ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (เสวนาเชิงวิชาการ)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
มัซฮับสะละฟีย์และมัซฮับทั้งสี่ (เสวนาเชิงวิชาการ)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 12, 13, 14 ... 26, 27, 28  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Nov 11, 2005 7:29 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

وعليكم السلام ورحمة الله وبركاته

ถึงคุณอิลยาสครับ สิ่งที่คุณนำเสนอมานั้น เปิดฟังไม่ได้ ครับ และสิ่งที่แน่ชัดนั้น คือสิ่งที่เราได้นำเสนอจากหนังสือและการอ้างอิงครับ คุณพูดเองเออเองอย่างนี้ มันไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่นะครับ โปรดนำเสนอในเชิงวิชาการสักทีซิครับ คุณมาๆแล้วไป ไม่ได้มีอะไรเป็นประเด็นการสนทนาที่ชัดเจนสักที นำเสนอมาเถิดครับ ไม่ต้องกลัวว่า เราจะตรวจสอบการอ้างอิงของคุณ หากคุณอ้างอิงมถูกต้องก็คงไม่มีปัญหา หรือว่าคุณไม่แน่ใจในแนวทางการอ้างอิงของตัวเอง ก็เลยไม่ยอมนำเสนอการสนทนาเป็นอ้างอิงจากหนังสือและคำกล่าวของอุลามาอฺ

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Nov 11, 2005 7:31 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากอาจารย์อะสัน

ลองมาดูนักวิชาการที่เข้าใจศาสนาครับ
قال ابن حزم: التقليد حرام، ولا يحل لأحد أن يأخذ قول أحد غير رسول الله (صلى الله عليه [وآله] وسلم) بلا برهان، لقوله تعالى (اتّبعوا ما أُنزل إليكم من ربكم ولا تتّبعوا من دونه أولياء
12- الرد على من أخلد إلى الأرض ص 131.
อิบนุฮัซมินกล่าวว่า “ การตักลิดนั้น เป็นสิ่งต้องห้าม และไม่อนุญาต ให้คนหนึ่งคนใด เอาคำพูดของอีกคนหนึ่ง อื่นจากรซูลุ้ลอฮ ศอลฯ โดยปราศจากหลักฐาน เพราะอัลลออ (ซ.บ)ตรัสว่า (พวกเจ้าจงปฏิบัติตาม สิ่งที่ถูกประทานลงมาให้แก่พวกเจ้า จากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า และอย่าตามบรรดาผู้ปกครองอื่น จากพระองค์ – ดูหนังสือ อัร-รอ็ดอะลามันอัคละดะ ฟิลอัรฎิ หน้า 131
..........................................................
ขอให้คุณมุหัมหมัด พิจารณาดูตัวเองด้วยว่า คุณพูดด้วยความเป็นธรรมจริงหรือเปล่า อินเตอร์เน็ตเป็นสื่อสาธารณะ คนดูเขาตัดสินเองครับ ว่า คุณหรือ ผม ใครเป็นคนปิดหูปิดตาชาวบ้าน หรือ อยากจะมาพบผมก็ได้ บอกที่อยู่ให้เลย วันอาทิตย์บรรยายศาสนาที่ ศูนย์อิสลามศึกษา สถานี 2 หาดใหญ่ ถามคนหาดใหญ่เขา


แสดงความคิดเห็น

อาจารย์อะสันนั่นและครับ ที่หลอกลวงชาวบ้าน โดยนำเอาบทความที่อุลามาอฺชีอะฮฺ อัรรอฟิเฏาะฮฺมาอ้าง ชีอะฮฺเขาหลอกมาอีกทีหนึ่ง แล้วอาจารย์อะสันก็นำมาหลวกลวงชาวบ้านอีกต่อหนึ่ง ซุบหานัลลอฮฺ สงสารชาวบ้านที่อาจารย์สอนพวกเขาจัง

อาจารย์อะสันครับ ผมกลับเมืองไทยคราวนี้ ผมจะไปเยี่ยมคารวะอาจารย์แน่นอนครับ ตอนที่ผมจบปริญญาตรี ผมมีโอกาศได้ไปปราศัยที่จังหวัดสุราษฏร์ และจังหวัดกระบี่ และที่อื่นๆอีก 10 - 12 ครั้ง ที่มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ผมก็ไปเป็นวิทยากรมาเหมือนกนัน ไปทั้งๆอายุน้อยอย่างนี้แหละครับ แต่ก็เหนื่อยหน่อย เพราะบางทีเจ้าภาพเขาให้ขึ้นเวทีปราศัยสองครั้งในงานเดียวกัน เนื่องจากว่าเขาจะฟังอีก แต่ผมต้องขึ้นมาเรียนต่อในขณะที่อยู่เมืองไทยได้ไม่นาน เพราะความรู้ยังน้อยนัก แต่น้อยกว่าอาจารย์อะสันนั้นผมชักไม่แน่ใจ กลับไปคราวนี้ ผมจะไปที่หาดใหญ่เพื่อไปเจอกับอาจารย์อะสันครับ แค่ไปเยี่ยมคาราวะเท่านั้นครับ ไม่ใช่ไปโต้เถียงขึ้นเวที เพราะกลัวว่าอาจารย์อะสันจะไม่ตอบรับ ขอเตือนอีกอย่างหนึ่ง หากผมไปเยี่ยมอาจารย์ที่หาดใหญ่ ห้ามให้ลูกสาวเห็นผมเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เป็นบาปขึ้นมาได้

เรามาเข้าเรื่องกันสักนิด คำกล่าวของอิบนุหัซมิน ที่อาจารย์อะสัน เอาคำอ้างอิงมาจากข้อเขียนของ อุลามาอฺ ชีอะฮฺ อัรรอฟิเฏาะฮฺนั้น เป็นคำกล่าวที่มีการตัดตอนคำพูดของท่านอิบนุหัซมิน และนำมันมาไม่หมด และเช่นเดียวกันนี้ อุลามาอฺสะละฟีย์ ก็ทำการอ้างไว้เหมือนกัน โดยอ้างแบบบิดเบือน ตัดตอนคำพูดของอิบนุหัซมิน ซึ่งคำพูดของอิบนุหัซมินนี้ พูดเกี่ยวกับการห้ามตักลีดของอุลามาอฺที่เป็นมุจญฺฮิด หากเราไปอ่านคำพูดของอิบนุหัซมินในกรณีนี้ เราจะพบว่า ท่านอิบนุหัซมินกล่าวต่อว่า มันเกี่ยวกับผู้มีเป็นนักมุจญฺฮิด ตอนนี้ผมอยู่ร้านเนท จะอ้างอิงเลยไม่ได้ คราวหลังผมจะนำมาชี้แจงรายละเอียดครับ

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Nov 11, 2005 7:36 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หลังจากละหมาดญุมอะฮฺ ผมก็ขอเข้ามาสนทนาอีกสักนิดหนึ่ง เพราะจะได้ชี้นำอาจารย์อะสันสักเล็กน้อยครับ

อาจารย์อะสันได้อ้างจากข้อเขียนของ อุลามาอฺชีอะฮฺ อัรริฟิเฏาะฮฺ อิมาม 12 ที่มีนามว่า ชัยคฺ อะลี อาลิ มั๊วะหฺซิน เขาได้อ้างอิงจากหนังสือของท่านอิมาม อัซซะยูฏีย์ อัชชาฟิอีย์ อัลอัชอะรีย์ (ร.ฏ.) ซึ่งท่านอิมาม อัซซะยูฏีย์ ได้ถ่ายทอดคำพูดของอิบนุหัซมิน ตามที่อาจารย์อะสันและอุลามาอฺชีอะฮฺอัรรอฟิเฏาะฮฺพี่น้องของอาจารย์อะสันอ้างว่า

قال ابن حزم: التقليد حرام، ولا يحل لأحد أن يأخذ قول أحد غير رسول الله (صلى الله عليه [وآله] وسلم) بلا برهان، لقوله تعالى (اتّبعوا ما أُنزل إليكم من ربكم ولا تتّبعوا من دونه أولياء
12- الرد على من أخلد إلى الأرض ص 131.

หากเราไปดูหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ของอุลามาอฺสะละฟีย์ที่บิดอะฮฺ ที่ชื่อว่า " المذهبية المتعصبة بدعة" หน้า 287 ซึ่งผู้แต่งนั้น อยู่ในนามของ มุหัมมัด อีด อับบาซีย์ ในร้านหนังสือที่อียิปต์ทั่วไปนั้นสูญพันธ์ไปแล้ว แต่จะไปที่ อันซอรุสุนนะฮฺ ศูนย์เผยแพร่มัซฮับสะละฟีย์ที่ซบเซา ณ อียิปต์ ล่ะก็ ตอนนี้อาจจะมีให้เห็นอีกก็ได้
ซึ่งในหนังสือเล่มดังกล่าวอ้างอิงจากคำกล่าวจากหนังสือ อัลหุจญฺตุลบาลิเฆาะฮฺ ของ อิมาม อัดดิฮฺละวีย์ เล่ม 1 หน้า 154-155 โดยที่ท่านอิมาม อัดดิฮฺละวีย์ ได้ถ่ายทอดคำพูดของท่านอิบนุหัซมิน ว่า

قال الدهلوى : قال ابن حزم: التقليد حرام، ولا يحل لأحد أن يأخذ قول أحد غير رسول الله (صلى الله عليه وسلم) بلا برهان، لقوله تعالى اتّبعوا ما أُنزل إليكم من ربكم ولا تتّبعوا من دونه أولياء.......

ดังที่กล่าวมานั้น ผมไม่ทราบว่า ชีอะฮฺกับสะละฟียะฮฺนั้น ใครโกหกก่อนกัน ? ไม่รู้ว่าชีอะฮฺเอาการอ้างแบบบิดเบือนนี้ จากสะละฟียะฮฺ หรือสะละฟียะฮฺเอาการอ้างอิงแบบบิดเบือนนี้ มาจากชีอะฮฺ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ ที่แน่ๆ ทั้งสะละฟีย์และชีอะฮฺ ต่างก็โกหกบิดเบือนด้วยกันทั้งนั้น

ดังนั้นข้อความเต็มๆ จากสิ่งที่ ท่านอิมาม อัดดิฮฺละวีย์ ได้กล่าวไว้จาก หนังสือ อัลหุจญะฮฺ อัลบาละเฆาะฮฺ เล่ม 1 หน้า 123 ตีพิมพ์ที่ อัลค๊อยรียะฮฺ ซึ่มีความว่า

إن هذه المذاهب الأربعة المدونة المحررة قد إجمعت الأمة أو من يعتد به منها على جواز تقليدها إلى يومنا هذا ، وفى ذلك من المصالح مالا يخفى ، لا سيما فى هذه الأيام التى قصرت فيها الهمم جدا وأشربت النفوس الهوى وأعجب كل ذى رأى برأيه

หลังจากนั้น ท่านอิมามอัดดิฮฺละวีย์กล่าวต่อไปว่า

فما ذهب إليه إبن حزم حيث قال إن التقليد حرام ولا يحل لأحد أن يأخذ قول أحد غير رسول الله (صلى الله عليه وسلم) بلا برهان، لقوله تعالى اتّبعوا ما أُنزل إليكم من ربكم ولا تتّبعوا من دونه أولياء.......

แล้วท่านอิบนุหัซมิน ก็กล่าวอย่างยืดยาว (ไม่ไหวพิมพ์ครับ) แล้วท่านอิบนุหัซมินก็กล่าวว่า

إنما يتم فيمن له ضرب من الإجتهاد ولو فى مسألة واحدة

หลังจากนั้นมีการกล่าวรายละเอียะเกี่ยวกับเรื่อง เงื่อนไขของการอิจญฺฮาด

ความหมายจากคำพูดของอิมาม อัดดิฮฺละวีย์ ที่ถ่ายทอดคำกล่าวของอิบนุหัซมิน นั้น มีความว่า
" แท้จริง บรรดามัซฮับทั้งสี่ที่ได้ถูกบันทึกหลักการไว้เรียบร้อยแล้ว อุมมะฮฺอิสลามได้ลงมติหรือผู้ที่ถูกนับด้วยกับเขาจากการลงมติได้ มีมติเห็นพร้องว่า อนุญาติให้ทำการตักลีดตามบรรดามัซฮับทั้งสี่ได้ จนกระทั้งถึงวันของเรานี้ และในสิ่งดังกล่าวเป็นการรักษาไว้ซึ่งประโยชน์อย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบรรดายุคสมัยนี้ ซึ่งบรรดาปฏิธานความุ่งมั่นได้ถดถอยลงไปอย่างมาก และบรรดาจิตใจได้ดื่มด่ำกับอารมณ์ และทุกๆผู้มีความเห็น ต่างก็อวดว่าดีด้วยความเห็นของเขา ดังนั้น สิ่งที่ท่านอิบนุหัซมินได้มีทัศนะไว้นั้น คือเขาได้กล่าวว่า แท้จริง การตักลีด นั้น หะรอม โดยที่ไม่อนุญาติให้คนหนึ่ง เอาคำกล่าวของคนหนึ่งที่อื่นจาก(คำกล่าวของ)ร่อซูลุลเลาะฮฺ(ซ.ล.) โดยปราศจากหลักฐาน เพราะอัลเลาะฮฺทรงกล่าวว่า " พวกเจ้าจงตามสิ่งที่ถูกประทานมายังพวกเจ้า จากพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า และพวกเจ้าอย่าตามบรรดาผู้ปกครองที่อื่นจากพระองค์ " ..................แล้วท่านอิบนุหัซมินก็ทำการอธิบายการห้ามตักลีดแล้วก็กล่าวว่า..........แท้จริง(การห้ามตักลีดนั้น) ได้สมบูรณ์ ในบุคคลที่ มีความสามารถ จากการวินิจฉัย หากแม้นว่าในประเด็นเดียวสักทีก็ตาม "
ดังนั้น ทัศนะของอิบนุหัซมินในการห้ามตักลีดนั้น สำหรับนักมุจญฺฮิดที่มีความสามารถในการวินิจฉัยได้ ซึ่งเป็นทัศนะที่ตรงกับอุลามาอฺทั่วๆไปอย่างไม่ต้องสงสัย

เรามาดูวิธีการบิดเบือนจากของการอ้างอิงของอาจารย์อะสันที่ตักลีดตาบอดตามคนอื่นโดยไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จากอุลามาอฺชีอะฮฺและอุลามาอฺสะละฟียะฮฺ

พวกเขาจะตัด คำว่า فما ذهب إليه ออกไป ซึ่งคำว่า ما นั้น เป็น إسم الموصول เอี๊ยะร๊อบ(อยู่ในตำแหน่งของ ) مبتداء คำที่เริ่มประโยค และคำว่า إنما يتم เป็นญุมเลาะฮฺ เฟี๊ยะลียะฮฺ อยู่ในตำแหน่งเอี๊ยะร๊อบเป็น خبر ของ คำว่า ما แต่พวกเขาพยายามตัด مبتداء ออกไป เพื่อที่จะไม่ให้ไปเกี่ยวข้องกับ خبر คือإنما يتم ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของประโยค แต่พวกเขาก็ทำการตัดทั้ง มุบตาดาอฺ และไม่ยอมนำ ค่อบัร มากล่าว แล้วก็แต่งสำนวนมันขึ้นมาใหม่ ว่าท่านอิบนุหัซมิน ได้กล่าวไว้อย่างนี้ ดังนั้นชีอะฮฺอิมามียะฮฺและสะละฟียะฮฺ ต่างโกหกใส่ท่านอิมามอัซซะยูฏีย์ และท่านอิมามอัดดิฮฺละวีย์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับท่านอิบนุหัซมิน ผมก็ขอให้อาจารย์อะสันทำการเตาบะฮฺต่ออัลเลาะฮฺ(ซ.บ.) ให้มากๆ เพื่ออัลเลาะฮฺจะได้ชี้นำท่านครับ อามีน ยาร๊อบ

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Nov 11, 2005 7:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างอิงจากอาจารย์อะสัน

ผมคิดว่า พอเถอะครับ คำพูดหรือถ้อยคำทึ่คุณใช้ มันไม่ใช่การคุยกันเรื่องศาสนาเสียแล้วนะครับ ผมสนทนากับมุหัมหมัด แต่คุณตอบแทนมาใช้คำพูดซึ่งไม่น่าจะเป็นคนเรียนศาสนาเลย พวกคุณตั้งกระทู้และชักชวนให้มาสนทนากัน คำพูดที่คุณใช้ ผมคิดว่า ผมไม่ควรเปลืองตัวกับเด็กแบบนี้ อีกต่อไป


ตอบ

ซุบหานัลเลาะฮฺ !! อาจารย์อะสันครับ คำพูดของอาจารย์ที่ใช้ออกมานั้น มันก็รุนแรงพอๆกันนะครับ เราต้องพูดด้วยสัจจะธรรมความจริงซิครับ ไม่ใช่พูดโดยปราศจากความจริงกับบรรดาอุลามาอฺ ผมเองก็ทราบว่าดีว่า ต้องใด้คำตอบแบบนี้ จากอาจารย์ และอาจารย์จะว่ากล่าวกับผมอย่างไรก็ตามสบายเลยครับ การพิจารณาข้อตำหนิของตัวผมเองนั้น ย่อมดีกว่าการดูข้อตำหนิของผู้อื่นๆ จากที่สนทนามานั้น อาจารย์เป็นคนที่ตะอัศศุบในแนวทางของสะละฟีย์อย่างมากคนหนึ่ง โดยที่ไม่ค่อยฟังการนำเสนอของคนอื่น และเพื่อให้อาจารย์อะสันมีความสบายดี ผมก็จะไม่ทำการสนทนากับอาจารย์ครับ เชิญทำการสนทนากับคุณมุหัมมัด ได้ตามสบายเลยครับ มาสนทนากับผมนั้น เปลืองตัวเสียเปล่าๆ ผมนั้นต้องเรียนอีกเยอะเลยทีเดียว เพราะพูดอะไรออกไป มันดูเหมือนเป็นคนที่ไม่ค่อยเรียนศาสนาสักเท่าไหร่

อัลเลาะฮฺทรงตรัสว่า " เจ้าจงโต้เถียงกับพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีที่สุด นอกเสียจากบรรดาผู้อธรรม "

ที่ๆผ่านมา ผมก็น้อมขอมะอัฟอาจารย์อะสันมาก ๆ ด้วยครับ เราคงเจอกันเพียงแค่นี้

الفاروق الشافعى الأشعرى

غفر الله له ولوالديه

والسلام

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Nov 11, 2005 7:53 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam
พี่น้องผู้อ่านที่เคารพ โปรดพิจารณาเถอะครับ

ข้อความและถ้อยคำที่คือชื่อ al-farook.ใช้ สนทนา
1. ดูซิครับ อาจารย์อะสันเขาไปอ้างอิงจากหนังสือ อุซูลุ้ลฟิกฮฺ ของอัซตาซ อับดุลกอเดร หะซัน และอุซตาซ อับดุลกอเดร ก็ไปอ้างอิงมาจาก ท่าน อิบนิอับดิลบัรริ ( ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า อัลเลาะฮฺมีนามหนึ่งที่เชื่อว่า อัล-บิร อย่างที่อาจารย์อะสันว่ามา ) เพื่อที่อาจารย์อะสันจะบอกว่า การตักลีดนั้น เหมือนกับสัตว์ที่ถูกจูงจมูก2. ธาตุแท้ของความเป็นสะละฟีย์ของอาจารย์อะสัน ก็เริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ผมก็นึกอยู่แล้วล่ะครับ ว่า อาจารย์อะสันเขาไปไม่ใกลหรอก เพราะยังไง 2.ธาตุแท้ของมัซฮับสะละฟีย์ ที่เป็นบิดอะฮฺอุตริกรรมขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันนั้น มันก็ออกมาอย่างที่ อัลอัซฮะรีย์ได้กล่าวเอาไว้ข้างต้นในเชิงวิชาการ ส่วนคำว่าสุนัตให้กล่าวคำเหนียตก่อนละหมาดนั้น ไม่จำเป็นต้องตามหรอกครับ เพราะมันเป็นสุนัต ไม่ใช่วายิบ ส่วนรายงานละเอียดนั้น ค่อยว่ากันเป็นประเด็นๆไป ตอนนี้เอาเรื่องหุกุ่มเถื่อนที่ว่า อ่านกุนูตเป็นบิดอะฮฺก่อน
3.[B] อาจารย์อะสันครับ ตักน้ำใส่กระโหลกฉะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้างนะครับ
อย่าไปว่าแต่คนอื่น กลับมาดูข้อตำหนิและความบิดอะฮฺของตัวเองบ้าง แต่เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น อย่างเช่นในกระทู้การแบ่งแยกเตาฮีดฯ อาจารย์อะสันเคยอ้างอิงตักลีดตามอุลามาอฺสะละฟีย์ที่บิดอะฮฺ
………………………….
ข้างบนเป็นการสนทนาเรื่องศาสนา ที่ไม่น่าจะเกิดจากคนเป็นครูสอนพิเศษศาสนา ใน มหาลัยอัลอัซฮารและนักบรรยายธรรม มันหดหู่จริงๆ ได้ข่าวว่าจะมาเยี่ยมผมไม่ต้อนรับหรอกครับครูศาสนาแบบนี้
ขอให้พี่น้องมุสลิมพิจารณากันครับ ว่า คำพูดและถ้อยคำแบบนี้มาจากคนมีการศึกษาหรือเปล่า [/B]
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Nov 11, 2005 8:09 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณ al-farook นี่แหละครับที่เว็บ อ.ริฏอ เขาไม่ต้อนรับคุณ และอีกอย่าง คุณ ก็ไม่ควรเข้าไปในเว็บ az-sunnah.com ด้วยเพราะเขาไม่ต้อนรับ วาจาแสดงความโอหัง ไร้มารยาท ผมจะไม่คุยกับคนแบบคุณ และไม่หะลาลให้มาตอบผมด้วย และไม่ได้เจอทางตันอย่างที่คุณสบประมาท แต่กับท่านผู้มีเกียรติคนอื่นๆยินดีเสมอ ในเรื่องเดียวกันนี้
.................
หวังว่าคงเข้าใจ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Nov 11, 2005 9:17 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ข้อความของ al-farook นักศึกษา มหาลัยอัลอัซฮัร
ผมจะไปที่หาดใหญ่เพื่อไปเจอกับอาจารย์อะสันครับ แค่ไปเยี่ยมคาราวะเท่านั้นครับ ไม่ใช่ไปโต้เถียงขึ้นเวที เพราะกลัวว่าอาจารย์อะสันจะไม่ตอบรับ ขอเตือนอีกอย่างหนึ่ง หากผมไปเยี่ยมอาจารย์ที่หาดใหญ่ ห้ามให้ลูกสาวเห็นผมเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้เป็นบาปขึ้นมาได้
................................
นี่ก็อีกถ้อยคำหนึ่ง ที่แสดงถึงมารยาทอันต่ำทรามที่ไม่น่าจากมาจากคนเรียนศาสนาระดับมหาลัย และต้องขออภัยท่าน เว็บมาสเตอร์ด้วยที่มีเหตุการณ์แบบไม่ร้างสรรค์เกิดขึ้น
wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
yoohoo
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 17/02/2004
ตอบ: 65


ตอบตอบ: Fri Nov 11, 2005 10:10 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

งงครับว่า นี่คือการสนทนาแบบวิชากวน หรือวิชากู กันแน่???
ขอมะอาฟอย่างแรง ที่เห็นการสนทนาออกมาแบบจาบจ้วง ดูถูก เหยียดหยาม มีอคติในตัวบุคคล
หรือว่า นี่ก็คือแนวทาง(มัซฮับ) แห่งอิสลาม ที่ได้อุตส่าห์ค้นคว้า ศึกษาร่ำเรียนกันมา ที่เป็นแบบอย่างแห่งมวลมนุษยชาติ


wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Sat Nov 12, 2005 12:13 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

จากการสนทนาของ คุณอัล-ฟารูก นั้น หลักการในเชิงวิชาการนั้น มีความละเอียดละออ และมีน้ำหนัก แต่สไตย์การพูดนำเสนอนั้น ผมไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพราะว่ามันเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะสมนัก และมันเป็นความผิดพลาดที่คุณใช้คำสนทนาที่รุนแรงไปหน่อย ผู้ที่ไม่เห็นด้วยการแนวทางของมัซฮับทั้งสี่ที่คุณนำเสนอนั้น เขาอาจจะคอยซ้ำเติมคุณก็ได้ บางคนใผล่มาครั้งสองครั้ง หรือไม่เคยเข้ามาสนทนาในกระทู้นี้ ก็อาจจะเข้ามาซ้ำเติมคุณก็ได้ อย่างเช่นคุณ yoohoo เขาซ้ำเติมคุณอย่างเกินจริง ซึ่งบอกตรงๆว่า ผมเจ็บแทนคุณเหมือนกันครับ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะครับ ในเมื่อคุณสนทนามันไปแล้ว ตอนนี้ผมพอรู้จักคุณแล้วล่ะว่า คุณคือใคร ? ซึ่งสมแล้วในสิ่งที่คุณนำเสนอในเชิงวิชาการที่ละเอียดละออ ผมเคยเรียนกับคุณหนึ่งวิชา แต่ผมอายุมากกว่าคุณ แต่สิ่งที่คุณสนทนากับคุณอะสันนั้น ผมเชื่อว่า ถ้าคุณร้ายก็คงร้ายกับเฉพาะคุณอะสันเท่านั้น ถ้าพูดแรงก็คงจะแรงกับคุณอะสันเท่านั้น คุณคงจะมีเหตุผลเฉพาะของคุณ ผมก็ขอให้คุณเป็นแบบอย่างในการร่ำเรียนและเป็นกันเองไม่ถือเนื้อถือตัวกับรุ่นน้องที่นี่ต่อไป แม้คุณจะไม่เข้ามาแล้ว ก็ยังมี อัล-อัซฮะรีย์ อยู่อีกคน และผมก็จะร่วมสนทนาด้วยอีกคน หากมีเวลาว่าง อินชาอัลเลาะฮฺ

คุณอะสันครับ ตอนนี้คุณกำลังถูกทดสอบ จงอดทน อย่าฟิวส์ขาดครับ คำว่า "มารยาทต่ำทราม" ที่คุณกล่าวกับคุณอัล-ฟารูกนั้น มันไม่ใช่วิสัยของคุณนี่ครับ บางครั้งหากผู้หญิงเห็นคุณอัลฟารูก อาจจะเกิดฟิตนะฮฺก็ได้ ผู้ชายมองผู้หญิง นั้นบาป ก็เช่นเดียวกัน ที่ผู้หญิงมองผู้ชายก็เป็นบาป คุณอัล-ฟารูกก็เป็นคนที่หมายปองของสาวๆเหมือนกันนะครับ แต่เขาไม่มีข่าวเรื่องแบบนี้ ดังนั้น คำว่ามารยาทต่ำทรามนั้น ผมไม่เห็นด้วยเลยครับ ส่วนคุณอัล-ฟารูกไม่ได้รับการต้อนรับจากเวป ชัยคฺ ริฏอ นั้น ผมคิดว่า เขาพูดของจริงเกินไป จนชัยคฺ ริฏอ เขารับไม่ได้มากกว่า

การที่คุณอัลฟารูกกล่าวว่า " ตักลีดเหมือนสัตว์ที่จูงจมูก" นั้น คือคำๆพูดเดียวกันที่คุณอะสันอ้างหลักฐานในการค้านการตักลีดว่า เหมือนกับสัตว์ที่ถูกจูงจมูกไม่ใช่หรือครับ

แต่กล่าวของคุณอัลฟารูกที่ว่า " อาจารย์อะสันครับ ตักน้ำใส่กระโหลกฉะโงกดูเงาตัวเองเสียบ้างนะครับ " อันนี้ผมไม่เห็นด้วยกับคุณอัลฟารูก แม้มันเป็นคำพูดที่ถูกต้อง แต่นำมาใช้ผิดที่ไปหน่อย

หากเขาจะไปเยี่ยมคุณ แต่คุณบอกว่าไม่ต้อนรับ นี่มันเป็นการทดสอบอิหม่านของคุณเลยนะครับ ซึ่งการทดสอบนี้ มันแสนยากลำบาก และชัยฏอนมักจะชนะและทำให้อิหม่านมุอฺมินทดถอยไปอีก คือหะดิษนี้ ซึ่งท่านนบีได้กล่าวสั่งสอนพวกเราเอาไว้ และเป็นคำสอนที่มาทดสอบกับผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง ท่านนบี(ซ.ล.) กล่าวว่า

صل من قطعك واعط من منعك وأحسن الي من أساء اليك


ความว่า " ท่านจงเชื่อมสัมพันธ์กับผู้ที่ตัดขาดกับท่าน และจงให้กับผู้ที่หักห้ามกับท่าน และท่านจงทำดี กับผู้ที่ทำไม่ดีไปยังท่าน "

ผมนึกถึงหะดิษนี้ทีไร น้ำตาจะใหลทุกที เพราะท่านนบี(ซ.ล.)มีจิตใจโอบอ้อมอารีและมีความอดทนจริงๆ ท่านก็สั่งให้อุมมะฮฺของท่านทำแบบนี้ด้วย เพื่อทดสอบอีหม่านของเขา แล้วใครบ้างล่ะที่จะทำแบบนี้ได้และสามารถที่จะลิ้มรสอีหม่านจากคำสั่งสอนของท่านนบี(ซ.ล.) บทนี้ ผมก็ขอให้คุณอะสัน ผม คุณอัลฟารูก คุณอิลยาส และคุณอัลอัซฮะรีย์ อยู่ในผู้ที่ปฏิบัติตามหะดิษนบี(ซ.ล.)บทนี้ด้วยเถิด ยาร๊อบ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sat Nov 12, 2005 1:14 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ความหมายของอัส-สลัฟ
อัสสะลัฟในทางภาษา สิ่งที่ผ่านมาหรือล่วงหน้าไปก่อน เช่น กล่าวว่า “สะละฟะ ชัยอุน สะละฟัน แปลว่า สิ่งหนึ่งนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ความหมาย อัสสลัฟในทางวิชาการ
คำว่า “อัสสลัฟ (السلف ) ในทัศนะของบรรดาอุลามาอทางอะกีดะฮ หมายถึง สิ่งต่างๆเกี่ยวกับบรรดาเศาะหาบะฮ หรือ เศาะหาบะฮกับตาบิอีน หรือ เศาะหาบะฮกับตาบิอีนและตาบิอิตตาบิอีน ในบรรดาผู้นำหรือบุคคลสำคัญ ที่ถูกยอมรับในความมีเกียรติและเคร่งครัดต่อสุนนะฮ เป็นผู้นำเรื่องสุนนะฮ หลีกห่างจากบิดอะฮ และยังรวมถึงบุคคลที่ปวงมุสลิมยอมรับหรือเห็นฟ้องกันใน
ภาวการณ์เป็นผู้นำ และฐานะอันสูงส่งของพวกเขาทางด้านศาสนา ด้วยเห็นนนี้บรรดาดาชนยุคต้นเหล่านี้ จึงถูกเรียกว่า “อัส-สะละฟุศ-ศอลิห” อัลลอฮ (ซ.บ)ตรัสว่า
وَالسَّابِقُونَ الْأَوَّلُونَ مِنَ الْمُهَاجِرِينَ وَالْأَنْصَارِ وَالَّذِينَ اتَّبَعُوهُمْ بِإِحْسَانٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمْ وَرَضُوا عَنْهُ وَأَعَدَّ لَهُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي تَحْتَهَا الْأَنْهَارُ خَالِدِينَ فِيهَا أَبَدًا ذَلِكَ الْفَوْزُ الْعَظِيمُ وَالسَّابِقُونَ الْأَوَّلُونَ مِنَ الْمُهَاجِرِينَ وَالْأَنْصَارِ وَالَّذِينَ اتَّبَعُوهُمْ بِإِحْسَانٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُمْ وَرَضُوا عَنْهُ وَأَعَدَّ لَهُمْ جَنَّاتٍ تَجْرِي تَحْتَهَا الْأَنْهَارُ خَالِدِينَ فِيهَا أَبَدًا ذَلِكَ الْفَوْزُ الْعَظِيمُ100. บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่ผู้อพยพ(ชาวมุฮาญิรีนจากมักกะฮ์) และในหมู่ผู้ให้ความช่วยเหลือ(ชาวอันศัอรจากมะดีนะฮ์)(*1*) และบรรดาผู้ดำเนินตามพวกเขาด้วยการทำดีนั้น อัลลอฮ์ทรงพอพระทัยในพวกเขา และพวกเขาก็พอใจในพระองค์ด้วย และพระองค์ทรงเตรียมไว้ให้พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาสวนสวรรค์ที่มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่านอยู่เบื้องล่างพวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นตลอดกาลนั่นคือชัยชนะอันใหญ่หลวง
........................
(1) มีรายงานจากอัชชะอ์บียว่า บรรดาบรรพชนรุ่นแรกในหมู่พวกมุฮาญิรีนและพวกอัลศ้อรนั้นคือ บรรดาผู้ที่ทำสัตยาบัน บัยอะฮ์อัรริฏวาน และกล่าวกันอีกว่าคือบรรดาผู้ที่ทำละหมาดโดยหันไปสู่สองกิบลัตที่กล่าวมานี้ บรรดาศอฮาบะฮ์ทั้งหมดหมายถึงบรรดาบรรพชนรุ่นแรก ที่อพยพจากนครมักกะฮ์ไปสู่นครมะดีนะฮ์ และบรรดาผู้ที่ทำให้ความช่วยเหลือที่เป็นชาวมะดีนะฮ์อัสสลัฟ = หมายถึงบรรพชนในช่วง 3 ศตวรรษแรกของฮิจเราะฮ์ศักราช
عن ابن مسعود رضي الله عنه عن النبي صلى الله عليه وسلم قال : خير الناس قرني ثم الذين يلونهم ، ثم الذين يلونهم ،
รายงานจากอิบนิมัสอูด (ร.ฎ)วจากท่านนบี ศอลฯกล่าวว่า “ มนุษย์ที่ดีที่สุดคือ ศตวรรษของฉัน หลังจากนั้น คือ ผู้ที่อยู่ในศตวรรษต่อมา หลังจากนั้นคือ ผู้ที่อยู่ในศตวรรษต่อมา – บันทึกโดยบุคอรีและมุสลิม
ฉะนั้นนับจากตัวของท่านรซูลุลลอฮ ศอลฯ เอง บรรดาเศาะหาบะฮและตลอดจนบรรดาตาบิอีน และตาบิอิตตาบิอีน ที่ปฏิบัติตามแนวทางของพวกเขาเหล่านี้ ในแนวทางที่ดี เรียกว่า สะละฟุศศอลิห(السلف الصالح )
และทุกคนที่เรียกร้องเชิญชวนไปสู่แนวทางอันเดียวกันกับท่านรอซูล ศอลฯ และบรรดาเศาะหาบะฮ หรือ สะละฟุศศอลิห ย่อมจะถูกเรียกว่า ผู้อยู่ในแนวทาง(มัซฮับ)สลัฟ มัซฮับสะลัฟจึงไม่ใช่แนวทางใหม่ หรือ แนวทางที่เป็นบิดอะฮ ตามที่มีการกล่าวอ้างกัน
قال شيخ الإسلام ابن تيمية رحمه الله : ولا عيب على من أظهر مذهب السلف وانتسب إليه واعتزي إليه بل يجب قبول ذلك منه بالاتفاق فإن مذهب السلف لا يكون إلا حقا . مجموع الفتاوى 4/ 149
ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ (ขออัลลอฮ โปรดเมตตาแก่ท่าน)กล่าวว่า “ ไม่มีข้อตำหนิใดๆแก่ผู้ที่เปิดเผยแนวทางสะลัฟให้ปรากฏ และเขาได้อ้างอิงและยืนยันในแนวทางนั้น แต่ตรงกันข้าม จำเป็นจะต้องรับสิ่งนั้นจากเขา โดยมติของนักปราชญ์ ดังนั้น มัซฮับสะลัฟ ไม่เป็น(อย่างอื่น)นอกจากความถูกต้องเท่านั้นเอง – มัจญมัวะฟะตาวา เล่ม 4 หน้า 149
قال الإمام مالك-رحمه الله- إن حقاً على من طلب العلم أن يكون له وقار وسكينة وخشية وأن يكون متبعاً لأثر من مضى قبله.(الأداب الشرعية2\45)
อิหม่ามาลิก (ขออัลลอฮเมตตาแก่ท่าน) แท้จริงหน้าที่เหนือผู้ที่ศึกษาหาความรู้นั้น จะต้อง มีความนอบน้อม อ่อนโยนและมีความเกรงกลัว และเขาจะต้องเป็นผู้ปฏิบัติตามแบบอย่างของคนยุคก่อนเขา – อัลอะดามุชอียะฮ เล่ม 2 หน้า 45
(وَمَن يُشَاقِقِ الرَّسُولَ مِن بَعْدِ مَا تَبَيَّنَ لَهُ الْهُدَى وَيَتَّبِعْ غَيْرَ سَبِيلِ الْمُؤْمِنِينَ نُوَلِّهِ مَا تَوَلَّى وَنُصْلِهِ جَهَنَّمَ وَسَاءتْ مَصِيراً (النساء/115).
115. และผู้ใดที่ฝ่าฝืนร่อซูล หลังจากที่ทางนำอันถูกต้องได้ประจักษ์แก่เขาแล้ว และเขายังปฏิบัติตามที่มิใช่ทางของบรรดาผู้ศรัทธา(*1*)นั้น เราก็จะให้เขาหันไปตามที่เขาได้หันไป และเราจะให้เขาเข้านรกญะฮันนัม และมันเป็นกลับอันชั่วร้าย
………………..
(1) ทางของผู้ศรัทธานั้น ก็คือทางของอัลลอฮฺนั่นเอง
อิสลามมีแนวทางเดียวคือ แนวทางของอัลลอฮ (ซ.บ)ที่ได้ส่งท่ารซูลุลลอฮ ศอลฯ ให้เป็นแบบอย่าง ให้มุสลิมทุกคนปฏิบัติตาม ไม่ว่าจะเป็นมุ๗ญตะฮิด หรือ ไม่อยู่ในระดับมุจญตะฮิดก็ตาม

wassalam
...............
อะสัน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sat Nov 12, 2005 1:45 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ข้อความของคุณมุหัมหมัด
คุณอะสันครับ ตอนนี้คุณกำลังถูกทดสอบ จงอดทน อย่าฟิวส์ขาดครับ คำว่า "มารยาทต่ำทราม" ที่คุณกล่าวกับคุณอัล-ฟารูกนั้น มันไม่ใช่วิสัยของคุณนี่ครับ บางครั้งหากผู้หญิงเห็นคุณอัลฟารูก อาจจะเกิดฟิตนะฮฺก็ได้ ผู้ชายมองผู้หญิง นั้นบาป ก็เช่นเดียวกัน ที่ผู้หญิงมองผู้ชายก็เป็นบาป คุณอัล-ฟารูกก็เป็นคนที่หมายปองของสาวๆเหมือนกันนะครับ แต่เขาไม่มีข่าวเรื่องแบบนี้ ดังนั้น คำว่ามารยาทต่ำทรามนั้น ผมไม่เห็นด้วยเลยครับ ส่วนคุณอัล-ฟารูกไม่ได้รับการต้อนรับจากเวป ชัยคฺ ริฏอ นั้น ผมคิดว่า เขาพูดของจริงเกินไป จนชัยคฺ ริฏอ เขารับไม่ได้มากกว่า
...................................
ตอบ
พอเถอะครับ คุณ มุหัมหมัด คุณอย่าเสียเวลามาแก้ต่างเลยครับ ในด้านวิชาการ หากคุณเห็นว่าของคุณถูก คุณก็อ้างอัล-กุรอ่าน อัลหะดิษ เคาะลิฟะฮทั้งสี่ หรือ อิหม่ามทั้งสี่ แค่นี้พอครับ อัลลอฮ (ซ.บ) ตรัสว่า
يا ايها الذين امنوا اطيعوا الله واطيعوا الرسول واولي الامر منكم فان تنازعتم في شيء فردوه الى الله والرسول ان كنتم تؤمنون بالله واليوم الاخر ذلك خير واحسن تاويلا ) النساء 59
59. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ! จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย (*1*) แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล (*2*) หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป (*3*) ที่สวยยิ่ง
…………………..
(1) บรรดาเจ้าหน้าที่ในหมู่พวกเจ้าที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ปกครอง เมื่อเจ้าหน้าที่เหล่านั้นสั่งให้ทำสิ่งใดก็จงปฏิบัติตาม
(2) นำสิ่งที่ขัดแย้งกันนั้นไปตรวจสอบดูกับอัล-กุรอานและซุนนะฮ์ของท่านนะบีว่า อัลลอฮฺ และท่านนะบีได้กล่าวว่าอย่างไร แล้วให้ยึดถือตามนั้นโดยปราศจากดื้อดึงใด ๆ ทั้งสิ้น
(3) กลับไปสู่ความจริงที่สวยงามยิ่ง เพราะจะทำให้ทุกฝ่าย ตั้งอยู่ในสิ่งที่ถูกต้อง และมีความพอใจโดยทั่วกัน
....................................................
ฟิตนะฮที่เกิดก็เพราะการไม่ให้ความสำคัญกับโองการนี้แหละครับ
..............
wassalam
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
จอมมารบู
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 26/09/2005
ตอบ: 5


ตอบตอบ: Sat Nov 12, 2005 2:03 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรื่องคำพูดที่รุนแรงไปถ้าเทียบกับคุณอะสันหรือไม่ ผมไม่ทราบ

แต่ที่แน่ๆเรื่องหลักฐาน คุณฟารุกกินขาดครับ คุณอะสันไม่ได้ทำอะไรนอกจากประนามเรื่องมารยาทคุณฟารุกแล้วก็พยายามหลีกเลี่ยงตัดหนทางในการสนทนาต่อ

ง่ายดีนะครับหลักฐานสู้ไม่ได้ก็เลยหาเรื่องหนีแต่คุณหนีความจริงได้ไม่นานหรอกครับ ถึงเวลาแล้วที่พวกก่อความปั่นป่วนกับประชาชาติมุสลิมต้องถูกกระชากหน้ากากเสียที

ส่งแรงใจให้คุณ มุฮัมมัด คุณฟารุก และคุณ อัลฮัซฮารี ในการปกป้องภราดรภาพของประชาชาติมุสลิมครับ

ปล. อย่ามาวิจารณ์ชื่อผมผมจะใช้ชื่ออะไรเรื่องของผมครับ กรุณาอย่าเอาชื่อผมมาใช้ในการเบี่ยงประเด็นล่ะ เพราะเจอมารอบนึงแล้ว
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Sat Nov 12, 2005 2:12 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เรามาเข้า ประเด็นเรื่องกุนูตกันนะครับ ขอบคุณที่คุณอะสันทำให้อักษรใหญ่ จะได้อ่านง่ายขึ้นครับ ผมก็ได้เข้าห้องสมุดเมื่อวันพฤหัส ก็ได้ข้อมูลมาบ้างเล็กน้อย ก็อยากจะทำการสนทนาเท่าที่อัลเลาะฮฺทรงมอบความรู้ให้ครับ
คุณอะสันนกล่าวว่าอ้างอิงว่า

คุณมุหัมหมัดครับ มาดูนะครับ

عن ابن عباس عند الدارقطني والبيهقي أنه قال القنوت في صلاة الصبح بدعة‏.‏ قال البيهقي‏whistling#8207; لا يصح‏.‏

จากอิบนิอับบัส บันทึกโดยอัดดารุนกุฏนีย์ และอัลบัยฮะกีย์ ว่าเขา(อิบนุอับบาส)กล่าวว่า การอ่านกุนูตในละหมาดศุบฮีนั้น เป็นบิดอะฮ และอัลบัยฮะกีย์กล่าวว่า "ไม่เศาะเหียะ" ดู นัยลุ้ลเอาฏอร ของอัชเชากานีย์

ผมขอกล่าวว่า

คำอ้างอิงนี้ ไม่ใช่สนับสนุนทัศนะของคุณอะสันครับ แต่มันมาสนับสนุนแนวทางของผมมากว่า คือ คำกล่าวของ ท่านอิบนุอับบาสที่ว่า " การอ่านกุนูตนั้น เป็นบิดอะฮฺ " นั้น ท่านบัยหะกีย์กล่าวว่า คำกล่าวของท่านอิบนุอับบาสนั้น ไม่ศอเฮี๊ยะหฺ คือหมายความว่า กล่าวว่า การอ่านดุอาอฺกุนูตนั้นไม่ใช่เป็นบิดอะฮฺ และการกล่าวว่าเป็นบิดอะฮฺนั้น ไม่ซอเฮี๊ยะหฺ คือมีสายรายงานไม่ซอเฮี๊ยะหฺ อัลหัมดุลิลลาห์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Sat Nov 12, 2005 2:23 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณอะสันกล่าวว่า

หะดีษของท่านอนัสที่กล่าวว่า “ فأما الصبح فلم يزل يقنت حتى فارق الدنيا‏)
สำหรับละหมาดศุบฮินั้นท่านรซูลได้อ่านดุอาอฺกุนูตจนกระทั่งจากโลกนี้ไป (หมายถึง ท่านรสูลอ่านดุอาอฺกุนูตจนกระทั่งสิ้นชีวิต) “ (ดูหนังสือ ฟิกฮุสสุนนะฮฺ เล่ม 1 หน้า 198) นักรายงานหะดีษของหะดีษข้างต้นที่ชื่ออบู ญะอฺฟัรฺ อัรรอซีย์ เป็นบุคคลที่เฎาะอีฟ (ขาดคุณสมบัติหนึ่งของผู้ที่รายงานหะดีษที่เศาะหี้หฺ) ซึ่งท่านอิมามอะหฺมัดก็กล่าวไว้เช่นนั้น อีกทั้งท่านอบู ซัรอะฮฺแสดงทัศนะว่า “ เขาเป็นบุคคลที่สับสนมากเหลือเกิน “ (ดูหนังสือ ซาดุลมะอาด เล่ม 1 หน้า 275-276) เมื่อหะดีษข้างต้นเฎาะอีฟ นั่นหมายรวมหะดีษข้างต้นไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการอ้างอิงได้


ผมขอกล่าวว่า

หากเราไปดูจากหนังสือ ซาดุลมะอาด ของท่านอิบนุก๊อยยิม ตามที่คุณกล่าวมานั้น ผู้ที่กล่าวว่า อบูญะอฺฟัรฺ อัรรอซีย์ เป็นบุคคลที่รายงานสับสนนั้น คือท่านอิบนุ อัลมะดีนีย์ ส่วนท่าน อบู ซุรอะฮฺนั้น กล่าวว่า "อบูญะอฺฟัรฺ อัรรอซีย์ นั้น มีความคลุมเคลืออย่างมาก และคำกล่าวของท่านอะหฺมัด ก็กล่าวไว้อย่างนั้นตามรายงานหนึ่ง

จากคำกล่าวของท่านอิบนุก๊อยยิมนั้น กล่าวแบบเพียงทัศนะของผู้ที่ตำหนิในตัวของ ท่านอบูญะอฺฟัร อัรรอซีย์เท่านั้น หรือถ่ายถอดคำของท่านอิบนุ อับมะดีนีย์ไม่หมด และคำกล่าวของท่านอะหฺมัดนั้น ก็ยังมีอีกรายงานหนึ่งทีบอกว่า ท่านอบูญะอฺฟัร อัรรอซีย์ นั้น มีหะดิษที่ดี ( صالح الحديث) แต่ท่านอิบนุก๊อยยิม ไม่หยิบยก ทัศนะของอุลามาอฺอื่นๆที่ทำการชมเชย ท่านอบูญะอฺฟัรฺ อัรรอซีย์เกี่ยวกับสถานภาพของเขาในเรื่องการรายงานหะดิษ

ท่านอิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้ ในหนังสือ วิจารณ์ผู้รายงานหะดิษว่า

إبن المدينى قال : هو ثقة عندنا وكان يخلط فيما روى عن مغيرة

ความว่า " อิบนุ อัลมะดีนีย์ กล่าวว่า เขา(คืออบูญะอฺฟัร อัรรอซีย์) คือผู้ที่เชื่อถือได้ ตามทัศนะของเรา โดยที่เขาจะรายงานสับสน ในสิ่งที่ถูกรายงานมาจาก มุฆีเราะฮฺ " ดู ตะฮฺซีบ อัดตะฮฺซีบ เล่ม 12 หน้า 60

ดังนั้น หะดิษ ที่รายงานโดยท่าน อะนัส (ร.ฏ.) ที่ว่า

لم يزل يقنت فى الفجر حتى فارق الدنيا

ความว่า "นบียังคงอ่านดุอากุนูต ในละหมาดซุบหฺ จนกระทั้งจากดุนยาไป " เป็นหะดิษที่ซอเฮียะหฺ เพราะว่าท่านอบูญะอฺฟัร อัรรอซีย์ ไม่ได้รายงานหะดิษนี้ จาก มุฆีเราะฮฺ แต่รายงานจาก มุอาซฺ จากท่านอะนัส (ร.ฏ.) ดังนั้นคุณอะสันโปรดพิจารณาด้วยครับ

ดังนั้น บรรดาอุลามาอฺหะดิษ ได้ยืนยันให้ความเชื่อถือ กับ อบูญะอฺฟัร อัรรอซีย์มากมาย และพวกเขาได้ทำการแจกแจงเกี่ยวกับแง่มุมที่ฏออีฟในการรายงานหะดิษของเขา คือการรายงานที่มาจากด้านของ มุฆีเราะฮฺ โดยที่หะดิษที่เรากำลังกล่าวนี้ ไม่ได้รายงานจากด้านของ มุฆีเราะฮฺ แต่รายงานจากสายของ มุอาซฺ จากท่านอะนัส ฉะนั้น เราลองมาดูคำกล่าวของอุลามาอฺหะดิษที่ให้ยืนยันให้ความเชื่อถือกับ อบูญะอฺฟัร อัรรอซีย์ ดังนี้

ท่านอิมามอะหฺมัด กล่าวว่า อบูญะอฺฟัร อัรรอซีย์ นั้น เป็นผู้ที่ดีในการรายงานหะดิษ صالح الحديث

ท่านอิบนุมะอีน กล่าวว่า เขาคือผู้ที่เชื่อถือได้ ของชาวคอรซาน และท่านอิบนุมะอีนได้กล่าวอีกว่า เขานั้นเชื่อถือได้ แต่เขาจะรายงานผิดพลาด ในสิ่งที่เขารายงานได้ มุฆีเราะฮฺ

ท่านอลี บิน อัลมะดีนีย์ กล่าวว่า เขามีการรายงานสับสน ในสิ่งที่รายงานจาก มุฆีเราะฮฺ โดยที่เขาก็คือผู้ที่เชื่อถือได้ ตามทัศนะของเรา

ท่านอิบนุ อัมมาร อัลเมาซิลีย์ กล่าวว่า เขานั้นเชื่อถือได้

ท่านอบูหะติมกล่าวว่า เขานั้น เชื่อถือได้ พูดสัจจะ และดีในการรายงานหะดิษ

ท่านอิบนุสะอัด กล่าวว่า เขานั้นเชื่อถือได้

ท่านอัลหากิม กล่าวว่า เขานั้นเชื่อถือได้

และท่านอิบนุอับดุลบัรริ กล่าวว่า ตามทัศนะของพวกเขา(อุลามาอฺหะดิษ)นั้น เขา(อบูญะฮฺฟัร อัรรอซีย์) เชื่อถือได้ และเป็นผู้ที่รู้ในการอธิบายอัลกุรอาน

ท่านอิบนุ อะดีย์ ได้กล่าวสรุปว่า ให้กับ อบีญะอฺฟัร อัรรอซีย์นั้น มีบรรดาหะดิษที่ดี เที่ยงตรง ที่เขาได้รายงานไว้ และบรรดามนุษย์ได้รายงานจากเขา และบรรดาหะดิษของเขานั้น เที่ยงตรง และฉันหวังว่า เขานั้นไม่เป็นไร ดู หนังสือ อัล-กามิล เล่ม 5 นักรายงานคนที่ 1895 ผมขอให้คุณอะสัน โปรดพิจารณาด้วยครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
มุหัมมัด
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 06/11/2005
ตอบ: 210


ตอบตอบ: Sat Nov 12, 2005 2:29 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณอะสันกล่าวว่า

ดูในมุคตะศอรเศาะเหียะมุสลิม ของ ดร.นาศีร บินสุลัยมาน อัลอะมัร
باب: القنوت في صلاة الصبح
355- عن أبي هريرة رضي الله عنه قال: كان رسول الله صلى الله عليه وسلم يقول حين يفرغ من صلاة الفجر من القراءة ويكبر، ويرفع رأسه: ((سمع الله لمن حمده ربنا ولك الحمد، ثم يقول وهو قائم: اللهم أنج الوليد بن الوليد وسلمة بن هشام وعياش بن أبي ربيعة، والمستضعفين من المؤمنين، اللهم اشدد وطأتك على مضر، واجعلها عليهم كسني يوسف، اللهم العن لحيان ورعلاً وذكوان، وعصية، عصت الله ورسوله))، ثم بلغنا أنه ترك ذلك لما أنزل: (لَيْسَ لَكَ مِنَ الْأَمْرِ شَيْءٌ أَوْ يَتُوبَ عَلَيْهِمْ أَوْ يُعَذِّبَهُمْ فَإِنَّهُمْ ظَالِمُونَ) (آل عمران:128). (م2/134
หะดิษนี้ระบุว่า ท่านนบีเคยอ่านกุนูตในละหมาดศุบฮิ เพื่อดุอาให้แก่มุสลิมและสาบแช่ง พวกกาเฟร แล้วต่อมา ท่านนบี ศอลฯก็เลิกอ่านกุนูต เมื่ออายะฮนี้ต่อไปนี้ ถูกประทานลงมาคือ
ไม่มีสิ่งใดเป็นสิทธิของเจ้า(มุฮัมมัด) จากกิจการเหล่านั้น หรือไม่ก็พระองค์จะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขา หรือลงโทษพวกเขาเพราะพวกเขานั้นคือผู้อธรรม - อาลิอิมรอน/128

عن أنس: (أن النبي صلى اللَّه عليه وآله وسلم قنت شهراً ثم تركه).
رواه أحمد. وفي لفظ: (قنت شهراً يدعو على أحياء من أحياء العرب ثم تركه) رواه أحمد ومسلم والنسائي وابن ماجه. وفي لفظ: (قنت شهراً حين قتل القراء فما رأيته حزن حزناً قط أشد منه) رواه البخاري
รายงานจากอะนัสว่า(แท้จริงนบี ศอลฯ อ่านกุนูตหนึ่งเดือน ต่อมาก็ได้ละทิ้ง)รายงานโดย อะหมัด และในอีกสำนวนหนึ่งระบุว่า(ท่านนบีอ่านกุนูตหนึ่งเดือน ขอดุอาแช่งอาหรับกลุ่มหนึ่ง ต่อมาท่านได้ละทิ้งมัน) –รายงานโดย อะหมัด มุสลิม อัลนะสาอี และอิบนิมาญะฮ และในอีกสำนวนหนึ่งกล่าวว่า( ท่านได้อ่านกุนูตหนึ่งเดือน เมื่อ บรรดานักท่องจำอัลกุรอ่านถูกสังหาร " รายงานโดย บุคอรี



ผมขอกล่าวว่า


หะดิษนี้ ไม่ได้ปฏิเสธดุอากุนูต ซุบหฺ แต่นบีได้ทิ้งดุอากุนูตเกี่ยวกับการขอให้วิบัติของพวกลิยาน เร๊าะอฺล และซักวาน การที่ท่านนบี(ซ.ล.) ไม่ได้ทิ้งดุอากุนูตในละหมาดซุบหฺนั้น มีสายรายงานสนับสนุน จากซอเฮี๊ยะหฺมุสลิม ว่า

عن محمد قال قلت لأنس هل قنت رسول الله صلى الله عليه وسلم فى صلاة الصبح ؟ قال نعم بعد الركوع يسيرا

ความว่า "จากมุหัมมัด เขากล่าวกับท่านอะนัสว่า ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทำการอ่านดุอากุนูตในละหมาดซุบหฺ หรือไม่ ? อะนัสตอบว่า ใช่แล้ว (ท่านได้อ่านดุอากุนูต)เพียงเล็กน้อยหลังจากร่อกั๊วะ " ดู ซอเฮียะหฺ มุสลิม เล่ม 1 หน้า 468 หะดิษที่ 298

และท่านอัลบัซซาร ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ กัชฟุลอัสตาร เล่ม หนึ่ง 1หน้า 269 ซึ่งรายงานจากท่านอะนัส ว่า

أن رسول الله صلى الله عليه وسلم قنت حتى مات ، وأبوبكر حتى مات ، وعمر حتى مات

ท่าน นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวไว้ใน มัจญฺมะอฺ อัซซะวาอิด เล่ม 2 หน้า 139 ว่า บรรดาผู้รายงานหะดิษนี้ เชื่อถือได้

ดังนั้น หะดิษในสองนัยนี้ คือ ท่านนบีได้ทิ้งกุนูตเกี่ยวกับการขอความวิบัติให้ประสบกับพวกมุชริกีน และหะดิษที่ว่านบีได้ทำการกุนูตในละหมาดซุบหฺ นั้น สามารถรวมกันได้ ตามหลักอุซูลุฟิกหฺ คือ

وجوب الجمع بين الأدلة إن أمكن

ความว่า "จำเป็นต้องรวมระหว่างหลักฐานต่างๆ หากมีความสามารถรวมกันได้ "

ดังนั้นหะดิษเหล่านี้ สามารถรวมกันได้ คือท่านนบี(ซ.ล.)ได้ทิ้งกุนูตเกี่ยวกับการขอความวิบัติจงประสบแก่พวกมุชริกีน และยังคงทำการกุนูตเฉพาะในละหมาดซุบหฺ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 12, 13, 14 ... 26, 27, 28  ถัดไป
หน้า 13 จากทั้งหมด 28

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.14 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ