ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เมาลิดรำลึกท่านนบี(ซ.ล.) (สนทนาเชิงวิชาการ)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เมาลิดรำลึกท่านนบี(ซ.ล.) (สนทนาเชิงวิชาการ)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 6, 7, 8 ... 15, 16, 17  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed May 17, 2006 8:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากคุณอะดีล

ขึ้นต้นก็บอกว่าการแบ่งไม่ใช่ปัญหา แต่ลงท้ายบอกว่านี่แหละเขาเรียกว่าการแบ่งแบบบิดอะฮ์
แหม....ขึ้นต้นกับลงท้ายนี่มันไปคนละทางเลยนะเนี่ย
ตกลงว่าปัญหามันอยู่ที่การแบ่งหรือปัญหาอยู่ที่การฮุก่ม
ต้องทำให้มันมั่วๆ ไว้ก่อนคนอ่านจะได้มึน

ตอบ

ก็คนอย่างคุณมันมึนอยู่แล้วนี่ครับ ฮ่าๆ ไม่เคยอ่านคำพูดของบังอัลฟารูกเข้าใจสักที หลายครั้งแล้วที่คุณทำการสนทนากับบังอัลฟารูก โดยไร้ความเข้าใจในหลักการ และบ้างครั้งก็อ้างคำกล่าวของบังอัลฟารูกแบบท่อนๆ ตัดซ่อนเร้นคำพูดบ้าง เมื่อเป็นแบบนี้ คุณสมควรที่จะมีสนทนากับผมนั่นแหละครับ ถึงจะดี และว่างๆบังมุหัมมัดคงจะเข้ามาร่วมแจมด้วย เฮอะๆ

คุณอะดีลครับ คำว่าขึ้นต้นไม่มีปัญหาของบังอัลฟารูกนั้น คือการแบ่งอัลกุรอานเป็น มักกีย์และมะดะนีย์ แต่การแบ่งเตาฮีดออกเป็นสามของลัทธิวะฮาบีย์นั้น มันบิดอะฮ์เนื่องจากมีเป้าหมายการแบ่งที่บิดอะฮ์ ดังนั้น เมื่อมีเป้าหมายบิดอะฮ์ แน่นอนว่า การแบ่งก็เลยบิดอะฮ์ตามไปด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย หายมึนยังคุณอะดีลวะฮาบีย์ตัวจริง! ฮ่า ฮ้ายยย. เอิ๊กๆ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed May 17, 2006 8:32 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากคุณอะดีล

บังอะสันถามว่าไปไหนมา อัลฟารูกตอบว่าสามวาสองศอก ครับท่าน ฮ้าๆๆ ลองดูซิ

บังอะสันบอกว่า

มันไม่ได้เป็นเรื่อง ศาสนาที่มาจากอัลลอฮและรซูล และ ให้ไปผลิตบุญเอาเองก็แล้วกัน เพราะท่านนบีไม่ได้รับรองไว้ แบบนี้เขาเรียกว่า บิดอะฮประยุกต์ เอาของคริสต์ มาประยุกต์กับของอิสลาม หรือ บิดอะฮสลัดผัก เอาโน้นนิด เอานี้หน่อย มาผสมกัน แล้วกลายเป็นรูปแบบอิบาดธขึ้นมา

อัลฟารูกตอบว่า

"ท่านอับดุลเลาะฮ์ บุตร ท่านอิมามอะหฺมัดบินหัมบัล กล่าวว่า บิดาของฉันเคยละหมาด 300 ร่อกะอัต ทุกวัน แต่เมื่อขณะที่ท่านป่วยจากการถูกโบยดังกล่าว ท่านจึงทำการละหมาดเพียง 150 ร่อกะอัต ในหนึ่งวันและหนึ่งคืน "

ทำไมอิมามอะฮ์หมัดยังละหมาด 300 ร่อกะอัต 150 ร่อกะอัตได้ ข้าก็จะทำเมาลิดบ้างจะเป็นไร สามวาสองศอกจิ้งจิง ฮ้าๆๆเอิกๆๆ แต่ยังถามทิ้งท้ายไว้อีกนะว่า มันเป็นบิดอะฮ์ที่ท่านอิมามอะหฺมัดประยุกต์ขึ้นมาเองหรือไม่?

แหม...อยากรู้ขึ้นมาตะงิดๆ ว่าที่เอามาอ้างนี้นะ มันดออีฟ อะปล่าวละ ถึงจะไม่ได้อ้างนาบีกับซอฮาบะฮ์ก็เถอะ แต่โกหกใส่อิมามอะฮ์หมัดมันไม่ดีน้า ช่วยเอาสายรายงานมาโชว์แล้วอะสันออกแรงสอบให้หน่อยเถอะ


ตอบ

บังอัลฟารูกกล่าวว่า

อ้างอิงจากบังอะสัน

ศาสนาที่มาจากอัลลอฮและรซูล และ ให้ไปผลิตบุญเอาเองก็แล้วกัน เพราะท่านนบีไม่ได้รับรองไว้ แบบนี้เขาเรียกว่า บิดอะฮประยุกต์

วิจารณ์

นั่นคือหลักความเห็นของบังอะสันล้วนๆเลยครับ และมันไม่ใช่หลักฐานว่า อัลเลาะฮ์(ซ.บ.)และท่านร่อซูลุลเลาะอ์(ซ.ล.) ได้ห้ามกระทำเมาลิดเลย

ท่านอัซซะฮะบีย์ กล่าวไว้ใน หนังสือ ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ว่า

قال عبد الله بن الإمام أحمد بن حنبل : كان أبى يصلى كل يوم ثلاثمئة ركعة ، فلما مرض من تلك الأسواط أضعفته فكان يصلى كل يوم وليلة مئة وخمسين ركعة

"ท่านอับดุลเลาะฮ์ บุตร ท่านอิมามอะหฺมัดบินหัมบัล กล่าวว่า บิดาของฉันเคยละหมาด 300 ร่อกะอัต ทุกวัน แต่เมื่อขณะที่ท่านป่วยจากการถูกโบยดังกล่าว ท่านจึงทำการละหมาดเพียง 150 ร่อกะอัต ในหนึ่งวันและหนึ่งคืน " ดู ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ เล่ม 11 หน้า 212

ผมอยากถามว่า การละหมาดสุนัตทุกวัน 300 ร่อกะอัตที่ท่านอิมามอะหฺมัดทำนั้น เป็นเรื่องศาสนาที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์รับรองเอาไว้หรือไม่? อัลเลาะฮ์ได้ตรัสไว้ว่า ให้ทำละหมาดวันละ 300 ร่อกะอัตหรือไม่? ท่านร่อซูลสอนว่า ให้ทำละหมาดสุนัตทุกวัน 300 ร่อกะอัตหรือไม่? การละหมาดวัน 300 ร่อกะอัตทุกวันนั้น มันเป็นบิดอะฮ์ที่ท่านอิมามอะหฺมัดประยุกต์ขึ้นมาเองหรือไม่? บังอะสันโปรดหน่อยได้ไหม?


วิจารณ์การสนทนากับบังฟารูกและบังอะสัน

คุณอะดีลลองจับประเด็นให้ดีนะจะเป็นได้วะฮาบีย์ที่หายมึน บังวะฮาบีย์อะสันพูดว่า "ศาสนาที่มาจากอัลลอฮและรซูล และ ให้ไปผลิตบุญเอาเองก็แล้วกัน เพราะท่านนบีไม่ได้รับรองไว้ แบบนี้เขาเรียกว่า บิดอะฮประยุกต์" คำกล่าวของบังอะสันนี้ มันเป็นแค่ความเห็น ตามหลักการของวะฮาบีย์ ที่ว่า "สิ่งที่ท่านนบีไม่ได้รับรองไว้ คือไม่ได้ระบุเอาไว้ให้กระทำ มันเป็นบิดอะฮ์ประยุกต์" เมื่อหลักการของบังอะสันเป็นเช่นนี้ บังอัลฟารูกจึงถามว่า "ท่านอิมามอะหฺมัด ละหมาดวันละ 300 ร่อกะอัต ท่านนบีรับรองไว้หรือไม่? ท่านนบีสั่งไว้หรือไม่? ซึ่งหากท่านนบีไม่ได้สั่งไว้ แน่นอนว่า ท่านอิมามอะหฺมัด ก็ทำบิดอะฮ์ประยุกต์รูปแบบละหมาด 300 ร่อกะอัตทุกๆวันตามทัศนะของบังวะฮาบีย์อะสัน หลักการมันจะนำมาเลือกปฏิบัติไม่ได้ ไม่ใช่ว่า พอเรื่องเมาลิดแล้วเอาหลักการนี้มา แต่เวลาเรื่องอื่นแล้วทำไม่รู้ไม่ชี้ แบบนี้เขาเรียกว่า ใช้หลักการตามอารมณ์ ตามอำเพอใจที่ตูจะเอาว่างั้นเถอะ ฮ้า ๆๆ ฮ้ายยยย...เอิ๊ก ส่วนเรื่องการอ้างฏออีฟในการอ้างถึงอิมามอะหฺมัดที่ท่านอัซซะฮาบีย์ได้นำเสนอไว้นั้น เก่งจริงวิจารณ์มาเลยครับ ฮ้าๆ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Wed May 17, 2006 8:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ผม ผู้ ซึ่งไม่สังกัดใน นิกายหรือลัทธฺิใดๆ ของศาสนาอิสลาม นอกเหนือไปจาก การเป็น มุสลิม ด้วยความศรัทธา ต่อพระเจ้า และเชื่อใน ศาสนทูตทุกๆท่าน ที่ถูกพระเจ้าส่งมา ให้ บอกข่าวสาร ต่อมวลมนุษย์ ว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใด, บุคคลผู้ใด, หรือ สิ่งอื่นใด ที่สมควรจะได้รับการกราบเคารพบูชา นอกจาก พระเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น และเชื่อใน อัลกุรอาน และท่านศาสนฑูต มูฮัมมัด ว่า เป็นศาสนฑุตท่านสุดท้าย ซึ่งเป็นผู้ที่นำข่าวสาร ข้อ ความสุดท้าย ซึ่งเป็นบัญญัติ ที่ยกเลิก บัญญัติที่มาก่อน นั้นก็คือ “อัลกุรอาน”

สำหรับความเห็นของผมนั้น ผมว่า “การทำการฉลองวันเกิด ของ ศาสนฑูต “มูฮัมมัด” หรือ ของศาสนฑูตท่านใดก็ตาม เป็นการประดิษฐ์ สิ่งใหม่ขึ้นมาในหลักการของศาสนาอิสลาม(บิดอะ) ความสำคัญของ นบีท่านต่างๆ นั้น อยู่ที่ข่าวสารที่ท่านนำมา ความสำคัญ ไม่ได้ อยู่ ที่ตัว ของท่านนบีเหล่านั้น


ความจริงหลักการของศาสนาอิสลามนี้ง่ายมาก และการเป็นมุสลิมที่ดีก็ง่ายมาก แต่ มุสลิมเราทำให้ศาสนาที่สำคัญ และยิ่งใหญ่ ของโลก ให้กลายเป็น สิ่งที่ลำบาก และยุ่งยาก ในการปฏิบัติ ทั้ง นี้ ก็ เพราะว่า มุสลิม ไปสร้าง หลักการใหม่ๆ ขึ้นมา ปฎิบัติให้ เป็นส่วนหนึ่ง ของ ศาสนาอิสลาม เท่าที่ผมไปทำการค้น และ คว้ามา พอได้ความว่า เรื่องการฉลอง วันเกิด ของนะบี มูฮัมมัด นี้ เริ่ม ในประเทศอียิปต์ (ฮศ 487-515) และ ใน ปัจจุบันก็ยังคงดำเนิน การฉลองกันอยู่ ทั้ง ซุนนีย์ และ ชีอะต์ เรื่องนี้ นักศึกษาและอาจารย์ ทางไคโร คงจะทราบดี

เหตุผลที่ ว่าการ ฉลองวันเกิดของท่านรอซูล เป็นบิดอะฮ์นั้น มีดังนี้

1.ไม่เคยมีหลักฐานปรากฏว่าท่านรอซูลปฏิบัติหรือสั่งให้ ใครปฏิบัติการฉลองวันเกิดของท่านและของผู้ใด

2. มุสลิมไม่อาจจะยกฐานะของท่านศาสนฑูตมูฮัมมัดให้แตกต่างไปจาก ท่านศาสนฑูตท่านอื่นๆ ในการกระทำเช่นนั้นถือว่าเป็น ชิริก เช่นเดียวกับที่ชาวคริสเตียน ยกย่อง นบีอีซา เมื่อใดก็ตาม ถ้าเรายกย่อง ท่นรอซูล ว่าดีกว่าและเหนือกว่า ท่าน นบีท่านอื่น จะเป็นการนำ ไปซึ่ง การสร้างภาคี (ชิริก) ท่านนบีมูฮัมมัด สั่งไว้ว่า อย่ายกย่องสรรเสริญ ท่าน อย่าง ที่ ตริสเตียน ยกย่องเชิดชู นบีอีซา ท่านเป็นเพียงบ่าว และศาสนฑูต ของพระเจ้าเท่านั้น

3. ถ้า มุสลิม คิดว่า การฉลองวันเกิดท่านนบีมูฮัมมัด ถูกต้องตามหลักการของอิสลามแล้ว โปรด ศึกษา อายาต ต่อไปนี้ ในอัลกุรอานให้เข้าใจ อย่างละเอียด…. 2:285, 2:136, 4:152, 3:84, 7:190 และ 4:171

ตามความเห็นของผม ซึ่งไม่ได้สังกัดลัทธินิกายใดในอิสลาม นอกจากการเป็นมุสลิม ตามที่อธิบายไว้ข้างต้นแล้วนั้น ผมพิจารณาว่า การฉลอง วันเกิดของ ท่าน ศาสนฑูตมูฮัมมัด นั้น เป็นการสร้าง การปฏิบัติพิธีกรรมทาง ศาสนาขึ้นมาใหม่ ซึ่งไม่เคยกระทำมาเลย หลังจาก ที่ท่าน นบีสิ้นชีวิต ใน 3 ช่วง เวลาชีวิต ของ บรรดานักปราชญ์ผู้ เคร่งครัดในศาสนาอิสลาม ไม่เคยปรากฎ มาก่อน, การฉลอง หรือยก ย่อง ท่าน รอซูลมูฮัมมัด เหนือกว่า ศาสนฑูตท่านอื่นๆ เป็น ชิริก(ตามความเห็นของผม) ซึ่งขัดต่อพระ ประสงค์ของพระเจ้าและท่านรอซูล ตัวท่านเอง


คำถามถึงท่านผู้รู้...

มีใครเคยทราบว่า เคยมีผู้เห็น หรือ กล่าวถึงว่า “บรรดาศานุศิษย์และสหายผู้สนิท สนมกับ ท่านรอซูล เคย ยืนให้คารวะต่อท่าน รอซูลมูฮัมมัดหรือไม่?

wassalam

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed May 17, 2006 8:46 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากคุณอะดีล

ทำไมอิมามอะฮ์หมัดยังละหมาด 300 ร่อกะอัต 150 ร่อกะอัตได้ ข้าก็จะทำเมาลิดบ้างจะเป็นไร สามวาสองศอกจิ้งจิง ฮ้าๆๆเอิกๆๆ แต่ยังถามทิ้งท้ายไว้อีกนะว่า มันเป็นบิดอะฮ์ที่ท่านอิมามอะหฺมัดประยุกต์ขึ้นมาเองหรือไม่?
ว่าแต่...อ้างอิหมามอะฮ์หมัด แต่อิหม่ามอะฮ์หมัดก็ไม่ทำเมาลิดนะ ขอบอกๆๆ ฮ้าๆๆ

ตอบ

ที่ท่านอิมามอะหฺมัดทำละหมาดสุนัตทุกวัน 300 ร่อกะอัต และ 150 ร่อกะอัตนั้น เพราะมันเป็นเรื่องการวินิจฉัยในการทำอิบาดะฮ์ที่สมัครใจให้กระทำ มันเป็นเรื่องที่ศาสนาไม่ได้ห้าม แม้ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ไม่ได้สั่งเป็นการเฉพาะก็ตาม ท่านอิมามอะหฺมัดก็ถือว่าทำได้ นั่นคือหลักการหนึ่งของท่านอิมามอะหฺมัดเกี่ยวกับเรื่องที่สมัครใจให้กระทำ การทำเมาลิดรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.) ก็เป็นเรื่องที่ญาอิซ (อนุญาติ) ให้กระทำได้ และก็มีการอ่านประวัติของท่านร่อซูล มีการเลี้ยงอาหารบรรดามุสลิม เพื่อแสดงความรัก ชูโกรเนี๊ยะมัต ที่อัลเลาะฮ์ทรงให้ท่านนบี(ซ.ล.)เกิดมาเป็นความเมตตาให้สรรพสิ่งทั้งหลายในสากลโลก และนั่นย่อมเป็นความดี สิ่งดีๆที่อยู่ในรูปแบบกว้างๆนั้น หากนำมาทำรวมกัน โดยมีรูปแบบที่ไม่ขัดกับหลักการศาสนา ก็ย่อมเป็นสิ่งที่อนุญาติให้กระทำได้ ดังนั้น สิ่งดีๆเมื่อรวมกันก็คือสิ่งดี จะไปเป็นความชั่วร้ายตามทัศนะลัทธิวะฮาบีย์ย่อมเป็นไปไม่ได้หรอกครับ

และการที่ท่านอิมามอะหฺมัด ไม่ได้ทำเมาลิดนั้น ไม่ได้ชี้ถึงหะรอมบิดอะฮ์ เพราะสิ่งที่สะลัฟไม่ได้ทำนั้น ไม่ได้เป็นหลักฐานที่ชี้ถึงหะรอม

อิมามอัชชาฟิอีย์(ร.ฏ.) กล่าวว่า

كل ما له مستند من الشرع فليس ببدعة فلو لم يعمل به السلف

"ทุกๆสิ่งที่มีสิ่งที่อิงถึงหลักศาสนา มันย่อมไม่เป็นบิดอะฮ์(ที่ลุ่มหลง) ถึงแม้นว่า สะลัฟไม่เคยปฏิบัติด้วยกับมันก็ตาม" ดู หนังสือ อิตกอน อัลซ๊อนอะฮ์ ฟี ตะหฺกีก มะอฺนา บิดอะฮ์ ของท่าน มุหัดดิษ ชัยค์ อัลฆุมารีย์ หน้า 14 ตีพิพม์ มัตตักอัลกอฮิเราะฮ์ ปี ฮ.ศ. 1426 - ค.ศ. 2005

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
al-azhary
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 14/06/2005
ตอบ: 573
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Wed May 17, 2006 9:32 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากบังอะสัน

แล้วใหนล่ะครับ จุดโฟกัสที่บ่งบอกว่าท่านนบีจัดงานวันเกิดให้กับตัวเอง ตรงกันข้าม หะดิษนี้ ท่านนบี ส่งเสริมให้ถือศีลอดสุนัตในวันจันทร์ แต่ การจัดงานเมาลิดนั้น มีการเลี้ยงอาหาร โดยเชิญโต๊ะยี โต๊ะละบัย มารับประทานอาหารและ อ่านบัรซันยี เมื่อเสร็จพิธี ก็จะแจกจาดแก่โต๊ะยี โต๊ะละบัยที่เชิญมา ( คำว่า “จาด” คือกะละมัง หรือ ภาชนะ ที่ในนั้นจะมี ขนม ข้าวตั้มมัด และของกินอื่นๆ พร้อม เงิน ปะไว้ข้างบน) ตามสุนนะฮส่งเสริมให้ถือ ศีลอด แต่ พวกคุณบอกว่า ทำเมาลิดเพื่อแสดงความรักต่อท่านนบี แล้วทำไมไม่ถือศีลอดสุนัตในวันจันทร์ล่ะครับ ท่าน และหะดิษนี้ กล่าวความประเสริฐของวันจันทร์ ไม่ได้หมายถึง ความประเสร็จในวันเกิดของท่านนบี แล้วขอถามว่า เหล่าเศาะหาบะฮคนใดจัดงานวันเกิดนบีในวันจันทร์บ้าง ?..เปล่าเลย

ตอบ

"แจกจาด" นั้น ผมไม่เคยเห็นการกระทำมาก่อนเลยครับ ที่เราทำกันนั้น ก็มีอยู่ในรูปแบบของการจัดงาน มีการเล่าประวัติของท่านนบี(ซ.ล.) บนเวที มีการซ่อละวาตท่านนบี มีการปราศัยให้พี่น้องในหมู่บ้านที่ตรากตำทำงาน และบรรดาบุตรหลาน มารับฟังประวัติแบบอย่างของท่านนบีเพื่อฟื้นฟู จิตสำนึกในความรักต่อท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) และเราก็เสริมด้วยการตักเตือนในเรื่องของศาสนาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน นั่นคือรูปแบบหนึ่งที่บ้านกระผมทำ ส่วนรูปแบบในการอ่านบทกวี บัรซันญีย์ นั้น มันมีการซ่อลาวาต ขอพร ขอความสันติแก่ท่านนบี และ สรรเสริญท่านนบีที่อยู่ในกรอบตามสิทธิ์ที่ท่านนบีได้รับ โดยไม่มีการเลยเถิดแต่อย่างไร แล้วก็มีการเลี้ยงรับประทานอาหารพี่น้องมุสลิม ซึ่งผมไม่เห็นความมันจะมีอะไรที่ชั่วร้ายตามที่ลัทธิวะฮาบีย์เชื่อและกล่าวหาเลยครับ

การถือศีลอดสุนัติในวันจันทร์นั้น ไม่ใช่เพราะวันจันทร์มีความเป็นเสริฐ แต่ถือศีลอดเพราะ มันเป็นวันเกิดของท่านนบี เป็นการให้เกียตริแก่วันเกิดของท่านนบี เป็นการชุกูรเนี๊ยะมัตในการเกิดของท่านนบี ดังนั้น ท่านนบีจึงตอบคำถามของซอฮาบะฮ์เกี่ยวกับการถือศีลอดในวันจันทร์ว่า เพราะ "มันเป็นวันเกิดของฉัน" และบรรดาซอฮาบะฮ์ก็ทำการถือศีลอดวันจันทร์ เพื่อ เป็นการแสดงความยินดี ชุโกรเนี๊ยะมัต ในวันเกิดของท่านนบี ที่ถูกส่งมาเป็นความเมตตาแก่สากลโลก

ดังนั้น การแสดงความยินดี ชุโกรในเนี๊ยะมัตวันเกิดของท่านนบีนั้น เป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมและมีรากฐาน أصل จากศาสนา แต่รูปแบบ ลักษณะ หรือสภาพการของการกระทำ ที่แสดงถึงความปิติยินดี ให้เกียตริแก่ท่านนบี ชุโกรเนี๊ยมัตในวันเกิดของท่านนบีนั้น ก็ให้อยู่ในการวินิจฉัยของปวงปราชน์แห่งโลกอิสลาม แม้ว่าจะอยู่ในยุคเคาะลัฟสักทีก็ตาม

บังอัลฟารูกได้เคยชี้แจงไปแล้วว่า

หากถูกกล่าวแก่เราว่า ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ทำการถือศีลอด เพราะว่าเป็นวันเกิดของท่าน แต่พวกเราทำการฉลองเมาลิดเพื่อรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)ด้วยการรวมตัวกัน และมาทำการอ่านประวัติ อ่านอัลกุรอานบางส่วน ซอลาวาต ทำการให้อาหารและเลี้ยงอาหาร โดยที่ท่านนบี(ซ.ล.) ไม่เคยกระทำรูปแบบนี้มาก่อน ซึ่งมันเป็นบิดอะฮ์หรือไม่?

เราขอตอบว่า

กรณีดังกล่าวนี้ มันอยู่ในเรื่องของวิธีการหรือสภาพการแต่ละพื้นที่ ซึ่งวิธีการในการรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)นั้น เป็นเรื่องวิธีการที่อยู่ในรูปแบบกว้างๆ (มุฏลัก) ที่เป็นประเด็นในเชิงวินิจฉัย الإجتهاد ดังนั้น รูปแบบในการทำเมาลิดรำลึกท่านนบี(ซ.ล.)นั้น มันยังคงถูกเปิดให้แก่ประชาชาติอิสลาม ในการวินิจฉัย พิจารณาตามสภาพที่สะดวกของพวกเขา โดยไม่ขัดกับหลักของศาสนา ฉะนั้น การมีความยินดี วันเกิด(เมาลิด)ของท่านนบี(ซ.ล.) นั้น มีรากฐานจากศาสนา แต่วิธีการต่างๆนั้น อิสลามเปิดกว้างโดยอยู่ในเรื่องของการวินิจฉัย

ในประเด็นของการวินิจฉัยนั้น มีประเด็นมากมาย ที่รากฐานของมันได้ระบุเอาไว้ แต่วิธีการนั้น ถูกทิ้งให้กับประชาชาติอิสลามทำการวินิจฉัยได้ อย่างเช่น เรื่องของอัลกุรอาน ซึ่งไม่มีผู้ใดคัดค้านในเรื่องของความดีงามและความประเสริฐของการท่องจำ การเรียน การสอนและเผยแพร่อัลกุรอาน

แต่วิธีการสอน การท่องจำ การเรียน และการเผยแพร่อัลกุรอานนั้น มันมีรูปแบบและวิธีการหรือไม่? และอย่างไร?

คำตอบก็คือ

ให้ผู้อ่านพิจารณากับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปัจจุบัน ท่านผู้อ่านจะเห็นและทราบว่า วิธีการสอน เรียน เผยแพร่ อัลกุรอานนั้น มีอยู่ในทั้งรูปแบบของ โรงเรียน หรือ มหาลัย สอนอัลกุรอาน หรือคณะอัลกุรอาน มีสมาคมสอนอัลกุรอาน มีการแข่งขันกันอ่านอัลกุรอาน ท่องอัลกุรอาน มีการมอบรางวัลให้กับผู้ท่องจำอัลกุรอาน มีประกาศนียบัตรให้กับผู้สำเร็จในหลักวิชาอัลกุรอาน และมีการสัมมนาเกี่ยวกับการเรียนการสอนและความสำคัญของอัลกุรอาน มีการบันทึกอัลกุรอานในในรูปแบบ เทป หรือ ซีดี มีการเผยแพร่อัลกุรอาน ที่อยู่ในรูปแบบของโรงพิมพ์ มีการตีพิมพ์อัลกุรอาน ที่มีสีสันเน้นคำตัจญวีด มีการทำเล่มที่มีหลายรูปแบบ และบางทีการเผยแพร่อัลกุรอานก็อยู่ในรูปแบบของสมาคมนักกอรีย์ ดังนั้น รูปแบบต่างๆเหล่านี้ มีอยู่ในสมัยของท่านนบี(ซ.ล.)หรือไม่?? ท่านผู้อ่านโปรดพิจารณาครับ

ดังนั้น การทำเมาลิดเพื่อรำลึกถึงท่านนบี(ซ.ล.)นั้น จึงไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายสกปรกตามที่ อุลามาอ์วะฮาบีย์ บักร อัลญะซาอิรีย์ กล่าวไว้ว่า แพะที่เชือดทำเมาลิดรำลึกถึงนบี หะรอมยิ่งกว่าหมู !! และไม่ชั่วร้าย ตามที่ลัทธิวะฮาบีย์หุกุ่มเรื่องการทำเมาลิดของบรรดาพี่น้องมุสลิมีนหรอกครับ

_________________
นักศึกษามหาวิทยาลัยอัล-อัซฮัร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ Yahoo
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Wed May 17, 2006 9:48 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Al-farook สุด love กล่าวว่า
ท่านอัซซะฮะบีย์ กล่าวไว้ใน หนังสือ ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ว่า
قال عبد الله بن الإمام أحمد بن حنبل : كان أبى يصلى كل يوم ثلاثمئة ركعة ، فلما مرض من تلك الأسواط أضعفته فكان يصلى كل يوم وليلة مئة وخمسين ركعة

"ท่านอับดุลเลาะฮ์ บุตร ท่านอิมามอะหฺมัดบินหัมบัล กล่าวว่า บิดาของฉันเคยละหมาด 300 ร่อกะอัต ทุกวัน แต่เมื่อขณะที่ท่านป่วยจากการถูกโบยดังกล่าว ท่านจึงทำการละหมาดเพียง 150 ร่อกะอัต ในหนึ่งวันและหนึ่งคืน " ดู ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ เล่ม 11 หน้า 212

ผมอยากถามว่า การละหมาดสุนัตทุกวัน 300 ร่อกะอัตที่ท่านอิมามอะหฺมัดทำนั้น เป็นเรื่องศาสนาที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์รับรองเอาไว้หรือไม่? อัลเลาะฮ์ได้ตรัสไว้ว่า ให้ทำละหมาดวันละ 300 ร่อกะอัตหรือไม่? ท่านร่อซูลสอนว่า ให้ทำละหมาดสุนัตทุกวัน 300 ร่อกะอัตหรือไม่? การละหมาดวัน 300 ร่อกะอัตทุกวันนั้น มันเป็นบิดอะฮ์ที่ท่านอิมามอะหฺมัดประยุกต์ขึ้นมาเองหรือไม่? บังอะสันโปรดหน่อยได้ไหม?
_________________
ตอบ
ไม่น่าเชื่อว่า คนระดับปริญญาโท จะตอบแบบปิดตาชนอย่างนี้ แล้วใหนล่ะหลักฐานท่านนบีใช้ให้ทำเมาลิด ตอบให้ตรงไปตรงมา ไม่ใช่ แบบไปใหนมา สามวาสองศอก อย่างที่น้องอะดีลเขาว่า
น้อง al-farook เขาใจคำว่า “นัฟลุลมุฏลัก”หรือเปล่า ละหมาดสุนัต นอกจากละหมาดสุนัตที่ควบคู่ไปกับละหมาดฟัรดู หรือ ที่เรียกว่า “รอวาติบ”เช่น ละหมาดสุนัตก่อน-หลังละหมาดฟัรดู แล้ว ก็มีละหมาดสุนัต ถูกจำกัดเวลาและสาเหตุ เช่น ละหมาดอีด ละหมาดขอฝน เป็นต้น และมีสุนัตอีกประเภทหนึ่ง เรียกกันว่า สุนัตมุฏลัก หรือ นัฟลุ้ลมุฏลัก คือ การละหมาดสุนัต ที่ไม่ได้