ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
al-azhary มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Aug 19, 2005 9:54 pm ชื่อกระทู้: การแบ่งเตาฮีดออกเป็น อุลูฮียะฮฺและรุบูบียะฮฺนั้นเป็นบิดอะฮฺ? |
|
|
السلام عليكم وحمة الله وبركاتة
เท่าที่กระผมศึกษามาด้วยความรู้อันน้อยนิด พบว่าชาวสะลัฟ(ปัจจุบัน)กล่าวว่า เตาฮีดนั้นแบ่งออกเป็น 3 บ้าง และ 2 บ้าง คือแบ่งออกเป็นเตาฮีดอุลูฮียะฮฺและรุบูบียะฮฺ ทั้งที่การแบ่งเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อนแต่ตั้งยุคสะลัฟ(ยุคก่อน 3 ศตวรรษ)จนถึงศตวรรษที่ 6 เมื่อถึงศตวรรษที่ 7 การแบ่งเตาฮีดเป็นอุลูฮียะฮฺและรุบูบียะฮฺพึ่งเกิดขึ้น ดังนั้น การแบ่งเตาฮีดออกเป็นอุลูฮียะฮฺและรุบูบียะฮฺนั้น เป็นการแบ่งของชาวสะลัฟ(ยุคก่อน)หรือไม่ ? และหากว่าชาวสะลัฟไม่ได้แบ่ง ถือเป็นว่าการแบ่งเป็นบิดอะฮฺหรือไม่ ? หวังว่าพี่น้องชาวมรดกฯ ร่วมสนทนาชี้แจงอย่างสร้างสรรค์แห่งความเป็นพี่น้อง |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-azhary มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Fri Aug 19, 2005 10:00 pm ชื่อกระทู้: แก้ข้อผิดพลาด |
|
|
ความจริงผมตั้งกระทู้ว่า
การแบ่งเตาฮีดออกเป็น อุลูฮียะฮฺและรุบูบียะฮฺนั้นเป็นบิดอะฮฺหรือไม่ ?
แต่ชื่อกระทู้มันยาวไป พอโพส ก็ออกมาเป็น
การแบ่งเตาฮีดออกเป็น อุลูฮียะฮฺและรุบูบียะฮฺนั้นเป็นบิดอะฮฺ ?
ผมเองไม่ได้ฮุกุ่มว่าเป็นบิดอะฮฺแต่อย่างใด แต่เพียงอยากให้พี่น้องชาวมรดกฯ ร่วมชี้แจงสนทนาครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AbdurRahman มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 26/07/2005 ตอบ: 185
|
ตอบ: Fri Aug 19, 2005 10:44 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ตอบได้ให้เท่าไหร อิอิ
ตอบไม่ได้จะว่าไง หุหุ
ตอบได้หรือไม่ได้ไม่ใช่ปัญหา
ตอบแล้วเกิดความกระจ่างเพิ่มพูนอิมาน ในความเมตตาแห่งพระผู้ทรงไพศาล
นั่นคือคำตอบ ที่เราท่านปรารถนา
มนุษย์ไม่หยุดค้นหาความคิด นั่นคือสิทธิอันทรงเกียรติยิ่งที่มีในมวลมนุษย์
ปัญหาคือก่อนจะค้นหาไปยังความคิดใหม่ๆ รู้กระจ่างหรือยังในกฎขั้นพื้นฐาน
ก็บ่นก็ว่าไปยังงั้นละครับ อิอิ ป๋ม ก็ ต๊ะ ตาฮู จุ๊กกุ๊กกรู
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Fri Aug 19, 2005 10:53 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ไม่เป็นบิดอะฮครับ โปรดดู
1. توحيدربوبية เอกภาพในการอภิบาล เอามาจากอายะฮที่ว่า
الحمدلله رب العالمين
2.توخيدعبودية เอกภาพในการเคารพภักดี เอามาจากอายะฮที่ว่า
اياك نعبدواياك نستعين
3.توحيدالأسماءوالصفات เอกภาพในบรรดาพระนามและคุณลักษณะ เอามาจากอายะฮที่ว่า
الرحمن الرحيم |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-azhary มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Sat Aug 20, 2005 12:45 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ถึงคุณอาสัน
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
เท่าที่ผมเคยเรียนมา มีอยู่ 2 หรือ 3 ประเภท
1. توحيد الربوبية
2. توحيد الألوهية
3. توحيد الأسماء والصفات
ส่วนประเภทที่สองนั้น คุณใช้คำว่าอุบูดียะฮฺ ก็อยู่ในนัยยะเดียวกันตามทรรศนะของซะลัฟในยุคปัจจุบัน
ในเรื่องนี้ ผมเองก็อยากได้รับการชี้แนะจากคุณอาสันอีกหลายประเด็น แล้วผมจะนำเสนอสนทนาในเรื่อยๆ ครับ
แต่สิ่งที่ผมต้องการจะถามนั้นก็คือ การแบ่งออกเป็น3 นั้น ได้ระบุการแบ่งในยุคสะลัฟหรือไม่ครับ ? หรือว่าในยุคสะลัฟไม่มีการแบ่งระหว่างเตาฮีดอุลูฮียะฮฺและเตาฮีดรุบูบียะฮฺครับ ?
_______________
อัล-อัซฮัรรีย์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sat Aug 20, 2005 5:53 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته
ดีใจที่ได้สนทนากับคุณอัซฮารี ผมติดตามผลงานคุณ ในเว็บ อิสลามิกโอมเพจ อยู่บ่อยครั้ง
เรื่อง การแบ่งเตาฮีด เป็น 3 ประเภท ได้แก่
1. توحيد الربوبية
2. توحيد الألوهية
3. توحيد الأسماء والصفات
นักวิชาการ คงจะแบ่งโดยพิจารณตามเนื้อหาสาระ และมุมมองของแต่ละท่าน เช่นท่าน อิบนุกอ็ยยิม กล่าวว่า เตาฮีดที่บรรดารซูลเรียกร้องเชิญชวน แบ่งออกเป็นสองประเภทคือ
1. توحيد في المعرفة والاثبات อันได้แก่ توحيد الأسماء والصفات และ توحيد الأسماء والصفات
2. توحيدفي الطلب والعبادة อันได้แก่ توحيدالالهية والعبادة
- ดูหนังสือ ฟัตหุ้ลมะญัด ชัรหุกิตาบุตเตาฮีด หน้า 11
ในทำนองเดียวกัน การแบ่งเตาฮีดสะลัฟ และ เตาฮีดเคาะลัฟ พวกเขาแบ่งตามยุคและเนื้อหาที่ชนแต่ละยุคศึกษาวิชาเตาฮีด เช่น
1. เตาฮีดสลัฟ จะถือเอาหลักฐานจากอัลกุรอ่านและหะดิษ มาเป็นแนวทางในการศึกษา
2. เตาฮีดเคาะลัฟ จะเอาหลักปรัชญา มาอธิบายเตาฮีด เป็นต้น
และในทำนองเดียวกัน นักวิชาการทางด้านอุศูลุ้ลตัฟสีร ก็จะแบ่งอายะฮอัลกุรอ่าน เป็น มักกียะฮ และ มะดะนียะฮ มันเป็นหลักการและแนวทางศึกษา ในรายวิชา ซึ่งคงจะไม่มีใครถามหรอกว่า แบ่งอย่างนี้ เป็น บิดอะฮหรือไม่ หรือ ชาวสลัฟได้แบ่งไว้หรือไม่
ยินดีที่ได้สนทนากับคุณครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-azhary มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Sun Aug 21, 2005 12:31 am ชื่อกระทู้: ตอบ |
|
|
ถึงคุณอาสัน حفظه الله ورعاه
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
ผมยินดีที่ได้สนทนากับคุณเช่นกันครับ และหวังว่าเป็นการสนทนาที่อยู่ในเชิงวิชาการ อ้างอิงด้วยหลักฐานและเหตุผล และที่สำคัญด้วยความเป็นพี่น้องมุสลิมซึ่งกันและกัน เพื่อได้รับความรู้อันมันมีค่าครับ หากคุณติดตามการสนทนาของผม คุณก็คงรู้ว่าผมเรียนอยู่ที่อียิปต์ มัซฮับชาฟิอีย์ และอากิดะฮฺ(สะลัฟ)แนวทางอะชาอิเราะฮฺ การที่ผมอยู่แนวทางอะชาอิเราะฮฺนั้น ผมหวังว่าคงไม่ทำให้การสนทนาระหว่างเราต้องหมดความหมายไปนะครับ
อ้างอิงจากคุณอาสัน
และในทำนองเดียวกัน นักวิชาการทางด้านอุศูลุ้ลตัฟสีร ก็จะแบ่งอายะฮอัลกุรอ่าน เป็น มักกียะฮ และ มะดะนียะฮ มันเป็นหลักการและแนวทางศึกษา ในรายวิชา ซึ่งคงจะไม่มีใครถามหรอกว่า แบ่งอย่างนี้ เป็น บิดอะฮหรือไม่ หรือ ชาวสลัฟได้แบ่งไว้หรือไม่
ถาม
ท่านกล่าวมาอย่างนี้ ก็ถูกต้องครับ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากมีคนถามคุณว่าเวลามีการทำบุญกินเลี้ยงนั้น ผู้ถูกเชิญเขาก็จะอ่านดุอา โดยเริ่มด้วยฟาฏิหะฮฺ เริ่มต้นซูเราะฮฺบะกอเราะฮฺ และท้ายซูเราะฮฺบะกาเราะฮฺ อ่านอายะฮฺอัลกัรซีย์ การกล่าวตะลีล ตัสบีหฺ เป็นต้น แล้วมีดุอาอฺเปิดท้าย ซึ่งบทการอ่านนั้นมีบรรดาฮาดิษรายงานถึงคุณประโยชน์และผลบุญของมัน ซึ่งการอ่านต่างๆ เหล่านั้นล้วนมีที่มา ก็รูปแบบเรามีจัดเรียบเรียงกันเองเพื่อเป็นระเบียบในการอ่านพร้อมๆ กัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของอิบาดะฮฺ
หากเราเปรียบเทียบกับกรณีที่สอง คือในเรื่องของอากิดะฮฺ เราแบ่งแยกประเภทของเตาฮีดโดยที่บรรดาชนยุคสะลัฟไม่เคยแบ่งดังกล่าว โดยต่างฝ่ายก็กล่าวอ้างอิงถึงที่มาของแต่ละประเภทจากหลักฐาน แล้วเราก็มาทำการเรียนการสอนและนำมายึดมั่นศรัทธากัน ซึ่งมันจะเหมือนกับประเด็นที่แรกใหมครับ ? (ประเด็นนี้อาจจะนอกประเด็นก็คงไม่เป็นไรนะครับ )
อ้างอิงจากคุณอาสัน
การแบ่งเตาฮีดสะลัฟ และ เตาฮีดเคาะลัฟ พวกเขาแบ่งตามยุคและเนื้อหาที่ชนแต่ละยุคศึกษาวิชาเตาฮีด เช่น
1. เตาฮีดสลัฟ จะถือเอาหลักฐานจากอัลกุรอ่านและหะดิษ มาเป็นแนวทางในการศึกษา
2. เตาฮีดเคาะลัฟ จะเอาหลักปรัชญา มาอธิบายเตาฮีด เป็นต้น
ตอบ
ตามความเห็นของผมที่ได้ศึกษามานั้น ระหว่างสลัฟและเคาะลัฟ มีอากิดะฮฺและเตาฮีดเดียวกัน แต่ต่างกันกันเพียงแค่วิธีอ้างอิงและยืนยันหลักฐานเท่านั้นเองครับ สลัฟเอาหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ เพราะในยุคนั้น อากิดะฮฺอิสลามยังไม่ถูกคุกคามมากนัก จึงไม่ต้องการที่จะอ้างอิงหลักฐานและเพิ่มเติมหลักฐานเหตุผลทางปัญญาเข้าไป แต่มาในยุคคอลัฟ ปรัชญากรีกและอื่นๆ เข้ามาสอดแทรกในสังคมมุสลิมในยุคนั้น จนทำให้มุสลิมบางกลุ่มเจริญตามและอ้างเหตุผลตามปรัชญากรีก จนทำให้มีแนวทางอากิดะฮฺที่ไม่ถูกต้อง จนกระทั้งมีแนวทางอาชาอิเราะฮฺเข้ามาตอบโต้และป้องกันอากิดะฮฺในยุคนั้น จนกระทั้งพวกมั๊วะตะซีละฮฺและกลุ่มอื่นๆไม่สามารถมีบทบาทขึ้นมาได้อีก ซึ่งบางครั้งการอ้างหลักฐานนั้น ต้องใช้วิธีเกลือจิ่มเกลือ คือการนำหลักฐานของพวกเขามาอ้างอิงเพื่อลบล้างคำกล่าวของพวกเขาเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่ได้ผลต่อพวกเขา
แนวทางของคอลัฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แนวทางของอะชาอิเราะฮฺนั้น ใช้หลักฐานในการยืนยันในเรื่องอากิดะฮฺอย่างสองประเภทด้วยกัน คือ
1. หลักฐาน الادلة السمعية คือหลักฐานที่เอามาจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺ
2. หลักฐาน الادلة القطعية คือหลักฐานที่เอามาจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺโดยใช้สติปัญญามาพิจารณาใคร่ควร
สำหรับอาชาอิเราะฮฺนั้น หลักฐานทางสติปัญญาและเหตุผลนั้น ไม่ใช่เป็นหลักฐานหลัก แต่เป็นหลักฐานที่มาเสริมเน้นและย้ำหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺครับ
ส่วนการอ้างอิงของคุณจากท่านอิบนุกัยยิมจากหนังสือ ดูหนังสือ ฟัตหุ้ลมะญีด ชัรหุกิตาบุตเตาฮีด หน้า 11 นั้น ผมก็อ่านผ่านมาครับแล้วก็มีหนังสือเล่มนี้อยู่ที่บ้านด้วยครับ ก็ถือก็ถูกต้องครับ เพราะอัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)ทรงเตาฮีดทุกคุณลักษณะครับ
แต่ผมอยากถามคุณอาสันสักข้อครับ
1. توحيد الربوبية
2. توحيد الألوهية
สองการแบ่งเตาฮีดนี้ มันแตกต่างกันอย่างไรหรือครับ ? ในเรื่อง ربَ และ إله ก็มีความหมายเดียวกันโดยไม่ได้แบ่งแยกตามนัยความหมายของอัลกุรอานครับ
ยินดีที่ได้ร่วมสนทนากับคุณเช่นกันครับ
______________
อัล-อัซฮะรีย์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
al-azhary มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005 ตอบ: 573 ที่อยู่: อียิปต์
|
ตอบ: Sun Aug 21, 2005 2:43 am ชื่อกระทู้: |
|
|
ขอสนทนาเพิ่มเติมอีกสักนิดหน่อยครับ
ผมก็ได้ยินมาเหมือนกันว่า คอลัฟ อะชาอิเราะฮฺ ใช้หลักปรัชญามาทำการอธิบายเตาฮีด ซึ่งหมายความว่า เอาหลักเหตุผลทางปัญญามาอธิบายอย่างที่คุณอาสันกล่าว ความจริงแล้วคุณอาสันก็พูดถูกต้องครับ เพราะอะชาอิเราะฮฺนั้น ใช้หลักเหตุผลทางปัญหามาอธิบายวิชาเตาฮีดด้วย แต่คุณต้องแบ่งและแยกแยะแนวทางของอะชาอิเราะฮฺให้ได้ครับว่า ฮฺพวกเขาจะใช้หลักฐาน จากอัลกุรอานและซุนนะฮฺเป็นตัวยืนยัน(مثبت) และพวกเขาใช้สติปัญญา (العقل) มาเป็นเครื่องมือ (ألة)ไม่ใช่เป็นตัวยืนยัน (مثبت) ในการพิจารณาหลักฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮฺถึงความเอกะ(เตาฮีด)ของอัลเลาะฮฺ(ซ.บ.) ดังนั้น อัล-อะชาอิเราะฮฺ จึงกล่าวว่า " สติปัญญาคือเครื่องมือที่นำมาใช้การในการรู้จักถึงการยืนยันในการมีของอัลเลาะฮฺ (ซ.บ.) ดังนั้น สติปัญญาก็คือตัวที่มาเผยให้ชัดเจน(كاشف) ไม่ใช่ตัวมายืนยัน" ดู หนังสือ อิชารอต อัลมะรอม หน้า 75 ของอิมาม อัลบะยาฏีย์
แต่ผมอยากถามคุณอาสันสักข้อครับ
1. توحيد الربوبية
2. توحيد الألوهية
สองการแบ่งเตาฮีดนี้ มันแตกต่างกันอย่างไรหรือครับ ? ในเรื่อง ربَ และ إله ก็มีความหมายเดียวกันโดยไม่ได้แบ่งแยกตามนัยความหมายของอัลกุรอานครับ
____________
อัล-อัซฮะรีย์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อิลยาส มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005 ตอบ: 279
|
ตอบ: Sun Aug 21, 2005 11:12 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
แอบดูก่อนนะ...แต่เอางี้ขอถาม และตอบ..ยังไม่ต้องอธิบายนะครับ..
1. อัลลอฮฺอยู่ที่ไหน ?
2. มือ, ใบหน้า ,หน้าแข้ง ในอัลกรุอ่าน..ตกลงแปลว่าไร ?
3. สลัฟไม่ได้อธิบายเรื่องคุณลักษณะไว้จริงหรอ?
4. หลักฐานการจำแนกส่วนต่างๆของเตาฮีดในยุคสลัฟไม่มี หรือว่ามีแต่นักวิชาการแค่เอามารวบรวม ?
5. คำว่า อะกีดะฮฺสลัฟ แนวทางอะชาอิเราะฮฺ เหมือนกับ อะกีดะฮฺสลัฟ แนวทางชาฟีอี หรือไม่? หรือ อะกีดะฮฺ อะชาอิเราะฮฺ แนวทาง ชาฟีอี แจกมาหน่อยครับ?
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
AbdurRahman มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 26/07/2005 ตอบ: 185
|
ตอบ: Sun Aug 21, 2005 11:43 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
อัลลอฮ์อัซซะวะญัล ทรงตรัสว่า พระองค์ อยู่บน อะรัช(มหาราชบัลลังก์เกินความสามารถมนุษย์ในการจินตนาการได้) ใช่ไม้ครับพี่
แล้วก็มีคนถามต่อว่า แล้ว อะรัช อยู่ที่ไหน ก็มีคำตอบต่อมาว่า อะรัชนั้นอยู่เหนือน้ำ ถ้าอย่างนั้น น้ำนั่น อยู่ที่ไหน แน่ะ มนุษย์นี่นะครับ ถามได้เรื่อยจริงๆ ซึ่งผมเคยเจอิว่ามีคนให้คำตอบไว้ว่าน้ำก็จะอยู่เหนือฟากฟ้าไปอีก ถ้าใครถามว่าฟากฟ้าที่ไหน เห็นทีคงต้องต่อยหน้ามันก่อน เหอๆๆ
ก็เล่นถามไม่รู้จบนี่ :P :P
ผมว่าควรจะถามกลับไปว่า ว่างมากใช่ไม้ ไปท่องจำกุรอ่านซักอายะฮ์แล้วกัน ได้บุญชัวร์ อย่าถามจู้จี้เลย เด๋วปั๊ด
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Sun Aug 21, 2005 11:52 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
คุณ al-azhary
ก่อนอื่นขอกล่าวว่า สิ่งที่คุณกล่าวถึง แนวทางการศึกษา เตาฮีดเคาะลัฟ และเคาะลัฟ นั้นถูกต้องครับ ผมอาจจะกล่าวไม่ละเอียด เนื่องจากเวลาไม่อำนวยในบางครั้ง และขอให้คุณทำใจและชี้แนะด้วย และขอแสดงความยินดีที่อัลลอฮ ให้คุณมีโอกาส คุณได้ศึกษา ในสถาบันการศึกษาอันทรงเกียรติ และหวังว่า คุณเรียนจบและกลับมา เผยแผ่สัจจะธรรมแก่พี่น้องมุสลิมเมืองไทย เพราะผมเองไม่ได้มีโอกาสศึกษา ในมหาลัยต่างประเทศ ในโลกอาหรับ เพียงแต่เป็นนักอ่าน และจำมาเท่านั้นเองและแนวทางการศึกษาเตาฮีด ผมยอมรับทั้งแนวสลัฟและเคาะ แต่ไม่ได้ผูกติดอยู่กับนักวิชาการคนใด และขอตอบคำถามของคุณนะครับ
แต่ผมอยากถามคุณอาสันสักข้อครับ
1. توحيد الربوبية
2. توحيد الألوهية
สองการแบ่งเตาฮีดนี้ มันแตกต่างกันอย่างไรหรือครับ ? ในเรื่อง ربَ และ إله ก็มีความหมายเดียวกันโดยไม่ได้แบ่งแยกตามนัยความหมายของอัลกุรอานครับ
---------------------------
1. توحيد الربوبية เตาฮีดรุบูบียะฮ (เอกภาพในการอภิบาล)
فهو الإيمان بأن الله سبحانه الخالق لكل شيء، و المتصرف في كل شيء، لا شريك له في ذلك
หมายถึง การศรัทธาว่า อัลลอฮคือ ผู้ทรงสร้างทุกสิ่งทุกอย่าง และทรงบริหาร จัดการ ในทุกสิ่งทุกอย่าง พระองค์ทรงไม่มีภาคีใดในเรื่องนั้น
หรือจะกล่าวอีกนัยหนึ่งว่า คือ การศรัทธาว่าอัลลอฮองค์เดียวเท่านั้น คือ ผู้ทรงสร้าง ทรงบันดาล ทรงสรรพสิ่งทั้งหลาย ทรง ดูแลรักษา ทรงปกป้องคุ้มครอง ทรงให้ชีวิต ทรงปลิดชีวิต เป็นต้น เตาฮีดรุบูบียะฮ ไม่ได้เป็นเตาเฮีด ที่แบ่งแยกข้อแตกต่างระหว่างมุสลิม กับ กาเฟร พวกพวกกาเฟรในสมัยนบี ศอลฯ ก็ศรัทธาในเตาฮีดรุบูบียะฮ เช่น โองการต่อไปนี้
قُلْ مَن يَرْزُقُكُم مِّنَ السَّمَاءِ وَالأَرْضِ أَمَّن يَمْلِكُ السَّمْعَ والأَبْصَارَ وَمَن يُخْرِجُ الْحَيَّ مِنَ الْمَيِّتِ وَيُخْرِجُ الْمَيَّتَ مِنَ الْحَيِّ وَمَن يُدَبِّرُ الأَمْرَ فَسَيَقُولُونَ اللّهُ فَقُلْ أَفَلاَ تَتَّقُونَ [يونس:31]،
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ใครเป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพที่มาจากฟากฟ้า และแผ่นดินแด่พวกท่าน (*1*) หรือใครเป็นเจ้าของการได้ยินและการมอง และใครเป็นผู้ให้มีชีวิตหลังจากการตายและเป็นผู้ให้ตายหลังจากมีชีวิตมา และใครเป็นผู้บริหารกิจการ แล้วพวกเขาจะกล่าวกันว่า อัลลอฮฺ ดังนั้นจงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) พวกท่านไม่ยำเกรงหรือ -ยุนูส/31
وَلَئِنْ سَأَلْتَهُمْ مَنْ خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ وَسَخَّرَ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ لَيَقُولُنَّ اللَّهُ فَأَنَّى يُؤْفَكُونَ وقال تعالى : وَلَئِنْ سَأَلْتَهُمْ مَنْ خَلَقَهُمْ لَيَقُولُنَّ اللَّهُ الآية
และถ้าพวกเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างพวกเขา แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮฺ แล้วทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น (*1*) --อันอังกะบูต/87
(1) พวกมุชริกีนเหล่านั้นยอมรับว่าอัลลอฮฺเป็นผู้สร้างพวกเขาขึ้นมา คือยอมรับความเป็นเอกภาพแห่งการเป็นพระเจ้า แต่พวกเขาปฏิเสธความเป็นเอกภาพแห่งการทำอิบาดะฮฺ คือพวกเขา ไปทำอิบาดะฮฺกับสิ่งอื่นที่มิใช่อัลลอฮฺ ทำไมพวกเขาจึงหันเหออกจากความจริงเล่า
وَالَّذِينَ اتَّخَذُوا مِن دُونِهِ أَوْلِيَاء مَا نَعْبُدُهُمْ إِلَّا لِيُقَرِّبُونَا إِلَى اللَّهِ زُلْفَى
ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮฺ โดยกล่าวว่าเรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ (*2*)
................
2) อัศศอวีย์กล่าวว่า เมื่อมีการกล่าวแก่พวกมุชริกีนว่า ใครเป็นผู้สร้างพวกท่าน? ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และใครคือพระเจ้าของพวกท่าน และพระเจ้าของปู่ย่าตายายของพวกท่าน? พวกเขาจะกล่าวว่า อัลลอฮฺ แล้วพวกเขาจะถูกถามอีกว่า แล้วทำไมพวกท่านจึงสักการะบูชาเจว็ดต่างๆ เล่า? พวกเขาก็จะตอบว่า เพื่อทำให้เราใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ และขอความช่วยเหลือแก่เรา ณ ที่พระองค์
เพราะฉะนั้น แค่เพียงเชื่อว่า อัลลอฮ คือ ผู้ทรงสร้าง นั้น ไม่ได้เป็นเครื่องวัดว่า คนผู้นั้น คือ มุสลิม ครับ หากผมพูดไม่ถูก แนะนำนำด้วยนะครับ ต่อไปขออธิบาย คำว่า"รอ็บ"(رب ) สักเล็กน้อยนะครับ คำนี้ ในด้าน ภาษา ก็แปลว่า นาย , เจ้าของ หากเป็นความหมายในด้านศาสนา คือ
المالك المعبود المتصرف وهو المستحق للعبادة
ผู้ทรงครอบครอง ผู้ทรงได้รับการเคารพภักดี ผู้ทรงบริหารจัดการ และ พระองค์คือ ผู้ที่สมควรที่จะเคารพภักดี
http://www.sahab.net/sahab/showthread.php?threadid=310634
ลอกเขามานะครับ
2. توحيد الألوهية (เอกภาพในการเคารพภักดี) หมายถึง การศรัทธาว่าอัลลอฮ องค์เดียวเท่านั้น คือ ผู้ที่เป็นพระเจ้าที่ต้องเคารพภักดี เตาฮีตประเภทนี้ เป็นเตาฮีต ที่แบ่งแยกระหว่างมุสลิม กับ กาเฟร เชคบินบาซ ได้ให้ความหมายไว้ว่า
توحيد الألوهية: فهو الإيمان بأن الله سبحانه هو المعبود بحق لا شريك له في ذلك ، وهو معنى لا إله إلا الله ، فإن معناها: لا معبود حق إلا الله ، فجميع العبادات من صلاة وصوم وغير ذلك يجب إخلاصها لله وحده ، ولا يجوز صرف شيء منها لغيره.
http://www.binbaz.org.sa/Display.asp?f=drs00003
เตาฮีดอุลูฮียะฮ คือ การศรัทธาว่าแท้จริงอัลลอฮ (ซ.บ)คือ ผู้ที่ได้รับการเคารพภักดีที่ถูกต้อง ไม่มีภาคีใดแก่พระองค์ และมันคือ ความหมายของคำว่า"ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ ดังนั้นแท้จริงความหมายของมันคือ "ไม่มีผู้ที่ได้รับการเคารพภักดีอย่างที่ถูกต้องแท้จริง นอกจากอัลลอฮเท่านั้น แล้วบรรดาอิบาดะฮ เน การละหมาด การถือศีลอด และอื่นจากนั้น จำเป็นจะต้องมีความบริสุทธิ์ใจในการอิบาดะฮ แก่อัลลอฮองค์เดียวเท่านั้น และไม่อนุญาตให้ดำเนินสิ่งใดจาก อิบาดะฮ แก่ผู้อื่นจากพระองค์
..............
และหลักฐานที่เกี่ยวกับเตาฮีดอุลูฮียะฮ เช่น
إِيَّاكَ نَعْبُدُ وإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ [الفاتحة:5]،
กับพระองค์เท่านั้น เราเคารพภักดี และกับพระองค์เท่านั้น เราขอความช่วยเหลือ - อัลฟาติหะฮ/5
وَمَا أُمِرُوا إِلَّا لِيَعْبُدُوا اللَّهَ مُخْلِصِينَ لَهُ الدِّين [البينة:5]
และพวกเขามิได้ถูกบัญชาให้กระทำอื่นใดนอกจากเพื่อเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ เป็นผู้มีเจตนาบริสุทธิ์ในการภักดีต่อพระองค์ - อัลบัยยินะฮ/5
وقال النبي : { حق الله على العباد أن يعبدوه ولا يشركوا به شيئاً } [رواه البخاري]
และท่านนบี กล่าวว่า" สิทธิของอัลลอฮที่มีเหนือบ่าว (หมายถึงหน้าที่ของบ่าวที่พึงปฏิบัติต่ออัลลอฮ) คือ การที่พวกเขาต้องเคารพภักดีต่อพระองค์ และไม่นำสิ่งใดมาตั้งภาคีต่อพระองค์ - รายงานโดยบุคอรี
เตาฮีดอุลูฮียะฮ เป็นเตาฮีดที่มีเฉพาะมุสลิมที่ศรัทธาในอัลลอฮเท่านั้น ซึ่งต่างกับเตาฮีดรุบูบียะฮ ตามที่ได้กล่าวไว้แล้ว
.............................................................................
ท่านกล่าวมาอย่างนี้ ก็ถูกต้องครับ เมื่อเป็นเช่นนี้ หากมีคนถามคุณว่าเวลามีการทำบุญกินเลี้ยงนั้น ผู้ถูกเชิญเขาก็จะอ่านดุอา โดยเริ่มด้วยฟาฏิหะฮฺ เริ่มต้นซูเราะฮฺบะกอเราะฮฺ และท้ายซูเราะฮฺบะกาเราะฮฺ อ่านอายะฮฺอัลกัรซีย์ การกล่าวตะลีล ตัสบีหฺ เป็นต้น แล้วมีดุอาอฺเปิดท้าย ซึ่งบทการอ่านนั้นมีบรรดาฮาดิษรายงานถึงคุณประโยชน์และผลบุญของมัน ซึ่งการอ่านต่างๆ เหล่านั้นล้วนมีที่มา ก็รูปแบบเรามีจัดเรียบเรียงกันเองเพื่อเป็นระเบียบในการอ่านพร้อมๆ กัน ซึ่งนั่นเป็นเรื่องของอิบาดะฮฺ
.............................
ตอบ การจัดรูปแบบพิธีกรรม ข้างต้น ท่านศาสดามุหัมหมัด ศอลฯ เคยทำแบบนี้หรือ ไม่ หากดีจริง และหากเป็นพิธีกรรมที่ท่านนบีส่งเสริม แล้วมีสาวกคนใหนบ้างปฏิบัติ ต้องมีหะดิษเศาะเฮียะยืนยัน เรื่องอิบาดะอ เรามาจัดเรียงรูปแบบขึ้นเองได้หรือครับ ? ท่านนบี ศอลฯกล่าวว่า
أما بعد فإن خير الحديث كتاب الله وخير الهدي هدي محمد صلى الله عليه وسلم وشر الأمور محدثاتها وكل بدعة ضلاله رواه الإمام مسلم في صحيحه
หลังจากนั้น แท้จริง คำพูดที่ดี คือ คำภีรของอัลลอฮ และทางนำที่ดี คือ ทางนำมุหัมหมัด ศอลฯ และกิจการที่เลวคือ สิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่(ในศาสนา) และทุกบิดอะฮ เป็นการหลงผิด -รายงานโดยมุสลิม
وفي رواية أخرى لمسلم من عمل عملا ليس عليه أمرنا فهو رد
และในรายงานอื่น ของมุสลิม มีข้อความว่า"ผู้ใดประกอบอะมั้ลใดๆ ที่ไม่ได้มีคำสั่งของเรา มันถูกปฏิเสธ
وإياكم ومحدثات الأمور فإن كل محدثة بدعة وكل بدعة ضلالة ) رواه الإمام أحمد وأبو داود والترمذي وابن ماجه بسند صحيح
และพวกท่านพึงระวังบรรดากิจการ(ศาสนา)ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ แท้จริงทุกสิ่งที่ประดิษฐขึ้นใหม่นั้นเป็นบิดอะฮ และทุกบิดอะฮเป็นการหลงผิด -รายงานโดยอิหม่ามอะหมัด....
( إياكم ومحدثات الأمور ) كل ما أحدثه الناس في دين الإسلام من البدع في العقائد والعبادات ونحوها مما لم يأت به كتاب ولا سنة ثابتة عن رسول الله ، صلى الله عليه وسلم ، واتخذوه دينا يعتقدونه ، ويتعبدون به زعما منهم أنه مشروع وليس كذلك
คำว่า"สิ่งทีถูกประดิษฐขึ้นใหม่ คือ ทุกสิ่งที่มนุษย์ประดิษฐขึ้นใหม่ในศาสนาอิสลาม จากบิดอะฮที่เกี่ยวกับหลักวามเชื่อ การอิบาดะฮและในทำนองนั้น จากสิ่งที่ไม่ปรากฏในคัมภีร์และสุนนะฮที่แน่นอนจากท่านรซูลุลอฮ ศอลฯ และพวกเขายึดถือเป็นศาสนา นำสิ่งนั้นมาเป็นความเชื่อ และ ประกอบอิบาดะฮด้วยสิ่งนั้น โดยเข้าใจผิดว่าเป็นสิ่งที่ถูกบัญญัติทั้งๆที่ไม่ใช่
http://www.khayma.com/kshf/F/Ftawa.htm
دعاء المدعو والضيف لأهل الطعام إذا فرغ من أكله
" اللهم بارك لهم فيما رزقتهم ، واغفر لهم وارحمهم "(رواه مسلم 1616/3) ." اللهم أطعم من أطعمني وأسق من أسقاني " . ( رواه مسلم 1626/3)
ดุอาของผู้ที่ถูกเชิญไปกินเลี้ยง ที่ขอให้แก่เจ้าของอาหาร หลังจากรับประทานเสร็จ
"โอ้อัลลอฮโปรดประทานความจำเริญแก่พวกเขาในสิ่งที่พระองค์ได้ประทานให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา และโปรดอภัยโทษและประทานความเมตตาแก่พวกเขา" ขรายงานโดยมุสลิม และอีกบทหนึ่งคือ"โอ้อัลลอฮ โปรดประทานอาหารแก่ผู้ที่ให้อาหารแก่พวกเรา และโปรดประทานเครื่องดื่ม แก่ผู้ที่ประทานเครื่องดื่มแก่พวกเรา" - รายงานโดยมุสลิม
ดังนั้น ทำไม่เอา ดุอาที่นบีสอนไปอ่านละครับ ท่านครู ท่านอิหม่าม
และส่วนเรื่อง การแบ่งเนื้อหา เป็นหัวข้อเรื่อง เป็นบท เป็นหมวดหมู่ เพื่อให้สะดวกแก่การศึกษาวิชานั้นๆ มันคนละเรื่องครับ
ในท้ายนี้ ขอถามหน่อยเถอะครับ ด้วยความรักนะครับ คือว่า ที่จริงแล้วสิ่งที่คุณถามผมคุณก็รู้ดีกว่าผม แต่ทำไม จึงถาม เพื่ออะไรครับ ผมงงครับ ซึ่งผมเองก็รู้ว่าคุณก็รู้ แต่ที่ผมตอบ ก็เพื่อคนอื่นจะได้เข้ามาอ่านครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Mon Aug 22, 2005 12:00 am ชื่อกระทู้: |
|
|
เพิ่มเติม ตัวอักษรอาจจะตกล่นไปบ้าง ขอมาอัฟด้วย เพราะความรีบเร่งครับ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Mon Aug 22, 2005 1:01 am ชื่อกระทู้: |
|
|
และขอถามคุณ al-azhary นิดหนึง คือ คุณบอกผมว่า คุณกำลังเรียนมัซฮับชาฟิอี เลยอยากทราบว่า อิหม่ามชาฟิอี เรียนวิชาเตาฮีด แบบอัฃอะรียะฮ หรือ สะละฟียะฮครับ (ผมมีเรื่องที่จะถามมากมายเกี่ยวกับอิหม่ามชาฟิอี) อินชาอัลลอฮ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
อิลยาส มือเก๋า
เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005 ตอบ: 279
|
ตอบ: Mon Aug 22, 2005 8:16 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
มาชาอัลลอฮฺ...อ.อาซันอย่างหลุดจากกระทู้นี้นะครับ..ต้องเคลียล..ฝากอะมานะฮ์ด้วยนะครับ
เพราะว่า..ปัญหาลักษณะนี้ถ้าไม่เคลียลจะนำไปสู่ฟริเกาะฮฺดอลาละฮ์ได้อีกมากมายครับ
ขออัลลอฮ์ตอบแทนอ.อะซัน ขออัลลอฮ์ให้เราเหน หัก. คือ หัก. ให้เราเหน บาฎิล คือ บาฎิล
ขออัลลอฮ์คุ้มครองเราจากถ้วยคำที่หลอกลวงทั้งหลายด้วยเถิด อามีน
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Tue Aug 23, 2005 1:14 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
__وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته
อินชาอัลลอฮ ก็จะพยายาม ชี้แจงให้พี่น้องได้รู้ข้อเท็จจริง เท่าทีอัลลอฮ ประทานความรู้ให้ครับ คุณอิลยาส คุณเองก็ต้องช่วยเสริมด้วย นะครับ
|
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|