ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอยู่
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอยู่
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 7, 8, 9 ... 22, 23, 24  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
แซม
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 20/12/2004
ตอบ: 5


ตอบตอบ: Wed Dec 22, 2004 4:52 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สลามผู้ร่วมกระทู้อะห์ลุ้ลกิตาบ
ผมลุงแซมขอแจมด้วยคนนะ เท่าที่ผมมีความรู้ แต่ถ้าผิดพลาดประการใดลุงแซมขออภัยและขอความกรุณาให้เพื่อนร่วมกระทู้ช่วยแก้ไขให้ด้วย ขอบคุณ

อัลลอฮ์กล่าวว่า.....“บรรดาผู้ซึ่งปฏิเสธจากอะห์ลุลกิตาบและบรรดาผู้ตั้งภาคีนั้นไม่เคยหลุดพ้นจากความเชื่อเดิมๆ” ซูเราะห์อัลบัยยินะห์ อายะห์ที่ 1

จากการที่ศึกษาในตัวบทและพยายามประมวลเรื่องทั้งหมดพอสรุปได้ดังนี้ว่า
1.....พวกอะห์ลุ้ลกิตาบพวกนี้เพียงแค่ปฏิเสธคัมภึร์อั้ลกุรอานและไม่ยอมรับการเป็นน่าบีของท่านน่าบีมูฮำหมัด Solallah แต่ว่าความเชื่อเดิมๆ เกี่ยวกับการรู้จักพระเจ้าและน่าบีของพวกเขาที่ถูกต้องยังคงมีอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงถูกฮู่ก่มว่าเป็นพวกอะห์ลุ้ลกิตาบแต่กาเฟร

2.....หากกล่าวว่าพวกอะห์ลุ้ลกิตาบทั้งหมดเป็นกาเฟรมาก่อนหน้าท่านน่าบีมูฮำหมัด Solallah แล้วไฉนเลยกษัตริย์น่าญาซีผู้มีคุณธรรมแห่งเมืองฮับซะห์จึงยอมรับนับถือศาสนาอิสลามตามคัมภีร์อินญีลที่ถูกบันทึกการมีมาของท่านน่าบีมูฮำหมัด Solallah
อีกหนึ่งตัวอย่าง.....ท่านวารอเกาะห์ บินเนาฟั้ล ผู้เชี่ยวชาญคัมภีร์อินญีลได้ประกาศยอมรับการเป็นน่าบีของท่านน่าบีมูฮำหมัด Solallah และเสียชีวิตก่อนการประกาศศาสนาอย่างเป็นทางการ จนมีรายงานว่าน่าบี Solallah ฝันเห็นวารอเกาะห์เป็นชาวสวรรค์อีกด้วย

3.....มีฮาดีสซอเฮียห์บันทึกโดยอีหม่ามมุสลิม(2865)จากท่านอี้ญาดรายงานว่า....มีอยู่วันหนึ่งท่านน่าบี Solallah ขึ้นคุตบะห์โดยกล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮ์ได้มองมายังโลกมนุษย์อย่างโกรธกริ้วไม่ว่าจะเป็นชาวอาหรับหรือไม่ใช่ชาวอาหรับ แต่อัลลอฮ์ยกเว้นเฉพาะบรรดาอะห์ลุ้ลกิตาบ และอัลลอฮ์กล่าวอีกว่า ฉันขอแต่งตั้งท่าน(น่าบี Solallah )เพื่อทดสอบตัวท่านและทดสอบว่าจะมีคนเชื่อท่านหรือไม่

กล่าวได้ว่า....ก่อนหน้าที่อัลลอฮ์จะแต่งตั้งน่าบีมูฮำหมัด Solallah เป็นร่อซูลนั้น อัลลอฮ์พึงพอใจกับอะห์ลุ้ลกิตาบเป็นอย่างมาก และถ้าหากอะห์ลุ้ลกิตาบมีสภาพเป็นกาเฟรทั้งหมดก่อนการประกาศศาสนาของท่านน่าบี Solallah ตามคำกล่าวอ้าง แน่นอนเหลือเกินอัลลอฮ์จะไม่พึงพอใจกับอะห์ลุ้ลกิตาบเป็นแน่แท้

4.....อย่าลืมนะครับว่าอะห์ลุ้ลกิตาบ(ยาฮูดีและนัสรอนี)ในสมัยน่าบี Solallah ไม่ใช่มีเฉพาะในมักกะห์กับมาดีนะห์เท่านั้น ยังมีอีกหลายเมืองใหญ่ๆ เช่นกรุงโรมหรือในเยเมนหรือในเอธิโอเปียอีกหลายแห่งด้วยกัน ฉะนั้นจะต้องมีผู้ที่เชื่อในคัมภีร์เดิมๆ อย่างแน่นอนเหมือนกับในประวัติศาสตร์อิสลามที่ได้บันทึกเอาไว้


นี่คือความรู้เล็กๆน้อยๆของลุงแซม ถ้าหากมีผิดพลาดประการใดต้องขออภัยมา ณ.ที่นี้ด้วย และช่วยโปรดแก้ไขเพื่อเป็นวิทยาทานต่อไป วั้ลลอฮู่อะอฺลัม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
addullslam
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 19/05/2004
ตอบ: 672


ตอบตอบ: Wed Dec 22, 2004 8:58 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
มีรายงานจากท่าน อิรฺบาฎ บิน ซาริยะฮฺ ร่อฎอยัลลอฮุอันฮุ กล่าวว่า
ท่านรอซูล Solallah กล่าวว่า แท้จริง ตัวฉัน ณ อัลลอฮฺ เป็น นบีคนสุดท้าย
ซึ่งขณะนั้นท่าน นบีอาดัม อะลัยฮิสลาม ยังเป็นดินอยู่
(ยังมิได้ถูกสร้าง) และฉันจะบอกให้พวกท่านทราบถึงเรื่องราว
อันเป็นสัญญาณในเรื่องดังกล่าว (เรื่องการเป็น นบีก่อนที่จะเกิดมาในโลกนี้)
นั่นก็คือ ฉันเป็นคำวิงวอนของ ท่าน นบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสลาม
ผู้เป็นบรรพบุรุษของฉัน และเป็นข่าวดีที่ท่าน นบี อีซา อะลัยฮิสลาม นำมาประกาศ
และเป็นความฝันของมารดาของฉัน เช่นเดียวกันมารดาของมารดา นบี ทั้งหลาย
ที่ได้ฝันเห็นมาแล้ว
บันทึกโดน บุคอรี ในหนังสือ อัตตารีค อัลบัยฮะกีย์ ในหนังสือ อัดดะลาอิล
และ อัลฮัยซะมีย์ ในหนังสือ อัลมัจญ์มะอฺ นอกจากนี้ท่าน อะหมัด อิบนิ ญะรีรฺ
อิบนิฮาติม และ อิบนิ มัรดาละวัยฮฺ ยังบันทึกไว้อีกด้วย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
rabiab
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: Dec 16, 2004
ตอบ: 8


ตอบตอบ: Wed Dec 22, 2004 6:54 pm    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam คุณ ali ข้อความของสลาฟียูนที่คุณนพัฒน์ยกมา ว่า
"ผู้ใดก็ตามที่ศรัทธาต่อมูซาและอีซาในยุคที่ทั้งสองยังอยู่หรือจากไปแล้ว และคัมภีร์ยังไม่ถูกยกเลิกหรือเปลี่ยนแปลงไป เขาผู้นั้นคือมุสลิม (จากหนังสืออะห์ลุ้ลกิตาบคือใคร โดย อ.อิสฮาก เล่ม 1 หน้า 16) "

อาจจะเป็นช่วงที่ท่านนบีมูฮัมหมัด Solallah ยังไม่มาก็ได้ เพราะยุคที่นบีทั้งสองจากไปกว่าจะมาถึงช่วงที่ท่านนบีมูฮัมหมัดมาก็กินเวลาหลายร้อยปีไม่ใช่หรือคะ อาจไม่ใช่มุสลิมหลงยุคตามที่คุณเข้าใจก็ได้นะคะ อย่าเพิ่งไปว่าท่านซิ ท่านออกจะเก่งออกปานนั้น
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
natee
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 108


ตอบตอบ: Thu Dec 23, 2004 2:08 pm    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam ได้พบฟัตวาของผู้รู้ต่างประเทศในเวปภาษาอังกฤษ เกี่ยวกับ ชาวคัมภีร์ที่มีกล่าวอยู่ในอัลกุรอาน ขอนำมาฝากให้ช่วยพิจารณาหน่อยนะคะ

คำว่า “อะหลุลกิตาบ” (ชาวคัมภีร์) มีปรากฏอยู่ในอัลกุรอานทั้งหมด 31 ครั้ง และคำว่า “ อัลละซีนะอูตุ้ลกิตาบ” (ผู้ซึ่งได้รับคัมภีร์) ก็มีปรากฎอยู่ 18 ครั้ง เมื่ออ่านพบคำเหล่านี้ ในอัลกุรอาน จะต้องพิจารณาใน 2 ประการ คือ

1. ผู้ที่ถูกเรียกว่า “ชาวคัมภีร์” หรือ “ผู้ซึ่งได้รับคัมภีร์” ไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะต้องเป็นผู้ที่ศรัทธามั่นในคัมภีร์ของอัลลอฮ์เสมอไป เพราะบางครั้งคำเหล่านี้เป็นเพียงการพรรณนา และบางครั้งก็เป็นการเชิญชวน

2. คำเหล่านี้หมายถึงพวกยะฮูดีและนัศรอนี ซึ่งเป็นเอกฉันท์ของอุลามาว่า ยะฮูดีนัศรอนี คือ ชาวคัมภีร์ ทั้งในสมัยของท่านรอซูล ศ้อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และหลังจากนั้น

คำว่า “ชาวคัมภีร์” หรือ “ผู้ซึ่งได้รับคัมภีร์” เป็นการพรรณนาในแง่ที่ว่า ผู้คนเหล่านี้ได้รับคัมภีร์ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ประทานให้กับศาสนทูตของพระองค์ ซึ่งคัมภีร์นั้น ในปัจจุบันนี้ ไม่ใช่ของแท้ดั้งเดิมทั้งหมด แต่ก็ยังคงมีคำสอนที่แท้จริงของพระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา หลงเหลืออยู่ การเรียกเช่นนั้นเป็นการให้เกียรติเท่าๆ กับเป็นการเชิญชวนไปด้วย อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้เรียกพวกเขาด้วยกับถ้อยคำที่ดีเพื่อที่จะทำให้เขาสำนึกถึงหน้าที่ของเขา และเพื่อที่จะเชิญชวนเขาเข้าสู่อิสลาม นี่คือความสวยงามของคำสอนในอัลกุรอาน แม้พวกที่ทำผิด บ่อยครั้งก็จะถูกเรียกในอัลกุรอานกับชื่อเรียกที่ดี จนกว่าพวกเขาจะแสดงความโอหัง และปฏิเสธคำสอนของพระเจ้า

หากคุณอ่านกุรอ่านอย่างพินิจพิจารณา คุณจะพบว่า บางครั้งอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา เรียกพวกมุนาฟิกว่า “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา” ซึ่งแน่นอน พวกมุนาฟิกไม่ใช่ผู้ศรัทธาที่แท้จริง แต่ก็ถูกเรียกด้วยกับถ้อยคำที่ดี เพื่อที่จะให้พวกเขาได้สำนึกว่า พวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาได้กล่าวด้วยปากของเขาเอง ตัวอย่างเช่นในอัลกุรอานซูเราะห์อัศศ็อฟ อายะห์ที่ 2 “โอ้ บรรดาผู้ศรัทธา ทำไมพวกเจ้ากล้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ทำ” อายะห์นี้ไม่ได้พูดเกี่ยวกับผู้ศรัทธาที่ดี และในซูเราะห์เตาบะห์ อายะห์ที่ 38 ที่อัลลอฮ์บอก “โอ้บรรดาผู้ศรัทธา มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้ากระนั้นหรือ เมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเจ้าว่า จงออกไปต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮ์เถิด พวกเจ้าก็เข่าอ่อนอยู่กับพื้นดิน พวกเจ้าพึงพอใจต่อความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ แทนปรโลกกระนั้นหรือ?….”

ดังนั้นในทำนองเดียวกัน เมื่ออัลกุรอานเรียก “ชาวคัมภีร์” นั่นไม่ได้หมายความว่าพวกเขาคือผู้ที่ยึดมั่นในคัมภีร์ของอัลลอฮ์ หรือเป็นชาวคัมภีร์ที่แท้จริง นี่เป็นลักษณะของการเชิญชวนและการกระตุ้น พวกเขาได้รับการบอกกล่าวในลักษณะที่เป็นผู้ที่ได้รับคัมภีร์จากพระเจ้า แต่ทำไมไม่ปฏิบัติตามคัมภีร์ที่แท้จริง ทำไมไม่ยอมรับในศาสนทูตคนสุดท้ายของพระเจ้า ตัวอย่างเช่น ในซูเราะห์อันนิสา อายะห์ที่ 171 “โอ้ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย จงอย่าทำให้เกินขอบเขตในศาสนาของพวกเจ้า และจงอย่ากล่าวเกี่ยวกับอัลลอฮ์ นอกจากเรื่องที่เป็นจริงเท่านั้น…” หรือ ซูเราะห์อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 70-71 “โอ้ชาวคัมภีร์ทั้งหลาย เพราะเหตุใดพวกเจ้าจึงปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลอฮ์ ทั้งๆที่ พวกเจ้าก็เป็นพยานยืนยันอยู่”

จริงๆ แล้วผู้ถามอยากทราบว่า ชาวคัมภีร์ที่มีกล่าวอยู่ในอัลกุรอานนั้น จะหมายถึงเฉพาะพวกที่เชื่อในพระเจ้าองค์เดียวหรือรวมถึงพวกที่เชื่อในตรีเอกานุภาพด้วย เพราะก็มีกล่าวอยู่ในอัลกุรอานเช่นกัน แต่ผู้ตอบไม่ได้ให้ความชัดเจนเรื่องนี้เลยนะคะ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
yoohoo
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 17/02/2004
ตอบ: 65


ตอบตอบ: Thu Dec 23, 2004 5:39 pm    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

เพื่อเป็นการเข้าสู่สิ่งที่ทุกคนต้องการทราบว่า "อะหฺลุลกิตาบ" คือใคร? ตามที่ทั้งสองฝ่ายได้พยายามอธิบายให้เข้าใจนั้น ก็ทำให้ได้ทราบว่า พวกเขาเป็นทั้งผู้ที่ศรัทธา และผู้ไม่ศรัทธา ผมเลยอยากทราบว่า ที่ในอัล-กุรอาน ได้อนุมัติในเรื่องอาหารของพวกเขา และการแต่งงานกับหญิงชาวคัมภีร์นั้น หุก่มเรื่องนี้ใช้ได้กับ "อะหฺลุลกิตาบ" ทั้งหมดหรือไม่ หรือว่ามีข้อแม้ หรือข้อยกเว้นอย่างไร เพื่อจะได้ทราบว่า "อะหฺลุลกิตาบ" ในหุก่มเรื่องนี้คือใคร เฉพาะเจาะจงหรือไม่ หรือพูดรวม ๆ ทั้งหมด

wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Fri Dec 24, 2004 6:02 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นี่แหละครับเป็นประเด็นหลักที่ผมนำข้อมูลของทั้งสองฝ่ายมาเปรียบเทียบ เพื่อให้เห็นกันชัดๆ ว่าตัวตนของอะห์ลุ้ลกิตาบเป็นเช่นไร

ผมว่าเราน่าจะสรุปในเบื้องแรกกันก่อน ก่อนที่จะย้ายประเด็นไปเปรียบเทียบข้อมูลเรื่องกินและเรื่องแต่ง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
subeer
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: Dec 24, 2004
ตอบ: 7


ตอบตอบ: Fri Dec 24, 2004 7:04 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ผมเข้าใจอย่างนี้ถูกหรือเปล่าครับ

อะห์ลุกิตาบคือยะฮูดีกับนัสรอนีที่

1.ศรัทธาในอัลลอห์
2.ศรัทธานะบีมูซาหรืออีซา
3.ศรัทธาคัมภีร์เตารอตหรืออินยีล
4.ปฏิเสธนะบีมุฮำหมัด
5.ปฏิเสธคัมภีร์กุรอ่าน

ยะฮูดีกับนัสรอนีที่ไม่เป็นอะห์ลุกิตาบคือ

1.ไม่ศรัทธาในอัลลอห์
2.ถือคัมภีร์ตัลมูด กับคัมภีร์อื่น
3.ถือบาดหลวงเป็นพระเจ้า
4.ปฏิเสธนะบีมูฮำหมัด
5.ปฏิเสธคัมภีร์กุรอ่าน

wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
natee
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 108


ตอบตอบ: Fri Dec 24, 2004 11:50 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam ประเด็น “อะหลุลกิตาบ” ในอัลกุรอานซุเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 31 ที่เกี่ยวกับการชีริก นั้น ทั้งสองฝ่ายมีความแตกต่างกันดังนี้

สลาฟียูน
หลังจากที่มูซาและอีซาจากไปแล้ว บรรดายะฮูดและนะศอรอต่างก็ต่อเติมคัมภีร์ของอัลลอฮ์จนในที่สุดพวกยะฮูดกล่าวว่าอุซัยร์เป็นบุตรของอัลลอฮ์และพวกนะศอรอกล่าวว่าอีซาเป็นบุตรของอัลลอฮ์ และเป็นการแบ่งภาคของพระผู้เป็นเจ้าโดยมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อแบกรับความผิดบาปของมนุษย์ พวกอะห์ลุลกิตาบที่ผิดเพี้ยนเช่นนี้เรียกว่ามุชริกีน (เอกสารสลาฟียูน ชุดที่ 1 หน้า16-17)

ส่วนการที่พวกเขา(อะห์ลุ้ลกิตาบ) เป็นมุชริกีนในความหมายจำเพาะนั้น มีปรากฏอยู่ในอัลกุรอานดังนี้

“พวกเขายึดเอาบาทหลวงและนักบวชของพวกเขาเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์ ตลอดจน(ยึด)อีซาบุตรของมัรยัม(เป็นพระเจ้าด้วย) พวกเขามิได้ถูกบัญชาใช้เว้นแต่ให้พวกเขาเคารพกราบไหว้ต่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีผู้ที่ควรต่อการเคารพกราบไหว้ต่อพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ไม่มีผู้ที่คู่ควรต่อการเคารพกราบไหว้อื่นใดนอกจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์ต่อพระองค์จากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี (มีชิรก์)”

อัลลอฮ์บอกถึงลักษณะของพวกเขา (อะห์ลุ้ลกิตาบ) ว่า เป็นผู้ตั้งภาคีเช่นกัน เหตุที่เป็นดังนี้ก็เพราะว่าพื้นฐานศาสนาของพวกเขาตามที่อัลลอฮ์ได้ส่งร่อซู้ลและประทานคัมภีร์มานั้นหาได้มีการตั้งภาคีใดๆ ไม่ (เอกสารสลาฟียูน ชุดที่ 2 หน้า 7-8)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
natee
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 108


ตอบตอบ: Fri Dec 24, 2004 11:56 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

มูลนิธิอนุรักษ์ฯ
ซูเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 31

“พวกเขาได้ยึดเอานักปราชญ์ และบาดหลวงของพวกเขาเป็นพระเจ้านอกจากอัลลอฮ์ และยังได้ยึดเอาอัลมะเซี๊ยะห์เป็นพระเจ้าอีกด้วย ทั้งๆที่พวกเขาไม่ได้ถูกใช้เพื่ออื่นใด นอกจากเพื่ออิบาดะห์ต่อพระเจ้าองค์เดียว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ในสิ่งที่พวกเขาเอามาเป็นภาคี”

และส่วนหนึ่งของผู้ที่ได้รับคัมภีร์ ที่พระองค์อัลลอฮ์ได้กล่าวนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่มาจากอะห์ลุลกิตาบแล้วสิ้นสภาพของผู้ศรัทธา จนกระทั่งได้กลายเป็นอะห์ลุลฮัรบ์ กลุ่มหนึ่ง ที่พระองค์ได้สั่งให้ต่อสู้กับพวกเขา และอีกกลุ่มหนึ่งก็กลายเป็นอะห์ลุลซิมมะห์ ที่พระองค์อัลลอฮ์ใช้ให้เก็บญิซยะห์ (ภาษีคุ้มครอง) จากพวกเขา ซึ่งเหตุที่พวกเขาได้กลายสภาพเช่นนี้นั้น พระองค์อัลลอฮ์ก็ได้นำพฤติกรรมของพวกเขามาแฉเป็นลำดับ ในซูเราะห์อัตเตาบะห์ ตั้งแต่อายะห์ ที่ 29-34 ซึ่งสรุปธาตุแท้ของ

พวกที่สิ้นสภาพจากอะห์ลุลกิตาบแล้ว 7 ประการ คือ

1. ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์และไม่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์

2. ไม่ละเลิกสิ่งที่อัลลอฮ์และรอซูลของพวกเขาได้ห้าม พวกเขาเอาของฮะรอมเป็นของฮะลาล

3. ไม่ดำรงไว้ซึ่งศาสนาที่เที่ยงธรรม

4. พวกเขาลอกเลียนคำพูดของกาเฟรก่อนหน้านี้ โดยการกล่าวว่า อุซัยร์เป็นพระบุตร และอัลมะเซียะห์คือบุตรของอัลลอฮ์

5. พวกเขายกย่องเทิดทูนบรรดานักปราชญ์และบาดหลวงดังเช่นพระเจ้า ขณะเดียวกันก็ศรัทธาว่าอัลมะเซี๊ยะห์คือพระเจ้าด้วย ทั้งๆที่พวกเขาถูกใช้ให้สักการะต่ออัลลอฮ์แต่เพียงพระองค์เดียว พฤติกรรมของพวกเขานี้ อัลลอฮ์ประณามว่าเป็นมุชรีกีน (ผู้ตั้งภาคี)

6. พวกเขาต่อสู้ขัดขวางศาสนาของอัลลอฮ์ และต้องการดับรัศมีของอัลลอฮ์ด้วยปากของพวกเขา พฤติกรรมของพวกเขาคือ กาเฟร

7. นักปราชญ์และบาดหลวงของพวกเขาส่วนมากกินทรัพย์ผู้อื่นอย่างฉ้อฉล และต่อต้าน ขัดขวางแนวทางของอัลลอฮ์

ข้างต้นนี้ คือ บทสรุปจาก ฟีซิลาลิ้ลกุรอาน ของซัยยิดกุตุบ เล่มที่ 3 หน้าที่ 1621

(จากหนังสือสถานภาพของยะฮูดีนัศรอนีและอะห์ลุลกิตาบ เล่มที่ 1 ของท่านอาจารย์ฟารีด หน้า 72-74)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
rabiab
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: Dec 16, 2004
ตอบ: 8


ตอบตอบ: Fri Dec 24, 2004 4:36 pm    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

แล้วจะเชื่อใครดีล่ะคะ ดิฉันก็พบในฟัตวาต่างๆ หลายที่หลายแห่ง ที่บอกว่า อะหลุลกิตาบที่กล่าวไว้ในอัลกุรอ่านเป็นทั้งผู้ที่ตั้งภาคี เป็นกาเฟร และเป็นผู้บิดเบือน

เช่น ใน islam-qa Reference No. 44695 ก็บอกว่า ชาวคัมภีร์คือ ยะฮูดีนัศรอนี (Jews and Christians) ซึ่งเป็นกาเฟรและ มุชริกีน fด้วยหลักฐานอัลกุรอานซูเราะห์อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 31 เช่นกัน ที่บอกว่าเป็นมุชริกีน

ส่วนใน Reference No. 103 ก็บอกว่า ยะฮูดีนัศรอนีจากชาวคัมภีร์ในปัจจุบันนี้ แท้จริงแล้วก็คือ ชาวคัมภีร์ที่กล่าวถึงในตัวบทชารีอะห์ในอัลกุรอานและซุนนะห์ ซึ่งพวกเขานั้น คือ

กาเฟร ดังหลักฐานจากซูเราะห์อาลาอิมรอน อายะห์ที่ 70 คือ

พวกเขาบิดเบือนคัมภีร์เตารอตและอินญีล ดังหลักฐานจากซูเราะห์อัลมาอิดะห์อายะห์ที่ 15

พวกเขาเป็นกาเฟรที่ต่างจากกาเฟรทั่วไปตรงที่เป็นผู้ได้รับทางนำจากสวรรค์ (คัมภีร์) แม้ว่าเขาจะบิดเบือนก็ตาม

ถ้าจะสรุปว่า มีทางเลือกให้เชื่อได้สองทาง จะถูกต้องมั้ยคะ??
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Sat Dec 25, 2004 12:35 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ความจริงแล้วท่านอาจารย์ฟารีดได้แจงเรื่องนี้ละเอียดพอสมควร และที่คุณ natee นำมาเป็นเพียงส่วนเดียว ยังมีข้อความที่เป็นสาระสำคัญดังนี้

เมื่อได้เชิญชวนแล้ว แจ้งเตือนแล้ว พวกเขาก็ยังคงเดินหน้าบิดเบือน และปฏิเสธกันอีก คำประกาศสงครามของอัลลอฮ์ก็มาถึง ซึ่งเป็นฉากสุดท้ายที่สร้างความอัปยศให้แก่พวกเขาเป็นอย่างยิ่ง
พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

“พวกเจ้าจงต่อสู้กับบรรดาผู้ที่ไม่ได้ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ และไม่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์ และไม่งดเว้นในสิ่งที่อัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์ได้ห้ามไว้ และไม่และไม่ถือมั่นต่อศาสนาที่เที่ยงธรรม จากบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ จนกว่าพวกเขาจะจ่ายภาษีคุ้มครองจากมือของพวกเขาในสภาพที่ต่ำต้อย” ซูเราะห์อัตเตาบะห์อายะห์ที่ 29

ท่านอิบนุกะษีร อธิบายว่า “ข้อเท็จจริงของพวกเขาก็คือ : พวกเขาปฏิเสธท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงไม่เหลือการศรัทธาต่อนบีคนใดที่ถูกต้อง หรือแม้แต่สิ่งที่ถูกนำมาให้แก่พวกเขา พวกเขาได้ปฏิบัติตามอารมณ์,ความนึกคิด และปฏิบัติตามบรรพบุรุษของพวกเขา โดยไม่ได้เป็นไปตามศาสนบัญญัติ

เพราะหากพวกเขาเป็นผู้ศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่พวกเขาอย่างถูกต้องแล้ว มันก็จะนำไปสู่การศรัทธาต่อท่านนบีมูฮัมหมัดด้วย เนื่องจากนบีก่อนหน้านี้ได้แจ้งข่าวเรื่องการมาของท่านนบีมูฮัหมัดไว้ และใช้ให้พวกเขาปฏิบัติตามท่าน แต่เมื่อนบีมูฮัมหมัดได้มาจริงๆ พวกเขาก็ปฏิเสธ ทั้งที่ท่านนั้นเป็นผู้ที่มีเกียรติยิ่งในหมู่รอซูลทั้งหลาย

เป็นที่รู้กันดีว่า พวกเขามิได้ยึดถือบทบัญญัติของนบีก่อนหน้านี้ทั้งๆที่มันมาจากอัลลอฮ์ ฉะนั้นการศรัทธาของพวกเขาที่มีต่อนบีก่อนหน้านี้มันจึงไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เลย เพราะพวกเขาได้ปฏิเสธผู้นำแห่งบรรดานบี และเป็นนบีท่านสุดท้ายแห่งบรรดานบี ที่ดีที่สุด” ตัฟซีรอิบนิกะษีร เล่มที่ 3 หน้าที่ 74
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Sat Dec 25, 2004 12:38 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ในอายะห์ข้างต้นนี้ ทำให้เรารับทราบถึงสถานภาพของยะฮูดีและนัศรอนี ที่เป็นฉากสุดท้ายของพวกเขา หลังจากที่ก่อนหน้านี้ พระองค์อัลลอฮ์ได้บอก เตือนแก่พวกเขาหลายครั้ง จนในที่สุดคำสั่งให้ต่อสู้กับพวกเขาก็มาถึง ซึ่งในที่นี้คือยะฮูดีและนัศรอนีที่ ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์, ไม่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์, ไม่ละเลิกสิ่งที่ต้องห้าม,ไม่ดำรงไว้ซึ่งศาสนาที่เที่ยงธรรม ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ได้ใช้คำว่า

مِنَ الَّذِيْنَ أُتْوُا الْكِتَابَ

“จากบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์”

หากจะมีผู้กล่าวว่า แม้เขาจะไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ ไม่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์ และฯลฯ แล้ว พระองค์ก็ยังเรียกเขาว่า อะห์ลุลกิตาบ เหมือนกับอีกอายะห์หนึ่งที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

لَمْ يَكُنِ الَّذِيْنَ كَفَرُوا مِنْ أهْلِ الكِتَابَ وَالمُشْرِكِيْنَ مُنْفَكِّيْنَ

“บรรดาผู้ซึ่งปฏิเสธจากอะห์ลุลกิตาบและบรรดาผู้ตั้งภาคีนั้นไม่เคยหลุดพ้นจากความเชื่อเดิมๆ”
ซูเราะห์อัลบัยยินะห์ อายะห์ที่ 1

มีผู้กล่าวว่า นี่เป็นหลักฐานที่แสดงว่า แม้ว่าเขาจะปฏิเสธแต่เขาก็ยังเป็นอะห์ลุลกิตาบ และพระองค์อัลลอฮ์ก็เรียกพวกเขาว่า อะห์ลุลกิตาบจริงๆ

ขอทำความเข้าใจสักนิดว่า ผมไม่เคยพบผู้รู้ท่านใดแปลคำว่า مِنَ الَّذِيْنَ أوْتُو الكِتَاب หรือ مِنَ أهْلِ الكِتَاب ว่า “เขาเป็นอะห์ลุลกิตาบ”แต่จะให้ความหมายว่า “จากอะห์ลุลกิตาบ” หรือ “จากบรรดาผู้ได้รับคัมภีร์”

เพราะคำว่า “เขาเป็นอะห์ลุลกิตาบ” กับคำว่า “จากอะห์ลุลกิตาบ” นั้นมีความหมายต่างกันมากเหลือเกิน ยกตัวอย่างเช่นคำพูดที่ว่า “เขาเป็นคนปัตตานี” กับคำว่า “เขามาจากปัตตานี” คำพูดทั้งสองนี้บ่งบอกถึงสถานภาพของผู้ถูกกล่าวถึงคนละกรณี และให้ความหมายต่างกันชนิดหน้ามือกับหลังมือ

นอกจากนั้นแล้วคำว่า مِنْ ยังให้ความหมายจำกัดว่า “ส่วนหนึ่ง” มิใช่ทั้งหมด ดังเช่นพระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า

وَمِنَ النَاسِ مَنْ يَقُوْلُ آمَنَّا بِاللهِ وَبِاليَوْمِِ الآخِر

“และจากมนุษย์ หรือ ส่วนหนึ่งของมนุษย์ มีผู้กล่าวว่าเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์และวันอาคิเราะห์” ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 8

ในอายะห์ที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้ชี้ให้เห็นว่า มิใช่มนุษย์ทั้งหมดที่กล่าวเช่นนั้น แต่มีมนุษย์ส่วนหนึ่งที่กล่าวว่าเราศรัทธาต่ออัลลอฮ์และศรัทธาต่อวันอาคิเราะห์

ฉะนั้นประโยคที่ว่า مِنَ الَّذِيْنَ أوْتُو الكِتَاب หรือ
مِنَ أهْلِ الكِتَاب จึงมิได้มีความหมายว่า “เขาเป็นอะห์ลุลกิตาบ” หากแต่มีความหมายว่า “ส่วนหนึ่งจากอะห์ลุลกิตาบ” หรือ “ส่วนหนึ่งของผู้ที่ได้รับคัมภีร์”

ท่านอิหม่ามกุรตุบีย์ได้กล่าวว่า “พระองค์อัลลอฮ์ใช้ให้ทำการต่อสู้กับบรรดากุฟฟารทั้งหมด และได้รวมพวกเขาไว้ในหมวดนี้ด้วย และที่พระองค์ได้กล่าวเจาะจงด้วยคำว่า อะห์ลุลกิตาบ นั้นก็เพื่อให้เกียรติคัมภีร์ที่ถูกประทานให้แก่พวกเขา โดยพวกเขาได้รู้เรื่องจากคัมภีร์เป็นอย่างดีเกี่ยวกับการให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์ เรื่องราวของบรรดารอซูล ข้อบัญญัติ และแนวทางของบรรดานบีต่างๆ โดยเฉพาะได้กล่าวถึงนบีมูฮัมหมัด ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แต่เมื่อพวกเขาปฏิเสธต่อมูฮัมหมัด สถานภาพของพวกเขาก็ได้ถูกแจ้งเตือน ก่อนที่จะสั่งให้มีการสู้รบในที่สุด และการจ่ายภาษีคุ้มครองนั้นเป็นการทดแทนการสู้รบ” ตัฟซีรอัลกุรตุบีย์ เล่มที่ 8 หน้าที่ 109 – 110 (จากหนังสือสถานภาพของยะฮูดี นัศรอนี และอะห์ลุลกิตาบ เล่มที่ 1 หน้า 68-71)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
จัสมิน
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 20/01/2004
ตอบ: 34


ตอบตอบ: Sat Dec 25, 2004 8:40 pm    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

รายการสื่ออนุรักษ์มรดกอิสลาม เช้าวันพุธที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๗ ทางสถานีวิทยุ ต.ช.ด. ๕๗๖ เวลา ๐๕.๐๕ ถึง ๐๖.๐๐ นาฬิกา เรื่องอะห์ลุ้ลกิตาบ

บิสมิลลาฮิรเราะมานนิรเราะฮีม
อัลฮัมดุลิลลาฮิร็อบบิลอาละมีน วะบิฮีนัสตะอีน ลาเฮาละวะลากูวะตะอิลลาบิลลาฮิลอะลีอิลอะซีม
วะศ็อลลัลลอฮุอะลานบีญินามุฮัมหมัด วะอะลาอาลิฮี วะมันตะบิอะฮุมบิเอี๊ยะซานนิลอิลาเยามิดดีน
อัมมาบะดุ
อัสลามมุอะลัยกุม วะเราะห์มะตุลลอฮิวะบะเราะกาตุ






ท่านผู้ฟังที่รักครับ ได้มีโอกาสพบกันอีกครั้งหนึ่ง ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เราจะได้พูดคุยกันถึงเรื่องของยะฮูดี นัสรอนี และอะห์ลุ้ลกิตาบ หลังจากที่ผมได้พูดเรื่องนี้ไปเมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว ก็มีพี่น้องหลายท่านที่สอบถามประเด็นที่ยังสงสัยกันเข้ามา ในวันนี้จึงถือโอกาสชี้แจงเพิ่มเติมต่อจากคราวที่แล้วนะครับ แต่ขอทำความเข้าใจก่อนว่า รายการวิทยุสื่ออนุรักษ์ของเราเนี่ย คงจะไม่วนเวียน ซ้ำซากอยู่กับเรื่องนี้เพียงอย่างเดียว เพราะว่ายังมีอีกหลายเรื่อง ที่พี่น้องต้องการจะศึกษา ซึ่งถ้าจะพูดไปแล้ว เกี่ยวกับการแต่งงานกับอะห์ลุ้ลกิตาบ หรือจะกินสัตว์เชือดของอะห์ลุ้ลกิตาบมันยังเป็นประเด็นย่อย เพราะว่าน้อยคนที่จะไปแต่งงานกับพวกอะห์ลุ้ลกิตาบหรือจะไปกินสัตว์เชือด ของพวกเขา เออ ทุกวันนี้มุสลิมเรา..จะกิน..จะอยู่ก็ระวังตัวกันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เป็นประเด็นใหญ่กว่านี้ก็คือ ถ้าหากว่าเราเข้าใจในเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง โดยเข้าใจว่า ยะฮูดี นัสรอนี คือ อะห์ลุ้ลกิตาบทั้งหมด มันจะมีผลกระทบต่ออะกีดะห์ หรือหลักความเชื่อของเราในเรื่อง อัลวะลาห์ วัลบะรอฮ์ ก็คือเรื่องของรัก เรื่องของเกลียด คือจะทำให้เราแยกมิตร แยกศัตรูไม่ออก จนกลายเป็นว่า เอามิตรมาเป็นศัตรู หรือเอาศัตรูมาเป็นมิตร ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่อันตรายนะครับ เป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะฉะนั้นที่ผ่านมาผมจึงพยายามที่จาชี้ให้เห็นว่า ยะฮูดีนัสรอนีนั้นมีทั้งที่เป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ และที่ไม่ใช่อะห์ลุ้ลกิตาบ เพื่อที่พี่น้องจะได้เข้าใจเป็นลำดับว่าใครคือมิตรใครคือศัตรู ตรงไหนได้ แล้วก็ตรงไหนไม่ได้อย่างไร แล้วก็ พี่น้องไม่ต้องตกใจนะครับ วันนี้ผมจะชี้แจงในแง่มุมของวิชาการเช่นเคย โดยที่เราจะไม่ใช้วิทยุสื่ออนุรักษ์ของเราเนี่ย เพื่อที่จะประหัดประหาร หรือเพื่อที่จะทำลายพี่น้องมุสลิมด้วยกันเอง เพราะว่าเงินทุกบาททุกสลึงที่พี่น้องได้บริจาคกันเข้ามา ก็เพื่อที่จะให้เราได้ใช้ในเรื่องของการเผยแพร่ ซึ่งเรื่องนี้ผมกับเพื่อนวิทยากรและคณะทำงานการก็ตระหนักกันเป็นอย่างดี เพราะฉะนั้นอย่ากังวลใจนะครับว่า เพราะเราจะคุยกันในแง่มุมของวิชาการจริง ๆ

เมื่อครั้งที่ผ่านมาเราได้พูดถึง ยะฮูดี นัสรอนีที่เป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ แล้วก็ยะฮูดี นัสรอนีที่ไม่ใช่อะห์ลุ้ลกิตาบ แต่ในวันนี้เนี่ย จะได้แจกแจงกันต่อในประเด็นที่ว่า ยะฮูดี นัสรอนี ที่เคยเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ พี่น้องสังเกตุนะครับ ผมใช้คำว่า เคยเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ คือยะฮูดี นัสรอนี ที่เคยเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ ก็เพราะว่า พวกเขาเคยมีอะกีดะห์ เคยมีหลักความเชื่อของอะห์ลุ้ลกิตาบจริง ๆ แต่พอต่อมาเนี่ยเขาเปลี่ยนความเชื่อใหม่ที่มันหลุดขั้ว ซึ่งทำให้พวกเขาได้สิ้นสภาพจากการเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบไป ก่อนที่จะได้ไปคุยในรายละเอียด เราก็ย้อนกลับไปดูฐานความเชื่อ ของอะห์ลุ้ลกิตาบกันก่อนนะครับ ที่พระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้ทรงกล่าวว่า “ กุล ญาอะห์ลัลกิตาบิ “ อัลลอฮ์ได้ใช้ให้ท่านนบีมูฮัมหมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ประกาศว่า “โอ้ชาวคัมภีร์เอ๋ย” “ตะอาเลาอิลากะลิมะฏิน ซ่อวาอิน บัยนะนา วะบัยนะกุม” มาซิมาสู่ถ้อยคำ คำ เดียวกันที่มันเท่ากัน ระหว่างเรา..อา..กับพวกท่าน “อัลลาน๊ะห์บุดะ อิลลัลลอฮ์” ถ้อยคำที่บอกว่า เท่ากันระหว่างเรากับพวกท่านก็คือ การที่เราจะไม่อิบาดะห์ ไม่สักการะสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ “วะลานุสริกะบิฮีซัยอา” และจากการที่เราจะไม่เอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมา ซิริก มาเป็นภาคีต่ออัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา “วะลาญัซตะคิซะบะดุนา บะฏอ อัรบาบันมินอินฏูนิลลาห์” และจากการที่เราจา ไม่ยึด..อา..คนหนึ่งคนใดนั้นเป็นพระเจ้าคู่เคียงกับอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา คือไปเอาคนอื่นมาเป็นพระเจ้า มาสักการะ มาเคารพบูชานอกเหนือจากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา นี่คือ..อา..ถ้อยความที่อยู่ในซูเราะห์ อาลอิมรอน อายะที่ 64 ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ได้พูดถึงฐานอะกีดะห์ของอะห์ลุ้ลกิตาบว่า
1. อา…ไม่อิบาดะห์สิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์
2. ไม่ ซิริก ไม่เอา ไม่เอาสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเป็นภาคีต่ออัลลอฮ์ แล้วก็
3. ไม่ยึดใครเป็นพระเจ้านอกจากอัลลอฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา

ทีนี้ถ้ายะฮูดี นัสรอนี ที่อิบาดะห์ ต่อสิ่งอื่นจะยังเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบอยู่ไหม หรือถ้า..เขาทำ..ซิริก ต่ออัลลอฮ์ จะเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบอยู่ไหม นี่ละครับ หัวข้อที่ผมได้บอกกับพี่น้องว่า วันนี้เราจะได้คุยกันถึงเรื่องยะฮูดี นัสรอนี ที่เคยเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ แต่ต่อมาพวกเขาได้สิ้นสภาพ

ตกลงว่า อะห์ลุ้ลกิตาบ เป็นการเฟรหรือไม่ ?

ถ้าหลักศรัทธา หรืออะห์กีดะห์ ของอะห์ลุ้ลกิตาบเป็นแบบนี้ (ตัวแดง) แล้วอะกีดะห์ของมุสลิมเป็นแบบไหน ?

รุก่นอิมาน ที่บอกว่า ศรัทธาต่อบรรดานบี ศรัทธาต่อบรรดาคัมภีร์ จะครอบคลุ่มแค่ไหน ?

จากหนังสือของ ซะละฟิยูน ชื่อก็บอกชัดเจนว่า "อะห์ลุ้ลกิตาบคือใคร ใครคืออะห์ลุ้ลกิตาบ" ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ หรือคนที่เคยเป็น แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็น ทางซะละฟิยูนก็ไม่ได้เอ่ยถึงเช่นกัน หรือเพียงแต่เอ่ยถึงแบบผ่าน ๆ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Sun Dec 26, 2004 1:41 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

คนที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ แต่ปฏิเสธท่านนะบีมูฮำหมัด ยังเป็นมุสลิมอีกหรือ

คนที่ศรัทธาต่ออัลลอฮ์ แต่ปฏิเสธอัลกุรอ่าน ยังเป็นมุสลิมอีกหรือ

เฮ้อ...คุณจัสมินนี่ถามแปลกจัง หรือว่าแกล้งงง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Sun Dec 26, 2004 4:36 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณ mah ตอบคุณ chatree ในเว็บ muslimthailand

คุณชาตรี ควรจะหาหนังสือของ อ.ฟารีด มาอ่านก่อนจะถามเย้วๆอย่างนี้ หนังสือชื่อ สถานภาพของยะฮูดี นัศรอนี และอะฮ์ลุ้ลกิตาบ เล่มที่ 1 และ 2 มีจำหน่ายอยู่ทั่วไป

ขอคัดลอกคำอธิบาย ข้อความส่วนหนึ่งจากเล่มที่ 2 มาให้คุณได้อ่าน

ท่านอิบนุกะษีรได้อธิบายว่า "คำพูดนี้คลุมถึงอะห์ลุลกิตาบที่มาจากชาวยะฮูดและชาวนะศอรอ รวมถึงบรรดาผู้ที่ดำเนินตามแนวทางของพวกเขาด้วย (โอ้อะห์ลุลกิตาบเอ๋ย จงมาสู่ถ้อยความคำหนึ่ง) และคำนี้บ่งถึงประโยคที่สมบูรณ์ดังได้กล่าวไว้ในที่นี้ ซึ่งพระองค์ก็ได้ทรงแจ้งลักษณะด้วยคำพูดที่ว่า (เท่าเทียมกันระหว่างเราและพวกท่าน) คือยุติธรรมและเสมอกัน ซึ่งพวกเราและพวกท่านก็อยู่บนถ้อยความนี้เช่นเดียวกัน แล้วพระองค์ก็ได้สาธยายด้วยคำว่า (คือการที่เราจะไม่สักการะสิ่งอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์ และเราจะไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีต่อพระองค์) ไม่ว่าจะเป็นเทวรูป เจว็ดทั้งหลาย ไม้กางเขน และสิ่งที่อุปโลกน์ขึ้นมาเทียบเคียงพระเจ้า แม้กระทั่งไฟที่ใช้ในการบูชา และไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ตาม หากแต่พวกเรายอมให้อัลลอฮ์เป็นหนึ่งเดียวในการสักการะโดยไม่นำสิ่งใดมาเป็นภาคีต่อพระองค์...........(ตัฟซีรอิบนิกะษีร เล่ม 2 หน้าที่ 45-46) คัดลอกมาจากหนังสือของ อ.ฟารีด เล่มที่
หน้า 18 – 19
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 7, 8, 9 ... 22, 23, 24  ถัดไป
หน้า 8 จากทั้งหมด 24

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.09 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ