจะได้ชี้แจง (ให้กระจ่าง) แก่มนุษย์ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่พวกเขาและเพื่อพวกเขาจะได้ไตร่ตรอง

وَأَنْزَلْنَا إِلَيْك الذِّكْر " يَعْنِي الْقُرْآن " لِتُبَيِّن لِلنَّاسِ مَا نُزِّلَ إِلَيْهِمْ " أَيْ مِنْ رَبّهمْ لِعِلْمِك بِمَعْنَى مَا أَنْزَلَ اللَّه عَلَيْك وَحِرْصك عَلَيْهِ وَاتِّبَاعك لَهُ وَلِعِلْمِنَا بِأَنَّك أَفْضَل الْخَلَائِق وَسَيِّد وَلَد آدَم فَتُفَصِّل لَهُمْ مَا أُجْمِلَ وَتُبَيِّن لَهُمْ مَا أَشْكَلَ

และเราได้ประทานอัซซิกรอแก่เจ้า หมายถึง อัลกุรอ่าน เพื่อเจ้าจะได้ชี้แจง (ให้กระจ่าง) แก่มนุษย์ซึ่งสิ่งที่ได้ถูกประทานมาแก่พวกเขา กล่าวคือ (สิ่งที่ถูกประทานแก่พวกเจ้านั้นมา) จากพระผู้อภิบาลของพวกเขา เพราะเจ้ารู้ความหมาย สิ่งที่อัลลอฮทรงประทานให้แก่เจ้า เจ้ามีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ต่อมัน และเจ้าปฏิบัติตามมัน และเรารู้ว่าเจ้านั้น เป็นมัคลูคที่ประเสริฐยิ่ง และเป็นนายแห่งลูกหลานอาดัม ดังนั้น เจ้าจงแจกแจงรายละเอียด แก่พวกเขา สิ่งซึ่งมีข้อความโดยสรุป และจงอธิบายแก่พวกเขา สิ่งซึ่ง มีความคลุมเครือ - ดูตัฟสีรอิบนุกะษีร อธิบาย อายะฮที่ 44 ซูเราะฮอัลนะหลุ
..................
ที่ผมยกอัลกุรอ่านและคำอรรถาธิบายมานี้ เพื่อจะให้คุณ แมท พิจารณาว่า หน้าที่ของท่านนบีนั้น คือ การอธิบายอัลกุรอ่าน เพื่อให้เป็นแนวทางในการปฏิบัติ แก่อุมมะฮ ตามเจตนารมณ์ของพระเจ้า แนวทางในการปฏิบัตินี้ เราเรียกว่า อัสสุนนะฮ ซึ่ง ได้มีการถ่ายทอดสืบต่อกันมาถึงปัจจุบัน ตามผู้รายงานและสายรายงานที่เชื่อถือได้ ตามหลักพิจารณาหะดิษ ของนักหะดิษ
ดังนั้น หากเราปฏิเสธ อัสสุนนะฮ หรือ อัลหะดิษ แล้วเราจะเข้าถึง เจตนารมณ์ที่แท้จริงของอัลลอฮได้อย่างไร แนวทางในการปฏิบัติตามบทบัญญัติของอัลลอฮนั้น มีมาในทุกประชาชาติ
ดังที่อัลกุรอ่านระบุไว้

وَأَنزَلْنَا إِلَيْكَ الْكِتَابَ بِالْحَقِّ مُصَدِّقاً لِّمَا بَيْنَ يَدَيْهِ مِنَ الْكِتَابِ وَمُهَيْمِناً عَلَيْهِ فَاحْكُم بَيْنَهُم بِمَا أَنزَلَ اللّهُ وَلاَ تَتَّبِعْ أَهْوَاءهُمْ عَمَّا جَاءكَ مِنَ الْحَقِّ لِكُلٍّ جَعَلْنَا مِنكُمْ شِرْعَةً وَمِنْهَاجاً وَلَوْ شَاء اللّهُ لَجَعَلَكُمْ أُمَّةً وَاحِدَةً وَلَـكِن لِّيَبْلُوَكُمْ فِي مَا آتَاكُم فَاسْتَبِقُوا الخَيْرَاتِ إِلَى الله مَرْجِعُكُمْ جَمِيعاً فَيُنَبِّئُكُم بِمَا كُنتُمْ فِيهِ تَخْتَلِفُونَ

[5.48] และเราได้ให้คัมภีร์ลงมาแก่เจ้าด้วยความจริงในฐานะเป็นที่ยืนยันคัมภีร์ที่อยู่เบื้องหน้ามันและเป็นที่ควบคุมคัมภีร์ (เบื้องหน้า) นั้น ดังนั้นเจ้าจงตัดสินสินระหว่างพวกเขา ด้วยสิ่งที่อัลลอฮ์ทรงประทานลงมาเถิด และจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำของพวกเขา โดยเขวออกจากความจริงที่ได้มายังเจ้า สำหรับแต่ละประชาชาติในหมู่พวกเจ้านั้น เราได้ให้มีบทบัญญัติและแนวทางไว้ และหากอัลลอฮ์ทรงประสงค์แล้วแน่นอนก็ทรงให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติเดียวกันแล้ว แต่ทว่าเพื่อที่จะทรงทดสอบพวกเจ้าในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงแข่งขันกันในความดีทั้งหลายเถิด ยังอัลลอฮ์นั้นคือ การกลับไปของพวกเจ้าทั้งหมด แล้วพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเจ้าทราบในสิ่งที่พวกเจ้ากำลังขัดแย้งกันในสิ่งนั้น


.......................
هداك الله
อะสัน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 2:09 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แก้ไข

สิ่งที่ถูกประทานแก่เจ้านั้นมา) จากพระผู้อภิบาลของพวกเขา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Mon Mar 06, 2006 6:02 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

อาจารย์อาสัน

ขอบคุณที่ให้ความรู้แก่ผม และขอบคุณอีกครั้งที่ ตั้งใจค้นคว้า หาหลักฐานมาให้ และขอบคุณในความสุภาพของคุณ เนื่องจากผมยังไม่เคยเห็นแง่ลบของมรรยาทคุณ ผมคงยืนยันเหมือนเดิม ในเรื่องความสุภาพของคุณ

คุณอาสัน ผมขอแสดงออกอย่าง จริงใจ ว่าผมมี คำถามที่จริงใจ อยากจะถามเกี่ยวกับเรื่องศาสนา จากคุณ แต่ไม่เป็นการสมควร ที่จะตั้ง คำถามในเวบนี้

แมทท์

******

คุณal-farook

ในฐานะที่คุณเป็นนักศึกษาและอาจารย์ ในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ที่สุด ในอียิปต์ ผมหวังว่า เมื่อคุณเริ่มต้นสนทนาแล้ว, คุณคงตอบคำถามที่ผมถามมาด้วยควาวมจริงใจ

คำถามผมคือ ศาสนาอิสลามเรา อธิบายคำว่า พระเจ้าว่าอย่างไร? และ คำว่า "อัลลอฮ์" น้น เป็น สามัญนามหรือ วิสามัญนาม?


หวังว่าคุณคงกรุณาตอบให้ทราบด้วย

แมทท์
USA

*******
ข้อคิด:

"ผู้ที่มารยาทเลวทราม ไม่ว่า ในการเขียน หรือวาจา ที่แสดงออกมา มันเป็นกระจกที่สะท้อนออกมาจาก การอบรมในครอบครัว และสิ่งแวดล้อมที่เขาเติบโตขึ้นมา โดยเฉพาะเด็กที่ คุณพ่อคุณแม่ตามใจมาตั้ง แต่เด็ก พอโตขึ้น นิสัย "ลิงตัวน้อย" ก็ติดตัวมาด้วย ไม่ว่าจะ ได้รับการศึกษามากน้อยเท่าใด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุสลิมควรจะใช้ คำเขียนและคำพูดที่ สุภาพ"
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Thu Mar 09, 2006 1:33 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

คุณ al-farook ตามที่คุณส่ง “เด็ก Camel Jocky” จาก “สำนัก ตำมะหงง” เข้ามา แสดง มรร ยาท ที่เลวทราม ใส่ผม เพื่อ แก้ไขสิ่งที่ คุณผิดพลาด ในเรื่อง วัตถุประสงค์ ของอิสลาม และ ไม่กล้า ที่จะ เข้าหน้า และอธิบาย ความคิด เห็น ของคุณ ให้ถูกต้อง ซึ่งผมให้โอกาศ และ เวลาคุณ มา 2-3 วันแล้ว ในเรื่อง ที่ว่า ศาสนาอิสลาม เป็นสมบัติ ของ มนุษยชาติ หรือ เป็น สมบัติ ของ มุสลิม เพียง เท่านั้น?

คุณ จะมาใช้วิธีเสวนา ที่คุณ ใช้ ใน เวบนี้ และ เวบอาจารย์ มูรีด กับผมไม่ได้หรอก พอไม่ มีเหตุผล ก็ส่ง เด็ก Camel Jocky, ของคุณ เข้ามาใช้วาจาสามหาว กล่าว ด่า ทุกผู้ทุกคน อย่าง ขาดมรรยาท, ไม่ใช่ว่า เมื่อคุณใช้ คำว่า “นักศึกษาไคโร อียิปต์” แล้วทุกคนจะยอมรับ ความ คิดของคุณเสียทุกสิ่ง ทุกอย่างไปทั้งหมด

เพื่อไม่ให้ มีการเข้าใจผิด ในสังคม ว่าศาสนาอิสลาม เป็น สมบัติ ของ ใคร? ผมจำเป็นต้อง นำมา อธิบายหลักการให้ถูกต้อง เพื่อที่ หากว่าผู้ต่างศาสนา เข้ามาอ่าน จะได้เข้าใจอย่าง ถูกต้อง เกี่ยว กับศาสนาของ พระผู้ เป็นเจ้า ดังนี้

พระเจ้าไม่ได้ประทานอิสลามมาเพื่อ กลุ่มชนกลุ่มใด เพียง กลุ่ม เดียว เท่านั้น ศาสนา อิสลาม เป็นศาสนา ที่ แท้จริง สำหรับ มนุษย์ ชาติ ทั่วทั้ง โลก ศาสนาอิสลาม เป็นศาสนา ที่ รวมมนุษยชาติ ทั้งหมด ไม่ว่า จะเป็น ผู้ที่นับถือศาสนาใดๆ ก็ตาม ให้ หันกลับมา กราบ เคารพบูชา พระเจ้า ผู้สร้าง เพียง องค์ เดียว เท่านั้น

เป้าหมายที่สำคัญของศาสนาอิสลามคือ นำเสนอมวลมนุษยชาติ(รวมทั้ง มุชริกีน, ผู้ที่ขาด ความ เข้าใจ ในพระเจ้า และอื่นๆ) ด้วย หลักการที่สมบูรณ์ และ ขบวนการ ของชีวิต ที่แท้ จริง บนความดีที่มวลมนุษย์ จะได้นำมา ดำเนินชีวิต ของ พวก เขา, ศาสนาอิสลาม เป็น ศาสนาที่ ชักชวนมวลมนุษย์ ทั่วทั้งโลก ให้ปฏิบัติการ กระทำ ที่บริสุทธิ์ และขจัดสิ่ง ที่เลว ร้าย และเป็นอันตราย ต่อ จิตใจ,ศีลธรรมและจริยธรรม ในสังคม ของมนุษย์.....

(ยังมีต่อ)


wassalam


แมทท์

USA
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Thu Mar 09, 2006 11:06 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ยังมีมุสลิมอยู่เป็นส่วนมาก ที่ไม่เข้าใจวัตถุประสงค์ ในการที่ พระเจ้าประทานศาสนาอิสลาม มานั้น เพื่อมนุษย์ชาติทั้งปวง เขาเหล่านั้น เข้าใจว่า มุสลิม(ผู้ที่ยอมรับอิสลามแล้ว) เท่า นั้น ที่ เป็นผู้มีสิทธิ ในอิสลาม แต่เพียง ผู้เดียว บุคคลที่ยังไม่ได้ยอมรับอิสลาม ไม่มี สิทธิ ที่จะ แสดง กรรม สิทธิ ใน อิสลาม ไม่มีสิทธิแม้จะจับต้องอัลกุรอาน ซึ่ง เป็น ข่าวสาร ของ พระเจ้า ส่งมาสู่มวลชนทุกชาตทุกเผ่าพันธุ์ และ ทุกๆศาสนา เพื่อชักชวน และเรียกร้อง ให้ เขาเหล่านั้น (มุชริกีน และ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม) หันเข้ามา หาและ มีศรัทธาเคารพบูชา ต่อ พระ เจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น(อัลลอฮ์)

ถ้ามุสลิมมีทัศนคติเช่นนั้นแล้ว ข่าวสารของพระเจ้าจะไปถึง เขาเหล่านั้น (มุชริกีน และ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม) ได้อย่างไร? เป็นที่น่าเสียใจและเศร้าใจอย่างยิ่ง ที่บรรดามุสลิม ที่ตั้งตัวเป็น อาจารสอนศาสนา มักจะพูดจาเหยียด หยาม ดูถูก เขาเหล่านั้น (มุชริกีน และ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม) ว่า เป็นผู้ไม่สะอาด แต่ในขณะเดียวกัน ก็ ไม่ เปิดทางให้ เขาเหล่านั้น (มุชริกีน และ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม) ได้มีโอกาศ ศึกษาและเข้าใจ โดยการอธิบายหลัก การของ ศาสนาอิสลาม ให้ ง่ายต่อการเข้าใจ ส่วนมากมักจะมองผู้ที่สนใจอิสลามไปในทางลบ ทั้งนี้ เพราะว่า มุสลิมผู้นั้น มีปมด้อย ไม่ทราบแม้แต่ว่า จะอธิบายให้ เขาเหล่านั้น (มุชริกีน และ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม) ทราบได้อย่างไรว่า พระเจ้า คือใคร? และเราศรัทธา ในพระเจ้่า อย่างไร?


ด้วยเหตุนี้ผมถึงตั้งคำถามถึง “นักศึกษาไคโรอียิปต์” ว่า เขาเข้า ใจคำว่า พระเจ้าอย่างไร?

คำถามผมคือ ศาสนาอิสลามเรา อธิบายคำว่า พระเจ้าว่าอย่างไร? และ คำว่า "อัลลอฮ์" นั้น เป็น สามัญนามหรือ วิสามัญนาม?

ทั้งนี้เพราะว่า ถ้าจะศึกษาศาสนาอิสลาม แล้ว จะต้องทราบสิ่งต่อไปนี้เป็นพื้นฐาน

1. พระเจ้าคือใคร? และอิสลามเชื่อพระเจ้่อย่างไร?
2. วัตถุประสงค์ที่พระเจ้าประทานศาสนาอิสลามมาเพื่อใคร?
3. อิสลามเป็นสมบัติของใคร?


ถ้ายังไม่เข้าใจ สิ่งเหล่านี้ แล้ว การศึกษาศาสนาอิสลาม ก็มีแต่ปริมาณเท่านั้น แต่หา คุณภาพ ไม่ได้

จาก
ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ อายะที่ 62. จะเห็นได้ชัดว่า ศาสนาอิสลาม เปิดหนทางให้กับ มวลมนุษย์ โดยไม่ต้องระบุ ว่า ถือศาสนาใด โดยกล่าวว่า “แท้จริงผู้ศรัทธา” หมายถึงใคร ก็ ตามที่มีศรัทธาต่อ พระเจ้าองค์เดียว

“ แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธา และบรรดาผู้ที่เป็นยิว และบรรดาผู้ที่เป็นคริสเตียน และอัศ-ซอบิอีน (*1*) ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก และประกอบสิ่งที่ดีแล้ว พวกเขาก็ จะได้ รับรางวัลของพวกเขา ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา และไม่มีความหวาดกลัวใด ๆ แก่พวก เขา และทั้งพวกเขาก็จะไม่เสียใจ

(1) ในตัฟซีร อัล-ญาละลัยน์ ระบุว่า “ชนกลุ่มหนึ่งจากยิวหรือคริสเตียน" แต่ทัศนะที่มีน้ำหนักกว่า ว่าเป็นอาหรับมุชริกกลุ่มหนึ่งก่อนอิสลามที่สักการะเจว็ด”
จากอายะนี้ เราจะเห็นว่า พระผู้เป็นเจ้าเปิดเผยให้เห็นว่า อิสลามสำหรับมนุษย์ชาติ และการยอมรับนับถืออิสลามนั้น ไม่ใช่ของยาก เพียงแต่มีศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว และใช้ชีวิตอยู่ในกรอบของศีลธรรม

มุสลิมควรจะเผยแพร่ศาสนาอิสลามไปในสังคมของ เขาเหล่านั้น (มุชริกีน และ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม) ไม่ใข่แต่เพียงเกาะกลุ่มอยู่ในเฉพาะมุสลิมเท่านั้น ทั้งนี้ เพื่อให้ ข่าวสารของพระเจ้า แพร่สะพัดไปทั้วทุกมุมโลก ไม่ใช่เผยแผ่แต่ไม่แพร่สะพัด


wassalam

แมทท์
๊USA
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
yoohoo
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 17/02/2004
ตอบ: 65


ตอบตอบ: Thu Mar 09, 2006 3:31 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Take it easy ใจเย็น ๆ ครับท่านแมทท์ รอให้เค้าออกจากฌาณและบริกรรมคาถาเสร็จแล้ว ก็คงมาตอบปัญหาหัวใจให้คุณแมทท์เองละครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
หน้า 1 จากทั้งหมด 2

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.11 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ