อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[อิลยาส]

ใครมีข้อมูลเกี่ยวกับการอนุยาดให้นิกะฮฺมุชริก หรือเอามารับอิสลามแล้วมานิกะฮฺลองมาเล่าสู่กันฟังหน่อยครับ...

[asan]

คุณอิลยาส ลองอ่าน การตอบปัญหาข้างล่างนี้ คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ผมไปเจอมาในเว็บข้างล่างนี้
http://www.muslimthai.com/network.php?url=http://www.muslimbangkok.com

3. ถาม เมื่อสอนกาลีเมาะห์ให้กัลมุอัลลัฟแล้ว สามารถเป็นนิก๊ะห์ได้เลย หรือจะต้องสอนเรื่องการอีหม่านให้แก่เขาก่อน จึงจะนิก๊ะห์ให้
ตอบ เมื่อสอนกาลีเมาะห์ให้มุอัลลัฟหญิงแล้ว สามารถนิก๊ะห์ได้เลย ถ้าหากว่าเธอเป็นคนโสด และไม่มีผูกพันธ์ในเรื่องอิดดะห์ เพราะศาสนาถือว่าเธออีหม่านแล้ว ดังมีกล่าวไว้ในกุรอานซูร่อตุ้ลนิซาอ์ อายะห์ที่ 93 และหนังสือตัฟเซรคอซิน เล่ม 6 หน้า 193 กล่าวว่า มุสลิมกับมุอ์มินเป็นความหมายเดียวกันตามอะลุซซุนนะห์
---------------------------------------------------------------------------
وَلَا تَنْكِحُوا الْمُشْرِكَاتِ حَتَّى يُؤْمِنَّ وَلَأَمَةٌ مُؤْمِنَةٌ خَيْرٌ مِنْ مُشْرِكَةٍ وَلَوْ أَعْجَبَتْكُمْ وَلَا تُنْكِحُوا الْمُشْرِكِينَ حَتَّى يُؤْمِنُوا وَلَعَبْدٌ مُؤْمِنٌ خَيْرٌ مِنْ مُشْرِكٍ وَلَوْ أَعْجَبَكُمْ أُولَئِكَ يَدْعُونَ إِلَى النَّارِ وَاللَّهُ يَدْعُو إِلَى الْجَنَّةِ وَالْمَغْفِرَةِ بِإِذْنِهِ وَيُبَيِّنُ آيَاتِهِ لِلنَّاسِ لَعَلَّهُمْ يَتَذَكَّرُونَ
221. และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก(*1*) จนกว่านางจะศรัทธา(*2*) และทาสหญิงที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดียิ่งกว่าหญิงที่เป็นมุชริก แม้ว่านางได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม และพวกเจ้าจงอย่าให้แต่งงานกับบรรดาชายมุชริก(*3*) จนกว่าพวกเขาจะศรัทธา และทาสชายที่เป็นผู้ศรัทธานั้นดีกว่าชายมุชริก และแม้ว่าเขาได้ทำให้พวกเจ้าพึงใจก็ตาม ชนเหล่านี้แหละจะชักชวนไปสู่ไฟนรกและอัลลอฮ์นั้นทรงเชิญชวนไปสู่สวรรค์ และไปสู่การอภัยโทษ ด้วยอนุมัติของพระองค์ และพระองค์จะทรงแจกแจงบรรดาโองการของพระองค์แก่มนุษย์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึกกันได้ - อัลบะเกาะเราะฮ /221

(1) หญิงที่มีราคีแก่อัลลอฮ์ หรือเคารพสักการะเจว็ด ร่วมกับการเคารพสักการะอัลลอฮ์
(2) ศรัทธาด้วยความจริงใจ มิใช่เพื่อประโยชน์อย่างอื่น
(3) จงอย่าจัดการแต่งงานหญิงมุมินให้แก่ชายมุชริก

وَقَالَ مُقَاتِل : نَزَلَتْ هَذِهِ الْآيَة فِي أَبِي مَرْثَد الْغَنَوِيّ , وَقِيلَ : فِي مَرْثَد بْن أَبِي مَرْثَد , وَاسْمه كَنَّاز بْن حُصَيْن الْغَنَوِيّ , بَعَثَهُ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مَكَّة سِرًّا لِيُخْرِج رَجُلًا مِنْ أَصْحَابه , وَكَانَتْ لَهُ بِمَكَّة اِمْرَأَة يُحِبّهَا فِي الْجَاهِلِيَّة يُقَال لَهَا " عَنَاق " فَجَاءَتْهُ , فَقَالَ لَهَا : إِنَّ الْإِسْلَام حَرَّمَ مَا كَانَ فِي الْجَاهِلِيَّة , قَالَتْ : فَتَزَوَّجْنِي , قَالَ : حَتَّى أَسْتَأْذِن رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ , فَأَتَى النَّبِيّ صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَاسْتَأْذَنَهُ فَنَهَاهُ عَنْ التَّزَوُّج بِهَا ; لِأَنَّهُ كَانَ مُسْلِمًا وَهِيَ مُشْرِكَة
-ตัฟสีรอัลกุรฏุบีย์
صـحـيـح
نص الحديث وقد روي أن مرثد بن أبي مرثد استأذن النبي ( ص ) أن يتزوج بغيا كانت له بها علاقة في الجاهلية - واسمها عناق - فأعرض النبي ( ص ) عنه حتى نزل قوله : { الزاني لاينكح إلا زانية أو مشركة والزانية لا ينكحها إلا زان أو مشرك وحرم ذلك على المؤمنين } فتلا النبي ( ص ) الآية وقال له : لا تنكحها القصة عند أبي داود والنسائي والترمذي صحيح مخرج في الإرواء
الكتاب غاية المرام في تخريج أحاديث الحلال والحرام
المؤلف محمد ناصر الدين الألباني
الناشر المكتب الإسلامي
الطبعة الطبعة الثالثة
หะดิษแรก มุรษัดต้องการจะแต่งงานกับอะนากหญิงมุชริก แต่ท่านนบีไม่อนุญาต
ส่วนหะดิษที่สอง กล่าวว่า เมื่อมุรษัด ขออนุญาตท่านนบี ศอลฯ กับคนรักที่เป็นหญิงมุชริก ปรากฏว่านบีผินหลังให้ ไม่ตอบ จนกระทั้ง อายะฮ ข้างต้นได้ประทานลงมา / แต่สมัยนี้ ง่ายเหลือเกินจับมายัดเยียดกะลิมะฮชะฮาดะฮ แล้วกลายเป็นมุสลิมผู้ศรัทธาทันที นิกะฮได้เลย ตามคำตอบข้างต้นที่อ้างถึง มันน่าหดหู่จริงๆ หรือคุณอิลยาสจะว่าอย่างไร

[AlGhuraba]

ในตัวบทก็บอกไว้ชัดอยู่แล้วว่า “อย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก จนกว่านางจะศรัทธา” จนกว่าจะศรัทธา มิใช่ จนกว่าจะประกาศชะฮาดะฮ หรือ จนกว่าจะเป็นมุสลิม

คนที่จะแต่งงานด้วยนั้นย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า การที่ชนต่างศาสนิกประกาศชะฮาดะฮก่อนการแต่งงานนั้น เขาหรือเธอ ประกาศด้วยเหตุผลใด เพราะจะแต่งงาน หรือเพราะศรัทธาในอัลลอฮ เพราะอย่างน้อยก็ต้องมีการติดต่อ ทำความรู้จักกันมาระดับหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจแต่งงาน ถ้าหากว่าเป็นไปด้วยความศรัทธาจริง มันก็ต้องมีเค้าลางบางอย่างให้สังเกตได้อย่างแน่นอน หรือถ้าเป็นไปด้วยความเสน่หา พฤติกรรมมันก็ย่อมต้องฟ้องตัวเองเช่นกัน เรื่องแบบนี้บุคคลภายนอก เช่น พยานนิกาห์ หรือ อิมามที่ทำพิธีให้ หรือบางทีแม้แต่พ่อแม่ฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง ไม่มีทางรู้ได้เลย อัลลอฮทรงตรัสว่า

ไม่ถือเป็นบาปเป็นโทษแก่พวกเจ้าแต่อย่างใดในอันที่พวกเจ้ากระทำผิดโดยพลั้งพลาด แต่(ที่อัลลอฮจะเอาโทษนั้น คือ) การจงใจกระทำความผิด (ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด)

ดังนั้นงานนี้ เจ้าบ่าว-เจ้าสาว นั่นแหละ รับไปเต็มๆ
------------------------
ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ทรงโปรดประทานคู่ครองและลูกหลาน(ที่ดี มีศรัทธามั่นคง และประพฤติปฏิบัติดี)แก่เราให้เป็นชื่นตาเย็นใจแก่เราด้วยเถิด …. อามีน

[asan]

ผ้ทำการนิกะห และพยานก็ควรสืบประวัติดูด้วยว่า ผู้มาทำการนิกะห์ มีความเป็นมาอย่างไร ลูกเต้าเหล่าใคร ไม่ใช่เห็นแก่เงินเล็กๆน้อย ที่เจ้าบ่าวยิบยื่นให้เป็นค่าทำพิธีนิกะห แต่เพียงอย่างเดียว

[อิลยาส]

3. ถาม เมื่อสอนกาลีเมาะห์ให้กัลมุอัลลัฟแล้ว สามารถเป็นนิก๊ะห์ได้เลย หรือจะต้องสอนเรื่องการอีหม่านให้แก่เขาก่อน จึงจะนิก๊ะห์ให้
ตอบ เมื่อสอนกาลีเมาะห์ให้มุอัลลัฟหญิงแล้ว สามารถนิก๊ะห์ได้เลย ถ้าหากว่าเธอเป็นคนโสด และไม่มีผูกพันธ์ในเรื่องอิดดะห์ เพราะศาสนาถือว่าเธออีหม่านแล้ว ดังมีกล่าวไว้ในกุรอานซูร่อตุ้ลนิซาอ์ อายะห์ที่ 93 และหนังสือตัฟเซรคอซิน เล่ม 6 หน้า 193 กล่าวว่า มุสลิมกับมุอ์มินเป็นความหมายเดียวกันตามอะลุซซุนนะห์

เออคือ...แร้วใครจามาเป็นวลีให้หละครับ ในเรื่องรบกวนอาจารย์ทั้งหลายช่วยไปดูของ อืหม่ามกาซานีย์ และ เชคชิดดิก หะซัน คานที่เชคอัลบานีย์เอามาอธิบาย ที่อยากให้ดูของแนวหะนาฟีเพราะไช่เป็นเหนือนะครับ แต่เนื่องจากอิหม่ามหะนาฟี ให้ความตะหนักอย่างยิ่งในเรื่องศีลธรรมทางเพศมาก และในส่วนของกิตาบุลฟุรัวะอฺ ของ อิบนุ มุฟลิหฺ ที่ ดอกเตอร์ อับดุลลอฮฺ มัวะหฺซิน อัตตุรกีย์ ช่วยดูอธิบายเรื่องท่านหญิงซัยนับ กับ อบูอาซ หน่อยครับมันช่างกระจ่างชัดซะนี่กระไร และอีกอย่างคือการนำการนำเสนอของอาจารย์ทั้งหลายน่าจะเป็นประโยชน์มากกว่าครับ รบกวนด้วย

[addullslam]

สมัยที่ผมนิกะฮฺ เข้ากะลีมะฮฺตอนค่ำพอตอนเช้า
วันรุ่งขึ้นก็นิกะฮฺ ท่านทั้งหลายมีความเห็นว่า
ลักษณะการนิกะฮฺตัวผมเป็นเช่นใดครับ และ
การนิกะฮฺของผมจะตกในหุกุ่มใด ช่วยบอกให้
ชื่นใจหน่อยครับ

[asan]

เมื่อสอนกาลีเมาะห์ให้มุอัลลัฟหญิงแล้ว สามารถนิก๊ะห์ได้เลย ถ้าหากว่าเธอเป็นคนโสด และไม่มีผูกพันธ์ในเรื่องอิดดะห์ เพราะศาสนาถือว่าเธออีหม่านแล้ว ดังมีกล่าวไว้ในกุรอานซูร่อตุ้ลนิซาอ์ อายะห์ที่ 93 และหนังสือตัฟเซรคอซิน เล่ม 6 หน้า 193 กล่าวว่า มุสลิมกับมุอ์มินเป็นความหมายเดียวกันตามอะลุซซุนนะห์
................................................................................................................
وَمَنْ يَقْتُلْ مُؤْمِنًا مُتَعَمِّدًا فَجَزَاؤُهُ جَهَنَّمُ خَالِدًا فِيهَا وَغَضِبَ اللَّهُ عَلَيْهِ وَلَعَنَهُ وَأَعَدَّ لَهُ عَذَابًا عَظِيمًا
93. และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยจงใจ การตอบแทนแก่เขาก็คือ นรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และอัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธเขา และทรงละนัตเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง

يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آمَنُوا إِذَا ضَرَبْتُمْ فِي سَبِيلِ اللَّهِ فَتَبَيَّنُوا وَلَا تَقُولُوا لِمَنْ أَلْقَى إِلَيْكُمُ السَّلَامَ لَسْتَ مُؤْمِنًا تَبْتَغُونَ عَرَضَ الْحَيَاةِ الدُّنْيَا فَعِنْدَ اللَّهِ مَغَانِمُ كَثِيرَةٌ كَذَلِكَ كُنْتُمْ مِنْ قَبْلُ فَمَنَّ اللَّهُ عَلَيْكُمْ فَتَبَيَّنُوا إِنَّ اللَّهَ كَانَ بِمَا تَعْمَلُونَ
94. ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย ! เมื่อพวกเจ้าเดินทางไปในทางของอัลลอฮฺ ก็จงให้ประจักษ์ชัดเสียก่อน(*1*)และจงอย่ากล่าวแก่ผู้ที่กล่าวสลามแก่พวกเจ้าว่า “ท่านมิใช่เป็นผู้ศรัทธา”(*2*) โดยแสวงหาสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวแห่งชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้ แต่ณ ที่อัลลอฮฺนั้นมีปัจจัยยังชีพอันมากมาย(*3*) ในทำนองเดียวกันนั้นพวกเจ้าก็เคยเป็นมาก่อน(*4*) แล้วอัลลอฮฺได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเจ้า(*5*) ดังนั้นพวกเจ้าจงให้ประจักษ์เสียก่อน(*6*) แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่

(1) คือเดินทางไปสอดแนมดูความเคลื่อนไหวของฝ่ายศัตรู ในการนี้ถ้าพบกลุ่มหนึ่งกลุ่มใดหรือคนหนึ่งคนใดก็จงทำการสอบสวนให้แน่ชัดเสียก่อนว่าเขาเป็นฝ่ายศัตรูหรือไม่ก่อนที่จะจัดการใด ๆ แก่พวกเขา เพื่อว่าจะได้ไม่เกิดการผิดพลาด
(2) ทั้งนี้ เพื่อต้องการฆ่าเขาโดยปรารถนาในทรัพย์ของเขาเท่านั้น
(3) คืออย่าได้เห็นแก่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ที่อำนวยประโยชน์เพียงชั่วคราวนั้นเลย ถึงกับต้องฆ่าคนโดยมิได้สอบสวนให้ถ่องแท้ทั้ง ๆ ที่เขาเป็นผู้ศรัทธา พึงหวังสิ่งอำนวยประโยชน์จากอัลลอฮฺดีกว่า และถาวรด้วย ซึ่ง ณ ที่พระองค์นั้นมีนสิ่งอำนวยประโยชน์แก่ชีวิตมากมายก่อยกอง
(4) เมื่อพวกเจ้ารับนับถืออิสลามใหม่ ๆ ก็ยังไม่รู้เรื่องอะไรมานักและความศรัทธาก็ยังไม่เข้มแข็ง เช่นเดียวกับพวกเขานั่นแหละ ดังนั้นคงตระหนักในเรื่องนี้ไว้
(5) ให้พวกเจ้ามีความเข้าใจในอิสลามดีขึ้นและมีอีมานเข้มแข็งขึ้น
(6) สอบสวนให้ถ่องแท้เสียก่อน แล้วลงมือกระทำการ
ไม่ทราบว่า ที่บอกว่า เมื่อกล่าวกะลมะฮแล้วนิกะหได้เลย ในอายะฮ 93 ซูเราะฮอันนิสาอ เราไม่เจอเลย ใครมีหะดิษอธิบายไว้ช่วยบอกที ขอบคุณครับ

[asan]

หรือถ้าเป็นไปด้วยความเสน่หา พฤติกรรมมันก็ย่อมต้องฟ้องตัวเองเช่นกัน เรื่องแบบนี้บุคคลภายนอก เช่น พยานนิกาห์ หรือ อิมามที่ทำพิธีให้ หรือบางทีแม้แต่พ่อแม่ฝ่ายชาย ฝ่ายหญิง ไม่มีทางรู้ได้เลย อัลลอฮทรงตรัสว่า

ไม่ถือเป็นบาปเป็นโทษแก่พวกเจ้าแต่อย่างใดในอันที่พวกเจ้ากระทำผิดโดยพลั้งพลาด แต่(ที่อัลลอฮจะเอาโทษนั้น คือ) การจงใจกระทำความผิด (ทั้งๆที่รู้ว่ามันผิด)

ดังนั้นงานนี้ เจ้าบ่าว-เจ้าสาว นั่นแหละ รับไปเต็มๆ
.................................................................................................................
ตอบ
เอ...ถ้าพ่อแม่ไม่รู้เรืองอะไรเลย แล้วใครเป็นวะลี นิกะหกันล่ะครับ
งง ครับ ช่วยอธิบายเพิ่มหน่อยนะคับ ท่านAlGhuraba
ด้วยความเคารพครับ

[asan]

في " السنن " عنه من حديث عائشة رضي الله عنها : أيما امرأة نكحت نفسها بغير إذن وليها فنكاحها باطل فنكاحها باطل فنكاحها باطل فإن أصابها فلها مهرها بما أصاب منها فإن اشتجروا فالسلطان ولي من لا ولي له قال الترمذي حديث حسن . وفي السنن الأربعة عنه لا نكاح إلا بولي

ในอัสสุนัน จากท่านนบี จากหะดิษอาอีฉะฮ (ร.ฎ) ว่า(ท่านนบี ศอลฯ)กล่าวว่า" สตรีคนใดก็ตาม จัดการสมรส(นิกะห)ให้กับตัวนางเอง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้ปกครองของนาง ดังนั้น นิกะหของนางเป็นโมฆะ นิกะหของนางเป็นโมฆะ แล้วถ้าหากว่าเขาได้ร่วมหลับนอนกับนาง นางก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับมะฮัร (สินสอด)เนื่องจากเขาได้ร่วมหลับนอนกับนาง ดังนั้น เมื่อพวกเขา(ผู้ปกครอง)ขัดขวางไม่ให้สมรส ผู้มีอำนาจ(เจ้าเมือง) ทำหน้าที่วะลี(ผู้ปกครอง) แก่ผู้ที่ไม่มีวะลี - หะดิษฮะซัน และปรากฏในอัสสุนันทั้งสี่ จากท่านนบี ระบุว่า" ไม่มีการสมรส นอกจาก ด้วย ผู้ปกครอง(วะลี)

[อิลยาส]

เป็นมุสลิม(ไม่ว่าจะเก่าจะใหม่)แร้วก้อให้หมั่นศึกษาหาความเข้าใจอิสลามตามแบบอย่างความเข้าใจของบรรดาสลัฟ ที่เหลือช่วยกันพยายามป้องกันนะครับ..แร้วเรื่องปราบปราม หรือตัดสิน บ้านเมืองเราไม่มีกอฎี ด้วย ..คงทำได้ก้อในเรื่องให้ความเข้าใจในเชิงวิชาการครับ

[อิลยาส]

อัสลามุอลัยกุม

ขอเวลาอีกนี๊ดครับ ยังไม่ได้เอามาพิมพ์ อินชาอัลลอฮฺ เรื่องนี้ข้อมูลน่าสนใจมักครับ

วัสลาม

[asan]

ـ ما موقف الإسلام من امرأة مسلمة تزوجت من رجل غير مسلم؛ حيث إنها كانت في حاجة إلى ذلك؛ أي‏#8207; مجبرة لهذا الزواج‏؟‏

لا يجوز زواج المسلمة بالكافر، ولا يصح النكاح‏.‏

قال تعالى‏#8207; ‏{‏وَلاَ تُنكِحُواْ الْمُشِرِكِينَ حَتَّى يُؤْمِنُواْ‏}‏ ‏[‏سورة البقرة‏#8207; آية 221‏]‏‏.‏

وقال تعالى‏#8207; ‏{‏فَإِنْ عَلِمْتُمُوهُنَّ مُؤْمِنَاتٍ فَلا تَرْجِعُوهُنَّ إِلَى الْكُفَّارِ لا هُنَّ حِلٌّ لَّهُمْ وَلا هُمْ يَحِلُّونَ لَهُنَّ‏}‏ ‏[‏سورة الممتحنة‏#8207; آية 10‏]‏‏.‏

وإجبارها على ذلك لا يسوِّغ لها الخضوع والاستسلام لهذا التزويج‏.‏

قال صلى الله عليه وسلم‏#8207; ‏(‏لا طاعة لمخلوق في معصية الخالق‏)‏ ‏[‏رواه الإمام أحمد في ‏مسنده‏‏ ‏(‏1/131‏)‏، ورواه الحاكم في ‏مستدركه‏‏ ‏(‏3/123‏)‏ كلاهما بنحوه، ورواه غيرهما‏]‏‏.‏

ويعتبر هذا النكاح باطلاً، والوطء به زنى‏.‏

http://www.alfuzan.net/islamLib/viewchp.asp?BID=345&CID=46

เป็นคำฟัตวาของเชค อัลฟูซาน คือ ไม่อนุญาตให้มุสลิมะฮแต่งงานกับชายกาเฟร แม้ว่าจะมีความจำเป็นหรือ ถูกบังคับก็ตาม

[อิลยาส]

นั่นแหละครับ...ความจริงมันขมขื่น (ขออัลลอฮตอบแทนอาจารย์อะซันครับ)

[asan]

ขอบคุณครับ คุณอิลยาส หายหน้า หายตาไปนานเชียวนะ อยากอ่านข้อมูลดีของคุณ อยู่ครับ

[อิลยาส]

อัสลามุอลัยกุม

บังอะซัน และพี่น้องผู้อ่านกระทู้นี้

เป็นเวลา6 ปีจากวันที่ได้โพส์กระทูนี้ไว้ ผมได้พบกับหลักฐาน และความเข้าใจในหลายๆแง่มุมจากเอกสารทางวิชาการ และนักวิชาการ จึงอยากบอกว่าที่ผ่านมาในการโพสเป็นการโง่เขลา เบาปัญญา หาได้มีความเข้าใจในรายละเอียดความรู้แม้แต่เพียงน้อยนิด อีกทั้งด้วยความคึกคะนองลำพองตนว่าได้รับหลักฐาน และความรู้ที่ไม่มีใครได้รู้ ดังคนไม่เคยเห็นท้องทะเล พลันเหนแอ่งน้ำขังกะคิดไปซะว่าคือแม่น้าม..ต้องขออภัย กลับเนื้อกลับตัวสู่เอกองค์อัลลอฮฺ ซุบหานะฮู วะตะอาลา ผู้ทรงอภัยยิ่ง และขอมะอัฟพี่น้องที่ได้นำเสนอหัวข้อที่ขาดการไต่รตรองนี้...

จะได้นำเสนอหลักฐานเกี่ยวกับหัวข้อนี้อีกครั้ง ซึ่งตรงประเด็นกว่านี้

" บุคคลผู้ซึ่งเป็นมุชริกทั้งชายและหญิง เมื่อรับอิสลาม นิกะฮ์ได้ด้วยหรือไม่ และเข้าอิสลามเพื่อแต่งงาน อิสลามของเขาเป็นเช่นรัย"

ส่วนกรณีของอบูอาซ และลูกสาวนบยีนั้น ผมเข้าใจผิดพลาดอย่างมหัน..และจะได้นำหลักฐานมานำเสนอตอ่ไปครับ


วัสลาม