ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป |
ผู้ส่ง |
ข้อความ |
R_MEEN มือใหม่
เข้าร่วมเมื่อ: 08/06/2009 ตอบ: 1
|
ตอบ: Mon Jun 08, 2009 7:16 pm ชื่อกระทู้: โรงเรียนสอนศาสนาเเห่งหนึ่งในภาคใต้ ติดรูปโต๊ะครูขนาดใหญ่ เหม |
|
|
[img] http://www.santitham.org/forum/index.php?action=dlattach;topic=913.0;attach=847;image[img]
[img]http://www.santitham.org/forum/index.php?action=dlattach;topic=913.0;attach=846;image[/img]
มาชาอัลลอฮฺ
ได้มีการติดรูปภาพของโต๊ะครู ตรงบริเวณหน้าบาลายของโรงเรียน คุณคิดว่าเหมาะสมหรือไม่ อย่างไร กับการกระทำดังกล่าว เเล้วฮุกุ่มว่ากันอย่างไรเกี่ยวกับรูปภาพ
วอนผู้ที่มีความรู้ช่วยชี้เเจงให้ที ขอบคุณครับ ขออัลลอฮฺ ทรงตอบเเทนท่าน อามีน
หมายเหตุ ที่มาของรูปภาพ
http://www.santitham.org/forum/index.php/topic,913.0.html
ปล.
เป็นรูปของท่านฮัจยียะโกบ สุมาลีครับ เป็นอูลามะฮ์ชื่อดังคนหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช ปัจจุบันเสียชีวิตเเล้ว เเต่ลูกหลานของท่าน ได้นำมาติดเอาไว้ เเต่ก็ยังไม่ทราบถึงสาเหตุที่เอารูปนี้มาติด ครูศาสนาในโรงเรียนได้ตักเตือนเเล้ว เลือกรูปว่าไม่เหมาะสม เเต่ทางลูกหลานเองก็ไม่ค่อยฟังครับ ยังไม่ยอมให้เอาออก ซึ่งส่งผลให้เสียภาพพจน์ของโรงเรียนศาสนาหมด
ประวัติความมาของท่าน
ท่านเป็นอูลามะอฺ (นักปราชญ์) คนหนึ่งของรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ซึ่งไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในรัฐกลันตัน แต่ได้รับการศึกษาและมีครอบครัวในกลันตัน ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นอูลามะอฺที่ได้สละเวลา ความรู้ เพื่อการอบรมสั่งสอนสังคมมุสลิม จนเป็นที่ยอมรับนับถือจากมุสลิมทั้งในประเทศมาเลเซียและประเทศไทย
ฮัจยียะโกบ สุมาลี มีชื่อเต็มว่า ยะโกบ บิน อิสมาแอล บิน อับดุรเราะห์มาน เป็นปราชญ์(อูลามะอฺ)ที่เชี่ยวชาญในการสอนและเผยแผ่ศาสนาอิสลาม และมีความสามารถสูงในหลายสาขาวิชา ความโดดเด่นของท่านเป็นที่ยอมรับของมุสลิมในสมัยนั้น ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้ทำการสอนในมัสยิดกลางเมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน พระราชวังแห่งรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย และมัสยิดฮารอม นครมักกะฮ์ ซาอุดิอาราเบีย ผลจากการสอนของท่านทำให้ท่านมีลูกศิษย์เป็นจำนวนมากที่ได้เจริญตามแนวทางของท่านสืบทอดเจตนารมณ์ของท่านต่อไป
กำเนิด
ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบ สุมาลี ได้ถือกำเนิดในวันศุกร์ เดือนมีนาคม พ.ศ.2435 เวลา 12.00 น. ที่บ้านใหม่ สี่แยกตลาดแขก ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นบุตรของนายอิสมาแอล และนาง อาซียะห์ สุมาลี
การศึกษา
ในขณะที่ท่านมีอายุได้ 7 ปี ท่านได้เริ่มเรียนคัมภีร์อัลกุรอ่าน และเรียนจบในขณะที่ท่านมีอายุได้เพียง 10 ปี ปู่ของท่านได้มองเห็นถึงความฉลาด จึงได้ส่งหลานรักไปเรียนต่อในเมืองอัลฟาฏอนี ( จังหวัดปัตตานี ) ซึ่งในขณะนั้นเป็นที่รู้จักและยอมรับของมุสลิมว่าเป็นศูนย์กลางแห่งความรู้ของมุสลิมในแหลมมลายู สถานที่แรกที่ท่านไปศึกษา คือ ปอเนาะฮัจยีอิบรอฮีม บือแนกูเจ ซึ่งเป็นปอเนาะที่ได้รับการยอมรับจากสังคมมุสลิมเป็นอย่างสูงแห่งหนึ่งในสมัยนั้น
การศึกษาหาความรู้ศาสนาไม่ใช่เป็นสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้ง่ายในเวลาอันสั้น ด้วยเหตุนี้เองท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบ จึงหมั่นเพียร มานะอดทน ไม่ว่าจะต้องตรากตรำ ต้องท่องจำในสาขาวิชา และปัญหาสำคัญ คือ ปัญหาด้านภาษา ซึ่งท่านมีพื้นภาษามลายูน้อย ในขณะที่อาจารย์ใช้ภาษามลายูในการบรรยาย ท่านได้ศึกษาในปอเนาะแห่งนี้เป็นเวลานานถึง 14 ปี ด้วยความสามารถทั้งในด้านการเรียนและการเป็นผู้นำของท่านในระหว่างการศึกษาที่นี่ อาจารย์ของท่านได้แต่งตั้งท่านให้เป็นหัวหน้ามูตอลาอะฮฺ(กลุ่มศึกษา / group study) ทำหน้าที่สอนให้กับศิษย์รุ่นน้อง และท่านก็ได้ทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายเป็นอย่างดี เป็นที่ไว้วางใจของท่านอาจารย์อิบรอฮีม อาจารย์จึงเสนอให้ท่านได้ไปศึกษาต่อ ณ ปอเนาะโต๊ะกนาลี รัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย อูลามะอฺผู้มีชื่อเสียงสูงสุดในคาบสมุทรมลายูในสมัยนั้น
ในปี พ.ศ.2456 ในขณะที่ท่านมีอายุได้ 21 ปี ท่านก็ได้เดินทางไปศึกษากับโต๊ะครูกนาลี เพียงเวลาไม่กี่ปี โต๊ะครูกนาลีได้ให้ความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนท่านในการตอบปัญหาศาสนาอยู่เสมอ จากการบอกเล่าของบรรดาศิษย์ของโต๊ะครูกนาลีได้เล่าว่า ปัญหาศาสนาที่มีผู้มาสอบถามโต๊ะครูกนาลีนั้น โต๊ะครูกนาลี มักมอบหมายให้ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบเป็นผู้ตอบแทนท่านเป็นส่วนใหญ่
การสอน
หลังจากการศึกษาที่ปอเนาะโต๊ะครูกนาลี 5 ปี ท่านจึงได้รับความไว้วางใจอีกครั้งจากโต๊ะครูกาลีให้ไปสอน ณ มัสยิดกลาง ( มัสยิดมูฮัมมาดีย์ ) เมืองโกตาบารู มัสยิดแห่งนี้เป็นศูนย์รวมของบรรดานักปราชญ์แทบทั่วสารทิศ ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบได้เริ่มสอนในมัสยิดแห่งนี้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2462 เป็นอาจารย์ประจำพร้อมกับอาจารย์ของท่าน (โต๊ะครูกนาลี) และนักปราชญ์อีกหลายคน ชีวิตของท่านในเมืองโกตาบารูหมดไปกับการสอนหนังสือ เริ่มเช้าตรู่ของทุกวันจรดเที่ยง หลังซุฮฺรีท่านกลับบ้านพักผ่อนแล้วกลับมาสอนอีกครั้งหลังอัสรีสอนจนถึงเย็น ช่วงค่ำก็สอนหนังสือมิได้เว้น ในระหว่างสอนท่านมักจะสอดแทรกคติสอนใจและมีการเล่าเรื่องคลายเครียดสร้างบรรยากาศให้สนุกสนานบ้างในบางครั้ง จึงทำให้บรรดาศิษย์ไม่เบื่อหน่ายในการเรียน และชอบที่จะเรียนกับท่าน
บุคลิกภาพ
ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบ มีบุคลิกลักษณะถ่อมตน ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ชอบโพกผ้าสารบั่น เมื่ออยู่บ้านมักจะสวมเสื้อคอกลม เมื่อออกจากบ้านจะมีเสื้อนอกคอตั้งสวมทับ มีเข็มขัดเส้นใหญ่สีเขียวคาดทับผ้าโสร่ง เดินถือไม้เท้าทักทายผู้คน ท่านชอบการคบหาสมาคมกับคนรอบด้าน เป็นคนรักการอ่านหนังสือ และสอนหนังสือ ชอบการแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับปัญหาศาสนา ชีวิตประจำวันของท่านส่วนใหญ่ถ้าไม่สอน ท่านก็มักจะอยู่กับตำรา
ในด้านการเป็นอยู่ส่วนตัวของท่านนั้น กล่าวได้ว่า ท่านเป็นผู้เคร่งครัดในการปฏิบัติศาสนกิจ อันเป็นแบบอย่างที่ดีแก่มหาชนทั่วไป เป็นผู้มีจิตใจสูงส่ง เยือกเย็น พร้อมให้อภัยต่อสิ่งที่ไม่ถูกใจเสมอ กิริยาวาจาสุภาพเรียบร้อย อ่อนโยน ร่าเริง แจ่มใสไม่ถือตัว และเป็นกันเองกับบุคคลทุกระดับชั้น จึงเป็นที่เคารพของคนที่รู้จักคุ้นเคยของผู้คนทั่วไปอย่างกว้างขวาง
ตามคำบอกเล่าจากฮัจยีอุเสน สุมาลี เมื่อใดที่ท่านมีเวลาว่าง เมื่อไม่ได้สอนและไม่ได้อยู่กับตำรา ท่านมักจะไปตกปลากับบรรดาศิษย์ เมื่อได้ปลามาท่านจะเป็นคนปรุงอาหารให้บรรดาศิษย์ได้รับประทานกันอย่างทั่งถึง หลังจากนั้นก็จะสอนและถกเถียง ตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาศาสนากัน ท่านเป็นคนร่าเริงจึงเป็นที่รักยิ่งของบรรดาศิษย์ทั้งหลาย
ภารกิจ
ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกอูลามะอฺของรัฐกลันตัน ด้วยรัฐบาล
กลันตันได้เล็งเห็นถึงความรู้และบทบาทที่ท่านได้สละให้กับมุสลิมมาโดยตลอด ท่านได้ประสิทธิ์ประศาสน์วิชาความรู้ จนกระทั่งมีศิษย์เป็นจำนวนมาก มีทั้งที่เป็นอูลามะอฺในสังคมที่รับผิดชอบภารกิจงานศาสนาต่อไป ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบ สุมาลี ได้ใช้ชีวิตกับการเผยแผ่อิสลามจนเป็นที่กล่าวขานกันไปทั่ว ในบรรดาศิษย์ของท่านที่มีชื่อเสียงในขณะที่สอนที่โกตาบารู ได้แก่ เชคอิดรีส มัรบาวี ผู้แต่งกอมูส ( พจนานุกรม ) มัรบาวี , ฮัจยีฮะซัน ยูนุส (ผู้พิพากษารัฐยะโฮร) ฮัจยีอุสมาน ดาวูด (ผู้พิพากษารัฐปาหัง) เป็นต้น
หลงจาก 17 ปีผ่านไปกับการทำหน้าที่สอนศาสนาในมัสยิดกลาง โกตาบารู ในปี พ.ศ.2479 ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบ พร้อบกับลูกชายคนแรกของท่าน คือ ฮัจยีอุเสน สุมาลี ได้ไปประกอบพิธีฮัจย์ ณ นครมักกะฮ์ ขณะที่อยู่ในนครมักกะฮ์ เป็นเวลา 3 ปี ในปี พ.ศ.2482 ท่านเดินทางกลับเมืองโกตาบารู รัฐกลันตัน และท่านเห็นว่ามาตุภูมิของท่านที่นครศรีธรรมราชยังไม่มีสถานที่สอนศาสนาเหมือนกับที่ปัตตานีและโกตาบารู รัฐกลันตัน ท่านจึงตั้งใจเดินทางกลับมาตุภูมิเพื่อรับผิดชอบภารกิจในฐานะที่เป็นผู้รู้ที่ต้องรับผิดชอบสังคมมุสลิมต่อไป
ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชท่านได้เริ่มสอนที่บ้านตาลเป็นเวลา 1 ปี จากนั้นต้องย้ายสถานที่สอนหลายครั้งตามคำเชิญชวนของชาวบ้านจากบ้านตาล ย้ายไปสอนที่บ้านนาเคียนเป็นเวลา 5 ปี ย้ายไปบ้านวัดโหนด 1 ปี แล้วมาสร้างปอเนาะถาวรที่บ้านทุ่งจีน (โรงเรียนมุสลิมสันติธรรมมูลนิธิ ในปัจจุบัน )ในการสอนประจำที่ปอเนาะบ้านทุ่งจีนนั้น ท่านยังคงต้องเดินทางไปสอนตามหมู่บ้านต่างๆ อยู่เสมอ นอกจากการสอนแล้ว ท่านยังรับหน้าที่เป็นประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนครศรีธรรมราชอีกด้วย
สำหรับการสอนที่ปอเนาะนั้น ท่านได้มอบให้ลูกชายของท่าน คือ ฮัจยีอุเสน สุมาลี รับผิดชอบในการสอนแทนท่าน
ครอบครัว
ในระหว่างที่ท่านทำการสอนที่มัสยิดกลางโกตาบารูนั้น ท่านได้แต่งงานครั้งแรกกับฮัจยะห์ฟาติมะฮ์ บินตี ฮัยยีดาวูด บุตรีของฮัจยีดาวูด ซึ่งเป็นษมาชิกสภาอูลามะอฺของรัฐกลันตัน และสอนที่มัสยิดดังกล่าวด้วย ท่านมีบุตรกับฮัจยะห์ฟาตีมะฮ์ 7 คน (ชาย 5 คน หญิง 2 คน) และแต่งงานครั้งที่สอง ที่นครมักกะฮ์กับฮัจยะห์ไซหนับ บินตี ฮัจยีหมัดดียะห์ มีบุตรชาย 1 คน (ต่อมาได้หย่ากัน) และแต่งงานครั้งที่สาม กับฮัจยะฆ์ซารีปะห์ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีบุตร 10 คน (ชาย 9 คน หญิง 1 )
กลับไปสู่ความเมตตาของพระองค์อัลลอฮฺ
ตลอดชีวิตของท่าน ท่านได้ใช้ชีวิตเพื่อการศึกษา เพื่อสังคมมุสลิมโดยการอบรมสั่งสอนจนลมหายใจสุดท้าย ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบได้ถึงแก่อนิจกรรมในเวลาเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ ที่ 20 มิถุนายน 2514 ด้วยโรคความดันโลหิตสูง รวมอายุได้ 79 ปี
ท่านอาจารย์ฮัจยียะโกบไม่ได้แต่งหนังสือไว้มากมายนัก เพราะท่านใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการสอนหนังสือมากกว่าการเขียนหนังสือ เท่าที่มีก็เพียงบทความสั้นๆ ที่ไม่ได้พิมพ์ ส่วนหนึ่งของท่านที่ได้พิมพ์เป็นหนังสือมีนามว่า นูร อัล ซาลาม แต่งเสร็จในวันพฤหัสดีที่ 19 กันยายน 2478 พิมพ์ที่รัฐปีนัง ประเทศมาเลเซีย หนังสือของท่านที่แต่งขึ้นนี้มีเรื่องเกี่ยวกับรุก่นอีหม่าน ซีฟัตวายิบสำหรับอัลลอฮฺและรอซูล และยังมีเกี่ยวกับการชักจูงให้มนุษย์ได้ประกอบแต่ความดี ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งอิสลาม เพื่อจะได้เป็นบ่าวที่ได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
asan ผู้ดูแลกระดานเสวนา
เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005 ตอบ: 3165
|
ตอบ: Wed Jun 10, 2009 12:44 pm ชื่อกระทู้: |
|
|
ยิ่งใกล้วันกิยามะฮ ยิ่งมีอะไรๆที่เราไม่คิดว่าจะมี มันก็มี การสรรเสริญบุคคลจนเกินความพอดีมันก็ออกมาอย่างที่เห็น _________________ จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม |
|
กลับไปข้างบน |
|
|
|