ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (เสวนาเชิงวิชาการ)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (เสวนาเชิงวิชาการ)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 18, 19, 20 ... 26, 27, 28  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Sun Dec 04, 2005 5:48 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณนพกล่าวว่า

แล้วเราก็ดันไปเอาสมองหรือสติปัญญาอันน้อยนิดไปวาดกรอบให้ศิฟาตของอัลลอฮฺ
คือจะคิดคำพูดมาอธิบายนี่ยังไม่กล้าเลยครับ เพราะมันดูหมิ่นเกียรติของอัลลอฮฺ
ก็พวกอาชาอิเราะฮฺ พวกมะตูริดียะฮฺไปเอาศิฟาตของอัลลอฮฺมาอยู่ใต้กรอบขอบเขตสติปัญญาของตนเอง


ผมขอกล่าวว่า

แต่พวกวะฮาบีย์อาจหาญดันไปกล่าวว่า อัลเลาะฮฺทรงนั่งสัมผัสบนอะรัชโดยมีน้ำหนักที่หนักอึ้ง จนกระทั้งมันไม่กินกับปัญญา หมิ่นอัลเลาะฮฺโดยทำให้พระองค์มีคุณลักษณะเหมือนกับมัคโลค จนเลยกรอบของสติปัญญาของตนเอง อธิบายอย่างนี้ผมก็ไม่กล้า

คุณนพกล่าวว่า

เรื่องตรรกวิทยาที่โลกมุสลิมไปรับมาจากกรีก มันทำให้อะกีดะฮฺพังแบบนี้แหละ

ผมขอกล่าวว่า

อิบนุตัยมียะฮฺมีอะกีดะฮฺพังเหมือนกับ เพราะเขาก็ใช้ตรรกวิทยา บอกห้ามคน แต่ตัวเองเอามาใช้ แปลกแต่จริง

คุณนพกล่าวว่า

จะคิดอะไรก็ต้องปัญญาๆ ตรรกะๆ อะไรไม่กินกะปัญญาก็รับไม่ได้ ไม่เชื่อ หรืออาจถึงขั้นปฏิเสธ

ผมขอกล่าวว่า

คุณนพโกหกแล้วครับ เพราะหลักฐานนั้น เราต้องใช้ปัญญาพิจารณา ผมไม่ทราบว่าคุณใช้อะไรพิจารณา ทั้งที่อัลอะชาอิเราะฮฺกล่าวว่า " สิ่งที่ดีนั้น คือสิ่งที่ชาเราะอฺว่าดี สิ่งที่น่าเกียจนั้น คือสิ่งที่ชาเราะอฺว่าน่าเกลียด " ไม่ใช่สิ่งที่สติปัญญาว่าดีและน่าเกลียดเหมือนพวกมั๊วะตะซิละฮฺ นะครับ

คุณนพกล่าวว่า

ขนาดนบียังไม่ให้คิดเลยครับ อย่างเช่นกรอบเขตปัญญา(ตรรกะ)ของมนุษย์จะเข้าใจว่าทุกสิ่งย่อมมีผู้สร้าง
แน่นอนเมื่อปัญญามนุษย์มีจุดบอด มีกรอบขอบเขตจำกัด เราก็จะเจอตรรกะที่ว่า
เอ้า แล้วใครสร้างอัลลอฮฺ??! จะตอบตามอัลกุรอานไม่ได้แล้วคราวนี้ เพราะมันขัดกับปัญญา

ผมขอกล่าวว่า

แล้วอัลเลาะฮฺและนบีไม่ใช้ให้คนเราใช้ปัญญาในการใคร่ควรญหลักฐานดอกหรือครับ คุณนพ หากเพียงคำพูดที่ว่า"อัลเลาะฮฺอยู่บนฟ้า" ชี้ถึงการมีอีหม่านนั้น มันไม่ไปเหมือนกับอิมานของ พวกมุรญิอะฮฺดอกหรือครับ ? คนเราเกิดมาให้เชื่อตามหลักฐาน แล้วการที่เราจะเข้าใจและเชื่อในหลักฐานนั้นเราต้องใช้ปัญหามายืนยันเชื่อในคำสอนหรือไม่ครับ ? การใช้หลักปัญญาของอัลอะชาอิเราะฮฺนั้นคือต้องสอดคล้องกับหลักฐาน ไม่ใช่ให้ปัญญาล้วนๆ العقل المجرد เหมือนพวกปรัชญากรีก ก็หาไม่ ดังนั้น การที่อัลเลาะฮฺนั่งสัมผัสอยู่บนอะรัชโดยมีน้ำหนักอึ้งนั้น มันไปคล้ายกลับมัคโลก และขัดกับปัญญาที่วางอยู่บนหลักฐานอัลกุรอานที่อันชัดเจนที่ว่า " อัลเลาะฮฺทรงไม่มีสิ่งใดมา คล้าย เหมือนกับพระองค์ " " และพระองค์ทรงไม่มีผู้ทรงมาเสมอเหมือนกับพระองค์ " โดยทบทวนสิ่งที่อัลอัซฮะรีย์ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่คุณนพทำไม่รู้ไม่ชี้ ดังนั้นสติปัญญานั้นเราต้องใช้พิจารณาที่อยู่ในกรอบของหลักฐาน นี่คือแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮฺ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Sun Dec 04, 2005 5:50 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณนพกล่าวว่า

ดังนั้นสิ่งเหล่านี้นบีจึงบอกว่ามาจากชัยฏอน! นบีจึงให้ตอบแค่ว่า "ฉันศรัทธาต่ออัลลอฮฺแล้ว" หมายถึงแค่ศรัทธาก็พอ อย่าไปลึกจนเกินความสามารถของสมอง


ผมขอกล่าวว่า

หากเป็นเช่นนั้นจริง ทำไมต้องไปกล่าวว่าและคิดไปให้ลึกแบบเลยเถิดว่า อัลเลาะฮฺทรงนั่งสถิตสัมผัสหนักอึ้งอยู่บนมัคโลคที่ชื่อว่าอะรัช ล่ะครับ ใหนพวกเขาฉันศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺแล้ว ???

คุณนพกล่าวว่า

ศาสนาให้ใช้ปัญญารู้จักพระเจ้าครับ แต่การจะไปวิเคราะห์เรื่องพระเจ้าเนี่ย ต้องห้ามครับ
เพราะปัญญามนุษย์มันน้อยนิดกระจื๋วหลิวเหลือเกิน

ผมขอกล่าวว่า

แล้วทำไมต้องไปคิดเกี่ยวกับอัลเลาะฮฺว่าพระองค์ทรงนั่งสถิตสัมผัสหนักอึ้งอยู่บนมัคโลคที่ชื่อว่าอะรัช ล่ะครับ ใช้ปัญญาคิดแบบเลยเถิดไปหรือเปล่าครับ ทำไมไม่ยอมจำนนท์

คุณนพกล่าวว่า

ในทัศนะของผม(อาจไม่ถูก) ผมเชื่อว่าชัยฏอนรู้จักศิฟาตอัลลอฮฺดีว่าสมเหตุสมผล
หมายถึงในตรรกะของชัยฏอน(สติปัญญาของมัน)เข้าใจดีว่าอัลลอฮฺอยู่บนฟ้าอยู่ได้อย่างไร

ผมขอกล่าวว่า

ก็ชัยฏอนมันรู้ดีว่า อัลเลาะฮฺอยู่บนฟ้าอย่างไร คือมันรู้ว่าอัลเลาะฮฺอยู่บนฟ้าโดยนั่งสัมผัสหนักอึ้งอยู่บนมัคโลคที่ชื่อว่าอะรัชไง ล่ะครับ เราชาวอัลอิชาอิเราะฮฺยังไม่รู้เลยว่าอย่างไร ? แต่ชัยฏอนดันไปรู้ดี

คุณนพกล่าวว่า

อัลลอฮฺทรงมีพระพักษณ์ มีพระหัตถ์ได้อย่างไร อัลลอฮฺไม่มีการกำเนิด ไม่ถูกสร้างได้อย่างไร
แต่ชัยฏอนมันแกล้วยั่วสมองเรา ให้เราอะกีดะฮฺโคลงเคลงเล่น แทนที่จะเป็นพวกเดียวกับนบีก็อดซะแล้ว พวกอาชาอิเราะฮฺก็แบบนี้แหละครับพอปัญญาไปไม่ถึง แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากปฏิเสธกุรอาน
ก็ตีความว่าอุปมาเป็นนู่นเป็นนี่ซะเลย หาทางออกแบบนี้
ไปถือว่าซะว่าอัลลอฮฺไม่มีที่ประทับ ไม่มีรูปร่างหน้าตาซะเลย จะได้ไม่ขัดกับปัญญา จะได้ไม่ขัดตรรกะ


ผมขอกล่าวว่า

ก็นั่งซิครับ ชัยฏอนมันยั่วสมองเราให้คิดว่า คำว่า พระหัตถ์(มือ) ก็มีความหมายแท้ๆตามที่คนเราเข้าใจ คือเป็นอวัยวะ แต่เอาใจคนทั่วไปว่า "เป็นอวัยวะที่ไม่เหมือนกับเรา" ผมจำได้ว่าอัลอัซฮะรีย์ได้อ้างอิงไปแล้วจากคำพูดของอิบนุตัยมียะฮฺ โปรดกลับไปดูได้ จากหนังสือ อัตตัดมุรียะฮฺ แล้วนบีจะเอามาเป็นพวกหรือเปล่าก็ไม่รู้ซินะ ซึ่งดังกล่าวนี้ สติปัญญาเราไปไม่ถึงหรอก เราขอมอบหมาย เพราะดังกล่าวนั้น มันไปคล้ายกับมัคโลคที่มีอวัยวะ และขัดกับปัญญาที่อยู่บนหลักฐานอัลกุรอานที่อันชัดเจนที่ว่า " อัลเลาะฮฺทรงไม่มีสิ่งใดมา คล้าย เหมือนกับพระองค์ " " และพระองค์ทรงไม่มีผู้ทรงมาเสมอเหมือนกับพระองค์ " โดยทบทวนสิ่งที่อัลอัซฮะรีย์ได้ชี้แจงไปแล้ว แต่คุณนพทำไม่รู้ไม่ชี้ ดังนั้นสติปัญญานั้นเราต้องใช้พิจารณาที่อยู่ในกรอบของหลักฐาน นี่คือแนวทางของอัลอะชาอิเราะฮฺ

คุณนพกล่าวว่า

แต่ว่ายังไงก็อย่าลืมนะครับ จะดุอาอฺก็ให้แบมือขึ้นฟ้านะครับ หรือชี้นิ้วขึ้นฟ้านะครับ
ก็ทั้งท่านนบีแล้วก็ประชาชาติอิสลามเขาก็ทำกันมาอย่างนี้ทุกๆยุค

ผมขอกล่าวว่า

ที่แบมือขึ้นฟ้าเพราะว่า อัลกุรอานกล่าวว่า ในฟากฟ้านั้นอัลเลาะฮฺทรงประทานริสกีย์ فى السماء يرزقكم ที่ชี้นิ้วขึ้นฟ้าในฮัจญฺวะดาอฺนั้น มันเป็นสัญลักษณ์ที่ชี้ถึงความเอกะของพระองค์ และประชาชาติอิสลามเขาก็เชื่อกันอย่างนี้แหละครับ

คุณนพกล่าวว่า

เวลาเขาขอวิงวอนจากพระเจ้า หรืออำนาจเหนือธรรมชาติ พวกเขาก็จะเงยหน้าขึ้นฟ้าครับ!!
นี่คือธรรมชาติของความผูกพันระหว่างอัลลอฮฺกับมนุษย์ นี่คือจิตใต้สำนึกลึกๆของมนุษย์ทุกคน

ผมขอกล่าวว่า

ที่วิงวอนดุอาโดยยกมือขึ้นฟ้านั้น (ไม่ใช่เงยหน้า)เพราะอัลเลาะฮฺจากฟากฟ้านั้นอัลเลาะฮฺทรงประทานริสกีย์ فى السماء يرزقكم และจิตใต้นำนึกของมนุษย์ทุกคนนั้น(นอกจากวะฮาบีย์)ที่มีความผูกพันระหว่างอัลเลาะฮฺนั้นไม่ใช่อัลเลาะฮฺอยู่บนฟ้า แต่อัลเลาะฮฺทรงเกรียงไกรและสูงส่งในหัวใจแห่งการยึดมั่นและอยู่ในจิตใต้สำนึกของบรรดาผู้ศรัทธาเสมอ อัลหัมดุลิลลาห์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
อิลยาส
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005
ตอบ: 279


ตอบตอบ: Sun Dec 04, 2005 9:50 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
ผลพวงจาก วิชา งงเต๊ก ครับ ตรงกับวิทยาศาสตร์ F= ma , Action = Reaction(สตรูนี้มีประโยชน์ แต่ไม่ทราบว่าเกี่ยวกัยข้างล่างอย่างไร)

ข้อความ คุง มุหัมมัด
"ผมขอกล่าวว่า
แต่พวกวะฮาบีย์อาจหาญดันไปกล่าวว่า อัลเลาะฮฺทรงนั่งสัมผัสบนอะรัชโดยมีน้ำหนักที่หนักอึ้ง จนกระทั้งมันไม่กินกับปัญญา หมิ่นอัลเลาะฮฺโดยทำให้พระองค์มีคุณลักษณะเหมือนกับมัคโลค จนเลยกรอบของสติปัญญาของตนเอง อธิบายอย่างนี้ผมก็ไม่กล้า "

วิชา งงเต๊ก ก้อต้องตอบโต้แบบ งงเต็ก ไม่แปลก ถ้ามาแบบดะลีล ก้อตอบแบบดะลีล
เนี่ย ข้อความ คุง มุหัมมัด อีกแระ
"ผมขอกล่าวว่า
อิบนุตัยมียะฮฺมีอะกีดะฮฺพังเหมือนกับ เพราะเขาก็ใช้ตรรกวิทยา บอกห้ามคน แต่ตัวเองเอามาใช้ แปลกแต่จริง "

คุงมุหัมอ่านหนังสือของ " السفريني في "لوامع الأنوار
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
อิลยาส
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005
ตอบ: 279


ตอบตอบ: Sun Dec 04, 2005 9:59 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
ยา อัลลอฮฺ ภาษาอรับนี่พิมพ์ลำบาก (แค๊กๆ..ไอเบาๆ) เรื่องของเตาหีดคุงมุหัมมัด (แค๊กๆ...)
ที่นำไม่รู้ว่าเข้าไปดูของ ابن بطة ,ابن منده , ابن عبد البر ,
ใน تفسير ของท่านเหล่านั้นดูบ้างแล้วหรือยังครับ (แค๊กๆๆ..โอย..หนักก่าเดิม) แค่นี้ก่อนครับไปกินยา

วัสลาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Dec 04, 2005 4:44 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ผมได้อ่านถ้อยคำของคุณมุหัมหมัด ที่ออกมาแก้ต่าง ให้ al-azhary ดูแล้ว คุณมุหัมหมัด ไม่เข้าใจเรื่องศาสนาเลย เลยขอเอาคำถาม ที่ใช้ถามเด็กนักเรียนประถม ถามคุณมุหัมหมัด 3 ข้อ
1. อิสลาม เป็น ศาสนาของใคร
2. นบีมุหัมหมัด ศอลฯ มีหน้าที่อะไร
3. แล้วคุณมุหัมหมัด และอาจารย์ของคุณ ที่ฝังชิบ อะกีดะฮยึดติดกับมัซฮับอัชอะรียะฮ ในหัวคุณอยู่ในฐานะอะไร และมีหน้าที่อะไร
..........................
ตอบ พร้อมหลักฐานนะครับ

พร้อมกับขอยกตัวอย่างพฤติกรรม บรรดาพวกปฏิเสธในยุคก่อนให้คุณมุหัมหมัดอ่านไว้สอนตัวเอง

مَثَلُهُمْ كَمَثَلِ الَّذِي اسْتَوْقَدَ نَارًا فَلَمَّا أَضَاءَتْ مَا حَوْلَهُ ذَهَبَ اللَّهُ بِنُورِهِمْ وَتَرَكَهُمْ فِي ظُلُمَاتٍ لَا يُبْصِرُونَ
17. อุปมาพวกเขานั้น ดังผู้ที่จุดไฟขึ้น(*1*) ครั้งเมื่อไฟได้ให้แสงสว่างแก่สิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขา (*2*)อัลลอฮฺก็ทรงนำเอาแสงสว่างของพวกเขาไป(*3*) และปล่อยพวกเขาไว้ในบรรดาความมืด ซึ่งพวกเขาไม่สามารถจะมองเห็นได้

(1) เพื่อจะได้เห็นสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขาว่า มีอะไรบ้างที่มีประโยชน์และเป็นอันตรายแก่ตัวของพวกเขาอันเปรียบได้ดังการมาของอิสลาม เพราะอิสลามทำให้เขารู้และเข้าใจสิ่งที่เป็นหน้าที่ของพวกเขา ความที่ว่า“สิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวของพวกเขา” นั้น หมายถึงหน้าที่ต่าง ๆ ที่พวกเขาต้องปฏิบัติ
(2) เมื่อไฟได้ช่วยให้เขาเห็นสิ่งต่าง ๆที่อยู่รอบตัวเขา (อันหมายถึงหน้าที่ของพวกเขา แทนที่เขาจะให้ความสนใจกับสิ่งเหล่านั้นเพื่อประโยชน์แก่ตัวของเขา กลับทำเป็นไม่เห็น และผินหลังให้เสีย
(3) เมื่อพวกเขาไม่สนใจในสิ่งที่พวกเขาเห็นรอบ ๆ ตัวของเขาแล้ว อัลลอฮฺทรงปล่อยให้พวกเขาอยู่ในคตวามมืดต่อไปกล่าวคือปล่อยให้จมปลักแก่ความโง่ต่อไป ตามที่พวกเขาปรารถนา ทั้งนี้โดยที่ได้ทรงใช้ถ้อยคำในเชิงประชดว่า อัลลอฮฺก็ทรงนำเอาแสงสว่างของพวกเขาไป ปล่อยให้พวกเขาอยู่ในความมืดมิด ซึ่งพวกเขาไม่สามารถจะมองเห็นได้ ในการที่จะทำให้พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ในความมืด โดยไม่สามารถรู้ว่าอะไรควรและไม่ควร อันเป็นการเปรียบเทียบให้เห็นสภาพของผู้ปฏิบัติศรัทธาว่าการดำเนินชีวิตของพวกเขานั้นเหมือนอยู่ในความมืด
.....................
صُمٌّ بُكْمٌ عُمْيٌ فَهُمْ لَا يَرْجِعُونَ
18. เขาเหล่านั้นเป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ และตาบอด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถจะกลับมาได้(*1*)

(1) อัลลอฮฺทรงเปรียบเทียบพวกเขาว่าประหนึ่ง คนหูหนวก เป็นใบ้ และตาบอด และประการหนึ่งว่าพวกมุนาฟิกนั้น เป็นพวกที่สูญเสียอวัยวะสำคัญทั้งสามดังกล่าว แน่นอนผู้ที่สภาพดังกล่าวย่อมไม่สามารถกลับไปสู่ทางที่ถูกได้ เพราะว่าจะฟังเขาพูดก็ไม่ได้ยิน จะถามเขาก็พูดไม่ได้ และจะมองก็มองไม่เห็น อันนับได้ว่าเป็นมนุษย์ที่น่าทุเรศที่สุด
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Tue Dec 06, 2005 1:46 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณอะสันครับ ผมคิดว่า คุณกำลังว่าตัวคุณเองมากนะครับ

เอาเถอะครับ คุณอะสัน เมื่อผมเข้ามาแล้วคุณไม่ได้สนทนาในเชิงวิชาการอย่างที่ผู้รู้เขาปฏิบัติกัน และได้แต่ทำการประนามผู้ที่ไม่เชื่อตามแนวทางวะฮาบีย์ที่คุณฝังหัวและปิดซิบหัวใจแล้ว ผมก็ขอกล่าวว่า " سَلاَماً สันติเถิด " (ซูเราะฮฺ ฟุรกอน อายะฮฺ 63 )
อัลเลาะฮฺทรงตรัสไว้ว่า

افلا تعقلون
"หรือพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญาคิดพิจารณา"

لعلكم تعقلون
"บางทีพวกเจ้าใช้ปัญญาคิดพิจารณา"

لعلكم تتفكرون
"พวกทีพวกเจ้าคิดพิจารณา"

افلا يتدبرون
" หรือพวกเข้าได้ทำการใคร่ควรญ"

افلا تتفكرون
" หรือพวกเจ้าไม่ทำการพิจารณา"

และอัลเลาะฮฺทรงตรัสอีกว่า

و قالوا لو كنا نسمع او نعقل ما كنا في اصحاب السعير

" พวกเขากล่าวว่า หากแม้นว่าเรา ได้ยิน หรือใช้ปัญญาคิดพิจารณา เราก็จะไม่ได้อยู่ในนรกสะอีรอย่างแน่นอน " (อัลมุลกฺ 10 )

อัลเลาะฮฺทรงตรัสเช่นกันว่า

صُمٌّ بُكْمٌ عُمْيٌ فَهُمْ لَا يَعْقِلُونَ
" เขาเหล่านั้นเป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ และตาบอด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่(ใช้ปัญญา)คิดพิจารณา(ให้เข้าใจ) (1) "

(1) คืออัลเลาะฮฺเปรียบเทียบพวกเขาว่าประหนึ่งดัง พวกปฏิเสธที่ถูกเรียกร้องนั้น อุปมาดังสัตว์เดรฉานที่ถูกเรียก แต่มันกลับไม่ฟังและไม่ใช้ปัญญาคิดพิจารณา ในสิ่งได้กล่าวให้กับมัน ดังนั้น พวกเขาจึงไม่รับฟัง ทำเป็นบอดใบ้ไม่รู้ไม่ชี้ในสัจจะธรรม เพราะพวกเขาไม่ใช้สติปัญญาพิเคราะห์พิจารณา "

คุณอะสันครับ

سَلاَماً

สันติ

(ซูเราะฮฺ ฟุรกอน อายะฮฺ 63 )
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Tue Dec 06, 2005 6:25 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
ก่อนอื่นต้องขอมาอัฟคุณมุหัมหมัด ด้วยที่อาจจะล่วงเกินไปบ้างในการสนทนา ผมยังเป็นพี่น้องคุณมุหัมหมัดเสมอ แต่..คุยกันไปก็แค่นั้นแหละครับ เพราะโต้กันไปมา กล่าวหากันไปมา ไม่สร้างสรรค์เลย ความเข้าใจที่แตกต่างกันอันนี้หลีกเลี่ยงไม่พ้น แต่ ของแถมที่ได้จากการสนทนาอันเกิดจากอารมณ์นั้น มันสร้างภาพลบให้มุสลิมมากกว่า บวก จึงไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดอีกต่อไป
รักคุณมุหัมหมัดในฐานะมุสลิมเสมอ
..................
wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Tue Dec 06, 2005 5:26 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

คุณอะสันครับ สิ่งที่คุณกล่าวมาล่าสุดนี้ มีคำพูดที่ถูกต้องที่สุดแล้วครับ การให้การมะอัฟ มันไม่ใช่ทำให้เราต้องตกต่ำลงไปเลยแม้แต่น้อย หากมีคนชื่นชมเรา ก็เราจงกล่าวว่าอัลหัมดุลิลลาห์ หากเราล่วงเกิน เราก็ขอมะอัฟ ขออภัยกัน ผลที่ตามมาก็คือ ความไม่ตกต่ำ ความจำเริญ

ผมขอบอกด้วยใจจริงว่า บางอายะฮฺที่ผมยกอ้างอิงไปนั้น ผมไม่สบายใจเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นการสนทนาแบบของแถมนั้น เราต้องงดและทิ้งมันไป

และคุณอิลยาสครับ การที่ผมสนทนาแทนอัลอัซฮะรีย์ในกรณีคำพูดต่างๆ ของคุณนพนั้น เพราะวามันไม่ต้องพึ่งพาตำรา เนื่องจากคุณนพพูดออกมาโดยไม่ใช่ในเชิงอ้างหลักฐาน แต่วิจารณ์ออกมาทางความคิดเสียมากกว่า ผมก็เลยร่วมวิจารณ์ได้ แต่ถ้าหากในเชิงอ้างอิงตำราล่ะก็ ผมขอมอบให้อัลอัซฮะรีย์ดีกว่า เพราะเขาคือนักแสวงหาความรู้จากการเรียนและค้นคว้า

การโต้กันไปโต้กันมานั้น หากว่ามันอยู่ในเชิงวิชาการแล้ว ย่อมมีคุณประโยชน์อันมากมาย ซึ่งเขาเรียกว่า مناقشة علمية (การถกกันในเชิงวิชาการ) เพื่อจะหวนกลับไปสู่ความจริง แต่เราต้องใช้ความอดทนสูง เพื่อเปิดใจในการรับฟังหลักฐานและเหตุผลของคู่สนทนา แล้วเราก็ทำการวิจารณ์ในเชิงวิชาการ แต่เราจนต่อหลักฐานนั้น ก็ให้เรานิ่งเสีย อย่ามีของแถม

อย่างเช่นกรณีที่อยู่ในเชิงวิชาการ อาธีเช่น ฝ่ายหนึ่ง มีการอ้างอิงหะดิษ คู่สนทนาก็ทำการวิจารณ์หะดิษว่าคำมันสับสน(مضطرب ) อีกฝ่ายก็บอกว่ามันเป็นการสนับสนุนกันและกัน คู่สนทนาก็ตอบกลับไปว่า คุณยังไม่เข้าใจคำว่า (مضطرب ) เมื่อถึงตรงนี้แล้ว อีกฝ่ายหนึ่งก็ต้องเปิดใจรับฟังและรอคำชี้แจงของคู่สนทนาว่าเป็นอย่างไร ? เราอย่าเสริมคำพูดแถมไป แต่ต้องรอคู่สนทนามาชี้แจง. แบบนี้เขาเรียกว่า สนทนาในเชิงวิชาการ


และการสนทนานั้น ต้องรอบครอบในการโพสต์จากคำพูดของตน ต้องอ่านสิ่งที่คุณสนทนานำเสนออย่างเข้าใจอย่างแท้จริง หากผิดพลาด หรือมีการกล่าวหาในเชิงไม่ใช่ความจริง หรือล่วงเกิน ก็ขอมะอัฟ หรือนิ่งเสีย อย่าแถม

เราต้องยอมรับว่า คำพูดแบบของแถมอันไม่พึงประสงค์มันเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย อันนี้มันสร้างภาพลบให้แก่มุสลิม จึงไม่สมควรสาวความให้ยืดยาวในเรื่องแบบของแถมอย่างนี้อีกต่อไป แต่การสนทนาในเชิงวิชาการนั้น ผมขอให้คงอยู่ต่อไป เนื่องจากมันคงคุณประโยชน์สำหรับผู้ที่หาความรู้ครับ

อย่างไรก็ตาม ผมก็ขอมะอัฟคุณอะสันด้วย หากมีการล่วงเกินอันใดเกิดขึ้นครับ


والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Dec 09, 2005 4:26 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ถึงบังอะสัน

ผมเข้ามาแล้ว เห็นข้อเขียนของคุณนพแล้ว สลดใจจังครับ เข้ามาระบายอารมณ์แล้วก็ไป แต่อารมณ์ที่คุณนพมาระบายนั้น กลับทำความสะใจให้บังอะสัน ซึ่งหากบังอะสันมีความสะใจนั้น ทำไมไม่มาระบายที่นี้ แต่ไประบายในเวปของ มุรีด มีอะไรในส่วนลึกก็เผยมาเถิด

ช่วงนี้ผมต้องเรียนอย่างหนัก อาจจะเข้ามาสองสัปดาห์ครั้ง หรือต้นปีหน้า เพราะสอบเสร็จ อินชาอัลเลาะฮฺ ผมเนี่ย ยังอิจฉาบังอะสันเลย ที่มีความเวลาเข้ามาออนไลน์ได้ทุกวัน แม้จะมีภาระแค่ใหน ก็สามารถปลีกเวลามาได้ แต่สำหรับผมนั้น เหนื่อยเหมือนกัน ต้องออกไปเรียนแต่เช้า ทั้งภาคปกติและภาคพิเศษ(ภาคศาสนา) กว่าจะเรียนเสร็จบางทีก็หลังอีชา ถึงบ้านก็สามทุ่มหรือสี่ทุ่ม กลับมาเคลียร์งานนิดหน่อยก็หลับเป็นตาย แต่ก็คิดถึงบังอะสันทุกวันแหละ ไม่รู้ว่าใครเข้ามาสทนากับบังอะสันบ้าง ยังดีที่บังมุหัมมัดเข้ามา สนทนาชี้แจงความจริง และแบ่งเบาไปได้ อัลหัมดุลิลลาห์ ความจริงเรื่องกุนูตนี้ มันเป็นปัญหาข้อปลีกย่อยที่เขาพูดกันมานานแล้ว ซึ่งไม่มีในประวิติศาสตร์อิสลามเลย ที่จะมีอุลามาอฺมาถกเถียงกันเรื่องกุนูต เนื่องจากบรรดาอุลามาอฺเขาให้เกียตริในทัศนะความเห็นซึ่งกันและกัน และทุกฝ่ายต่างก็มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน ก็คือสร้างความพึงพอพระทัยต่ออัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)

แต่มีชนกลุ่มหนึ่ง ที่อ้างตัวเองว่า อยู่หนทางของสะลัฟ ที่มีนามว่าสะละฟีย์ มีอุดมการณ์เพื่อพัฒนาประชาชาติอัลอิสลาม แต่ใฉนเลย ต้องมาพร้อมกับการหุกุ่มผู้อื่น ที่ไม่อยู่แนวทางของตน ว่าเป็นพวกบิดอะฮฺ และมีอุดมการณ์อันหนักแน่นว่า เราต้องห่างใกลและหลีกห่างจากผู้ที่ไม่มีอยู่แนวทางของตน ที่เป็นผู้ทำบิดอะฮฺตามความคิดและทัศนะคติของพวกเขา แล้วอิสลามแท้ๆ นั้นพวกเขาเก็บเอาไว้ใหนก็ไม่ทราบได้

เรามาเข้าเรื่องกุนูตกันดีกว่าครับ ที่ผมจะนำเสนอเรื่องกุนูตนั้น ไม่ใช่เพื่อที่จะรื้อฟื้นเรื่องเก่าๆ ที่มีกันมานานแล้ว ก็ไม่ใช่ประเด็น แต่ที่ต้องนำมาเสนอนั้น ก็เพราะมีกลุ่มหนึ่ง หุกุ่มว่า การอ่านกุนูตในละหมาดซุบหฺนั้น เป้นบิดอะฮฺ ผมจึงต้องชี้แจงเพื่อให้ผู้อ่านกุนูตได้เข้าใจอย่างแท้จริงว่า สิ่งที่เขาได้ทำไปนั้น มันมีที่มา และสามารถสร้างความพึงพอพระทัยต่ออัลเลาะฮฺ (ซ.บ.) ได้ และเพื่อให้สะละฟีย์ วะฮาบีย์ บางท่านเข้าใจและมีทัศนะคติที่ดีต่อผู้ที่อ่านกุนูตทุกๆเช้าของละหมาดซุบหฺครับ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Dec 09, 2005 4:31 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากบังอะสัน

เอ... น่าจะพูดประเด็นเสริม เรื่อง สุญูดสะฮวี เมื่อลืมอ่านกุนูต สักประเด็นน่าจะดี บังอะสัน อยากรู้ ขอยอมรับว่า ได้คุยกับคนเรียนระดับมหาวิทยาลัย ได้ความรู้เยอะ งงอยู่เหมือนกัน ตัวเองจบอิบติดาอี จะคุยกับคนระดับอัลลามะฮ ได้อย่างไร

ตอบ

เรื่องสุญูตซะฮฺวีย์นั้น บังอะสันเคยใช้กล่าวว่า " ต้องสุญูตซะฮฺวีย์ " ? ซึ่งเป็นคำพูดที่ผิด เพราะว่า สุญูตซะฮฺวีย์นั้น ไม่วายิบจนใช้คำว่า "ต้องสุญูต" และก่อนที่เราจะพูดเรืองกุนูต ซะฮฺวีย์นั้น เราต้องพูดเรื่องกุนูต เป็นลำดับขั้นตอนก่อน อย่าเพิ่งข้ามประเด็นไป และหากว่าบังอะสันจะได้ความรู้เยอะจากนักเรียนระดับมหาวิทยาลัยนั้น ผมไม่ทราบว่าความรู้ที่มันเป็นประโยชน์กับบังอะสันหรือเปล่า? หากเป็นประโยชน์ ยังอะสันก็ได้ความรู้จริง ส่วนบังอะสันจะจบอิบติดาอีย์มาตามที่บังอะสันอ้างมาก็ตาม เราไม่คำนึงถึงเรื่องนี้อยู่แล้ว ซึ่งผมคุยได้ทั้งนั้นแหละครับ แม้คุยกับระดับ จบ ดร.มหาลัยมะดีนะฮฺ ผมก็คุยได้ด้วยความยินดียิ่ง หลักสูตรการเรียนโทของมะดีนะฮฺ ก็คือหลักสูตรปริญญาตรีของอัลอัซฮัรเท่านั้นเอง มันก็คือๆกันนั่นแหละครับ และไม่ว่าจะเรียนระดับอิบติดาอีย์ ซะนาวีย์ ปริญญา ตรี หรือโท และด๊อกเตอร์นั้น มันไม่สำคัญหรอกครับ แต่มันสำคัญที่ความรู้ต่างหาก

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Dec 09, 2005 4:54 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

บังอะสันกล่าวว่า

قال الحافظ‏whistling#8207; ويعكر على هذا ما رواه الخطيب من طريق قيس بن الربيع عن عاصم بن سليمان قلنا لأنس‏whistling#8207; ‏(‏إن قومًا يزعمون أن النبي صلى اللَّه عليه وآله وسلم لم يزل يقنت في الفجر فقال‏whistling#8207; كذبوا إنما قنت شهرًا واحدًا يدعو على حي من أحياء المشركين‏)‏ وقيس وإن كان ضعيفًا لكنه لم يتهم بكذب‏.‏ وروى ابن خزيمة في صحيحه من طريق سعيد عن قتادة عن أنس‏whistling#8207; ‏(‏أن النبي صلى اللَّه عليه وآله وسلم لم يقنت إلا إذا دعا لقوم أو دعا على قوم‏)‏ فاختلفت الأحاديث عن أنس واضطربت فلا يقوم لمثل هذا حجة انتهى‏.‏
อัลหาฟิซ กล่าวว่า “และได้ทำให้สับสนต่อ หะดิษนี้คือ สิ่งที่รายงานโดย อัล-เคาะฏิบ จากสายรายงานของ กัยส บุตร อัรเราะบิอฺ จากอาศิม บุตร สุลัยมาน กล่าวว่า เรากล่าวแก่ท่านอะนัสว่า แท้จริงคนกลุ่มหนึ่ง พวกเขากล่าวอ้างว่า แท้จริงท่านนบี ศอลฯ อ่านกุนูตเป็นประจำในละหมาด ฟัจญร(ศุบฮิ) แล้วเขา(ท่านอะนัส)กล่าวตอบว่า “ พวกเขาโกหก ความจริง ท่านนบีได้อ่านกุนูต หนึ่งเดือน ขอดุอาสาปแช่ง พวกมุชริกีนกลุ่มหนึ่ง ) และ (ผู้รายงานที่ชื่อ)กัยซ (قيس ) ถึงแม้ปรากฏว่า หลักฐานอ่อน แต่ เขาก็ไม่ได้รับการตำหนิว่า โกหก . และมีรายงานโดยอิบนุคุซัยมะฮ ในเศาะเหียะของท่าน จากสายงานของ กอตาดะฮ จากอะนัสว่า ท่านนบี ศอลฯ ไม่ได้อ่านกุนูต นอกจากเมื่อ ขอดุอาให้แก่คน(มุสลิม)กลุ่มหนึ่ง หรือ ขอดุอาสาปแช่ง(แก่กาเฟร)กลุ่มหนึ่ง ) ดังนั้น บรรดาหะดิษที่รายงานจากอะนัส ขัดแย้งกันเอง และสับสน กรณีในลักษณะเช่นนี้ เอามาเป็นหลักฐานไม่ได้ - ดูหนังสือนัยลุ้ลเอาฏอร เล่ม 2 หน้า 386 และอัลบานีย์ก็กล่าวไว้หนังสือ อัสศัลสิละฮฺ อัฏเฏาะอีฟะฮฺ อย่างนี้เช่นเดียวกัน โดยอ้างอิงไปยังหนังสือ อัตตัลคีศ ของท่านอิบนุหะญัร เล่มที่ 1 หน้า 145

ตอบ

นั่นคือจุดยืนหนึ่งของท่านอิบนุหะญัรที่กล่าวว่าบรรดาหะดิษของท่านอะนัสนั้นสับสน คือบรรดาหะดิษที่มาสนับสนุน แต่หากว่าเป็นหะดิษทั้งหมดของท่านอะนัส เพราะบางรายงานท่านอะนัสกล่าวว่า " บรรดาผู้ที่กล่าวว่าท่านนบีอ่านกุนูตซุบหฺจนกระทั้งจากดุนยาไปนั้น ไม่เป็นความจริง และอีกหะดิษหนึ่งท่านอะนัสกล่าวเองว่า ท่านนบีกุนูตซุบหฺจนกระทั้งจากโลกนี้ไป " หากบรรดาหะดิษสองนัยนี้ มีความสับสน مضطرب คือฐานะหะดิษทั้งสองต้องเท่ากัน ถึงจะเกิดการ مضطرب ได้ แต่เมื่อมีหะดิษหนึ่งซอเฮี๊ยะหฺ การสับสนก็ต้องไปตกไป โดยไปเลือกหะดิษที่ซอเฮี๊ยะหฺ และทิ้งหะดิษที่ฏออีฟ ดังนั้นหะดิษที่ท่านอะนัสปฏิเสธเรื่องกุนูตนั้น ฏออีฟ เพราะมี กัยส์ บิน อัรรอเบี๊ยะอฺ และหะดิษที่ท่านอะนัสให้การยอมรับนั้น ซอเฮี๊ยะหฺ เนื่องจาก อบูญะฟัร อัรรอซีย์นั้น คำกล่าวที่มีน้ำหนักและ เป็นที่น่าเชื่อถือได้ ซึ่งจะอธิบายชี้แจงข้อเท็จจริงต่อไป อินชาอัลเลาะฮฺ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Dec 09, 2005 4:56 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แต่หากเรามาดูคำกล่าวของท่านอิบนุหะญัร (ซึ่งอัลบานีย์ไม่ยอมหยิบยกมากล่าว) ที่ได้กล่าวไว้ในหนังสือของท่าน ที่ดีกว่าและนำมายึดถือได้มากกว่า นั่นก็คือหนังสือ ฟัตหุลบารีย์ ว่า

و مجموع ما جاء عن أنس من ذلك ، أن القنوت للحاجة بعد الركوع لا خلاف عنه في ذلك . و أما لغير الحاجة فالصحيح عنه أنه قبل الركوع

" สรุปหะดิษที่มาจากท่านอะนัส จากสิ่งดังกล่าว(เรื่องกุนูต)นั้น คือ กุนูตในยามจำเป็นนั้น ทำหลังร่อกั๊วะ โดยไม่มีการขัดแย้งในสิ่งดังกล่าว และสำหรับกุนูตที่ไม่ได้อยู่ในยามที่จำเป็น(ยามปกติ) ที่ซอเฮี๊ยะหฺจากท่านอะนัสนั้น คือกุนูตก่อนจากร่อกั๊วะ "(ท่านอิบนุหะญัรกล่าวต่อว่า) โดยที่บรรดาซอฮาบะฮฺมีการขัดแย้งในสิ่งดังกล่าว (คือกุนูตในยามปกตินั้นก่อนหรือหลังร่อกั๊วะ) โดยที่ชัดเจนแล้วมันเป็นการขัดแย้งอันเป็นที่อนุญาติ(มุบะหฺ) " ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 2 หน้า 291 ตีพิมพ์ที่ มักตะบะฮฺ อัรริยาฏ อัลหะดีษะฮฺ

ท่าน อัลลามะฮฺ มุหัมมัด บิน อะลาน ได้กล่าวถึงคำพูดของท่าน อัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร ว่า " ท่านอิบนุหะญัร ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ شرح المشكاة (ชัรหฺ อัลมิชกาฮฺ) เกี่ยวกับหะดิษ อบี มาลิก อัลอัชญะอีย์ " ฉันได้กล่าวกับบิดาของฉันว่า โอ้บิดาของฉัน แท้จริงท่านได้ทำการละหมาดหลังจากนบี(ซ.ล.) อบูบักร อุมัร อุษมาน และอลี ที่นี้ ณ เมืองกูฟะฮฺ ถึง 50 ปี ซึ่งพวกเขาทำได้อ่านกุนูตหรือไม่ ? เขา(บิดา)ตอบว่า โอ้ลูกเอ๋ย มันเป็นสิ่งอุตริกรรมขึ้นมาใหม่ " รายงานโดย ติรมีซีย์ อันนะซาอีย์ และอิบนุมาญะฮฺ และบรรดาอิมามของเราตอบว่า "แท้จริงบรรดาอุลามาอฺที่ยืนยันยอมรับ(เรื่องกุนูต)พร้อมกับพวกเขานั้น เพิ่มความรู้(ที่แน่นอน)มากกว่า ดังนั้น จึงจำเป็นต้องเอาพวกเขาอยู่ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขามีจำนวน(ผุ้รายงาน)ที่มากกว่า" ดู หนังสืออธิบายอัลอัซการ ชื่อ อัลฟุตูหาต อัรร๊อบบานียะฮฺ อะลา อัซการ อันนะวาวียะฮฺ เล่มที่ 1 ยุซที่ 2 หน้าที่ 287
และท่านอิบนุหะญัรกล่าวอีกว่า " หะดิษกุนุตนี้ท่าน อัลหากิมได้รายงานไว้ใน บทเรื่องกุนูต และตัวบทของหะดิษนั้นคือ

عن أنس بن مالك رضي الله عنه قال: ما زال رسول الله صلى الله عليه وسلم يقنت في صلاة الصبح حتى فارق الدنيا

ท่าน อัลหาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวว่า หะดิษนี้ หะซัน ได้นำเสนอรายงานนี้โดยท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล " ดู หนังสืออธิบายอัลอัซการ ชื่อ อัลฟุตูหาต อัรร๊อบบานียะฮฺ อะลา อัซการ อันนะวาวียะฮฺ เล่มที่ 1 ยุซที่ 2 หน้าที่ 287 และดู หนังสือนะตาอิจญฺ อัลอัฟการ ของท่านอิบนุหะญัร เล่ม 2 หน้า 136

และเรื่องกรณีกุนูตนี้ ผมจะกล่าวทัศนะของบรรดาอุลามาอฺท่านอื่นๆ นอกเหนือจากท่านอิบนุหะญัรอีกมากมาย เช่นอิมามนะวาวีย์ เป็นต้น เพื่อเราจะได้ร่วมพิจารณากันอย่างเปิดกว้างครับ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Dec 09, 2005 5:01 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

รายงานละเอียดกุนูตตามทัศนะของเรา

มีบางอุลามาอฺมัซฮับมะลิกีย์กล่าวว่า กุนูตซุบหฺนั้น วายิบ แต่ส่วนมากของมะลิกีย์บอกว่าสุนัต และมัซฮับหัมบาลีย์และหะนะฟีย์นั้น ถือว่ากุนูตไม่เป็นสุนัต แต่พวกเขาก็ไม่ไปกล่าวหามัซฮับผู้มีทัศนะไม่เหมือนตนว่าทำบิดอะฮฺ แต่เราผู้ถือมัซฮับชาฟิอีย์ขอเป็นกลางคือ เป็นเพียงแค่สุนัตเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่ผมจะนำเสนอนี้ ไม่ใช่ยืนยันว่า ต้องอ่านกุนูตหรือบอกว่าวายิบต้องอ่านกุนูต แต่เราขอนำเสนอเพียงแค่บอกว่ามันเป็นสุนัต (อับอาด)เท่านั้นเอง แต่ปัจจุบันนี้ สะละฟีย์ วะฮาบีย์ ปัจจุบัน อ้างว่า การอ่านกุนูตในละหมาด ซุบหฺ นั้นเป็นบิดอะฮฺ และกล่าวหาผู้ที่ไม่อยู่ในทัศนะเดียวกับตนว่าทำบิดอะฮฺ ทั้งที่พฤติกรรมอย่างนี้ไม่เคยก่อนขึ้นมาก่อนในโลกอิสลาม และพวกเขากล่าวว่ามัซฮับชาฟิอีย์ในเรื่องนี้นั้น ไม่สอดคล้องกับซุนนะฮฺ โดยที่ยึดหะดิษของท่านอะนัสและท่านอื่นๆที่ว่า

عن أنس قال : قنت رسول الله شهرا يدعو على حي من احياء العرب ثم تركه

ความว่า " รายงานจากท่านอะนัส เขากล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮฺได้อ่านกุนูตหนึ่งเดือน โดยขอดุอาสาปแช่งแต่กลุ่มหนึ่งของอาหรับ หลังจากนั้นท่านนบีก็ทิ้งไป" รายงานโดยอัลบุคคอรีย์และมุสลิม

และสะละฟีย์ วะฮาบีย์ ปัจจุบันอ้างอีกเช่นกันว่า หะดิษของท่านอะนัสที่ว่า

ما زال رسول الله صلى الله عليه وسلم يقنت في الفجر حتى فارق الدنيا

ความว่า" ท่านร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.)ยังคงอ่านกุนูตในละหมาดซุบหฺจนกระทั้งท่านได้จากโลกนี้ไป" ซึ่งหะดิษนี้ สะละฟีย์ วะฮาบีย์ ปัจจุบันกล่าวว่า ฏออีฟ โดยยึดการวิเคราะหฺและคำกล่าวของอัลบานีย์ในการกล่าวฏออีฟกับหะดิษนี้

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Dec 09, 2005 5:04 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ท่านอิมาม หาฟิซฺ อันนะวาวีย์ กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมัจญฺมั๊วะของท่าน ว่า

حديث أنس مثل ذلك متفق عليه بلفظ قنت شهرا بعد الركوع يدعو على أحياء من العرب ثم تركه وللبخارى مثله عن عمر ولمسلم عن خفاف بن إيماء وهذا ظاهره يعارض حديث الربيع بن أنس عته وجمع بينهما من أثبت القنوت بأن المراد ترك الدعاء على الكفار لا أصل القنوت وروى البيهقى مثل هذا الجمع عن عبد الرحمن بن المهدى بسند صحيح

ความว่า " หะดิษของท่านอะนัส ที่เหมือนๆกับดังกล่าวนั้น ได้รายงานสอดคล้องกันโดยอัลบุคคอรีย์และมุสลิม ด้วยคำว่า ท่านนบี(ซ.ล.)ได้อ่านกุนูตหนึ่งเดือนหลังจากร่อกั๊วะ โดยดุอาสาปแช่งกลุ่มหนึ่งของอาหรับ(กุฟาร) หลังจากนั้นท่านนบี(ซ.ล.)ก็ละทิ้งมันไป และคำของอัลบุคคอรีย์ ก็เหมือนกับมุสลิม จากรายงานของท่านอุมัร และให้กับมุสลิมเช่นกัน ได้รายงานจาก ค่อฟาฟ บิน อีมาอฺ โดย(ความหมาย)หะดิษนี้ความหายผิดเผินแล้ว ขัดกับหะดิษของ อัลร่อเบี๊ยะอฺ บิน อะนัส ที่รายงานจากซัยยิดินาอะนัส และผู้ที่ยืนยันในเรื่องกุนูตนั้น ก็ทำการรวมระหว่างทั้งสองหะดิษ โดยจุดมุ่งหมายก็คือ ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทิ้งดุอาสาปแช่งพวกกุฟฟาร ไม่ใช่ละหมาดพื้นฐานเดิมของกุนูต และอัลบัยฮะกีย์ได้รายงานเช่นเดียวกับการรวม(ระหว่างหะดิษนี้)จาก อับดุรเราะหฺมาน บิน อัลมะฮฺดีย์ ด้วยสายรายงานที่ซอเฮี๊ยะหฺ " ดู หนังสือ อัล-มัจญฺมั๊วะ ของท่านอิมามนะวาวีย์ เล่ม 3 หน้า 423 ตีพิมพ์ที่ อัลมุนีรียะฮฺ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Dec 09, 2005 5:10 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เราของนำเสนอบรรดาหะดิษ เพื่อให้ความกระจ่างกับสิ่งดังกล่าวเพิ่มขึ้น คือ

1- ท่านอิมามอัลบุคอรีย์ ได้รายงานไว้ ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 2 หน้า 490 และมุสลิมรายงานไว้ ซอเฮี๊ยะหฺมุสลิม เล่ม 1 หน้า 469 จากหะดิษของท่านอะนัส บิน มาลิก (ร.ฏ.) เขากล่าวว่า

إنما قنت رسول الله صلى الله عليه وسلم بعد الركوع شهرا، أراه كان بعث قوما يقال لهم القراء، زهاء سبعين رجلا، إلى قوم من المشركين دون أولئك، وكان بينهم وبين رسول الله صلى الله عليه وسلم عهد، فقنت رسول الله صلى الله عليه وسلم شهرا يدعوا عليهم

ความว่า " แท้จริง ท่านร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.) ได้อ่านกุนูตหลักร่อกั๊วะ หนึ่งเดือน ฉันเห็นว่าท่านร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.)ได้ส่งนักอ่านอัลกุรอานประมาณ 70 คน ไปยังพวกมุชริกีน ซึ่งระหว่างพวกเขาและร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.) ได้มีสนธิสัญญาต่อกัน(เมื่อพวกเขาได้บิดพิ้วทำการสังหารบรรดนักอ่าน) ดังนั้นท่านนบีจึงอ่านดุอาอฺกุนูตสาปแช่งต่อพวกเขาหนึ่งเดือน "

2- ท่านอิมามอัลบุคอรีย์ ได้รายงานไว้ ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 2 หน้า 490 และมุสลิมรายงานไว้ ซอเฮี๊ยะหฺมุสลิม เล่ม 1 หน้า 469 จากหะดิษของท่านอะนัส บิน มาลิก (ร.ฏ.) เขากล่าวว่า

قنت النبي صلى الله عليه وسلم بعد الركوع شهرا، يدعو على رعل وذكوان

ความว่า "ท่านนบี (ซ.ล.)ได้อ่านกุนูตสาปแช่งหลังจากร่อกั๊วะหนึ่งเดือน ต่อพวกเรี๊ยะลิ และซักวาน "

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 18, 19, 20 ... 26, 27, 28  ถัดไป
หน้า 19 จากทั้งหมด 28

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.11 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ