อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[พอเพียง]

เป็นเรื่องจริงที่เกิดในภาคอิสาน เมื่อมีมุสลิมฆ่าตัวตายเพราะโรคประสาทกำเริบและไม่ได้กินยารักษา เมื่อญาตินำมัยยิตมาที่มัสยิดกรรมการมัสยิดและอิหม่ามรับจ้างชาวพม่ากลับปฎิเสธที่จะทำพิธีล้างศพให้ โดยบอกว่าผู้ตายมีบาปมากเป็นกาเฟรแล้ว ไม่ต้องทำอะไรให้ ทางญาติผู้ตายก็ไม่มีความรู้ทางศาสนาจึงหลงเชื่อคำอ้างดังกล่าว แล้วทางกรรมการมัสยิดกลับทำละหมาดญานาซะห์ให้โดยที่ไม่ได้อาบน้ำศพเลยแม้แต่น้อย อยากทราบว่าใครบาปมากที่สุด

[asan]

การฆ่าตัวตายเป็นบาปอย่างมหันต์ เป็นบาปใหญ่ แต่ไม่ได้ทำให้เขาผู้นั้นสิ้นสภาพการเป็นมุสลิม
ดังนั้น เมื่อเขาตายก็ต้องอาบน้ำมัยยิตให้แก่เขาและละหมาดญะนาซะฮให้แก่เขา
فعن جابر بن سمرة رضي الله عنه قال : أُتي النبي صلى الله عليه وسلم برجل قتل نفسه بمَشاقص فلم يصل عليه - رواه مسلم ( 978
รายงานจากญาบีร บุตร สะมุเราะฮ (ร.ฎ)กล่าวว่า ท่านบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้มายังชายคนหนึ่ง ที่ฆ่าตัวตาย ด้วยลูกศร แล้วท่านนบีไม่ได้ละหมาด(ญะนาซะฮ)ให้แก่เขา -รายงานโดยมุสลิม
ท่านอิหม่ามนะวาวีย์ กล่าวว่า
وفي هذا الحديث دليل لمن يقول : لا يصلى على قاتل نفسه لعصيانه , وهذا مذهب عمر بن عبد العزيز والأوزاعي , وقال الحسن والنخعي وقتادة ومالك وأبو حنيفة والشافعي وجماهير العلماء : يصلى عليه , وأجابوا عن هذا الحديث بأن النبي صلى الله عليه وسلم لم يصل عليه بنفسه زجرا للناس عن مثل فعله , وصلت عليه الصحابة " انتهى .

และในหะดิษนี้ เป็นหลักฐาน สำหรับผู้ที่กล่าวว่า "ไม่ให้ละหมาดให้แก่ผู้ที่ฆ่าตัวตาย เพราะการฝ่าฝืนของเขา และ นี้คือ ทัศนะของ อุมัร บุตรอับดุลอะซีซ และอัลเอาซาอีย์ และ อัลหะซัน, อัลนะเคาะอีย์, เกาะตาดะฮ, มาลิก, อบูหะนีฟะฮ, ชาฟิอี และบรรดานักวิชาการส่วนใหญ่ กล่าวว่า "ให้ละหมาดให้แก่เขาผู้นั้น และพวกเขาให้คำตอบเกี่ยวกับหะดิษบทนี้ว่า แท้จริง ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ละหมาดญะนาซะฮให้แก่เขาผู้นั้น ด้วยตัวท่านเอง เพื่อเป็นการห้ามปรามผู้คน อย่าให้เอาเยี่ยงอย่าง โดยที่บรรดาเศาะหาบะฮได้ได้ละหมาดให้แก่เขา - ชัรหุมุสลิม เล่ม 7 หน้า 47

คุณ พอเพียงกล่าวว่า

อิหม่ามรับจ้างชาวพม่ากลับปฎิเสธที่จะทำพิธีล้างศพให้ โดยบอกว่าผู้ตายมีบาปมากเป็นกาเฟรแล้ว ไม่ต้องทำอะไรให้ ทางญาติผู้ตายก็ไม่มีความรู้ทางศาสนาจึงหลงเชื่อคำอ้างดังกล่าว แล้วทางกรรมการมัสยิดกลับทำละหมาดญานาซะห์ให้โดยที่ไม่ได้อาบน้ำศพเลยแม้แต่น้อย

.......
ถ้าเป็นความจริง ก็เป็นเรื่องแปลก เพราะเมื่อคิดว่า เขาผู้นั้น เป็นกาเฟร แล้วละหมาดญะนาซะฮให้แก่เขาได้อย่างไร
สรุปแล้ว ทั้งผู้จูง และ ผู้ตาม ตาบอดทั้งคู่ หมายถึง ทั้งอิหม่ามและ กรรมการมัสยิด ไม่เข้าใจเรื่องนี้ ส่วนถามว่า บาปไหม บาบแน่นอน หากทำเช่นนั้น เพราะระดับผู้นำแล้ว จะอ้างไม่รู้ก็ไม่ได้ เหตุผลฟังไม่ขึ้นครับ
...........
والله أعلم بالصواب
วัสสลาม

[พอเพียง]

ขอบคุณมาก มีต่อนิดนึงคือทางอิหม่ามรับจ้างชาวพม่าบอกว่าทางประเทศของเขาซึ่งเป็นมัสฮับมาลิกีทำกับคนตายแบบนี้ทั้งนั้น อยากทราบว่ามาลิกีทำแบบนี้จริงหรือ

[asan]

ขอบคุณมาก มีต่อนิดนึงคือทางอิหม่ามรับจ้างชาวพม่าบอกว่าทางประเทศของเขาซึ่งเป็นมัสฮับมาลิกีทำกับคนตายแบบนี้ทั้งนั้น อยากทราบว่ามาลิกีทำแบบนี้จริงหรือ
.....................
ตอบ
ไม่มีอิหม่ามมุจญตะฮิดคนใหนหรอกครับ ที่บอกว่า คนฆ่าตัวตายไม่ต้องอาบน้ำมัยยิต แต่ กลับใช้ให้ละหมาดญะนาซะฮให้เขาผู้นั้น และขอบอกว่า อิหม่ามมาลิกไม่ได้สอนให้ยึดติดกับคำสอนของท่าน หรือ สังกัดท่านหรอกครับ ผมว่า ท่านอิหม่ามลูกหลานบุเรงนองท่านนี้ ไม่เข้าใจมากกว่า
อิหม่ามมาลิก บุตร อะนัส (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
إنما أنا بشر أخطئ وأصيب، فانظروا في رأيي فكل ما وافق الكتاب والسنة فخذوا به، وكل مالم يوافق الكتاب والسنة فاتركوه
แท้จริง ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง มีผิด มีถูก ดังนั้นพวกท่านจงพิจารณา ในความเห็นของข้าพเจ้า แล้วทุกสิ่งที่สอดคล้องกับ อัล-กิตาบ(อัลกุรอ่าน)และอัสสุนนะฮ ก็จงเอามัน และทุกสิ่งที่ ไม่สอดคล้องกับอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ ก็จงทิ้งมันเสีย
ملخص إبطال القياس: ص 66 - 67. مجموع فتاوى ابن تيمية: 20 / 211. مختصر المؤمل: ص 61.

[พอเพียง]

ขอโทษนะ ไม่ทราบว่ามีกลุ่มหรือลัทธิมุสลิมไดบ้างในแถบอินเดีย บังคลาเทศ ที่ไม่ยอมล้างมัยยิตและไม่ละหมาดให้เพราะเท่าที่รู้มามีมุสลิมบางกลุ่ม ในแถบนี้ทำอย่างนี้จริงๆ แต่เขาไม่ยอมบอกว่า บรรดาอุลามะ ของพวกเขานั้นศึกษามาจากสถาบันไหนหรือแนวทางของกีตาบุลเลาะห์และสุนนะห์นบีหรือเปล่า

[asan]

ขอโทษนะ ไม่ทราบว่ามีกลุ่มหรือลัทธิมุสลิมไดบ้างในแถบอินเดีย บังคลาเทศ ที่ไม่ยอมล้างมัยยิตและไม่ละหมาดให้เพราะเท่าที่รู้มามีมุสลิมบางกลุ่ม ในแถบนี้ทำอย่างนี้จริงๆ แต่เขาไม่ยอมบอกว่า บรรดาอุลามะ ของพวกเขานั้นศึกษามาจากสถาบันไหนหรือแนวทางของกีตาบุลเลาะห์และสุนนะห์นบีหรือเปล่า
.........
ตอบ
ที่คุณกล่าวมานั้น ไม่ใช่แนวทางของกิตาบุ้ลลอฮและสุนนะฮของท่านนบีแน่นอนครับ
ขอชี้แจงนิดหนึง คือ คุณ พอเพียง ใช้คำว่า "ล้างมัยยิต" ที่ถูกต้องคือ อาบน้ำมัยยิตครับ