อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[matt]

จากเหตุการณ์ ที่เกิดขึ้น เกี่ยวกับภาพ การ์ตูน ที่ หนังสือพิมพ์ ฉบับหนึ่ง ในประเทศเดนมาร์ค วาดรูป แสดงการดูถูก ศาสนทูต ของศาสนาอิสลาม นั้น ย่อมไม่กระเทือน ศรัทธา ของ มุสลิมที่ มีความเชื่อว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดที่สมควรจะได้รับการกราบเคารพบูชา นอกจาก พระเจ้า พระองค์ เดียวเท่านั้น ซึ่งตรงกับ ภาษาอรับ ว่า “ลาอิลาฮาอิลลัลลอฮ์” และ มุสลิม ทั้งหลายผู้ที่ มี ความเชื่ออย่าง มั่นคงว่า “ท่านรอซุลเป็น ศาสนทูตของพระองค์”

เนื่องจาก ภาพการ์ตูน ไม่ใช่ภาพ ของ ท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ไม่ว่า เราจะ จินตนา การณ์ อย่างไรก็ไม่มี ทางที่จะ นำคุณลักษณะของ ท่านศาสนทุต มาวาด เป็น ภาพได้ เพราะ การ คิดและเชื่อเช่นนั้น เท่ากับเราสร้าง ภาคีให้กับ พระเจ้าองค์เดียว “อัลลอฮ์”, เพราะในที่สุด มุสลิม ทั้ง หลายก็จะหันมา สนใจกับ “ภาพเทียม” ของท่าน รอซูล และทำ ให้ศรัทธา ไขว้เขวไปจาก ความ ศรัทธา ต่อพระเจ้าองค์เดียว “อัลลอฮ์”,

แต่เจตนาของผู้วาดภาพและคำประกอบ ส่อแสดงให้เห็นว่า ต้องการจะ “ ดูถูก ศาสนา อิสลาม” และ มุสลิม ทั้งโลก ซึ่งเป็นเจตนาของคน โง่เขลาเพียงคนเดียว การกระทำ ของผู้วาด การ์ตูน แสดงถึง ความรู้สึกที่โง่เขลาและขาดความ รู้ ใน สิทธิในความศรัทธา ของ “มุสลิม” และ ต้องการ ให้บรรดามุสลิมโกรธแค้นและกระทำการตอบโต้ เพื่อนำไปสู่ ความมัวหมองของศาสนาอิสลาม ว่า เป็น ศาสนาแห่งความ รุนแรงและ ไม่มีคำสอนให้รักความสงบ

ในการตอบโต้ผู้โง่เขลาเช่นนี้ มุสลิมจะต้องทำอย่างไร? ก่อนอื่นเราต้องไม่ตกเป็นเหยื่อ แห่งเจตนาไม่ดีของเขา โดยแสดง ความ โกรธแค้น และตีโพยตีพาย จนทำให้ สังคมมุสลิม เสียภาพ พจน์ แห่ง ความเป็นผู้รักสันติ และ มีความยึดมั่นต่อ พระเจ้าองค์เดียว, ทำตนเหมือนผู้มีปมด้อย มีความ รู้สึกไวต่อการ ยั่วยุ และ ขาดสติปัญญา

การนิ่งเฉย ไม่โต้ตอบ เสียเลย ย่อมเป็นการไม่ถูกต้อง แต่การโต้ตอบควรจะกระทำ อย่าง ผู้ที่เป็นมุสลิมที่ดี เป็นผู้ที่ปฎิบัติตาม บัญญัติ ในอัลกุรอาน และ ซุนนะ ที่แท้จริงของท่าน รอซูล ที่สามารถจะนำมา ใช้ได้ ในสังคมปัจจุบัน ไม่ใช่นำ ซุนนะที่ ท่านรอซูล ใช้ตอบโต้ ผู้คนป่าเถื่อน ในศตวรรษ 14, เผ่าพันธุ์ ป่าเถื่อน ที่ ไม่สามารถพูดกันอย่าง สุภาพ ได้ ต้องใช้กำลัง เพราะ ซุนนะเหล่า นั้น ไม่เหมาะสม ใน ศตวรรษ ที่ 21,

การประท้วงโดยสันติเป็นสิ่งที่ มุสลิมควรจะกระทำ, อัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อาละอิมรอน อายะที 159 กล่าวว่า

“ เนื่องด้วยความเมตตาจากอัลลอฮ์นั่นเอง เจ้า(มุฮัมมัด) จึงได้สุภาพอ่อนโยนแก่พวกเขา(*1* ) และถ้าหากเจ้า เป็นผู้ประพฤติหยาบช้า และมีใจแข็งกระด้างแล้วไซร้ แน่นอนพวกเขาก็ย่อมแยก ตัวออกไปจากรอบ ๆ เจ้ากันแล้ว ดังนั้นจงอภัยให้แก่พวกเขาเถิด และจงขออภัยให้แก่พวกเขาด้วย และจงปรึกษาหารือกับพวกเขาในกิจการทั้งหลาย ครั้นเมื่อเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ก็จงมอบหมาย แด่ อัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์ทรงรักใคร่ผู้มอบหมายทั้งหลาย”

อายะนี้ อาจจะไม่ตรงทีเดียว กับการนำมาใข้ในเหตุการนี้ แต่เนื้อ หาและคำสอนนี้ แสดงให้เห็นว่า การมีกริยาสุภาพอ่อนโยน ย่อมชนะจิตใจผู้คนได้แม้แต่ ศัตรู และ ในซูเราะฮฺ อัรฺรูมอายะ ก็เช่นกัน อัลลออ์ สอนให้มุสลิมมีความอดทน ดังความหมายดังต่อไปนี้

“ จงอดทน (ต่อไปเถิดมุฮัมมัด) แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริงเสมอ (*1*) และอย่าให้บรรดาผู้ไม่มีความเชื่อมั่นทำให้เจ้ากังวลใจ เพราะสัญญาของอัลลอฮฺใน การช่วยเหลือสนับสนุนและเชิดชูศาสนาของเจ้านั้น ย่อมเป็นความจริงเสมอ (1) จงอดทนต่อการปฏิเสธและการทำร้ายของพวกเขา”


ซูเราะฮฺ ก็อฟ อายะ39อายะนี้ก็ดเช่นกัน กล่าวถึงความอดทนที่ มุสลิมควรมีดังนี้
39. ดังนั้น เจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่พวกเขากล่าวถึง (*1*) จงแซ่ซ้องด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของเจ้าก่อนการขึ้นของดวงอาทิตย์และก่อนการตก (ของมัน) (*2*)และอัลกุรอาน ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ
อายะ 21 สอน ให้ มุสลิมทุกๆคน ปฏิบัติตามแบบฉบับที่ดี ที่รอซูล แสดงไว้ให้เราเห็น โดยที่พระองค์อัลลอฮื ทรงบัญญัติไว้ว่า

“ โดยแน่นอน ในร่อซูลของอัลลอฮฺมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว (*1*) สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮฺและวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก”

ถ้า บรรดามุสลิมที่ เชื่อ ในเรื่อง บอกเล่า เกี่ยวกับ ท่านรอซูล แล้ว ท่าน คงเคยได้ยินมาว่า ครั้งหนึ่ง มีผู้เล่าว่า ท่าน รอซูลได้ เคยกล่าวว่า,

"เมื่อเจ้าเกิดความ โกรธขณะที่กำลังยืนอยู่ ให้นั่ง ลงพักหนึ่ง รอจนกระทั่งความโกรธหมดสิ้นไป แต่ถ้าหาก ยังมีความโกรธ หลงเหลือ อยู่ ก็จงนอนลง พักผ่อน”

และอีกตอน หนึ่ง ท่านรอซูลกล่าว ว่า,

“ชายผู้แข็งแรงหาใช่ผู้ที่เป็นนักมวยปล้ำที่ดี, ชายผู้ที่แข็งแรงคือผู้ที่สามารถที่จะควบคุมตัวเองได้เมื่อมี ความโกรธ”

ในเรื่องมรรยาทและสิทธิต่างๆ ในประเทศตะวันตกนั้น ผิดกันมาก กับ กลุ่มประเทศอรับและ ทาง เอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ในเรื่องมรรยาทแล้วถึง แม้จะ เป็น มุสลิมด้วยกัน “มุสลิม ในประเทศ ไทย ถือว่าเป็น มุสลิม และเป็นประชากรมุสลิมที่สุภาพที่สุดในโลก ซึ่ง เราจะได้ยินได้ฟัง และบางท่าน อาจจะได้ ประสพการณ์ ส่วนตัว จากการไปประกอบ พิธีกรรม “ฮัจจฺ”

การจะเปลี่ยนนิสัยของ บุคคล ที่อยู่ในสิ่งแวดล้อมและขนบธรรมเนียม ที่ต่างจากเรานั้น ย่อมทำไม่ได้ และเป็นไปไม่ได้ ดัง เรื่องเล่า เกี่ยวกับท่านรอซูล ที่ มีผู้เล่าว่า ท่านรอซูลเคยได้กล่าวว่า

“และเจ้าอาจจะเชื่อว่าขุนเขาอาจจะเปลี่ยนสถานที่ของมันได้ แต่ไม่มีทางที่จะเชื่อได้ว่า มนุษย์ หรือบุคคล สามารถ จะเปลี่ยนสันดานของเขาได้”

ดังนั้นในกรณีการฺ์ตูน ที่เขียนล้อเลียน ศาสนทูตมูฮัมมัด มันเป็นการกระทำของ ผู้ที่มีจิตใจต่ำและความคิด ที่ขาดความสำนึกต่อจรรยาธรรมของสังคม บุคคลเช่นนี้ไม่ว่า เราจะทำ การใดๆ ก็ไม่สามารถ เปลี่ยนแปลง สันดานของเขาได้ วิธีที่ดีที่สุด ก็คือ มุสลิมจะต้อง โต้ตอบ โดยการทำจิตใจ ให้สงบ และใช้เหตุผล แสดงออกในทางที่สุภาพ ตามคำสอน ในอัลกุรอาน และแนวทางของท่านรอซูล ตามที่อ้างมาแล้ว

มุสลิมควรจะจำไว้ว่า ถ้าเรารักท่านรอซูล และ ศาสนาอิสลามแล้ว เราจะต้องแสดงออก ให้เป็น ผู้ นำในทาง “สันติ, ความสุภาพ, ความกรุณา, ความเป็นที่นับถือของ นาๆชาติ ให้เห็น ว่า ศาสนาอิสลาม สอน คนให้เป็น “คนที่มีคุณภาพไม่ใช่เป็นภาระของสังคม”

มุสลิมไม่ใช่ผู้แปลกหน้า มุสลิมมีกำเนิดมา ตั้งแต่สมัยท่านศาสนทูตอิบรอฮิม และมุสลิม จะไม่ มีทาง ที่จะเป็นผู้แปลกหน้าถ้าบรรดามุสลิมทั้งหลาย ถือ สาย เฃือกเส้น เดียว กับ ท่าน ร่อซูล เพื่อไป สู่หน ทางที่ ถูกต้อง ตามที่พระองค์อัลลอฮฺ์ ได้ทรง วางรากฐานไว้ให้

เมื่อใดก็ตามถ้า มุสลิม หันเห ไปจาก แนวทางของร่อซูล(อัลกุรอาน) เขาจะกลายเป็นผู้แปลกหน้า และเมื่อนั้น ความอลเวง ใน แนว ทาง ศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว จะเกิดขึ้น ดังที่เห็นได้ ในปัจจุบันนี้

ในปัจจุบันมุสลิมได้ กลาย เป็นผู้ แปลก หน้าแม้แต่ในสังคมมุสลิมด้วยกันเอง โดยการแตกแยกเป็นกลุ่มต่าง แม้ แต่ในสังคมเล็กๆ เช่นสังคมมุสลิมไทยเรา





มูฮัมมัด อี. ยูซุบ

[asan]

ผมว่าตอนนี้ เดนมารก คงจะได้รับบทเรียน แล้วละครับ สำหรับกับผู้เหยียดหยามศาสนา เอาลูกดุดันบ้างก็ดี ถ้าสงบจิตสงบใจกันหมด มันก็หยามใจครับ ขอมาอัฟนะครับ ที่มีความเห็นไม่ตรงกับคุณแมท

[asan]

ในปัจจุบันมุสลิมได้ กลาย เป็นผู้ แปลก หน้าแม้แต่ในสังคมมุสลิมด้วยกันเอง โดยการแตกแยกเป็นกลุ่มต่าง แม้ แต่ในสังคมเล็กๆ เช่นสังคมมุสลิมไทยเรา
.....................
ตอบ
ความคิดแตกต่าง แต่ขอให้มีใจเป็นดวงเดียวกัน เมื่อยามต่อสู้กับศัตรูอิสลาม น่าน่าภูมิใจแล้วละครับ

[mahdisaudi]

We must show our opposition to Islam, says Danish queen
By Hannah Cleaver in Berlin
Queen Margrethe II of Denmark has called on the country "to show our opposition to Islam", regardless of the opprobium such a stance provokes abroad.

ราชินีของเดนมาร์ก ออกมาแสดงตนแล้ว ว่าไม่ได้แยแสสนใจต่อความรู้สึกของมุสลิม

[mahdisaudi]

http://islamonline.net/English/News/2005-04/15/article02.shtml

[mahdisaudi]

มุชริกีนและกาฟิรีน ไม่อยู่นิ่งเฉยในการคิดหรือกระทำการใดๆที่จะทำลายอิสลามทำลายมุสลิม

โดยวิธีการต่างๆนาๆตลอดมานับตั้งแต่สมัยศาสดา จนถึงปัจจุบัน

หลายแผนการณ์หลายรูปแบบที่จะชักชวนให้มุสลิมออกห่างจากอิสลาม

เช่นแม้แต่การไม่เห็นด้วยกับการคลุมผ้าหิญาบ

การล้อเล่นล้อเลียน ในหมู่ชาวตะวันตก เขาล้อเลียนต่อศาสนาของตนเอง

มาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนต์ ภาพเขียน ข้อเขียน ฯลฯ การล้อเล่นล้อเลียน

อาจเป็นว่า ศาสนาได้ตายจากพวกเขาไปแล้ว แต่สำหรับมุสลิมการล้อเล่นกับศาสนา

กับอิสลาม กับคัมภีร์อัลกุรอาน กับ ท่านศาสดา หรือต่อสหาย ศอหาบะ ของท่าน

นั้นไม่ได้ เรามีชีวิตที่มีคุณค่าเพราะเรารักอิสลาม รักศาสนา ความรู้สึกนั้นวัดอีมาน

ของมุสลิมได้ เมื่อมีเหตการณ์ทำนองนี้ ความรู้สึกหวงแหน เกิดขึ้น

หรือวางเฉยไม่สนใจ ุืว่าธุระไม่ใช่ ก็สามารถ วัดอีมานของเรามุสลิมผู้นั้นได้

ส่วนการแสดงออกของเราในการต่อต้าน ก็ย่อมต้องใช้เหตผลและวิธีขั้นตอนโต้ตอบ

ก็แยกเป็นเรื่องๆไป...

แต่ใครก็ตามที่บอกว่าเป็นมุสลิมแต่ทำตัวทรยศต่อคำสอนของอิสลามนั้น

ก็ดูผลในตอนอวสานก็แล้วกัน.....

[mahdisaudi]

Iraq wants Danish troops to stay

ในขณะที่ประเทศมุสลิมด่าเดนมาร์ค แต่รัฐบาลอิรัค กลับเชื้อเชิญให้ทหารเดนมาร์ค อยู่ต่อไป

แล้วทั้งที่ พวกเดนมาร์คเอาหมามาเยี่ยวรด ธงชาติ ของสาอุดี

และทั้งๆที่รู้ว่าธงชาติของสาอุเขียน ว่า ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ

[addullslam]

ผมยังไม่เคยเห็นรูปของบรรดา นบี ของอัลลฮฺ ที่มีหลักฐานว่าเป็ยรูปของนบี
ท่านนั้นจริง วิธีการที่ท่านนบี ใช้ในการเผยแผ่ศาสนาอิสลาม ทั้งใน
อัล กุรอาน และหะดีษ นั้นถูกต้องว่าต้องใช้วิธีนั้นเป็นสิ่งทีดีที่สุด
แต่สำหรับ พวกทำลายอิสลาม จะมาในรูปแบบต่างๆ นานา
เราจะใช้วิธีใด ทำแบบไหน ท่านmatt ช่วยนำมาให้ทราบด้วยก็จะเป็นการดี
ว่าทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง ถ้านิ่งเฉยนั้น เมินเสียเถอะ ถ้าเขายังเป็นมุสลิม
อย่างน้อยเขาจะต้องเห็นด้วยในใจ ถึงพูดไม่เป็นภาษาก็ตาม
แต่ถ้าได้พูดว่า การออกมาต่อต้านนั้นไม่ถูก อิสลามจะอยู่ในฐานะใด
ระหว่างออกมาต่อต้าน กับ นิ่งเฉยเขาจะทำอะไรกับบทบันญัติของเรา
ศาสนาอิสลามของเรา อย่างใหน ดีกว่ากันครับ(หรือแล้วแต่ว่าคนที่ตอบเป็นพวกไหน)

[matt]

“ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” นี้คือ สิ่งสำคัญที่สุด ในหลักการของศาสนาอิสลาม เป็นหลักการ ของศาสนาที่ มีความศรัทธา ใน พระเจ้าพระองค์เดียว ไม่มีการกราบไหว้ บูชา สิ่งหนึ่ง สิ่งใด หรือ ผู้หนึ่ง ผู้ใด เทียบเคียง พระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น และ ท่านศาสนทูตที่ ถูกส่งมาสั่งสอนมนุษย์ชาติ ทุกๆท่าน จนถึงท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ซึ่งเป็นศาสนทูตท่านสุดท้าย ท่านก็ได้นำข่าวสาร จากพระเจ้า ซึ่งมีสิ่ง สำคัญที่เหมือนกัน คือ “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ”

เราจะเห็นว่า ในหลักการของอิสลามมีส่วนประกอบอยู่ 3 ส่วน
1. พระองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้าง “อัลลอฮุ”
2. ข่าวสารของพระเจ้า หมายความถึง เนื้อหา ใจความ ใน “คัมภีร์ฉบับต่างๆ ลงมาจนถึง “อัลกุรอาน”
3. ท่านศาสนทูตทุกๆท่าน จนถึงท่านศาสนทูตมูฮัมมัด ซึ่งเป็นศาสนทูตท่านสุดท้าย ผู้ซึ่งรับโองการฉบับสุดท้าย “อัลกุรอาน” มาประกาศ ต่อ มนุษยชาติ

พระองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้าง(อัลลอฮุ) เป็น องค์ประกอบสำคัญของศาสนา นอกจากพระองค์แล้ว มุสลิมจะ กราบสักการะ องค์ประกอบอื่นๆ เทียบเท่า พระเจ้าไม่ได้
อัลกุรอาน เป็น หนังสือ ที่บรรจุไว้ด้วยบัญญัติของพระเจ้า สิ่งสำคัญ ของอัลกุรอาน อยู่ที่ เนื้อหาใจความ ของอัลกุรอาน แต่ไม่ได้อยู่ที่ กระดาษพิมพ์ ตัวหมึก ตัวอักษร ไม่ว่าจะเป็น ภาษาอรับ หรือ ภาษาใดๆ ก็ตาม เราจะยกอัลกุรอาน ขึ้นมาทูลหัว หรือ ก้มกราบอัลกุรอานไม่ได้

การที่เขาเก็บรักษาต้นฉบับอัลกุรอาน อย่าให้ผู้ใดถูกต้องนั้น เขาเก็บรักษาแบบ ของที่เป็น วัตถุโบราณ แต่ไม่ได้ ปกป้องรักษาแบบ สิ่งศักสิทธิ์ ทั้งนี้เพราะ ว่า “อัลกุรอานเป็น เพียงหนัง สือที่ ที่ถูกจัดขึ้นมา เป็นรูปเล่ม”, “ แต่สิ่งสำคัญคือบัญญัติของพระเจ้าที่ ถูกบรรจุไว้ในหนัง สือ เล่มนั้น.”


ในสมัยที่ยังไม่มี การพิมพ์อัลกุรอานเป็นรูปเล่ม เขาใช้วิธีท่องจำเนื้อหาของอัลกุรอาน ด้วยวิธีนี้ เนื้อหาบัญญัติของพระเจ้าจะ ไม่มีการ ปรากฎมาในรูปของ “สิ่งประดิษฐ์ที่เป็นรูปเล่ม” ถ้าจะเปรียบ ก็เหมือน กับว่า ผู้ที่จำอัลกุรอานได้ทั้งหมด เป็นเล่มหนังสือ ที่มีเนื้อหา สาระสำคัญ คือบัญญัติ ของพระเจ้า บันทึกอยู่ในความทรงจำในสมองของเขาผู้นั้น”


ถ้าเขาผู้นั้นผู้ซึ่งจำอัลกุรอานได้ทุกอายาต ถูกตบตี หรือ ถูกโยนไปในสิ่งโสโครก ก็ไม่ได้หมายความว่า เนื้อหาสาระ สำคัญ อันเป็นบัญญัติของพระเจ้า ถูกโยนหรือถูก ลบหลู่ แต่ประการใด ในทำนองเดียวกัน ถ้ามีผู้ที่ ขาดจรรยาธรรม นำเอาคัมภีอัลกุรอาน ไปวางหรือ เป็นส่วนประกอบในสิ่งใดก็ตาม ที่เป็นการไม่สมควร ก็ไม่ อาจจะทำความเสื่อมเสียให้กับ เนื้อหาคำสอนซึ่งเป็น บัญญัติฃอง พระเจ้าได้ ทั้งนี้เพราะมุสลิมไม่ได้กราบไหว้อัลกุรอาน แต่มุสลิม มีความศรัทธา ใน บัญญัติต่างๆ ที่พระเจ้าบัญญัติไว้


มันเป็นความไม่ถูกต้อง ที่มุสลิม นิยมเอายะต่างๆ ในอัลกุรอาน มา จัดอักษรอรับ ให้เป็น รูปและศิลป ที่สวยงาม บางรูปก็อ่านยาก มาใส่กรอบ ติดตามข้างฝาห้อง บ้างก็ว่ายิ่งติด มากก็ยิ่ง ดี ถ้าผู้ติด สามารถที่จะเข้าใจความหมายว่า อายะต่างๆ เหล่านั้น มีความหมายว่าอย่างไร แต่ ถ้า เอา มาติด เพื่อ เป็นการ ป้องกันสิ่งเลวร้ายต่างๆ แล้ว ก็ไม่ต่างอะไรกับ ผู้ที่สร้างภาคี เมื่อใด ก็ตามถ้าเรานำสิ่งใดมาเป็นสัญญาลักษณ์ ในความศรัทธา ของเราแล้ว แสดงว่า เราไม่เข้าใจว่า “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” หมายความว่าอย่างไร?


ถ้ามุสลิมเรามีความเชื่อศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” อย่างถูกต้อง ไม่ ไขว้เขวแล้ว เรื่องต่างๆ ที่คนเลวๆ สร้างขึ้นเพื่อดูหมิ่น ศาสนาอิสลาม เช่น วาดรูปการ์ตูน ล้อเลียน เอาอายะในอัลกุรอานไปประกอบเพลง, เอา อายะอัลกุรอานไป เขียนบนแผ่นกระเบื้อง สิ่งเหล่านี้ ย่อม ไม่ กระเทือนศรัทธา ของมุสลิม


เมื่อสองวันผมอ่านคำตอบของอาจารย์ asan ที่ผมนับถือ ท่านหนึ่ง ความว่า
อัลกุรอ่านถูกประทานลงมาเพื่อเป็นทางนำแก่ผู้ยำเกรง

ذَلِكَ الْكِتَابُ لاَ رَيْبَ فِيهِ هُدًى لِّلْمُتَّقِينَ

[2.2> นี่คือคัมภีร์ (ของอัลลอฮ์) ที่ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยอยู่ในนั้น มันเป็นทางนำ สำหรับผู้ที่ยำเกรงต่อพระเจ้า..

การประดับอัลกุรอ่านตามฝาผนังมัสยิด เพื่อเป็นสื่อให้คนได้อ่าน ได้ศึกษา ย่อมเป็นเรื่องดี
การปิดข้อความอัลกุรอ่านภายบ้าน เพื่อ จะได้อ่าน เพื่อเป็นสื่อในทองจำและเพื่อการศึกษา ย่อมดีกว่าติดภาพดาราเซ็กซี่ แต่ถ้าปิดเพื่อการโอ้อวดนั้นย่อมไม่บังควร.................
(นี้คือ ทัศนะส่วนตัว โปรดพิจารณา)

ถ้าเขาเอากระเบื้อง ที่มีอายะอัลกุรอาน ไป ติดข้างฝา (ห้องต่างๆ) หรือ มุงหลังคา อาจารย์ จะขัดข้องหรือไม่?

ข้อความที่ว่า “นี่คือคัมภีร์ (ของอัลลอฮ์) ที่ไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยอยู่ในนั้น มันเป็นทางนำ สำหรับผู้ที่ยำเกรงต่อพระเจ้า”

นั้นหมายความว่า ถ้ามีผู้เห็นผู้รู้อัลกุรอานมากเท่าใด ยิ่งดี ไม่ว่าเขาจะเป็น มุสลิมหรือไม่ก็ตาม เพราะ เป็นพระประสงค์ของพระองค์ที่ จะให้ทุกๆ คน เข้าใจข่าวสารจากพระองค์ แต่ มุสลิม ส่วนมาก สำคัญผิด เข้าใจว่าอัลกุรอานเป็น สิ่งศักสิทธิ์ และมีไว้เฉพาะมุสลิมเท่านั้น, ห้ามแม้แต่ ผู้หญิงที่มีประจำเดือน จับต้อง อัลกุรอาน, โดย เฉพาะ ต้นฉบับภาษาอรับ ผู้ที่ห้ามนี้ไม่ใช่พระเจ้า, ไม่มี ใน อัลกุรอาน ที่มี ข้อห้าม การจับต้องอัลกุรอาน มีแต่กระตุ้น เตือนให้อ่านให้เข้าใจ


การรักษารักษา ศาสนาอิสลามให้ บริสุทธิ์ ไว้ให้เยาวชนรุ่นหลังนั้น อยู่ที่การสอน ศาสนาให้ถูกต้อง สอน ให้ มุสลิม มีความรู้ที่ จะ เข้าใจว่า “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” นั้นหมายความว่าอย่างไร?

เมื่อใดก็ตาม ถ้าเราเอาหลักความศรัทธาของเราไปอยู่ที่ตัวบุคคลและวัตถุแล้ว ก็เท่ากับมุสลิมไม่ได้ ปฏิบัติตามหลักปฏิบัติของท่านรอซูล ที่พร่ำสอนผู้คนว่า “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” แม้แต่ ลุงของ ท่านรอซูลเอง ก่อนที่ท่านจะสิ้นชีวิต ท่านรอซูล ก็พยายาม ที่จะสอนให้ลุงของท่าน ยอมรับและเข้าใจ ประโยคที่ว่า “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” ประโยคเดียวเท่านั้น

ถ้าอาจารย์ และท่านผู้รู้ทางศาสนา พยายามที่จะสอนศาสนา โดย ใช้วิธี “ ขู่ กำหนดโทษ และ การ ให้รางวัล” แต่ในทางเดียว ผลที่เกิดขึ้น ก็คือ มุสลิมรุ่นหลังๆ จะขาด เหตุผล และความคิด ของ ตนเอง ถ้าเรา มี ศรัทธา ต่อพระเจ้าองค์เดียว “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” อย่างแท้จริงแล้ว การเชื่อ ฟังหลัก ปฏิบัติ และ ความรู้สึกผิดชอบ ชั่วดี จะเกิดขึ้น มา โดยไม่ต้อง นำเอา นรก สวรรค์ มา ขู่ และ หลอกล่อ,

ประโยค คำสอน ว่า, “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” เป็น ของมนุษย์ทุกๆคนในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็น “มุสลิม” หรือ ผู้ที่ “ยังขาดความรู้ และความเข้าใจ ศาสนาอิสลาม(กาฟิรีน), รวมทั้งบรรดาผู้ที่ยัง ยึดถือศรัทธาต่อ ตัวบุคคลและวัตถุเทียบเคียงพระเจ้า (มุชริกีน )

มุชริกีนและกาฟิรีน ไม่ใช่เป็นคนเลวเสียทั้งหมด แต่เป็นหน้าที่ของมุสลิมที่ดีทุกๆท่านที่จะต้อง ทำตัวอย่างและ มีความรู้พอที่จะอธิบาย “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” ให้เขาเข้าใจ โดยที่ไม่มีการใช้กำลัง หรือ การ หลอกล่อ ด้วย “นรก” หรือ “สวรรค์”

พระองค์อัลลอฮ์ทรงสอนให้ท่านรอซูล มีความอดทนและใช้หลักจิตวิทยาในการ สอนและ เผย แพร่ ศาสนาอิสลามให้ มุชริกีนและกาฟิรีน เราจะอ่านได้ ในอัลกุรอาน ถ้าเราอ้างตัวเราว่าเป็น ผู้รักอิสลาม และมีความรักต่อท่านรอซูล แล้ว การไปยืนตะโกนด่า “มุชริกีนและกาฟิรีน” ที่เลว ที่ดูถูก เหยียด หยาม อิสลาม ไม่ได้ก่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลงในสันดาน ของ คนเลว เหล่านั้น การเดินขบวน ทำลายทรัพย์ ย์ สิน และ เดินด่า ต่อหน้าสาธารณชน ไม่ใช่วิธีการ ที่แสดงว่า “มุสลิมมีความอดทน”

เรามีหน้าที่ๆจะเชิดชูอิสลามโดยการ ทำความเข้าใจต่อทุกๆบัญญัติในอัลกุรอาน ไม่ได้ ยึด ตัวเล่ม หรือ ตัวหนังสือ ภาษาอรับ ในอัลกุรอาน ซึ่งบางท่านก็ไม่เข้าใจ ว่า เขาเขียนว่า และ มีความหมายว่า อะไร มาติดไว้ ตามข้างฝา

ถ้ามุสลิมนิยมสิ่งเหล่านี้ ที่เป็น วัตถุ ทำให้ พวกพ่อค้า ทั้ง มุสลิมและ มุชริกีน,กาฟิรีน ทีหวังผล ประโยชน์ จาก มุสลิมผู้หลงทาง ก็นำเอาข้อความ ในอัลกุรอาน มา ทำเป็น ภาพ หรือศิลปที่สวยงาม หลอกขาย ให้บรรดามุสลิมเหล่านั้น และ เมื่อของที่มีถ้อยคำเหล่านั้น ถูกทำลายหรือ วางไว้ในที่ ต่ำ มุสลิมก็เกิดความโกรธ คิดว่าศาสนาถูกเหยียดหยาม แต่ลืม คิดไปว่า
“เราไม่ได้บูชาหนังสือแผ่นอิฐหรือแผ่นกระเบื้อง เหล่านั้น"

ถ้าเราคิดในทางตรงกันข้าม ถ้า “มุชริกีนและกาฟิรีน” ผลิตสินค้าต่างๆ ที่มีอายะอัลกุรอาน ไม่ว่า จะเป็น ภาษาใดก็ตาม อยู่บน สินค้าเหล่านั้น กลับเป็นการ ช่วยเผยแพร่ข่าวสาร ของพระเจ้า ให้ไปถึง มนุษย์ ทั่วทุก มุมโลก ไม่ว่าข่าวสารนั้น จะอยู่ ในรูปลักษณะใด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ บทบัญญัติที่อยู่บนสินค้าเหล่านั้น จะต้อง ถูกต้องและไม่บิดเบน ไปจากต้นฉบับ ถ้าเป็นการแก้ไขหรือดัดแปลงบทบัญญํติ แล้ว นั่นคือถึงเวลา ที่มุสลิมจะต้องคัดค้าน

ในทำนองเดียวกัน บรรดาอาจารย์ ที่สอนศาสนาอิสลาม ถ้าไม่สอนหลักศรัทธา “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ” ให้ถูกต้องก็ไม่ต่างไปจาก บรรดา “มุชริกีนและกาฟิรีน” ที่อาศัยศาสนาอิสลามเป็นเครื่องบังหน้าในการ แสวงหาผลประโยชน์ในทางส่วนตัว





มูฮัมมัด อี. ยูซุบ

[asan]

ถ้าเขาเอากระเบื้อง ที่มีอายะอัลกุรอาน ไป ติดข้างฝา (ห้องต่างๆ) หรือ มุงหลังคา อาจารย์ จะขัดข้องหรือไม่?
matt ตอบ: Sat Feb 18, 2006 2:29 am

ตอบ

หากเขาเอาสิ่งดังกล่าว ไปติดข้างฝาห้องต่าง เพื่อแสดงออกซึ่งการให้ความสำคัญแก่คำสอนของอัลลอฮ และเพื่อเป็นสื่อให้คนสนใจและศึกษาอัลกุรอ่าน อันนี้เห็นด้วยแน่นอน ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ใช้เป็นสำคัญ แต่ถ้าผลิตรองเท้า เบาะนั้ง หรือ เก้าอี้ หรือ โถส้วม นี้ย่อมส่อเจตนาถึงการไม่ให้ความสำคัญกับคำอัลกุรอ่าน และเป็นเย้ยหยันดูถูก อันนี้ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

قُلْ أَبِاللّهِ وَآيَاتِهِ وَرَسُولِهِ كُنتُمْ تَسْتَهْزِئُونَ

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าต่ออัลลอฮ์ และบรรดาโองการของพระองค์และร่อซูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?”
...............
ไม่ทราบว่า อ. math เห็นด้วยหรือไม่

[asan]

แก้ไข
ถ้าเขาเอากระเบื้อง ที่มีอายะอัลกุรอาน ไป ติดข้างฝา (ห้องต่างๆ) หรือ มุงหลังคา อาจารย์ จะขัดข้องหรือไม่?
matt ตอบ: Sat Feb 18, 2006 2:29 am

ตอบ

หากเขาเอาสิ่งดังกล่าว ไปติดข้างฝาห้องต่าง เพื่อแสดงออกซึ่งการให้ความสำคัญแก่คำสอนของอัลลอฮ และเพื่อเป็นสื่อให้คนสนใจและศึกษาอัลกุรอ่าน อันนี้เห็นด้วยแน่นอน ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ใช้เป็นสำคัญ แต่ถ้าผลิตรองเท้า เบาะนั้ง หรือ เก้าอี้ หรือ โถส้วม แล้วพิมพ์หรือสลักข้อความของอัลกุรอ่านลงไป นี้ย่อมส่อเจตนาถึงการไม่ให้ความสำคัญกับคำอัลกุรอ่าน และเป็นเย้ยหยันดูถูก อันนี้ไม่เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

قُلْ أَبِاللّهِ وَآيَاتِهِ وَرَسُولِهِ كُنتُمْ تَسْتَهْزِئُونَ

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่าต่ออัลลอฮ์ และบรรดาโองการของพระองค์และร่อซูลของพระองค์กระนั้นหรือที่พวกท่านเย้ยหยันกัน ?”
...............
ไม่ทราบว่า อ. matt เห็นด้วยหรือไม่

[อับดุรเราะฮ์มาน]

บังอ้าสั่นครับกว่าน้องจะเข้าได้ต้องตะกายมาถึงเกาะภูเก็ต ต้องรบกวนต่อว่าบังเรื่องเรียกชื่อของพี่ มูฮำหมัด อี.ยูซุบหน่อยครับ พี่แกไม่ได้ลงชื่อเล่นว่า อ. matt แล้ว ดังนั้นเราควรเรียกชื่ออันไพเราะของพี่เค้าดีกว่าไม้ครับบัง เพราะไอ้matt นี่มันชื่อแมวข้างบ้านผม ดังนั้นต่อไปนี้เราควรจะเรียกชื่อกันด้วยฉายาที่ไพเราะดีกว่าไม้ครับ บังอ้าสั้น (อ้าแล้วสั่นนี่เพราะดีนะบังเนอะ )
ไม่ได้อยู่เว็ปนี้แล้วครับบัง กลับไปเว็บอ.มุรี้ดที่นี่บล็อกไอพีผมเซงเลย