ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - ทำไมจึงกอดอกในนมาซ ?
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
ทำไมจึงกอดอกในนมาซ ?
ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
StrongSunnah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 11/01/2009
ตอบ: 8


ตอบตอบ: Tue Aug 25, 2009 11:49 am    ชื่อกระทู้: ทำไมจึงกอดอกในนมาซ ? ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ทำไมจึงกอดอกในนมาซ ?

หลักฐานการกอดอกในนมาซแข็งแรง ศอฮีฮ์ เชื่อถือได้จริงหรือ ? ไม่เลย เพราะอะไร โปรดอ่าน !

เป็น ที่รู้กันว่า ๑ใน ๔ มัซฮับ ของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์นั้นจะยืนนมาซปล่อยมือเหยียดตรงตามระนาบขาเหมือนกับชีอะฮ์ อิมามียะฮ์ เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อเราไปเห็นคนยืนนมาซปล่อยมือในเทศกาลฮัจญ์ค่อนข้างจะหนาตากว่าพวกที่ยืน กอดอก แต่ก็เอาเถอะ แบบไหนจะมากกว่ากัน บางครั้ง ก็มิใช่สิ่งชี้วัดความถูกผิดในหลักการได้เสมอไป

แต่ในสังคมของพี่ น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ในบ้านเมืองของเรานี่ซิ จะมีเสียงซุบซิบถามกันอยู่บ่อยว่า ทำไมพวกชีอะฮ์จึงนมาซปล่อยมือ ? ทั้งนี้ เพราะพวกเขาลืมไปว่า ในทำนองเดียวกันนี้ สังคมของชีอะฮ์ อิมามียะฮ์ ก็จะซุบซิบถามกันอยู่เหมือนกันว่า ทำไมพวกซุนนีจึงนมาซกอดอก ?

ถ้า เราลองเปิดตำราฮะดีษอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ จะมีอยู่ฮะดีษหนึ่ง ที่บรรดาท่านครูสายอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ถือว่า เป็นฮะดีษหนึ่งที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือมากที่สุด และเป็นหลักฐานที่มาของการเอามือกอดอกในเวลายืนนมาซของคนจำนวนหลายพันล้านคน สืบต่อมา ทั้งในอดีตและปัจจุบัน

จริงๆ แล้ว ในสังคมพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ จะมีความแตกต่างและขัดแย้งกันเอง ในเรื่องการยืนนมาซกอดอก เพราะถึงแม้ว่าดูเผินๆจะเห็นว่า กอดอกด้วยกันก็จริงอยู่ แต่ในความเป็นจริง ท่ากอดของแต่ละกลุ่ม แต่ละคณะ แต่ละครู จะแตกต่างคลาดเคลื่อนกันไป ทำให้มองดูแล้วไม่มีความเป็นเอกภาพ

และนี่คือ สิ่งบ่งชี้ว่า การเอามือกอดอกในนมาซ ต้องมิใช่ซุนนะฮ์ของท่านนบี(ศ)อย่างแน่นอน

บาง คนเอามือกอดอก แล้วถ่างขาออกกว้าง แล้วเผยอยกไหล่ ยกข้อศอกให้ขนานกับพื้น บางคนหย่อนข้อศอกให้ราบลงหน่อย ฯลฯ ในแต่ละมัสยิดของพี่น้องอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ เราจะพบท่ายืนกอดอกในนมาซของพี่น้องของเราสารพัดรูปแบบ และล้วนมีวิธีการที่แตกต่างและขัดแย้งกัน ราวกับพวกเขามิใช่มัซฮับเดียวกัน

จาก หนังสือ “สุบุลุสสลาม” รวบรวมโดย “ซัยยิด อิมาม มุฮัมมัด บิน อิสมาอีล อัล กะห์ลานี –อัศศ็อนอานีย์ มะอ์รูฟ บิล อะมีร (ฮ.ศ ๑๐๕๙-๑๑๘๒)บันทึกรายงานฮะดีษบทหนึ่งจาก วาอิล อิบนุ ฮุจญร์ กล่าวว่า ข้าพเจ้าเคยได้นมาซร่วมกับท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ศ) ท่านได้วางมือขวาลงบนมือซ้าย แล้ววางลงบนทรวงอกของท่าน” บันทึกฮะดีษนี้โดยอิบนุคุซัยมะฮ์ ส่วนทางด้านหนังสือ “สุนันอะบูดาวูด” และ “อันนะซาอีย์” บันทึกว่า “หลังจากนั้นท่าน(นบี ศ็อลฯ)ได้วางมือขวาของท่านลงบนหลังฝ่ามือซ้ายและข้อต่อของข้อมือ”

เจ้า ของหนังสือ สุบุลุสสลาม ระบุต่อไปว่า ฮะดีษนี้แหละเป็นหลักฐานในการวางกฎเกณฑ์ดังกล่าวขึ้นในนมาซและตำแหน่งที่วาง มือก็คือ ทรวงอก ตามที่ฮะดีษนี้ให้ความหมาย

อิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ “อัลมินฮาจญ์”ว่า มีรายงานฮะดีษระบุให้ วางมือลงที่ข้างล่างทรวงอก เขาได้กล่าวไว้ใน “ชะเราะฮ์อันนัจมุลซะฮาจญ์”ว่า ตามรูปประโยคของบรรดาอัศฮาบ คือ ให้วางมือข้างล่างทรวงอก ส่วนฮะดีษที่ใช้ประโยคว่า “ให้วางบนทรวงอก” นั้น เขากล่าวว่า คนเหล่านี้ใช้คำพูดคลาดเคลื่อนเล็กน้อย ทั้งนี้มีท่านเซด บิน อะลีและอะห์มัด บิน อีซาให้ทัศนะไปตามกฎเกณฑ์นี้ด้วย

ส่วน อะหมัด บิน อีซานั้นได้นำรายงานฮะดีษของวาอิลบทนี้ บันทึกต่อไป ในหนังสือ “อัลอามาลี” จากนั้น พวกที่ตักลีดมัซฮับชาฟิอีย์และฮะนะฟีย์ ก็ได้นำไปปฏิบัติตาม และนี่คือ ที่มาสำหรับการกอดอกในนมาซ สำหรับพี่น้องชาวอะห์ลิซซุนนะฮ์บ้านเรา

อย่างไรก็ตาม ในหนังสือสุบุลุสสลาม เล่ม ๑ หน้า ๑๖๙ ระบุว่า นัก ปราชญ์ซุนนะฮ์ท่านหนึ่ง ชื่อ “อัลฮาดูวียะฮ์” ได้ให้ทัศนะแย้งว่า ในความเป็นจริงไม่มีกฎเกณฑ์ข้อนี้แต่อย่างใด และถือว่า การเอามือกอดอกจะทำให้นมาซบาฏิล(โมฆะ)ด้วยซ้ำไป

เนื่องจากการเอามือ ขึ้นไปวางในตำแหน่งใดๆตามร่างกาย ถือเป็นการทำงานอย่างหนึ่งในนมาซ ซึ่งการทำงานใดๆในเวลานมาซนั้น ทำให้นมาซเป็นโมฆะ และการเอามือขึ้นไปวางไว้บนทรวงอก ถือเป็นการทำงาน “ประเภทที่กระทำมาก” (นำส่วนที่มิใช่แบบอย่างของท่านนบี(ศ)เข้ามาเพิ่มเติมในนมาซ)

ส่วนอิบนุอับดุลบัร กล่าวว่า ถ้าเป็นหลักปฏิบัติจากท่านนบี(ศ)จริงๆ จะต้องไม่มีความขัดแย้งกันแบบนี้ แต่รายงานนี้ มีการขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด (วางข้างบน – วางข้างล่างทรวงอก)และนี่คือ คำกล่าวของญุมฮูรทั้งศอฮาบะฮ์และตาบิอีน

อิบ นุอับดุลบัร ได้กล่าวต่อไปว่า และนี่คือ สิ่งที่อิมามมาลิกกล่าวไว้ในหนังสือ "อัลมุวัฏเฏาะอ์" ทั้งอิบนุอัลมันซุรและท่านอื่น ก็มิได้อ้างจากท่านอิมามมาลิกไปเล่าเป็นอย่างอื่น แต่มีรายงานจากท่านอิมามมาลิก ระบุว่าให้ปล่อยมือ และได้มีผู้ปฏิบัติตามท่านเป็นจำนวนมาก

แต่ ถึงกระนั้น ก็ยังมีการเขียนฮะดีษปลอมอีกจำนวนหนึ่งเพื่อสนับสนุน โดยระบุว่า รายงานจากศอฮาบะฮ์บางท่าน เรื่องนมาซกอดอก ทำราวกับว่า หลังจากสิ้นสมัยท่านศาสดา(ศ)แล้ว พวกเขาหยุดนมาซกันจนลืม ไปนานหลายปี แล้วเพิ่งมารื้อฟื้น ทบทวนความจำกันใหม่ ในเรื่องการทำนมาซ ! เลยต้องสืบสวนกันว่า ทำนมาซกันอย่างไร !

หลักการปลีกย่อย(ฟุรูอ์ )จากฝ่ายอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ มักจะเป็นมาแบบนี้ทั้งสิ้น เพราะไม่มีการยอมรับบรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ)ซึ่งเป็นเจ้าของแนวทางที่ แท้จริง

ส่วน ในสายรายงานของนักปราชญ์ชีอะฮ์อิมามียะฮ์ ได้อธิบายเรื่องนี้ตรงกันเป็นเอกฉันท์ เหมือนกับทุกเรื่องในหลักการศาสนา เพราะไม่มีอะไรมืดมน และสับสนสำหรับบรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์(อ) ยิ่งเป็นเรื่องนมาซด้วยแล้ว จะมีความชัดเจน และยิ่งใหญ่เกินกว่าจะเป็นปัญหาให้คนรุ่นหลังเกิดความเคลือบแคลง สงสัย และคลุมเครือได้

ฉะนั้น เรื่องนมาซในสายรายงานของชีอะฮ์ อิมามียะฮ์ จะไม่มีทัศนะของฟุกอฮาอ์ท่านใดเข้ามาก้าวก่าย เพราะมิใช่เรื่องที่จำเป็นต่อการให้ทัศนะ และไม่ขึ้นอยู่กับการใช้ความคิดเห็นของนักปราชญ์คนใด

เพราะการนมาซ เป็นสิ่งปรากฏในสายตาของบรรดาอิมามแห่งอะห์ลุลบัยต์(อ)ตั้งแต่อ้อนออก ท่านอะลี บิน อะบี ฏอลิบ(อ)อยู่กับท่านนบี(ศ)ตั้งแต่เด็ก ท่านไม่เคยขาดนมาซแม้เวลาเดียว ท่านนมาซตามหลังท่านศาสดาตั้งแต่เยาว์วัย

ฉะนั้น ชีอะฮ์อิมามียะฮ์ จึงไม่อาศัยรายงานบอกเล่าจากวาอิล คนเพิ่งมาเข้าอิสลามใหม่ทีหลัง หรือจากการรายงานของศอฮาบะฮ์คนใดเกี่ยวกับวิธีการทำนมาซของท่านศาสดา(ศ)

บรรดา นักปราชญ์ของชีอะฮ์ อิมามียะฮ์จึงมีคำฟัตวาเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน ในกรอบเดียวกันมาทุกสมัยว่า ต้องยืนตรง ตามรูปแบบที่เป็นข้อกำหนดจากอัล-กุรอาน ที่ใช้คือว่า กิยาม คือ การยืนตรง หมายถึง ทุกอวัยวะในเรือนร่างจะต้องเหยียดตรง ทั้งยังมีหลักฐานประกอบจากฮะดีษที่รายงานโดยอิมามญะอ์ฟัร ศอดิก(อ)ด้วยบทหนึ่ง เป็นฮะดีษสั้นๆ ตามที่มีบันทึกใน ฟุรูอุลกาฟีย์ บอกว่า “ให้ยืนนมาซโดยปล่อยมือเหยียดตรงตามระนาบขาทั้งสองข้าง”

แม้ในกลุ่มผู้รู้อะฮ์ลิซซุนนะฮ์เอง(นอกจากกลุ่มวะฮาบีย์)ใน สมัยหลังมานี้ เราจะเห็นว่า นอกจากกลุ่มวะฮาบีย์แล้ว ไม่ค่อยจะยึดติดกับการกอดอกในนมาซกันเท่าไหร่นัก และนักปราชญ์ระดับมุฟตีของอะฮ์ลิซซุนนะฮ์หลายฝ่าย หันมายอมรับหลักฐานการปล่อยมือในนมาซมากขึ้น สังเกตเห็นได้ชัดในเวลาที่เราไปประกอบพิธีฮัจญ์

แล้ว“วาอิล อิบนุ ฮุจญร์” เจ้าของรายงาน หรือบุคคลต้นเรื่อง “เอามือกอดอก” นั้นเป็นใคร ?

ปู่ ของวาอิลชื่อ รอบีอะฮ์ เป็นชาวฮัฎรอมีย์ บิดาของเขา มาจากเชื้อสายกษัตริย์แห่งเมืองฮัฎรอเมาต์ “วาอิล” เข้ามาเป็นแขกของท่านนบี(ศ)แล้วเข้ารับอิสลาม อย่างไรก็ตาม ชีวประวัติของเขาได้ถูกเขียนขึ้นอย่างเลิศหรู สาเหตุเพราะเขาเป็นคนที่สวามิภักดิ์ต่อมุอาวียะฮ์ นักบันทึกฮะดีษกลุ่มหนึ่งจะยอมรับรายงานจากคนผู้นี้ ยกเว้นบุคอรี

แต่ อย่างไรก็ตาม รายงานการเอามือกอดอก ยังมีที่มาสับสนหลายกระแส ไม่คงที่ เพราะไม่มีหลักฐานแน่นอน บ้างก็ว่า ได้มาจากท่ายืนกอดมือแสดงทำความเคารพของพวกเชลยสงครามเมื่อสมัยไปบุกพิชิต เปอร์เซีย

บ้าง ก็ว่าเป็น “บิดอะฮ์ฮะซะนะฮ์” ของอุมัร บิน ค็อฏฏ็อบ อีกอย่างหนึ่ง เมื่อครั้งที่ท่านรู้สึกประทับใจ ที่ได้เห็นท่าทำความเคารพของทหารเชลยเหล่านั้น

ท่าน จึงสั่งให้มุสลิมเอามือกอดอกในเวลานมาซ และก็คงทำนองคล้ายๆกับเรื่องนมาซตะรอวีฮ์ ที่ท่านเป็นคนคิดทำเป็นรูปแบบญะมาอะฮ์(แต่ท่านเองมิได้ทำด้วย) รวมถึงการเติมประโยคทองของท่านเข้าไปใน “อะซาน" บอกเวลานมาซศุบฮ์ นั่นคือ ประโยคบิดอะฮ์ที่เราได้ฟังกันจนชินหู ตามประโยคนั้นท่านได้ประเมินค่าการนมาซ ว่า “ดีกว่านอน”

อนึ่ง ขอขอบคุณคุณน่าชมเชยจาก mureed.com สำหรับข้อมูลความสับสนเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐานเรื่องตำแหน่งการวางมือ (หน้าอก-สะดือ) ที่ได้ส่งเข้ามาร่วมเสนอ ดังนี้

รายงานจากก่อบีเซาะ ฮ์ บิน ฮุลบ์ จากบิดาของเขา ซึ่งเขาได้กล่าวว่า "ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้เป็นอิมามนำละหมาดพวกเรา โดยท่านได้เอามือขวาจับมือซ้าย" ท่านติรมีซีย์กล่าวว่า ในเรื่องนี้ได้รายงานจาก วาอิล บิน ฮุจญฺร์ , ฆู่ฏัยฟ์ บิน อัลฮาริษ , อิบนุอับบาส , อิบนุมัสอูด , ซะฮ์ บิน สะอัด และท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า ฮะดิษของ ฮุลบ์ นี้ ฮะซัน และการปฏิบัติกรณีนี้ เป็นทัศนะของนักวิชาการจากบรรดาซอฮาบะฮ์ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม , บรรดาตาบิอีน , และบรรดาปราชญ์หลังจากพวกเขา ได้เห็นชายผู้ละหมาดคนหนึ่งทำการเอามือขวาวางบนมือซ้ายในละหมาด พวกเขาบางส่วนเห็นเขาเอามือทั้งสองวางเหนือสะดือ และพวกเขาบางส่วนเอามือทั้งสองวางใต้สะดือ ซึ่งสิ่งดังกล่าวทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่กว้างขวางตามทัศนะของพวกเขา" ดู สุนันอัตติรมีซีย์ ฮะดิษลำดับที่ (253)

เท่ากับเป็นการยืนยันความถูกต้องให้กับชีอะฮ์อิ มามียะฮ์ ในการปล่อยมือมากขึ้น เพราะเนื่องจากเหตุผลที่ฝ่ายมีหลักฐานปล่อยมือ ไม่มีความขัดแย้งกันในเรื่องนี้เลย


ขอให้ผู้รู้ช่วยชี้แจงในเรื่องนี้

อย่าได้ปล่อยให้ชีอะห์มาเขย่าอากีดะห์ของพวกเราเลย[B]
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Aug 30, 2009 11:47 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

س6‏- هل تصح صلاة المرسل يده في الصلاة، وهل يصح الاقتداء به وبمن يقبض يديه، وهل الإرسال يكفر الإنسان، وهل قبض اليد بعد الركوع أولى أم الإرسال، وأي ذلك ثبت عن النبي صلى الله عليه وسلم‏؟‏

ถาม
การละหมาดของผู้ที่ปล่อยมือของเขาใช้ได้หรือไม่? และ การละหมาดตามเขาและตามผู้ที่จับมือ ใช้ได้หรือไม่? และการปล่อยมือทำให้เขาเป็นกุฟุรหรือไม่? การจับมือ หลังจากรุกัวะ ดีกว่า หรือ ปล่อยมือดีกว่า? และดังกล่าวนั้น อันใหน ปรากฏ(รายงาน)ยืนยันจากนบี Solallah ?

ج6‏- السنة وضع اليد اليمنى على اليسرى لما روى البخاري في صحيحه عن سهل بن سعد رضي الله عنه قال‏ ‏ ‏(‏كان الناس يؤمرون أن يضع الرجل اليد اليمنى على ذراعه اليسرى‏)‏‏.‏ ‏[‏أخرجه البخاري 1/180 وأحمد 5/336‏]‏ وفي رواية لمسلم ثم وضع يده اليمنى على ظهر كفه اليسرى ‏[‏مسلم 1/301 برقم ‏(‏401‏)‏، وأبو داود 1/589 برقم ‏(‏963‏)‏، والنسائي 2/126 برقم ‏(‏889‏)‏، وابن خزيمة 1/243 برقم ‏(‏480‏)‏‏]‏‏

ตอบ

ตามสุนนะฮ ให้วางมือขวาบนมือซ้าย เพราะรายงานจากบุคอรี ในเศาะเฮียะของท่าน จากสะฮลุล บิน สะอิด เราะฎิยัลลอฮุอันฮูว่า เขากล่าวว่า (บรรดาผู้คนพวกเขาได้ถูกใช้ให้ผู้ชายวางมือขวา บนข้อศอกข้างซ้ายของเขา) บันทึกโดย บุคอรี 1/180 และ อะหมัด 5/336 และในรายงานหนึ่งของมุสลิม ระบุว่า (หลังจากนั้น เขาผู้นั้นได้วางมือขวาของเขาบนหลังฝ่ามือของเขาข้างซ้าย - รายงานโดย มุสลิม 1/301 หะดิษหมายเลข 401 ,อบูดาวูด 1/589 และ อันนะสาอีย์ 2/126 หะดิษหมายเลข 889 และ อิบนุคุซัยมะฮ
1/243 หะดิษหมายเลข 480
إذا تقرر أن السنة‏'‏هي وضع اليد اليمنى على اليد اليسرى فإذا صلى شخص وهو مرسل يديه فصلاته صحيحة؛ لأن وضع اليمنى علي اليسرى ليس من أركان الصلاة ولا من شروطها ولا من واجباتها، وأما اقتداء من يضع يده اليمنى على اليسرى بمن يرسل يديه فصحيح،
เมื่อแน่นอนแล้วว่า ตามสุนนะฮนั้น คือ วางมือขวา บนมือซ้าย ดังนั้น เมื่อบุคคลใดละหมาด โดยที่เขาปล่อยมือของเขา การละหมาดของเขาก็ใช้ได้ เพราะการวางมือขวาบนมือซ้าย ไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งจากจากบรรดารุกุน(ส่วนสำคัญ)ของการละหมาด,ไม่ใชเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาเงื่อนไขและบรรดาสิ่งวาญิบของการละหมาด และสำหรับการละหมาดตามของผู้ที่วางมือขวาของเขา บนมือซ้ายของเขา แก่ผู้ที่(ละหมาด)ปล่อยมือนั้น (การละหมาดของเขา)ก็ใช้ได้

อิบนุตัยมียะฮกล่าวว่า

‏وقد اتفق سلف الأمة من الصحابة والتابعين على صلاة بعضهم خلف بعض مع تنازعهم في بعض فروع الفقه وفي بعض واجبات الصلاة ومبطلاتها، ومن نهى بعض الأمة عن الصلاة خلف بعض لأجل ما يتنازعون فيه من موارد الاجتهاد فهو من جنس أهل البدع والضلالة‏

และ บรรดาอุมมะฮยุคสะลัฟ จากเหล่าสาวกและตาบิอีน เห็นฟ้องต้องกัน ต่อการที่บางส่วนละหมาดตามหลังอีกบางส่วน ทั้งๆที่พวกเขามีความเห็นขัดแย้งกันในบางส่วนของข้อปลีกย่อยทางฟิกฮ และ(ทั้งๆที่พวกเขามีความเห็นขัดแย้งกัน)ในบางส่วนของบรรดาวาญิบละหมาดและสิ่งที่ทำให้เสียละหมาด และผู้ใดก็ตามที่ห้ามบางส่วนของอุมมะฮ ไม่ให้ละหมาดตามหลังบางส่วน เนื่องจากสิ่งที่พวกเขามีความเห็นขัดแย้งกัน ในนั้น จากบรรดาประเด็นของการอิจญติฮาด เขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากประเภทของชาวบิดอะฮและผู้ที่หลงผิด - จบคำพูดของอิบนุตัยมียะฮ

وإذا صلى شخص مرسلاً يديه في حال قيامه فقد ترك سنة وتارك السنة ليس بكافر‏
และเมื่อบุคคลที่ปล่อยมือของเขา ในท่ายืนละหมาด แน่นอน เขาได้ทิ้งสุนนะฮ และผู้ที่ทิ้งสุนนะฮนั้น ไม่กลายเป็นกาเฟร
....
สรุปจากฟัตวาคณะกรรมการถาวรฯ

http://www.al-eman.com/Feqh/viewchp.asp?BID=262&CID=40

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
สับสน
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 03/09/2009
ตอบ: 13


ตอบตอบ: Thu Sep 03, 2009 10:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

وعن جابر، قال: مر رسول اللّه صلى الله عليه وسلم برجل، وهو يصلي، وقد وضع يده اليسرى على اليمنى، فانتزعها، ووضع اليمنى على اليسرى(4). رواه أحمد، وغيره

จากญาบีรกล่าวว่า "ท่านรซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวซัลลัม ได้เดินผ่านชายคนหนึ่งที่กำลังละหมาดละหมาดอยู่ และเอามือซ้ายทับมือขวา ท่านได้ดึงออกและเปลี่ยนเอามือขวาทับมือซ้าย"
บันทึกโดย อะฮฺหมัด

قال النووي: إسناده صحيح.
อีหม่ามอันนาวาวี กล่าวว่า สายรายงานถูกต้อง

وقال ابن عبد البر: لم يأت فيه عن النبي صلى الله عليه وسلم خلاف، وهو قول جمهور الصحابة، والتابعين،
وذكره مالك في "الموطأ

อิบนุ อับดิลบัรได้กล่าวว่า"ไม่มีรายงานจากท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอลัยฮิวซัลลัม ที่ค้านกับอันนี้เลย และถือว่าเป็นทัศนะส่วนใหญ่ของบรรดาศอฮาบะฮฺ และตาบีอีนส่วนใหญ่"
อีหม่ามมาลิกก็กล่าวเช่นนั้นในหนังสือมุวัฏเฏาะ

وقال: لم يزل مالك يقبض، حتى لقي الله -عزَّ وجلَّ

อิบนุอับดิลบัรกล่าวเสริมว่า"อีหม่ามมาลิกได้กระทำอย่างนั้นจนกระทั่งจากโลกนี้ไป"


*-*พิมพ์ลอกจาก หนังสือฟิกฮุซซุนนะฮฺ เล่ม1 หน้า225*-*
...................

(4) الفتح الرباني (3 / 171)، الحديث رقم (498)، والدارقطني (1 / 287) كتاب الصلاة - باب في أخذ الشمال باليمين في الصلاة.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Mon Sep 07, 2009 6:01 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ما حكم قبض اليدين في الصلاة ؟.
การกำสองมือในละหมาดมีหุกุม(ข้อตัดสิน)ว่าอย่างไร

الحمد لله
أولاً : قبض اليدين في الصلاة يعني : وضع اليد اليمنى على اليسرى في حال القيام سنة من سنن الصلاة ثابتة عن النبي صلى الله عليه وسلم ، وقال بها جماهير أهل العلم

อัลหัมดุลิลละฮ
ประการแรก : การกำมือในละหมาด หมายถึง การวางมือขวาบนมือซ้ายในขณะยืน เป็นส่วนหนึ่งจากสุนนะฮละหมาดที่แน่นอนจากนบี Solallah และนักวิชาการส่วนใหญ่ได้มีทัศนะด้วยมัน(ด้วยทัศนะนี้)

قال ابن قدامة رحمه الله :
" أما وضع اليمنى على اليسرى في الصلاة : فمن سنتها في قول كثير من أهل العلم , يروى ذلك عن علي وأبي هريرة والنخعي وأبي مجلز وسعيد بن جبير والثوري والشافعي وأصحاب الرأي , وحكاه ابن المنذر عن مالك " انتهى .
"المغني" (1/281)
อิบนุกุดามะฮ(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
"สำหรับการวางมือขวาบนมือซ้ายในละหมาดนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากสุนนะฮของการละหมาด ตามทัศนะนักวิชาการส่วนใหญ่ ,ดังกล่าวนั้นได้ถูกรายงานจาก อะลี,อบีฮูรัยเราะฮ,อัลนะเคาะอีย์ ,อบีมะญาซ,สะอีด บิน ญุบัยรฺ ,อัษเษารีย์,อัชชาฟิอีย์และอัศหาบุอัรเราะยิ(หมายถึงอบูหะนีฟะฮ) และอิบนุอัลมันซีร ได้รายงานมันจากมาลิก - อัลมุฆนีย์ เล่ม 1 หน้า 281

ثانياً : وأما مكان وضعهما فعلى الصدر . روى ابن خزيمة (479) عن وائل بن حجر رضي الله عنه قال : صليت مع رسول الله صلى الله عليه وسلم ووضع يده اليمنى على يده اليسرى على صدره . صححه الألباني في "تحقيق صحيح ابن خزيمة" . وقال الألباني في "صفة صلاة النبي صلى الله عليه وسلم" (ص 69)
" وضعهما على الصدر هو الذي ثبت في السنة ، وخلافه إما ضعيف أو لا أصل له " انتهى .
وقال السندي في حاشية ابن ماجه :
" وَبِالْجُمْلَةِ فَكَمَا صَحَّ أَنَّ الْوَضْع هُوَ السُّنَّة دُون الإِرْسَال ثَبَتَ أَنَّ مَحَلّه الصَّدْر لا غَيْر ، وَأَمَّا حَدِيث ( أَنَّ مِنْ السُّنَّة وَضْع الأَكُفّ عَلَى الأَكُفّ فِي الصَّلاة تَحْت السُّرَّة ) فَقَدْ اِتَّفَقُوا عَلَى ضَعْفه " انتهى

ประการที่สอง
และสำหรับสถานที่ที่วางสองมือนั้นคือวางบนหน้าอก ,รายงานโดยอิบนุคุซัยมะฮ (หะดิษหมายเลข 479) จากวาอีล บิน หะญัร (ร.ฎ) กล่าวว่า " ข้าพเจ้าละหมาดพร้อมกับรซูลุลลอฮ Solallah และท่านได้วางมือขวาของท่านบนมือซ้ายของท่าน บนหน้าอกของท่าน ,อัลบานีย์ระบุใน " การตะห์กีกเศาะเฮียะอิบนุคุซัยมะฮ" ว่าเป็นหะดิษเศาะเฮียะ
และอัลบานีย์ได้ กล่าวใน "สิฟะตุเศาะลาตินนบี Solallah หน้า 69 ว่า
และการวางมันทั้งสอง(หมายถึงมือทั้งสอง) บนหน้าอกนั้น เป็นหลักฐาน ที่ปรากฏแน่นอนในสุนนะฮ และที่แตกต่างจากมันนั้น บ้างก็เป็นหะดิษเฎาะอีฟ หรือไม่ก็เป็นหะดิษไม่มีที่มา - จบคำพูด
และอัสสะนะดีย์ ได้กล่าวไว้ใน หาชียะฮอิบนิมาญะฮว่า
"และสรุปว่า เป็นที่ถูกต้องแล้วว่า การวางมือนั้น คือ อัสสุนนะฮ โดยไม่มีการปล่อยมือ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า สถานที่ของมันคือ หน้าอก ไม่ใช่ที่อื่น และสำหรับหะดิษที่ว่า( แท้จริง ส่วนหนึ่งจากอัสสุนนะฮนั้น คือ การวางฝ่ามือบนฝ่ามือ ไว้ใต้สะดือในละหมาด ) ความจริง พวกเขา(บรรดานักหะดิษ)
ได้เห็นฟ้องกันว่า เป็นหะดิษเฎาะอีฟ(หะดิษหลักฐานอ่อน)
..........
ดูเพิ่มเติมจาก ลิงค์ข้างล่าง

http://islamqa.com/ar/ref/59957

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
อับดุลเลาะห์(สอน)
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 25/09/2009
ตอบ: 26


ตอบตอบ: Sun Sep 27, 2009 12:31 pm    ชื่อกระทู้: สิ่งที่สู่เจ้ารู้ไม่จริง อย่าเพิ่งพูดไป เพราะลิ้นของเจ้านั้น ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สิ่งที่สู่เจ้ารู้ไม่จริง อย่าเพิ่งพูดไป เพราะลิ้นของเจ้านั้น

อัลเลาะห์ (ซ.บ.)ทรงดูที่จิตใจ หาใช่รูปร่างหน้าตาไม่ เจ้าเหนียตจะทำความดี แค่เหนียตเจ้าก็ได้ผลบุญ ทั้งๆที่ยังไม่ลงมือปฎิบัติ ทำมัน นั้นแสดงให้เห็นว่า ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากใจ ขอแค่ทุกท่าน (ลิ้ลลาฮิตาอาลา)เพื่อ อัลเลาะห์ (ซ.บ.)องค์เดียว ทำไปเถอะ ถ้าเพื่ออัลเลาะห์ ไม่เพื่อสิ่งใดแล้วละก็ อัลฮำดุลิ้ลละห์ ขอพระองค์ทรงตอบแทนแก่เขาด้วย เถิด อามีน
วัสลามมุอลัยกุ้มว่าเราะห์มาตุ้ลลอฮ์ ฮิว่าบารอกาตุ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Fri Oct 02, 2009 11:41 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คัดเพิ่มมาจาก www.yomyai.com

...........จำเป็นต้องทบทวนหาความจริงร่วมกันว่า ซุนนะฮ์ท่านนบี(ศ)แท้ๆในเรื่องการกอดอกในนมาซเป็นอย่างไรน่า และเราจำเป็นจะต้องศึกษาอย่างเจาะลึกให้ถ่องแท้ในอีกสามฮะดีษด้วยกันเป็นอย่างน้อย คือ
๑.ฮะดีษที่รายงานโดยซะฮัล บิน สะอัด ที่บันทึกในศอฮีฮ์บุคอรี
๒.ฮะดีษของวาอิล บิน ฮุจร์ ที่รายงานในศอฮีฮ์มุสลิม
๓.ฮะดีษของอับดุลลอฮ์ บิน มัสอูด ที่บันทึกในสุนันบัยฮะกีย์

روى البخاري عن أبي حازم عن سهل بن سعد، قال:

(كان الناس يؤمرون أن يضع اليد اليمنى على ذراعه اليسرى

في الصلاة) قال أبو حازم: لا أعلمه إلا يَنمي ذلك إلى النبي

( صلى الله عليه وآله)

ฮะดีษที่รายงานโดยซะฮัล บิน สะอัด ที่บันทึกในศอฮีฮ์บุคอรี
บุคอรีได้รับรายงานมาจาก อะบีฮาซิม เป็นรายงานมาจากซะฮัล บิน สะอัด กล่าวว่า : ปรากฏว่าคนทั้งหลายถูกสั่งให้วางมือขวาบนมือซ้ายบนแขนซ้ายของตนในนมาซ อะบูฮาซิมได้กล่าวว่า : ฉันไม่รู้เรื่องมันเลย นอกจากรู้ว่า เรื่องนั้นได้ถูกเสริมขึ้นมาแล้วอ้างไปหาท่านนบี(ศ็อลฯ)
บทรายงานริวายะฮ์ต่างๆที่อธิบายวิธีการกอดอก มุ่งจะแสดงหลักฐานว่า มาจากท่านนบี(ศ)แต่มีอยู่สองประการที่มิได้อธิบายให้ชัดเจน

ประการที่ ๑-ถ้าหากท่านนบี(ศ)เป็นผู้ออกคำสั่งให้กอดอกไว้ก่อนแล้วจริงในสมัยของท่าน จำเป็นอะไรที่ผู้รายงานในสมัยตาบิอิตตาบิอีน จะกล่าวว่า “ประชาชนทั้งหลายถูกสั่งให้ทำ ?” เพราะส่วนใหญ่หรือแทบทุกเรื่องที่รายงานมาจากท่านนบี ผู้รายงานจะใช้ประโยคคำพูดว่า “ท่านนบี(ศ)ได้สั่งให้ทำ” จะไม่ชัดเจนกว่าหรือ ?

เป็นไปได้ไหม ว่านี่คือ หลักฐานหนึ่งที่แสดงว่า การกอดอกเป็นกฎเกณฑ์ที่ถูกกำหนดขึ้นภายหลังจากท่านนบี(ศ)ได้วายชนม์ไปแล้ว ต่อมาได้มีบรรดาคอลีฟะฮ์ และผู้ปกครองออกคำสั่งให้ประชาชนกอดมือแนบอก โดยมโนภาพว่า ทำให้มีความนอบน้อมมากยิ่งขึ้น ? จึงมีรายงานนี้ปรากฏในศอฮีฮ์บุคอรีว่า ประชาชนทั้งหลายถูกสั่งให้ทำ แล้วต่อมาหลังจากนั้น ท่านบุคอรีได้ตั้งบทหนึ่งขึ้นมาในตำรา ใช้ชื่อเรียกบทนั้นว่า บทว่าด้วย ความนอบน้อม(บาบุลคุชูอ์)

อิบนุฮะญัร ก็ยังได้กล่าวสนับสนุนการกอดอกว่า วิทยะปัญญาประการหนึ่งในการกระทำลักษณะนี้ คือ การวิงวอนขอของผู้ต่ำต้อย มันมิได้เป็นเรื่องเสียหายและนำไปสู่ความนอบน้อมทางจิตใจ ซึ่งแน่นอนอย่างยิ่ง ถ้าการกอดมือเป็นคำสั่งมาจากท่านนบี (ศ) ไม่จำเป็นต้องมีการอธิบายให้เหตุผลทำนองนี้จากบรรดานักปราชญ์ เพราะอย่างไรเสีย จะส่งผลให้นอบน้อมจริงหรือไม่ ก็เป็นวาญิบที่ทุกคนต้องกระทำอยู่แล้ว !

ประการที่ ๒- หลักฐานในตอนท้ายของบทรายงาน ได้ให้เหตุผลอย่างชัดเจนว่า การกอดอก มาจากการกระทำของผู้ออกคำสั่งเอง มิใช่มาจากท่านศาสนทูตผู้ทรงเกียรติ (ศ) นั่นคือ ประโยคที่อิสมาอีลได้กล่าวว่า “ฉันไม่เคยรู้เรื่องมันเลย นอกจากรู้ว่า เรื่องนั้นได้ถูกเสริมขึ้นมา แล้วอ้างไปหาท่านนบี(ศ็อลฯ) ความหมายก็คือ เขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า การกอดอกเป็นสุนัตในนมาซ จะรู้ก็เพียงว่า เป็นเรื่องถูกอ้างขึ้นมาว่า เป็นการกระทำของท่านนบี(ศ) ดังนั้น ริวายะฮ์ที่รายงานโดยซะฮัล บิน สะอัด จึงเป็น รายงานประเภท “มัรฟูอ์” อิบนุฮะญัร ได้กล่าวไว้ว่า จากหลักเกณฑ์การตรวจสอบของบรรดานักฮะดีษ เมื่อผู้รายงานกล่าวว่า ينميه ถูกเสริมขึ้นมา ความหมายก็คือ เรื่องนั้น ถูกยกขึ้นมาอ้างถึงท่านนบี(ศ)ดู นี่คือ ความเข้าใจที่เกิดขึ้นในทันทีที่อ่าน แม้จะไม่รู้เบื้องลึกของเรื่องนี้มาก่อนเลยก็ตาม แต่ถ้าเราอ่านประโยคนี้ทวนอีกครั้งหนึ่ง ในฐานะที่รู้ถึงเบื้องลึกที่มาของหลักฐาน เราจะรู้ได้ทันทีว่า ซะฮัล คือผู้รายงานเรื่องการกอดอก แล้วอ้างถึงท่านนบี(ศ) เนื่องจากคำพูดของอิสมาอีลที่ว่า “ฉันไม่เคยรู้เรื่องมันเลย นั่นเอง แสดงให้เห็นว่า รายงานการกอดอก ถูกจัดเป็นประเภทฎออีฟ(อ่อน)ที่เขาได้ฟังมาจากบุคคลหนึ่งโดยไม่เอ่ยชื่อ !

ابن حجر، فتح الباري في شرح صحيح البخاري:

ج 2 ص 224، باب وضع اليمنى على اليسرى

ฮะดีษที่รายงานโดย วาอิล บิน ฮุจร์ ในศอฮีฮ์มุสลิม

ประเด็นหลักในการพิจารณาฮะดีษที่รายงานโดยวาอิล บิน ฮุจร์ ได้มีการอธิบายไปแล้วในตอนที่ ๓ ค่อนข้างละเอียด แต่ยังมีตกค้างอยู่บางแง่มุม จึงขอนำมาอธิบายเพิ่มเติมให้ครบถ้วน ณ ที่นี้ ฮะดีษของวาอิลระบุว่า “เขาได้เห็นท่านนบียกมือตักบีรในเวลาท่านเข้านมาซ จากนั้นท่านได้คลุมด้วยผ้าของท่าน แล้วท่านได้วางมือขวาบนมือซ้าย ครั้นเมื่อท่านต้องการจะรุกูอ์ ท่านก็เอามืออกจากผ้า จากนั้น ท่านยกสองมือขึ้น จากนั้นท่านได้ตักบีร แล้วรุกูอ์”

การยึดหลักปฏิบัติใดๆจากฮะดีษ จะจำได้ต่อเมื่อได้หลักฐานอย่างเป็นกิจจะลักษณะ ถ้าไม่มีความชัดเจน จะยึดมาเป็นหลักฐานไม่ได้ และฮะดีษนี้ยังไม่มีความชัดเจน เพราะความหมายของฮะดีษยืนยันว่า ท่านนบี(ศ)ได้รวบชายผ้าของท่านแล้วปกคลุมหน้าอกของท่าน(จากนั้นท่านได้คลุมด้วยผ้าของท่าน) แล้วท่านได้วางมือขวาลงบนมือซ้าย ถามว่า การกระทำอย่างนี้ ถึงขั้นจะต้องถือเป็นหลักการว่า เป็นสุนัตในนมาซกระนั้นหรือ ? หรือว่า ที่ท่านทำเช่นนั้น ก็เพราะไม่ให้ชายผ้าร่วงลง ท่านจึงแนบชายผ้าไว้กับตัว เพื่อป้องกันมิให้ตัวท่านกระทบกับความเย็น กันแน่ ? การกระทำใดๆของท่านนบี(ศ)ที่ผู้เห็นไม่รู้แน่ชัดถึงเหตุผล จะเอามาเป็นหลักฐานมิได้ เว้นแต่ว่า ถ้าสาวกผู้นั้น รู้แน่ชัดจริงๆว่า การกระทำนั้น ๆ เป็นแบบอย่างของท่าน ที่ท่านต้องการแสดงออกมาเพื่อเป็นต้นแบบอย่างแท้จริง

แน่นอน ท่านนบี(ศ)ปรากฏตัวอยู่ท่ามกลางบรรดามุฮาญิรีนและบรรดาชาวอันศอรมาโดยตลอดนานกว่า 10 ปี ถ้าหากการกระทำเช่นนั้นของท่านนบี(ศ) เป็นเรื่องของหลักปฏิบัติที่แท้จริงแล้ว แน่นอน จะต้องเป็นเรื่องที่ถูกเล่าขานกันอย่างแพร่หลาย ไม่จำกัดอยู่ที่การเล่าอ้างของวาอิล บิน ฮุจร์ตามลำพัง กระทั่งทำให้เกิดข้อสัณนิษฐานต่างๆขึ้นหลายประการ ทั้งนี้ยังมีรายงานในลักษณะอื่นอีกด้วย ที่ไม่ตรงกับคำพูดของวาอิล ที่ว่า “จากนั้นท่านได้คลุมด้วยผ้าของท่าน” นั่นคือ รายงานที่บันทึกโดยท่านบัยฮะกี จากสารบบผู้รายงานของท่าน จากมูซา บิน อะมีร กล่าวว่า อุลกอมะฮ์ บิน วาอิล ได้เล่ารายงานมาจากบิดาของเขาว่า แท้จริง ท่านนบี(ศ)นั้น เมื่อท่านยืนตรงในการทำนมาซ ท่านได้กอดอกโดยมือซ้ายถูกทับด้วยมือขวา และฉันได้เห็นอุลกอมะฮ์กระทำเช่นนั้น โปรดดู سنن البيهقي: ج 2 ص 28

นี่คือหลักฐานแสดงให้เห็นการรายงานที่มีความบกพร่อง กล่าวคือ มีขาด มีเกินอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าหากเป็นเรื่องที่ท่านนบี(ศ)ถือปฏิบัติเช่นนั้นเป็นเนืองนิตย์แล้วไซร้ จะต้องเป็นเรื่องที่รู้กันอย่างแพ่รหลายในหมู่ประชาชน ประโยคที่ว่า “และฉันได้เห็นอุลกอมะฮ์กระทำเช่นนั้น” แสดงว่า ก่อนหน้านั้น ผู้รายงานไม่เคยเห็นใครกระทำเช่นนั้นมาก่อนเลย เพิ่งจะมารู้จักซุนนะฮ์ข้อนี้จากอุลกอมะฮ์
มีริวายะฮ์ที่รายงานโดยบัยฮะกีย์อีกบทหนึ่ง ดังนี้

روى البيهقي مسنداً عن ابن مسعود - رضي الله عنه - أنه

كان يصلي فوضع يده اليسرى على اليمنى فرآه النبي

(صلى الله عليه وآله) فوضع يده اليمنى على اليسرى


(อัลบัยฮะกีย์ได้รายงานโดยสารบบนักรายงาน(มุสนัด)จำนวนหนึ่ง ที่ได้รับรายงานมาจากอิบนุมัสอูด(ร.ฎ)ว่า เขากำลังนมาซอยู่โดยวางมือซ้ายบนมือขวา ครั้นท่านนบี(ศ)เห็นเขา ดังนั้น ท่านจึงวางมือขวาของเขาบนมือซ้าย

(โปรดดู

ที่น่าสังเกตเพิ่มเติมก็คือว่า เป็นเรื่องที่ห่างไกลความจริงเสียเหลือเกิน ที่คนอย่างท่านอับดุลลอฮ์ บิน มัสอูด ศอฮาบะฮ์ผู้ทรงทรงเกียรติ จะไม่รู้จักว่า อะไรเป็นสุนัตในนมาซ ทั้งที่ท่านเป็นอัซซาบิกูน(คนรุ่นแรก)ในอิสลาม กับอีกประการหนึ่ง ในสารบบนักรายงานริวายะฮ์นี้ มีคนชื่อฮะชีม บิน บะชีร เป็นที่รู้กันว่า บุคคลผู้นี้เป็นนักปลอมฮะดีษโปรดดู 14- هدى الساري: ج 1 ص 449
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Oct 02, 2009 4:31 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณชีอะฮ สาวกโยบ ยอมใหญ่ครับ ไปเผยแพร่ที่อื่นเถอะครับ คุณพยายามจะอ้างหะดิษสายซุนนีย์ แต่ในขณะเดียวกันพวกคุณไม่เคยยอมรับหะดิษที่นักหะดิษสายซุนนีย์ระบุว่าเศาะเฮียะ แถมยังกล่าวหาว่า นักวิชาการหะดิษสายซุนนีย์ เพราะฉะนั้น เอาสิ่งไร้สาระข้างต้นไปไว้ในสุสานเว็บยอมใหญ่เถอะครับ
_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Fri Oct 02, 2009 6:14 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



เรียนท่าน อาจารย์อะสัน และพี่น้องมุสลิมทุกท่าน

อัสลามุอลัยกุ้ม

ผมได้อ่านบทความของชีอะฮ์ข้างต้นแล้ว

สิ่งที่ผมกังขาในการนำเสนอของพวกเขาก็คือ การอ้างหลักฐานจากตำราของชาวซุนนี โดยเฉพาะ บุคอรี

เขาทำเพื่ออะไร

หรือว่าชีอะฮ์ ทิ้งรายงานของกุลัยนี ในอัลกาฟี แล้วหันมาเชื่อการรายงานของ บุคอรี แทน
ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะสิ่งที่ได้เห็นมันตรงกันข้าม เนื่องจากชีอะฮ์ยังโจมตีอิหม่ามบุคอรีอย่างรุนแรงในเว็บ

แล้วชีอะฮ์อ้างบุคอรี เพื่ออะไร

หรือเพียงเพื่อต้องการทำลายความเชื่อของชาวซุนนี
ถ้าเช่นนั้นเราจะเรียกการกระทำอย่างนี้ว่า โจรกรรม ได้ไหม
เพราะเนื่องจาก เขาเอาตัวบทของชาวซุนนีมาอ้าง
แต่เขาไม่เอามาตรฐานการอธิบายและความเข้าใจของนักวิชาการซุนนะห์มาด้วย
แต่พวกเขากลับเอา สมติฐาน ของตัวเองแล้วอธิบายกันตามอารมณ์

ผมมองว่า สิ่งที่ชีอะฮ์ทำอยู่นี้ไม่ใช่เป็นการนำเสนอทางวิชาการ แต่เป็นการ โจรกรรม

.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Fri Oct 02, 2009 6:41 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ท่านอาจารย์อะสัน ได้ตอบคำถามนี้พร้อมอ้างอิงตัวบทหลักฐานแล้วตามที่ปรากฏข้างต้น

ผมอยากถามชีอะฮ์บ้างว่า

ท่านอาลีละหมาด หรือสอนให้ผู้คนละหมาดเช่นไร

หวังว่าคำถามนี้คงไม่ยากเกินไปสำหรับผู้ประกาศตนว่าจะตามท่านอาลี

กรุณานำเสนอด้วยหลักฐาน


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 12:19 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อะไรนิดก็ซุนนี อะไรหน่อยก็ชีอะฮฺ เมื่อไหร่จะอิสลามกันบ้าง มัวแบ่งชื่อ กันอยู่นั่นแหละ เลยสัจธรรมวิ่งหนีเข้าป่าไปหมด ถามจริงๆ คคำว่าชีอะ ซุนนีนี่ เขามีด้วยกันมาแต่สมัยไหน ผมไม่รู้เรื่อง อ้ายคำประเภทนี้ และไม่เคยคิดเอามาบูชาด้วย
เพราะไม่มีทั้งในอัลกุรอาน และฮะดิษนบี สงสัยจริงๆ อัลลอฮ์เคยเรียกพวกไหน เป็นซุนนี เรียกพวกไหน เป็นชีอะบ้างไหม นบีเคยเรียกใครว่า พวกซุนนี เคยเรียกใครว่าพวกชีอะบ้างไหม
บิดอะ ตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยกันนะแหละ ถ้าไม่มีที่มาจากกุอานฮะดิษ ลบอีกดิ ขนาดในนี้นะออกลายขนาดนี้ ถ้าพบกันบนเวทีจะกัดสักขนาดไหน ไม่ใช่ลูกผู้ชาย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 12:26 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

قبض اليدين في الصلاة ؟.
การกำสองมือ
บอกตรงๆไม่สบายตาเลยจริงๆ ที่แปลแบบนี้ ขอโทษด้วยนะ ผมไม่เก่งภาษา แต่จะขอติงหน่อย
ใช่แล้วครับ คำนี้ปกติถ้าไม่มีกอรีนะ หน้าหลัง قبض คำเดียวโดดๆ จะแปลว่ากำ ไม่น่าเกลียด
แต่หลักภาษาไทย กับหลักภาษาอาหรับนั้น ไงๆก็ฆ่ากันไม่ตาย แปลว่ากอด ไปเลยครับ
อนาถแท้แปลว่า กำ นึกภาพดู ยืนเอามือกอดอกในนมาซ กับคำว่า กำสองมือ อันไหนน่าจะเข้ากับความจริงที่ปรากฏมากกว่าครับ

หลักการแปล จำไว้ ซื่อนักมักไม่สวย

คดนักมักผิดทาง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 6:50 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Israya พูดว่า

อะไรนิดก็ซุนนี อะไรหน่อยก็ชีอะฮฺ เมื่อไหร่จะอิสลามกันบ้าง มัวแบ่งชื่อ กันอยู่นั่นแหละ เลยสัจธรรมวิ่งหนีเข้าป่าไปหมด ถามจริงๆ คำว่าชีอะ ซุนนีนี่ เขามีด้วยกันมาแต่สมัยไหน ผมไม่รู้เรื่อง อ้ายคำประเภทนี้ และไม่เคยคิดเอามาบูชาด้วย

ผมตอบข้อความข้างต้นนี้ด้วยคำของชีอะฮ์เองดังนี้

ฉะนั้น เรื่องนมาซในสายรายงานของชีอะฮ์ อิมามียะฮ์ จะไม่มีทัศนะของฟุกอฮาอ์ท่านใดเข้ามาก้าวก่าย เพราะมิใช่เรื่องที่จำเป็นต่อการให้ทัศนะ และไม่ขึ้นอยู่กับการใช้ความคิดเห็นของนักปราชญ์คนใด

พวกท่านเองมิใช่หรือที่เรียกขานตนเองว่า ชีอะฮ์ อิมามียะฮ์ แล้วจะมาโวยวายทำไม
หรือเพียงต้องการลบข้อหาที่ว่า ชีอะฮ์โจรกรรมหลักฐานของชาวซุนนี


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ali
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/12/2003
ตอบ: 295


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 6:53 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เมื่อชีอะฮ์ยืนยันเองว่า “ไม่มีทัศนะของฟุกอฮาอ์ท่านใดเข้ามาก้าวก่าย เพราะมิใช่เรื่องที่จำเป็นต่อการให้ทัศนะ และไม่ขึ้นอยู่กับการใช้ความคิดเห็นของนักปราชญ์คนใด เพราะการนมาซ เป็นสิ่งปรากฏในสายตาของบรรดาอิมามแห่งอะห์ลุลบัยต์(อ)ตั้งแต่อ้อนออก ท่านอะลี บิน อะบี ฏอลิบ(อ)อยู่กับท่านนบี(ศ)ตั้งแต่เด็ก ท่านไม่เคยขาดนมาซแม้เวลาเดียว ท่านนมาซตามหลังท่านศาสดาตั้งแต่เยาว์วัย”

ถ้าเช่นนั้นแล้วชาวชีอะฮ์ก็อย่าได้นำทัศนะของฟุกอฮาอ์หรือนักปราชญ์คนใดมานำเสนอ ณ ที่นี้

สิ่งที่ท่านควรทำก็คือ นำเสนอหลักฐานว่า

ท่านอาลีละหมาดหรือสอนให้ผู้คนละหมาดเช่นไร

เราจะได้ทราบว่า ท่านอาลีก็เป็นหนึ่งในบุคคลที่ละหมาดไม่กอดอก และเป็นต้นแบบการละหมาดของชีอะฮ์ ณ วันนี้


.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 8:24 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ออ อย่าหายังโง้น ยังงี้เลยนะ กะทู้นี้ เราไม่อยากถกเรื่องชีอะ ซุนนีสักกะหน่อย ด้วยลิล ลาฮ์แหละเลย เราคนชอบแทงกั๊ก เรื่องไหนไม่ชัว เราไม่ยุ่ง จริงๆ

แต่เราเห็นว่า อุละมาซุนนี หลายท่านก็ยืนยันเรื่องไม่กอด

อ่านฮะดีษต่างๆแล้ว ตรองดีๆ คิดให้ดีๆ พ่อคุณเอ๋ย ถ้าแน่ชัดว่า นบีกอด มติอุละมาพวกคุณนะ จะต้องเบียดชีอะ ด้วยการฟัตวา ตั้งแต่มะโว้ แล้วแน่นอน ว่า กอดมือ เป็นวาญิบ และจะกะพือปีก ยิ่งกว่าเรื่องใดๆ

เชื่อกันบ้างเถอะ เรื่องนี้มันชัดเจนยิ่งกว่า อะไรทั้งสิ้น ? ผมว่านะ ถ้าวาอิล ยังอยู่ มาถึงวันนี้ สนุกแน่ ไม่รู้โดนตัดคอ หรือขังตลอดชีวิต ศาลซาอุจะมีจำเลยชื่อวาอิลแน่ๆ

เอางี้ ถ้าแน่จริงว่า อะลี เอากะเขาด้วย (กอดมือ) แจ้งรายละเอียดการตรวจสอบ บอกอุละมาของพวกท่านทั้งโลกเถอะครับ แน่นอน จะตีปีกกันเลยเทียว

แต่อย่าลืมซิ ทั้งเราและเขา ต่างฝ่าย ก็ไม่ใชเด็กอนุบาล ต่างฝ่ายก็ไม่ใช่คนปัญญาอ่อน กันแล้วนะ เราก็อ่านมาแล้ว กะหลักฐานอะลีกอดอก ทำไมจะไม่อ่าน เราระวังจะตาย ไม่แน่จริง ไม่กล้าเปลี่ยนหรอก กอดมือ ดีๆ มาปล่อยมือ น่าเกียดจะตาย ไม่ถนัด

แต่คุณท่านขา คุณตรวจสอบสายรบบนักรายงาน(สะนัด)ดีครบหมดแล้วเหรอ? แนบเนียนดีแล้วยัง? ไม่มีคนไหนบ้างเหรอ ที่คุณซะฮะบีย์ คุณอิบนุฮะญัร คุณตอบากอต บอกว่า เชื่อถือไม่ได้ ดออีฟ อุละมาเขาว่าไง ท่านมุญาฮิดว่าไง อิมามมาลิกว่าไง ทำไมท่านๆเหล่านี้ไม่ยอมรับ ? ไม่มีใครติเตียนว่า มีคนโกหกในสะนัด ในรอวีบ้างเลยเหรอ ?

ทุกคนถูกยอมรับนักรายงานครบหมด เป็นเอกฉันท์เลยใช่ไหม ? คุณเอ๋ย ท่านขา สรยุทธ์ว่า ก็อย่างที่บอก ขอเพียงให้ริวายะฮ์นี้บทเดียวศอฮีฮ์เท่านั้นแหละ ปัญหาทุกอย่างจบ ถ้าใครสามารถพิสูจน์ได้ จะรวยยิ่งกว่าคนถูกที่ ๑ (ขอโทษที่เปรียบเทียบ) จะโชคดียิ่งกว่าคนแรกที่เห็นเดือน

ถ้าฝันเปนจริง ว่าริวายะฮ์ว่าอะลีกอดอกศอฮีฮ์ ไม่ปลอม มะ เรามาร่วมกันทำหลักฐานส่งเรื่องไปยังมุฟตีทั้งศาลสูงสาอุ และอียิปต์ แล้วเราเอารางวัลมาแบ่งกัน คนละครึ่ง นี่พูดจริงๆ วัลลอฮ์ อุละมาของซุนนีรอฝันที่เปนจริงแบบนี้มาหลายร้อยปีแล้ว

เพราะแน่นอน ไม่เกินสามวัน พวกเขาจะประกาศมาตรฐานใหม่ของการกอดมือ ว่า เป็นฟัรดู วาญิบ ทีนี้แหละคุณเอ๋ย ชีอะ จะได้กอดมือกันทั้งโลกซะที อิอิอิ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
israya
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/10/2009
ตอบ: 293


ตอบตอบ: Sat Oct 03, 2009 8:30 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อะไรนิดก็ซุนนี อะไรหน่อยก็ชีอะฮฺ เมื่อไหร่จะอิสลามกันบ้าง มัวแบ่งชื่อ กันอยู่นั่นแหละ เลยสัจธรรมวิ่งหนีเข้าป่าไปหมด ถามจริงๆ คำว่าชีอะ ซุนนีนี่ เขามีด้วยกันมาแต่สมัยไหน ผมไม่รู้เรื่อง อ้ายคำประเภทนี้ และไม่เคยคิดเอามาบูชาด้วย

ก็จริงนี่ครับ ผมไม่เคยคิดบูชาจริงๆ แล้วคุณบูชาคำว่า ซุนนีหรือครับ ? ชิร์ก นะบูชาชื่อ อิอิอิ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า 1, 2, 3  ถัดไป
หน้า 1 จากทั้งหมด 3

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.12 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ