ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
เพื่อนร่วมโลก
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 12/04/2005
ตอบ: 2


ตอบตอบ: Sun May 01, 2005 1:51 pm    ชื่อกระทู้: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ในปัจจุบันเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในเรื่องระบบวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต
ถ้าหากอัลลอฮทรงสร้างมนุษย์และสรรพสิ่งจริง แสดงว่าหลักการวิวัฒนาการ และหลักการของเมลเดลในเรื่องพันธุกรรมศาสตร์ เป็นเรื่องเหลวไหลอย่างนั้นหรือ Question
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Mon May 02, 2005 1:15 pm    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam



เมื่อเราเอาแก้วน้ำ 3 ใบ ไปวางรวมกับแก้ว 4 ใบที่มีอยู่แล้วบนโต๊ะ
ถ้าคุณนับแก้วทั้งหมดตรงนั้นได้ 7 ใบ แปลว่าคุณนับถูกแล้ว
แล้วถ้าหยิบออกไป 2 ใบ แน่นอนที่ยังเหลืออยู่บนโต๊ะคือ 5 ใบ

การเอาตัวเลขจำนวนหนึ่ง รวมกับอีกจำนวนหนึ่งแล้วได้ผลออกมาเท่านั้นเท่านี้ นั่นคือ สิ่งที่อัลลอฮทรงกำหนดไว้แล้วในการบันดาลสร้างสรรสรรพสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะไปนั่งบวก ยืนลบ ตีลังกาหาร ตรงไหน มุมใดของโลก หรือในซอกไหนหลืบใดของจักรวาล ผลลัพธ์ก็ยังคงเดิม และด้วยความเฉลียวฉลาดในสติปัญญาที่อัลลอฮทรงสร้างไว้ให้กับมนุษย์นี่แหละที่ทำให้มนุษย์(บางคน)ค้นพบความจริงข้อนั้น แล้วพัฒนามาจนกลายเป็น calculus อันน่าเวียนหัวให้เราเรียนกันหัวปักหัวปำ บางคนก็ทะลึ่ง (so talent that .... ) สร้าง algorithm แปลกๆยัดใส่เข้าไป "ก้อนทรายกลายพันธุ์ (CPU)" กลายคอมพิวเตอร์ให้เราต้องควักกะตังค์ซื้อมาหมกไว้ให้รกบ้าน

อีตาแมนเดลก็อยู่ในข่ายเดียวกัน ที่วันๆหมกอยู่กับต้นถั่วจนไปเจอความจริงที่อัลลอฮทรงแฝงไว้ในองค์ประกอบส่วนย่อยของชีวิตถั่วว่าถ้าเขี่ยตรงนี้ แล้วไปคุ้ยตรงนั้น จะได้ ลูกถั่วน้อยๆ หน้าตาแป๋วแหววออกมาเป็นอย่างงั้น อย่างงี้ ความจริงเคล็ดลับแบบนี้เขารู้กันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว เพียงแต่เขาบอกต่อถ่ายทอดกันต่อๆมาในลักษณะเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน แต่นาย "แมนดี้"แกเอามาเขียนเป็นตำรา มันก็เลยดูเริดกว่ากันเท่านั้นเอง สมัยนบีก็รู้จักวิธีเพาะพันธุ์ออินทผลัมยังไงให้ได้แข็งแรง มีลูกดกกันแล้ว ลูกแพะ ลูกแกะ ทำไมออกมามีสีขาว สีดำ ฯลฯ

เหล่านี้คือสภาพการสร้างสรรตามธรรมชาติที่อัลลอฮ "ทรงกำหนด" ไว้

พวกเขาไม่พิจารณาดูอูฐดอกหรือว่า มันถูกบังเกิดมาอย่างไร ? (88:17)

และอัลลอฮ์ทรงให้บังเกิดสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจากน้ำ ดังนั้นในหมู่พวกมัน มันจะเคลื่อนย้ายด้วยท้องของมันและในหมู่พวกมัน มันจะเดินด้วยสองเท้า และในหมู่พวกมัน มันจะเดินด้วยเท้าทั้งสี่ อัลลอฮ์ทรงบังเกิดสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง อัลลอฮ์นั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง (24:45)

ดังนั้นมนุษย์จงไตร่ตรองดูซิว่าเขาถูกบังเกิดมาจากอะไร ?
เขาถูกบังเกิดมาจากน้ำที่พุ่งออกมา
มันออกมาจากกระดูกสันหลัง (ของชาย) และกระดูกหน้าอก (ของหญิง)
(86: 5-7)

หรือแม้แต่สูตรต่างๆทางฟิสิกส์ไม่ว่าเรื่อง ความร้อน แสง เสียง คลื่น แรง ไฟฟ้า พลังงาน การสันดาป การเคลื่อนที่โคจรของโลกและวัตถุบนฟากฟ้า จนมาถึงอนุภาคเล็กจิ๋ว ก็ล้วนแล้วแต่ได้มาจากการสังเกตความเป็นไปในธรรมชาติที่อัลลอฮทรงกำหนดให้มันดำเนินไปอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มนุษย์สังเกตและคลำทางไปสู่การยอมรับในการมีอยู่จริงของพระองค์ แต่มนุษย์(บางคน)กลับดื้อรั้นที่จะยอมรับและพยายามหาทางบ่ายเบี่ยง หาเรื่องมาเถียงให้ได้ แม้จะต้องตั้งทฤษฎียกเมฆต่างๆนานา ขึ้นมากลบเกลื่อนโดยใช้ "กาลเวลา" เป็นฉากกำบังก็ตาม เช่นการคำนวณอายุของวัตถุโบราณโดยอาศัยการสลายตัวของไอโซโธปอะไรสักอย่างเป็นมาตรวัด แน่นอนมนุษย์ไม่สามารถยืนยันได้ชัดเจนว่าทฤษฎีวิธีการดังกล่าว หรือจะวิธีใดๆก็ตามที่อุปโลกน์ขึ้นมานั้นถูกต้องเพราะไม่มีมนุษย์คนใดอายุยืนยาวมาเป็นประจักษ์พยานได้ว่าปรากฏการณ์นั้นๆเริ่มขึ้นวันนั้นจนมาถึงเวลานี้จริง สิ่งเหล่านั้นยังคงเป็นเพียงสมมุติฐานทางวิทยาศาสตร์ที่พวกเขาพยายามยัดเยียดให้มนุษย์ทั้งโลกยอมรับ มากที่สุดที่จะยอมรับได้ก็คือ ทฤษฎีเหล่านั้น อาจจะถูก หรืออาจจะผิด ... 50/50.... มิใช่ 100% ทั้งนี้เพราะระยะทางยิ่งยาวไกลเท่าใด ความบิดเบี้ยวของทฤษฎียิ่งเป็นไปได้สูงเท่านั้น ทั้งนี้ยังไม่รวมถึง sudden incidents อีกหลากหลายที่เรามองไม่เห็นซึ่งอาจเข้ามาแทรกกลางทางตรงไหน เมื่อใดก็ได้

อายุของโลกและดวงดาวต่างๆก็ดี วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตก็ดี ฯลฯ เหล่านี้ล้วนอิงอยู่กับฉากกำบังแห่งกาลเวลาทั้งสิ้น ถ้าสามารถขึงฉากนี้ขึ้นมากางกั้นจากผู้คนได้ จะเกิดอะไรขึ้นอีก ณ เบื้องหลังฉากนั้นย่อมไม่มีใครจับได้ไล่ทัน เพราะมองไม่เห็น!

อิสลามไม่เคยบอกว่าสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งเกิดจากสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง แต่อิสลามบอกว่า อัลลอฮทรงสร้างทุกชีวิตจากน้ำ พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตทุกประเภท พระองค์ทรงสร้างมันเหล่านั้นให้มีความเหมือนคล้ายคลึงกัน และพระองค์ก็ทรงสร้างให้มันแตกต่างกัน ความเหมือนและแตกต่างกันนี่แหละบ่งบอกถึงเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ขององค์พระผู้สร้างที่ทรงสามารถจัดสรรให้สิ่งมีชีวิตแต่ละอย่างมีองค์ประกอบที่เหมาะสมแก่การดำรงอยู่ของมัน และโดดเด่นที่สุดในบรรดาสรรพสิ่งที่อัลลอฮทรงสร้างก็คือ...มนุษย์!

โดยแน่นอนยิ่ง เราได้สร้างมนุษย์ในรูปลักษณ์ที่ดียิ่ง (95:4)

และในทางกลับกันที่ต่ำทรามที่สุดในบรรดาสิ่งเหล่านั้นก็คือ .... มนุษย์ อีกเช่นกัน!

แล้วเราได้ปล่อยให้เขาตกลงสู่ก้นบึ้งที่ต่ำทรามยิ่ง (95:5)
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nop
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/02/2005
ตอบ: 89


ตอบตอบ: Mon May 02, 2005 11:54 pm    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เราอย่าไปสับสนว่าถ้ามีการวิวัฒนาการแล้วจะไม่มีพระเจ้านะครับ
เพราะพระเจ้านั้นเป็นผู้สร้างแน่นอน แต่จะสร้างมาเลย หรือสร้างในรูปแบบวิวัฒนาการนั่นอีกเรื่องนึง

แต่ที่แน่ๆด้วยหลักความเชื่อในกุรอานของเรา "มนุษย์" นั้นถูกสร้างมาอย่างไม่มีวิวัฒนาการ
มลาอิกะฮฺจากรัศมี ญินจากไฟ และมนุษย์จากดิน
จากดินก็เป็นคนเลย เป็นนบีอาดัมเลย ไม่ได้วิวัฒนาการ

แต่ "สัตว์" นั้นอัลลอฮฺไม่ได้กล่าวไว้ว่าสร้างแบบไหน
อาจจะมาจากสัตว์เซลล์เดียวแล้ววิวัฒนการ หรือสร้างแบบเป็นชนิดนั้นๆไปเลย
เช่นเสือก็เสือ ลิงก็ลิง หมูก็หมูมาตั้งแต่ต้น
ทั้งสองทฤษฎีก็อาจเป็นไปได้

แต่เรื่องมนุษย์มาจากลิงนั้นผิดแน่นอน
ส่วนสัตว์นั้น ผมได้ศึกษามาทั้งหลายทฤษฎี ผมขอตอบว่าไม่รู้ เพราะมีเหตุผลและหลักฐานทั้งนั้น

อัลลอฮุอะลัม

เพราะฉะนั้นอย่าบอกเชียวครับว่า ถ้าทฤษฎีวิวัฒนาการถูกต้องแล้วจะไม่มีพระเจ้า
เปล่าเลย
แต่หมายถึงพระเจ้าสร้างมาในรูปแบบวิวัฒนาการต่างหาก
เพราะฉะนั้นมุสลิมอย่าตกหลุมพรางครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Thu May 05, 2005 11:36 am    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ทฤษฎีวิวัฒนาการ ส่วนที่ฮือฮาที่สุดเห็นไม่มีตอนไหนเป็นที่วิจารณ์มากเท่าตอนที่บอกว่า คนกับลิง มีบรรพบุรุษร่วมกัน ... ไม่ทราบว่าผมจะเข้าใจผิดหรือป่าวนะ...หลายคนบอกว่า ทฤษฎีนี้กล่าวว่า คนสืบเชื้อสายมาจากลิง แต่ตามที่ผมเข้าใจ เขาบอกว่า คนกับลิงมีสายการวิวัฒนาการร่วมกันมาจนถึงจุดหนึ่งจึงแยกแขนงออกไป สายหนึ่งไปเป็นลิง และอีกสายหนึ่งมาเป็นคน มิใช่จากลิงแล้วมาเป็นคน ..... นั่นคือนัยยะหนึ่งของ Evolution Theory…. แต่ปรากฏว่าเรา...อิสลาม...มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจทีเดียวเกี่ยวกับเรื่อง คนๆ-ลิงๆ แถมพ่วงมาด้วย หมู อีกตัวนึง!

โดยรูปลักษณะภายนอก สัตว์ประเภทลิงใหญ่ไม่มีหาง(Ape) เช่นชิมแพนซี อุรังอุตัง และกอริลลา อาจจะมีลักษณะและสติปัญญาคล้ายใกล้เคียงกับมนุษย์มากที่สุด แต่ด้วยวิทยาการสมัยใหม่เลยพบว่า อวัยวะภายในไม่ใช่อย่างนั้น แต่กลายเป็นเครื่องในของหมูไปเสียนี่ที่มีส่วนคล้ายใกล้เคียงกับของมนุษย์มากกว่า การค้นพบเช่นนี้ทำให้เกิดแนวคิด(แผลงๆ)ที่จะทำการปลูกถ่ายอวัยวะพวกตับ ไต ไส้พุง ม้าม และหัวใจ แลกกันระหว่างคนกับหมู !.... หรือว่าเป็นเพียงแผนการตลาดเพื่อที่จะขึ้นราคาของพ่อค้า “ตือฮวน” ???

เป็นที่น่าแปลกว่า อัลกุรอานกล่าวถึงสัตว์สองชนิดนี้ไว้เหมือนกันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับมนุษย์(บางประเภท) ...

จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ฉันจะบอกพวกท่านเอาไหม ถึงการตอบแทนที่เลวร้ายกว่านั้น ณ ที่อัลลอฮฺ คือผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงสาปแช่งและกริ้วโกรธเขาและทรงให้ส่วนหนึ่งในพวกเขากลายเป็นลิงและหมู และเป็นผู้สักการะชัยฏอน ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่มีตำแหน่งอันชั่วร้ายและเป็นผู้ที่หลงไปจากทางอันเที่ยงตรง (5:60)

และแน่นอน พวกเจ้ารู้กันแล้วถึงบรรดาผู้ที่อยู่ในพวกของเจ้าทีได้ละเมิดในวันสับบาโต แล้วเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงเป็นลิงที่ถูกขับไล่ให้ห่างไกล (2:65)

เรื่องการถูกสาปให้กลายเป็นลิงและหมูของกลุ่มชนที่ดื้อด้านในอดีตนี้ บรรดานักวิชาการมีความเห็นเป็นสองทาง กลุ่มหนึ่งบอกว่า เป็นไปในทางลักษณะนิสัย คือใช้ชีวิตความเป็นอยู่ มีอุปนิสัย และแสดงพฤติกรรมต่ำๆเหมือนเดรัจฉานเช่นลิงและหมู อีกกลุ่มหนึ่งกล่าวว่า แปลงร่างไปเลย คนกลายเป็นลิง กลายเป็นหมูจริงๆไปเลย ซึ่งดูเหมือนทัศนะหลังนี้จะมีข้อสนับสนุนมากกว่า

ไม่ได้หมายความว่าผมกำลังจะบอกว่านั่นคือต้นกำเนิดของลิงและหมูหรอกนะครับ ลิงก็คือลิง ที่อัลลอฮฺทรงสร้างมาให้มันเป็น ลิง หมูก็คือสัตว์อีกชนิดหนึ่งที่เกิดจากบรรพบุรุษหมูตัวแรกของมัน ลิงและหมูในอายะฮฺนี้จึงไม่เกี่ยวอะไรกับลิงและหมูตามสำมะโนครัวของเจ้าสัตว์สองชนิดนั่นแต่อย่างใด มีรายงานเรื่องนี้อยู่ในเศาะเฮียะห์มุสลิมว่า ....

4814 حَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ أَبِي شَيْبَةَ وَأَبُو كُرَيْبٍ وَاللَّفْظُ لِأَبِي بَكْرٍ قَالَا حَدَّثَنَا وَكِيعٌ عَنْ مِسْعَرٍ عَنْ عَلْقَمَةَ بْنِ مَرْثَدٍ عَنِ الْمُغِيرَةِ بْنِ عَبْدِ اللهِ الْيَشْكُرِيِّ عَنِ الْمَعْرُورِ بْنِ سُوَيْدٍ عَنْ عَبْدِ اللهِ قَالَ قَالَتْ أُمُّ حَبِيبَةَ زَوْجُ النَّبِيِّ صَلَّى الله عَلَيْهِ وَسَلَّمَ اللهَُ أَمْتِعْنِي بِزَوْجِي رَسُولِ اللهِ صَلَّى الله عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَبِأَبِي أَبِي سُفْيَانَ وَبِأَخِي مُعَاوِيَةَ قَالَ فَقَالَ النَّبِيُّ صَلَّى الله عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَدْ سَأَلْتِ اللهَ لِآجَالٍ مَضْرُوبَةٍ وَأَيَّامٍ مَعْدُودَةٍ وَأَرْزَاقٍ مَقْسُومَةٍ لَنْ يُعَجِّلَ شَيْئًا قَبْلَ حِلِّهِ أَوْ يُؤَخِّرَ شَيْئًا عَنْ حِلِّهِ وَلَوْ كُنْتِ سَأَلْتِ اللهَ أَنْ يُعِيذَكِ مِنْ عَذَابٍ فِي النَّارِ أَوْ عَذَابٍ فِي الْقَبْرِ كَانَ خَيْرًا وَأَفْضَلَ قَالَ وَذُكِرَتْ عِنْدَهُ الْقِرَدَةُ قَالَ مِسْعَرٌ وَأُرَاهُ قَالَ وَالْخَنَازِيرُ مِنْ مَسْخٍ فَقَالَ إِنَّ اللهَ لَمْ يَجْعَلْ لِمَسْخٍ نَسْلًا وَلَا عَقِبًا وَقَدْ كَانَتِ الْقِرَدَةُ وَالْخَنَازِيرُ قَبْلَ ذَلِكَ حَدَّثَنَاه أَبُو كُرَيْبٍ حَدَّثَنَا ابْنُ بِشْرٍ عَنْ مِسْعَرٍ بِهَذَا الْإِسْنَادِ غَيْرَ أَنَّ فِي حَدِيثِهِ عَنِ ابْنِ بِشْرٍ وَوَكِيعٍ جَمِيعًا مِنْ عَذَابٍ فِي النَّارِ وَعَذَابٍ فِي الْقَبْرِ ..... مسلم : القدر
Muslim : Book 33(Al-Qadr), Number 6438:
Abdullah reported that Umm Habiba, the wife of Allah's Apostle (may peace be upon him), said: 0 Allah, enable me to derive benefit from my husband, the Messenger of Allah (may peace be upon him), and from my father Abu Sufyan and from my brother Mu'awiya. Allah's Apostle (may peace be upon him) said: You have asked from Allah about durations of life already set, and the length of days already allotted and the sustenances the share of which has been fixed. Allah would not do anything earlier before its due time, or He would not delay anything beyond its due time. And if you were to ask Allah to provide you refuge from the torment of the HellFire, or from the torment of the grave, it would have good in store for you and better for you also. He (the narrator) further said: Mention was made before him about monkeys, and Mis'ar (one of the narrators) said: I think that (the narrator) also (made a mention) of the swine, which had suffered metamorphosis. Thereupon he (the Holy Prophet) said: Verily, Allah did not cause the race of those which suffered metamorphosis to grow or they were not survived by young ones. Monkeys and swine had been in existence even before (the metamorphosis of the human beings).

ขอตัดตอนมาเฉพาะส่วนของรายงานที่บอกว่า มีการกล่าวถึงลิงและหมูที่เกิดจากการแปลงร่าง(มาจากชนกลุ่มหนึ่งตามที่มีกล่าวในอัลกุรอาน)ต่อท่านนบี ท่านจึงบอกว่า "แท้จริง อัลลอฮฺมิได้ทรงทำให้พวกที่ถูกให้กลายร่างนั้นมีลูกหลานสืบเนื่องต่อไปอีก และทั้งลิงและหมูก็มีมาก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว" (รายงานโดย มุสลิม)

อีกหะดีษหนึ่งชัดกว่านั้นครับ...

3560 عَنِ ابْنِ مَسْعُودٍ قَالَ سَأَلْنَا رَسُولَ اللهِ صَلَّى الله عَلَيْهِ وَسَلَّمَ عَنِ الْقِرَدَةِ وَالْخَنَازِيرِ أَهِيَ مِنْ نَسْلِ الْيَهُودِ فَقَالَ رَسُولُ اللهِ صَلَّى الله عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنَّ اللهَ لَمْ يَلْعَنْ قَوْمًا قَطُّ فَمَسَخَهُمْ فَكَانَ لَهُمْ نَسْلٌ حِينَ يُهْلِكُهُمْ وَلَكِنْ هَذَا خَلْقٌ كَانَ فَلَمَّا غَضِبَ اللَّهُ عَلَى الْيَهُودِ مَسَخَهُمْ فَجَعَلَهُمْ مِثْلَهُمْ ...... أحمد
อิบนิมัสอูดเล่าว่า พวกเราถามท่านรอซูล เกี่ยวกับลิงและหมูว่ามันเป็นลูกหลานที่สืบเชื้อสายมาจากพวกยะฮูดหรือเปล่า ท่านรอซูลตอบว่า "แท้จริงพระองค์อัลลอฮฺไม่เคยสาปแช่งกลุ่มชนใดขนาดทำให้พวกเขากลายร่างแล้วปล่อยให้พวกมันมีลูกหลานสืบเชื้อสายต่อมาเลย แต่ว่า(สัตว์)พวกนี้มันก็เป็นอีกกำเนิดหนึ่งต่างหากที่มีอยู่แล้ว ครั้นเมื่ออัลลอฮฺทรงพิโรธต่อพวกยะฮูด พระองค์ก็ทรงทำให้พวกเขากลายเป็นเหมือน(สัตว์)พวกนั้น" ......(อะหฺมัด)

ในตัฟสีรยังขยายความอีกว่า มีบางรายงานบอกว่าพวกนั้นมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่เกินสามวันก็ตาย...วัลลอฮุอะอฺลัม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
เพื่อนร่วมโลก
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 12/04/2005
ตอบ: 2


ตอบตอบ: Sun May 08, 2005 3:19 pm    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถ้าหากวิชาพันธุกรรมศาสตร์ที่เมลเดลค้นพบ คือสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้างและกำหนดไว้แล้ว ตามที่คุณ AIGhuraba กล่าว แสดงว่าเมลเดลไม่ได้โกหก และหากเป็นเช่นนั้นจริง มนุษย์หรือสัตว์อื่นๆทั้งหลายที่ถูกสร้างมาเพียงจำพวกล่ะหนึ่งคู่ ย่อมเกิดการสืบเชื้อสายภายในสายเลือดเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และตามหลักการแพทย์สากล(หลักของเมลเดล) สิ่งที่จะเกิดตามมาคือความผิดปกติในทารกรุ่นต่อๆไป

มีตัวอย่างให้เห็นทั่วไปเมื่อผู้มีเชื้อสายเดียวกัน มีบรรพบุรุษเป็นพี่น้องกัน แต่งงานกันโดยรู้เท่าไม่ถึงการ ลูกของพวกเขาจะไม่สมบูรณ์ พิการบ้าง ปัญญาอ่อนบ้าง หรือสัตว์ไม่ว่าชนิดใดที่อยู่เป็นฝูงโดยไม่มีการเพิ่มสายเลือดใหม่เข้าไป ก็จะมีลักษณะอาการเดียวกันเช่น ปลาหางนกยูงในอ่างบัว เมื่อเวลาผ่านไปสายเลือดเกิดการแลกเปลี่ยนจนถึงที่สุดแล้ว อาจจะเป็นทายาทรุ่นที่5-6 ของปลาหางนกยูงฝูงนี้ จะมีรูปร่างที่ผิดปกติ และมีสติปัญญาที่ไม่สมบูรณ์

จากตัวอย่างที่กล่าวมาแล้วทำให้ผมนึกถึงมีความเป็นไปได้สี่อย่างคือ

1. เป็นไปได้หรือไม่ว่าครั้งแรกที่สรรพสิ่งกำเนิดมาบนโลกไม่ได้มีหน้าตาเช่นปัจจุบัน และสิ่งมีชีวิตในปัจุบันคือการพัฒนา หรือ การวิวัฒนาการ จากที่อัลลอฮฺทรงสร้างสรรไว้ แต่ที่เราหรือสัตว์ทั้งหลายไม่ได้ปัญญาอ่อนหรือพิการเนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกลายเป็นปัจจัยหนึ่งของสิ่งที่เรียกว่า วิวัฒนาการ

2. ในอีกแง่นึง หากว่าอัลลอฮฺทรงสร้างมนุษไว้เพียงหนึ่งคู่ในครั้งแรก และทุกอย่างดำเนินไปตามตัวอย่างที่ได้กล่าวมา แสดงว่าสิ่งมีชีวิตในปัจจุบันคือความเสื่อมโทรมทางพันธุกรรมอันเกิดจากการสืบเชื้อสายในสายเลือดเดียวกัน ฉะนั้นมนุษย์คู่แรกย่อมมีรูปร่างไร้ที่ติ และมีมันสมองอันปราดเปรื่องจนเราจิตนาการไม่ถึง

3. สิ่งที่เมลเดลพูดไว้ไม่ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่าว่าการแพทย์พื้นฐานจนถึงการแพทย์ชั้นสูงล้วนเป็นเรื่องเหลวไหล

4. อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างมุษย์แต่แรก ได้ท่านได้ทรงสร้างสิ่งมีชิวิตพื้นฐานอย่างเช่น สัตว์เซลเดียว แล้วท่านก็ทรงปล่อยให้สรรพสิ่งวิวัฒนาการตามวิถีของตัวเอง

ถ้าหากท่านที่เข้ามาอ่านเกิดความเห็นที่ควรจะเป็นไปได้อย่างอื่น ขอให้ช่วยแนะนำผมด้วย แต่ขอให้ปัจจัยการการคิดของท่านอยู่บนเงื่อนไขต่อไปนี้

1.เมลเดลไม่ได้โกหก เพราะคุณกล่าวว่าเมลเดลเพียงแค่ค้นพบสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้างไว้

2 มีข้อมูลอันเป็นเหตุเป็นผล มิใช่กล่าวด้วยความเชื่อ หรือ อารมณ์

3 อย่าบอกว่าอัลลอฮฺทรงสร้างทุกสิ่งเพียงเพราะท่านยังไม่ได้ศึกษาให้ท่องแท้ ยังไม่รู้ มองไม่เห็น ไม่ได้ยิน ควบคุมไม่ได้ เราไม่ควรคิดอย่างกำปั้นทุบดิน เพราะอัลลอฮฺทรงรักและเมตตาหาใดเสมอเหมือน ท่านย่อมต้องการให้เราทุกคนใช้ปัญญาคิดทบทวนทุกสิ่งที่ท่านประทานมาให้

4 อย่าดูถูกว่ามนุษย์ทั้งหลายที่อัลลอฮฺทรงเมตตาสร้างขึ้นมา ไร้สติปัญญา ไร้ความคิด เพราะอัลลอฮฺย่อมไม่ต้องการให้มุสลิมทั้งหลายขาดความสงสัย อันจะนำไปสู่การขาดการศึกษา

พี่น้องมุสลิมทั้งหลาย เราควรหาเหตุผลที่ถูกต้องเพื่อนำผู้หลงผิดเข้าสู่อิสลาม ถ้าหากเรายังได้คำตอบไม่แน่ชัดเช่นนี้ แล้วยังไม่กระตือรือล้นที่จะศึกษาหาความรู้ เราจะฉุดรั้งผู้หลงผิดไม่ทัน อิสลามก็คงถูกลืมเลือนไปก่อนวันสิ้นโลกเป็นแน่
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nop
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/02/2005
ตอบ: 89


ตอบตอบ: Sun May 08, 2005 11:42 pm    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นั่นก็เป็นสิ่งที่ผมพยายามเตือนพี่น้องมุสลิม
และข่อเตือนคุณ "เพื่อนร่วมโลก" อีกทีนะครับว่า
อย่าหลงกล! อย่าติดกับดักว่า มุสลิมจะต้องเชื่อว่าไม่มีการวิวัฒนาการ
ไม่เกี่ยวเลยครับ มันไม่ใช่หลักอะกีดะฮฺของเราเลย
เพราะฉะนั้นขอให้พี่น้องที่กำลังพึ่งเริ่มศึกษาวิทยาศาสตร์แล้วตื่นเต้นกับมันโปรดระวังติดกับ!
ไม่จำเป็นเลยครับที่มุสลิมจะต้องรู้เท่าทันวิทยาศาสตร์ เพียงแต่อยู่ในขั้นรู้ไว้บ้างก็ดี
แต่ไอ้รุ้ไว้บ้างนี่แหละครับ ต้องระวังในการนำเสนอ
เช่นเรื่องทฤษฎี Big Bang ก็ตาม มุสลิมเราก็ปักใจเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
กุรอานไม่ได้กล่าวไว้เลยครับว่าโลกเกิดจาก Big bang
กุรอานบอกว่าชั้นฟ้าและแผ่นดินมันก็แยกออกจากกันเท่านั้น
และมีมุสลิมคนนึงที่เห่อวิทยาศาสตร์เป็นอย่างมาก แต่ตัวเขาก็มีความรู้น้อยนั่นคือ
Harun Yahya ซึ่งไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์นะครับ
เป็นเพียงผู้ศึกษาวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่ไม่ใช่ผู้เข้าใจวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง
แกคนนี้ ฟันธงว่าโลกเกิดจาก Big Bang และทฤษฎีวิวัฒนาการนั้นไม่มีจริง เป็นเรื่องโกหก
และแกพยายามดันทุรังให้โลกมุสลิมเชื่อตามสิ่งที่แกฟันธงเหล่านี้ ซึ่งไม่ถูกนะครับ
ชาร์ลส์ ดาร์วินเป็นผู้คิด ผู้เดา ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองถูกหรือผิด
ส่วนผู้ที่นิยมทฤษฎีวิวัฒนาการนี้ก็พยามสร้างหลักฐานเท็จมาสนับสนุนทฤษฎี
และอีกทั้งการผิดพลาดในการสันนิษฐานของพวกเขาหลายคนนั้น
ทำให้อีกฝ่ายเอามาโจมตี แต่จริงๆแล้วในตัวพวกเขามีทั้งความผิดพลาด และก็ความถูกต้อง
และ ณ ทุกวันนี้ทฤษฎีวิวัฒนาการยิ่งแสดงให้เราได้ว่ามันเป็นไปได้
เพราะนักวิทยาศาสตร์เค้าลองผิดลองถูก ข้อผิดพลาดเค้าก็โยนทิ้งไป เอาแต่ข้อที่เป็นไปได้
ไอ้เราก็ดันไปมองแต่ข้อผิดพลาดแล้วก็ฟันธงเลยว่าผิดนะ โกหกนะ
ประกอบกับว่าเราเป็นแค่ผู้ตาม (ตักลีด) ทั้งๆที่โลกมุสลิมเองก็ไม่ได้รู้วิทยาศาสตร์เลย
เพียงแต่นิยมชมชอบผู้รู้วิทยาศาสตร์ในวงการนักวิชาการมุสลิมเท่านั้น

ข้อ 1. ที่คุณถามมา คำตอบคือ เป็นไปได้ครับ
2. มนุษย์คู่แรกนั้นมีรูปกายที่สวยงามครับ
แต่การวิวัฒ(แปลว่าดีขึ้น) ต้องเข้าใจนะครับว่ามันคือการพัฒนาพันธุกรรมให้ดีขึ้น
เช่นจากสัตว์เซลล์เดียว ก็พัฒนาเรื่อยๆกลายเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ
3. กฎของเมนเดลนั้นถูกต้อง และมันก็ไม่ได้มีส่วนในการล้มล้างทฤษฎีวิวัฒนการแต่อย่างใด
ซึ่ง Harun Yahya นั้นเข้าใจผิด
4. อัลลอฮฺสร้างมนุษย์จากดิน และเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์คือนบีอาดัมและภรรยา
และไม่ได้วิวัฒนการมาจากสิ่งใด
ส่วนสัตว์นั้นอัลลอฮฺไม่ได้กล่าวถึงว่าสร้างอย่างไร
ก็ย่อมเป็นไปได้ว่าอาจวิวัฒนาการมาจากสัตว์เซลล์เดียว
ซึ่งอัลลอฮฺไม่ได้ปล่อยให้มันเติบโตเองอย่างมั่วซั่ว
เพราะไม่มีสิ่งใดเลยในธรรมชาติที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของอัลลอฮฺ
และอัลลอฮฺทรงเลี้ยงดูทุกสรรพสิ่ง
นั่นคือสิ่งที่ผมย้ำว่า
"อัลลอฮฺอาจจะสร้างสัตว์มาอย่างวิวัฒนการก็ได้ หรืออาจจะสร้างมาเป็นสายพันธุ์นั้นๆตรงๆเลยก็ได้"

และ 4 หัวข้อต่อมา
1. เมนเดลเป็นเพียงผู้ค้นหาสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้าง ซึ่งความรู้มนุษย์ก็อาจมีถูกมีผิด
2. ข้อมูลของนักทฤษฎีวิวัฒนการก็มีทั้งถูกและผิด ก็มีทั้งไร้เหตุผลและมีเหตุผล
3. ที่คุณบอกว่า "เราไม่ควรคิดอย่างกำปั้นทุบดิน" นั่นคือคำตอบที่ดีที่สุดว่าเราไม่ควรฟันธงในสิ่งที่เราไม่รู้
เช่น โลกเกิดมาจาก Big Bang หรือกล่าวหาว่าทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นเรื่องโกหก
และที่สำคัญคือ อย่าตักลีด Harun Yahya ท่านไม่ใช่อัลลอฮฺ และท่านก็ไม่ใช่ผู้ที่รู้ในวิทยาศาสตร์มากนัก
การฟันธงของเขาอาจทำให้โลกมุสลิมหน้าแตกก็เป็นได้
เพราะฉะนั้นคำตอบของมุสลิมคือ ถ้าสิ่งใดตรงกับอิสลามเราเชื่อ สิ่งใดขัดเราไม่เชื่อ
สิ่งใดที่อิสลามไม่ได้พูดถึง เราขอละไว้ ...
4. ความสงสัยกับการใช้ปัญญานั้นต่างกัน เช่นคำกล่าวในกุรอาน "จงอย่าสงสัย" หรือ
"ไม่มีข้อสงัสยใดๆ" กับคำว่า "จงใคร่ครวญ" หรือ "ไม่ได้พิจารณาดอกหรือ"
มีความหมายต่างกัน คนที่ขี้สงสัยมักหลงผิด แต่คนที่ใช้ปัญญานั้นไม่หลงผิด
คนที่คิดว่าอิสลามต่ำต้อยนั้นก็เตรียมหลงผิด เพราะอิสลามสูงส่ง ไม่มีสิ่งใดสูงกว่าอิสลาม
แล้วเราไปกลัวน้อยหน้าโลกวิทยาศาสตร์ทำไม (เดี๋ยวพวกเขาก็ค้นพบความจริงเอง)
ผมเองศึกษาวิทยาศาสตร์มาตั้งแต่เด็กแล้วจึงไม่เห่อกับมัน ไม่หลงคล้อยตามพวกมัน
ไอ้เราเองก็อย่าไปดูถูกมุสลิมว่า ถ้าเอ็งไม่ศึกษาวิทยาศาสตร์แล้วจะเอ็งโง่
หรือถ้าเอ็งไม่เรียนสามัญแล้วเอ็งกบในกะลา อย่าดูถูกเด็ดขาด...

ประการสำคัญคืออิสลามไม่มีวันลบเลือนจางหาย เพราะอัลลอฮฺปกป้อง
นอกจากบางคนที่เข้าใจว่าอิสลามต่ำต้อย เดี๋ยวจะโดนตะวันตกลบล้าง
เดี๋ยวจะโดนนักปรัชญาตรรกศาสตร์ลบล้าง เดี๋ยวจะโดนนักวิทยาศาสตร์ลบล้าง
เป็นไปไม่ได้ เพียงแต่พวกนี้มันเกิดมาเพราะเป็นแผนการกอฏอ-กอฎัรฺของอัลลอฮฺเท่านั้น
เรามีหน้าที่ปกป้องอิสลาม ศึกษาอิสลามแท้ๆอย่างถูกต้องแล้วนำไปบอกชาวโลก
เราไม่ต้องปรับอิสลามไปสู่ศาสตร์วิชาใดๆ อิสลามนั้นสมบูรณ์ในตัวของมันอยู่แล้ว
เราไม่ต้องไปใช้วิชาของเค้าฆ่าเค้า เราใช้วิชาของเรานี่แหละ นำไปเสนอกับเค้า
เค้าจะเชื่อหรือปฏิเสธนั่นอีกเรื่องนึง
เพราะบางทีเราเข้าใจว่าสิ่งที่ตนทำนั้นมันดี มันจะฆ่าเค้าด้วยวิชาของเค้า
แต่ไปๆมาๆมันอาจกลับมาฆ่าตัวเองก็เป็นได้!!
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Mon May 09, 2005 11:43 pm    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จะบอกว่าเมนเดลไม่โกหก ก็อาจจะยังไม่ถูกนัก แต่ในความคิดผม ไม่ว่าทฤษฎีใดๆก็ตามที่มนุษย์ค้นพบหรือตั้งสมมุติฐานไว้ มันยังไม่ถึงบทสรุปว่าทฤษฎีนั้นๆจะต้องถูกต้องเสมอไป อาจจะถูกในบางส่วนและผิดในบางส่วน และที่มันยังใช้ได้ หรือให้คำอธิบายในบางเรื่องได้เพราะเรากำลังเดินบนเส้นทางที่ถูกของมัน โดยในส่วนผิดของมันนั้นยังไม่ปรากฏตัวออกมาให้เห็นเด่นชัด แต่ยังคงแฝงตัวอยู่ภายใต้เงื่อนไขบางอย่างในปรากฏการณ์นั้นๆ บางส่วนมนุษย์อาจจะจับทางมันได้ แต่บางส่วนเราอาจจะเดินผ่านมันไปโดยไม่ทันสังเกตก็ได้ แต่มันก็ยังคงอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่เรามองไม่เห็นมันต่างหาก เช่นหลายๆปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เราค้นพบ ว่า ฝนเกิดจากอะไร ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ไปจนถึงการแตกตัวหรือรวมตัวของอนุภาค ก็ยังอาจมีอะไรที่ลึกลับมากกว่านั้นซ่อนอยู่ในอีกมิติหนึ่งของมันก็ได้

ยกตัวอย่างให้เห็นยากๆ (ที่จริงก็อยากให้ง่ายหรอกนะ แต่ทำยังไงมันก็ไม่ง่ายซะที) เช่น สิ่งที่เราเรียกว่า "เส้นตรง" มันไม่ใช่เส้นตรงหรอก เพราะเส้นตรงมันไม่มีอยู่จริง ... เริ่ม งง แล้วมั้ยล่ะ ???

ถ้าเราจะขีดเส้นที่เราคิดว่า"ตรง" สักเส้น ให้มีความยาวเท่าใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็น 5 มม. - 10 ซม. - 2 เมตร - 7 กิโล หรือจะขีดให้ยาวเป็นหมื่นไมล์.... เล็งแล้วเล็งอีก เราก็ว่ามันตรงแล้วนะ แต่ความจริงนั่นก็ไม่ใช่เส้นตรง แต่เป็น "ส่วนหนึ่ง" ของ function อะไรสักอย่างที่มันคดไปคดมา .... รื้อฟื้น calculus กันหน่อยนะครับ.... ถ้าเราตัดส่วนหนึ่งของเส้นคดๆงอๆนั่นมาสักช่วงหนึ่ง เราจะเห็นว่ามันไม่คดงออย่างกับภาพเดิมที่เห็น ยิ่งตัดให้สั้นลงอีกก็จะยิ่งคิดว่ามันมีความเป็นเส้นตรงมากขึ้นเท่านั้น เอาส่วนที่ตัดออกมานั้นมาขยายสเกลให้ใหญ่ขึ้น ๆ ๆ ๆ เท่าไหร่ก็ตาม ก็จะเห็นส่วนขยายนี้เป็นเส้นตรงที่ยาวออกไป ยาวออกไปเท่านั้น แต่จริงๆแล้วมันคือเส้นตรงหรือ? .... แน่นอน ไม่ใช่! เพราะอย่าลืมว่า ไม่ว่าเราจะขยายส่วนตัดนี้ให้ใหญ่ขึ้นด้วยสเกลเท่าไร พอกลับไปมองภาพเดิมของ function นั้นที่ขยายด้วยสเกลเดียวกันก็จะเห็นมันเป็นเส้นโค้งงออยู่นั่นเอง ยิ่ง order สูงๆขึ้นไป คือตัวยกกำลังของ function มากขึ้น ความโค้งงอของ Function ก็จะยิ่งพลิกผันมากขึ้นเท่านั้น พลิกไป ไขว้มาจนกลายเป็นหยิกหยอยเหมือนฝอยขัดหม้อ แล้ว derivative ที่เท่าไหร่ล่ะของ function นั้นจึงจะกลับมาเป็นเส้นตรง

เห็นมั้ย...บอกแล้วว่ายาก แต่ก็ไม่รู้จะยกตัวอย่างอย่างไรให้ชัดเจนกว่านี้ คือผมกำลังจะบอกว่า สิ่งที่มนุษย์ค้นพบจากการสังเกตความเป็นไปในธรรมชาติตามที่เขามองเห็นนี้ มันเป็นเพียง derivative ที่ n-1 ของ f(x) ยกกำลัง n ที่อัลลอฮฺทรงกำหนดไว้เท่านั้น ที่เรามองเห็นว่าเป็นเส้นตรงนั้นความจริง function เดิมของมันโค้งงอ หยิกขอดไม่รู้ว่ายกกำลังขึ้นไปถึง order เท่าไหร่ แต่เพราะความเล็กจิ๋วกระจ้อยร่อยของมนุษย์ เขาจึงเห็นมันในภาพลักษณ์ของเส้นตรง ดังนั้นสติปัญญามนุษย์จึงรับได้แต่เพียงการคาดเดาบนเส้นตรงตามที่เห็นเท่านั้น ทฤษฎีที่มนุษย์ค้นพบจึงอาจจะเป็นจริงได้(valid) แต่มันเป็นจริงเฉพาะใน range หนึ่งๆเท่านั้น มิใช่เป็นจริงโดยสมบูรณ์ทุกเงื่อนไข การเคลื่อนที่จากก้าวที่หนึ่งไปถึงก้าวที่ห้าอาจจะพบกับปรากฏการณ์ที่ถูกต้องตรงตามที่คำนวณได้บนทฤษฎีเส้นตรง แต่ก้าวที่หก-เจ็ด-แปด ... f(x) มันหลบไปทางอื่นเสียแล้ว และก็เป็นไปได้ว่ามันอาจวกกลับมาเข้าแนวเดิมอีกในก้าวที่ 13-14-15 แล้วก็หลบไป หลบมาเช่นนี้เรื่อยไปตราบเท่าที่มนุษย์ยังคงยึดถือแนวเส้นตรงเดิมในการประเมินสถานการณ์ และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมมนุษย์จึงมิอาจหยั่งถึง "อัลฆ็อยบ์" ได้ นอกจากที่อัลลอฮฺทรงประสงค์จะเผยแก่เขาเท่านั้น เช่น .... เราค้นพบว่าโดยธรรมชาติ "ไฟ" ต้องร้อน โดนตัวเมื่อไหร่เป็นพองและปวดแสบ แต่ที่ order q ของ f(fire) นบีอิบรอฮีมอยู่ในกองไฟมหึมาได้โดยไม่ร้อน ไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด .... อัลลอฮุอักบัร!

เมนเดลก็เช่นกัน การค้นพบการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรมจากรุ่นหนึ่งสู่อีกรุ่นหนึ่งเป็นจริงในเงื่อนไขบางอย่าง แต่ก็อาจไม่เป็นจริงในอีกบางเงื่อนไข...ซึ่งผมก็ยอมรับว่าไม่อาจแจกแจงรายละเอียดอะไรลงไปลึกๆได้ในเรื่องนี้ แต่ในความสมบูรณ์ของธรรมชาติ เมื่อมีเหตุ มันก็มีทางแก้มาให้ด้วยพร้อมกัน เช่นพืชบางชนิดใบมีพิษแต่รากของมันสามารถแก้พิษได้ แรกเริ่มเลยมนุษย์อาจไปพบพิษที่ใบมัน ก็เลยเหมารวมไปว่า ทั้งต้นมันเป็นพิษโดยไม่ได้แสวงหาการแก้พิษจากรากที่อัลลอฮฺทรงประทานมาให้ด้วย หรือมนุษย์อาจพบว่าพืชอีกบางอย่างมีสารที่ให้ประโยชน์ต่อร่างกายในแง่ใดแง่หนึ่ง สมมุติว่าเป็น สาร-A ก็เลยเร่งสกัดสารนั้นออกมาใช้กัน แต่พอใช้ สาร-A สกัดนั้นโดยลำพังกลับปรากฏว่ามีโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นกล้ำกรายเข้ามา ในขณะที่คนโบราณบริโภคสาร-A จากพืชชนิดนั้นๆโดยตรงกลับไม่พบว่าเป็นโรคแทรกอย่างที่เกิดกับมนุษย์ยุคใหม่ เพราะในพืชนั้นนอกจากสาร-A แล้วมันยังมี สาร-B สาร-C สาร-G เป็นตัวช่วยป้องกันการ overshoot จากการบริโภคสาร-A โดยลำพัง ฯลฯ

เหล่านี้เป็นเพียงเรื่องสมมุติที่ผมยกมาเป็นตัวอย่างนะครับ ซึ่งในความเป็นจริงมันก็เป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้ผมไม่มีข้อมูลรายละเอียดพอที่จะนำมาอ้างให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ เพียงเคยได้ยินได้ฟังมาคร่าวๆเท่านั้น คนสมัยก่อนกินนมวัวสดๆชนิดไม่ต้องพร่องมันเนย อุ่นทีนี่มาลัยนมหนาปึ้ก อร่อยชะมัด เขาก็แข็งแรง อายุยืน ไม่เป็นโรคนั่นโรคนี่ แต่เดี๋ยวนี้ดัดจริตกินนมสกัดไขมันออกไปตั้งเยอะก็แล้ว(หารู้ไม่ว่านั่นน่ะ โดนบริษัทมันหลอกว่ากินดี แต่ที่แท้เขาจะสกัดเอาออกไปเพิ่มมุลค่าเป็นสินค้าในรูปอื่นต่างหาก) up-and-down ....up-and-down .... เต้นแอโรบิกตามห้างก็แล้ว ยังไม่วายเป็นคลอเรสโตรอล.... คำตอบก็คือ pattern การดำเนินชีวิตมันต่างกัน ความสมบูรณ์ของชีวิตมันต่างกัน ความสมดุลย์ของชีวิตมันจึงเอียงกะเท่เร่อย่างนี้

//////////////////////////////////////
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Mon May 09, 2005 11:48 pm    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

จากความแตกต่างกันเล็กๆน้อยๆของสิ่งมีชีวิตสองชนิด ไปจนถึงเป็นความต่างกันโดยสิ้นเชิงกับชนิดอื่นๆ ได้ถูกนำมาสรุปว่าเกิดจากการพยายามปรับตัวของสิ่งมีชีวิตนั้นๆเพื่อให้สามารถอยู่ได้ในสภาพแวดล้อมที่ต่างออกไปเมื่อสิ่งมีชีวิตนั้นเดินทางไปตั้งรกรากทำมาหากินต่างที่ต่างถิ่นกันไปกัน ลูกหลานของเจ้าตัวเบอร์หนึ่งกลุ่มหนึ่งไปหากินแถวต้นไม้ เลยต้องปีนป่ายเก่ง ต้องโดดเก่ง บางทีอาจต้องร่อนเป็น บางพวกแค่นั้นก็หากินได้ไม่ฝืดเคือง เลยเอาแค่มีมือมีเท้าที่แคล่วคล่องว่องไว หรือมีพังผืดเสริมมาอีกนิดหน่อย บางพวกจำเป็นต้องไปได้ไกลกว่านั้นเพราะเช้าชามเย็นชามอยู่แถวนั้นมันไม่พอกิน พอดีบังเอิญมีขนยาวกว่าพี่น้องคนอื่น ลองโบกไปโบกมา...เอ๊ะ...มันลู่ล้อลมดีเลยกลายเป็นบินได้ ในขณะที่อีกบางพวกไปหากินแถวหนองน้ำ ดำผุดดำว่ายอยู่ในบ่อทั้งวันทั้งคืน มือเท้าที่เคยใช้เดินเลยต้องเปลี่ยนให้เป็นใบพายจะได้สะดวกในการประกอบอาชีพการงาน ทำมาหากินกับน้ำ ระบบการหายใจของลูกๆหลานๆของกลุ่มนี้ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปตามความอึดหรือไม่อึดของแต่ละตัว แล้วลูกหลานรุ่นต่อๆไปของแต่ละตัวนั่นก็พยายามฝึกให้ได้อย่างรุ่นพ่อรุ่นแม่ของมันหรือทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ จนกลายเป็นว่า บางครอบครัวยังหายใจด้วยปอด บางครอบครัวสามารถแยกอากาศที่ละลายอยู่ในน้ำเอามาหายใจได้ เลยกลายเป็นพวกหายใจด้วยเหงือกไป (ทั้งหมดนี้เขาบอกว่าใช้เวลาเป็นพันเป็นหมื่นล้านปี)

การจับแพะชนแกะตามแนวคิดของทฤษฎีวิวัฒนาการนี้ แท้ที่จริงเขาพยายามทำให้เชื่อว่าสิ่งมีชีวิตสามารถกำหนดบทบาทวิถีชีวิตของตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาพระเจ้า ด้วยการพยายามชี้ให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตทุกชนิด ทุกอย่างล้วนเกิดจากต้นกำเนิดเดียวกัน แล้วค่อยๆแตกหน่อ แยกสาขาเปลี่ยนแปลงตัวเองออกไปทีละน้อยเพื่อปรับตัวให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเพื่อการดำรงอยู่ พร้อมกับแฝงปรัชญาในเรื่องนี้ไว้ว่า ผู้แข็งแรงกว่าเท่านั้นที่จะชนะและอยู่รอด ใครอ่อนแอก็จงก้มหัวยอมรับว่าจะต้องตกเป็นเบี้ยล่างสุดแล้วแต่ผู้ที่แข็งแรงกว่าจะโขกสับ

การคัดสรรตามธรรมชาติ(Natural Selection) อาจมีส่วนจริงอยู่บ้างว่าผู้แข็งแรงจะอยู่รอด ผู้อ่อนแอก็ล้มหายตายจาก จนกระทั่งสูญพันธุ์กันไปในที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง generation ของเราก็มีให้ห็นมากมายที่สัตว์หลายชนิดทะยอยกันหายหน้าหายตาไปจากโลก บ้างก็กำลังตีตั๋วจ่อคิวโบกมืออำลากันอยู่ แต่นั่นไม่ใช่สัจธรรมของชีวิต ไม่ว่าจะอ่อนแอหรือแข็งแรงกำหนดวาระหรืออะญัลของแต่ละชีวิต แต่ละเผ่าพันธุ์ล้วนเป็นไปตามพระประสงค์ของอัลลอฮฺ สัตว์ใหญ่โตแข็งแรงในอดีตจึงลับดับสูญไปตามวาระของมันเพื่อบ่งบอกถึงเดชานุภาพของพระองค์ว่าไม่มีชีวิตใดจะรอดเร้นไปจากพระกำหนดนั้นได้

แล้วการคัดสรรตามธรรมชาติก็ถูกเอามาอ้างว่านั่นคือสิ่งที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดในรุ่นลูกหลาน ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง ขนาด ความแข็งแรง กลไกป้องกันตัว สีสัน กระบวนการทางชีวเคมี และพฤติกรรม พวกที่มีลักษณะด้อยและไร้ประโยชน์ก็ค่อยๆล้มหายตายไป พวกที่มีลักษณะเด่นและมีประโยชน์ก็จะคงอยู่และสืบทอดต่อไป นานเข้าๆก็เปลี่ยนแปลงไปจากต้นรากเดิมจนกลายเป็นอีกพันธุ์หนึ่ง เป็นอีกชนิดหนึ่งไปเลย

อย่างไรเสีย นั่นก็ยังคงเป็นเพียงทฤษฎีจากความคิดเห็น จะใช่หรือไม่ใช่ยังไม่มีใครให้คำตอบได้เต็มปาก เราทราบแต่เพียงว่า

และอัลลอฮ์ทรงสร้างสิ่งมีชีวิตทุกชนิดจากน้ำ ดังนั้นในหมู่พวกมัน มันจะเคลื่อนย้ายด้วยท้องของมันและในหมู่พวกมัน มันจะเดินด้วยสองเท้า และในหมู่พวกมัน มันจะเดินด้วยเท้าทั้งสี่ อัลลอฮ์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง อัลลอฮ์นั้นทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง (24:45)

ในอายะฮฺบอกว่า อัลลอฮฺทรงสร้างทุกชนิด และแต่ละชนิดนั้นพระองค์ทรงสร้างมันตามที่พระองค์ทรงประสงค์ เพื่อให้มนุษย์ตระหนักถึง กุดรัต(กุดเราะฮฺ) เดชานุภาพของพระองค์ ถ้าจะพิจารณาถึงถ้อยคำที่ใช้ "เคาะลักฺ" คือ สร้าง บังเกิด ทำให้เป็นตัวเป็นตนเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา น่าจะหมายความว่า ทรงสร้างเสือให้เป็นเสือ สร้างนกให้เป็นนก ปลาก็เป็นอีกกำเนิดหนึ่ง แยกต่างหากจากแมลง หรือช้าง หรือ มนุษย์ โดยแต่ละชนิดที่พระองค์ทรงสร้างไว้นั้น ทรงสร้างไว้เป็นคู่ ทั้งพืชและสัตว์ และทรงกำหนดให้มีวิธีเฉพาะสำหรับสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดในการสืบทอดขยายเผ่าพันธุ์ต่อไป

และจากทุก ๆ สิ่งนั้น เราได้สร้าง (มัน) ขึ้นเป็นคู่ ๆ เพื่อพวกเจ้าจะได้ใคร่ครวญ (51:49)

และเราได้ให้(น้ำฝน)หลั่งลงมาจากฟากฟ้า และเราได้ให้พืชทุกชนิดงอกเงยมาเป็นคู่ๆ อย่างดีงาม (31:10)

"สร้างเป็นคู่" คือเป็นเพศชายและหญิง ตัวผู้-ตัวเมีย male-female

และแท้จริงพระองค์ทรงสร้างสองเพศ เป็นชาย และหญิง (53:45)

/////////////////////////////////////
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Mon May 09, 2005 11:57 pm    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

กลับมามองที่มนนุษย์..... ต้นกำเนิดคือ อาดัมตามด้วยเฮาวาอ์ จากนั้นก็แพร่ขยายจำนวนออกไปมากมาย

มนุษยชาติทั้งหลาย จงยำเกรงพระเจ้าของพวกเจ้าที่ได้ทรงบังเกิดพวกเจ้ามาจากชีวิตหนึ่ง และได้ทรงบังเกิดจากชีวิตนั้นซึ่งคู่ครองของเขา และได้ทรงให้แพร่สะพัดไปจากทั้งสองนั้นซึ่งบรรดาชายและบรรดาหญิงมากมาย.... (4:1)

จนถึงยุคนบีนูห์ ที่มนุษย์ยุคนั้นมันดื้อกันสุดๆจนท่านนบีนูห์ขอต่ออัลลอฮฺว่า ....

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์อย่าทรงปล่อยให้พวกปฏิเสธศรัทธาหลงเหลืออยู่ในแผ่นดินนี้เลย (71:26)

จึงได้เกิดปรากฏการณ์ "น้ำท่วม" ล้างพวกชั่วๆไปให้หมด แปลว่าเหลือแต่คนดี...ผู้ศรัทธา ในตัฟสีรบอกว่า ขึ้นเรือมาด้วยกัน 80 คน 40 คู่ (วัลลอฮุอะอฺลัม) กับสรรพสัตว์บรรดามีอีกชนิดละ 1 คู่ ทั้งคนทั้งสัตว์ที่เพ่นพ่านกันอยู่เต็มหน้าแผ่นดินทุกวันนี้จึงมาจากลูกหลานของผู้และตัวที่รอดมาในเรือลำนั้นพร้อมกับนบีนูห์นั่นเอง

ที่น่าสนใจคือ รุ่นลูกของนบีนูห์ ซึ่งมีกันอยู่ 5 คน คนหนึ่งตายไปกับน้ำท่วม ชื่อ ยาม( يام ) ที่อะฮฺลุลกิตาบเรียกว่า กันอฺาน( كنعان ) อีกคนชื่อ อฺาบิร( عابر ) เป็นผู้หญิง นี่ก็ตายไปก่อนน้ำลด(หรือบางกระแสบอกว่าตายไปกับน้ำท่วมด้วย) อีก 3 คนที่เหลือรอดมาได้แก่ ซาม ฮาม และ ยาฟิษ
- ซาม ( سام ) เป็นต้นตระกูลอรับ ฟาริซี และโรม
- ฮาม ( حام ) เป็นต้นตระกูล กิบฏี(อียิปต์) ซูดาน(นิโกร) และเบอร์เบอร์(กลุ่มคอเคซอยด์แถบอัฟริกาตอนเหนือ)
- ยาฟิษ ( يافث ) เป็นต้นตระกูล เตอร์ก เศาะกฺอลิบะฮฺ(ชนเผ่าสลาฟ) กับยะอฺญูจญ์และมะอ์ญูจญ์

ยอมรับครับว่าคลำทางไม่ถูกเหมือนกันสำหรับ มองโกลอยด์ ในแถบเอเชียนี่ว่ามาทางไหนอย่างไรกัน อาจจะแตกแขนงมาจากลูกหลานคนใดคนหนึ่งในจำนวนนั้น หรือเป็นไปได้ว่า มาจากครอบครัวอื่นที่ร่วมมาในลำเรือนบีนูห์ด้วยก็ได้ - วัลลอฮุอะอฺลัม

ทำให้เราเริ่มมองเห็นความแตกต่างของชาติพรรณและสีผิว ถ้านึกย้อนกลับไป ทั้งที่ตายไปและที่รอดมาได้ ต่างก็เป็นลูกหลานอาดัมด้วยกันทั้งนั้น เรายังไม่พบหลักฐานใดบ่งบอกว่าลูกๆของนบีอาดัม รูปร่างหน้าตาอย่างไร สีผิวแบบไหน จนกระทั่งมาถึงรู่นลูกนบีนูห์นี่เอง นั่นแสดงว่า ลักษณะที่แตกต่างกันเหล่านี้มีอยู่ครบทั้งหมดแล้วในยีนส์ของท่านนบีอาดัม เพียงแต่รอเวลาที่จะออกมาสำแดงตัวในลูกคนไหน รุ่นใดเท่านั้น

เมื่อลูกๆของนบีนูห์แยกย้ายกันไปตั้งรกรากในดินแดนต่างๆ ก็พกพาเอายีนส์เด่นในตัวไปสร้างประชาชาติที่มีลักษณะและสีผิวต่างๆกันกลุ่มใครกลุ่มมัน เราจึงพบว่าผู้คนในแถบยุโรปก็แบบหนึ่ง ซึ่งคล้ายคลึงกับอรับมากกว่านิโกรในอัฟริกากลาง และมองโกลอยด์ในเอเชียก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ในความแตกต่างเหล่านี้ก็เป็นเพียงการแตกสาขามาจากต้นกำเนิดเดียวกันคืออาดัมซึ่งเป็น "มนุษย์" และไม่ว่าจะต่างกันไปขนาดไหนอย่างไร ก็ยังคงมีลักษณะที่สอดประสานเข้ากันได้อยู่เสมอในการสืบทอดเผ่าพันธ์มนุษย์ต่อไป ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอรับมาแต่งงานกับมาเลเซีย คนไทยไปแต่งกับฝรั่งเศส หรือจะเป็นนิโกรไปแต่งกับญี่ปุ่น ก็ยังคงมีลูกมีหลานออกมาให้เชยชมกันได้ เพราะเป็นมัคลูกที่อัลลอฮฺทรงสร้างมาจากกำเนิดเดียวกันให้เป็นมนุษย์เหมือนกัน ทว่า...แตกต่างกัน!

และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือ การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการแตกต่างของภาษาของพวกเจ้าและสีผิวของพวกเจ้า แท้จริงในการนี้ แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณสำหรับบรรดาผู้มีความรู้ (30:22)

เจ้ามิได้พิจารณาดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วเราได้ให้พืชผลงอกเงยออกมาด้วยกัน (จากน้ำ) สีสรรของมันแตกต่างกันไป และในหมู่ภูเขาทั้งหลายมีชนิดต่าง ๆ ขาวและแดง หลากหลายสี และสีดำสนิท
และในหมู่มนุษย์ และสัตว์ และปศุสัตว์ ก็มีหลากหลายสีเช่นเดียวกัน แท้จริง บรรดาผู้ที่มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านั้นที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺ นั้นเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยเสมอ
(35 : 27-28)

ในอายะฮฺนี้บอกว่า "ในหมู่มนุษย์ และสัตว์ และปศุสัตว์ ก็มีหลากหลายสีเช่นเดียวกัน" แสดงว่าความแตกต่างกันของสัตว์แต่ละพันธุ์ในชนิดเดียวกัน ก็มีลักษณะเช่นเดียวกับความแตกต่างที่ปรากฏในมนุษย์ จะเป็นแมวพันธุ์เปอร์เชีย หรือไซมีสแคท(Siamese Cat) อันลือชื่อของไทย ก็แต่งงานผลิต"แมวลูกครึ่ง"ได้เพราะเป็นแมวเหมือนกัน ไก่พันธุ์ไหนๆก็สามารถปิ๊งกันได้ ถ่างออกไปให้ไกลอีกหน่อย ม้ากับลายังสามารถแสดงบทรักหวานแหววกัน จนเป็น"ลูกล่อ"ออกมาอึดเหมือนลาแต่เปรียวเหมือนม้าได้ หรือว่าจะเป็นเสือกับสิงโตก็ยังพอกล้อมแกล้ม นกก็ขีดวงกันไว้เป็นกลุ่มๆ เช่น กลุ่มนกเงือก 13-14 พันธุ์ ระหว่าง เหยี่ยว แร้ง อินทรี อีกา จะมีความเป็นไปได้แค่ไหนต้องไปศึกษากันดู

/////////////////////////////
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Tue May 10, 2005 12:23 am    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ดังนั้น.....ในความเข้าใจของผมตรงนี้ วันนี้ ก็คือ
อัลลอฮฺทรงสร้างบรรพบุรุษของสัตว์มาเป็นชนิดต่างๆ แต่ละชนิดเป็นคู่ๆ...ตัวผู้-ตัวเมีย แล้วมันก็ออกลูกออกหลานมาเป็นพันธุ์ต่างๆกระจัดกระจายออกไป ในอายะฮฺ 4:1 อันนิสาอ์ที่นิยมนำมาอ่านในงานนิกาห์ อัลลอฮฺทรงตรัสถึงการแพร่สะพัดเผ่าพันธุ์ การแตกแขนงลูกหลานวงศ์วานจากมนุษย์คู่แรกออกไปเต็มหน้าแผ่นดินโดยใช้คำว่า "บัษษะ - بَثَّ " แปลว่า แตกกระจายออกไป คลายตัว แพร่สะพัดออกไป to spread, unroll, to scatter, disperse, to dissiminate, to sprinkle แล้วกับสัตว์ก็ทรงใช้คำนี้ด้วยเหมือนกัน ....

พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายโดยปราศจากเสาที่พวกเจ้าจะมองเห็นมันได้ และทรงปักเทือกเขาไว้อย่างมั่นคงในแผ่นดินเพื่อมิให้มันสั่นคลอนไปกับพวกเจ้า และทรงให้สัตว์ทุกชนิดแพร่หลาย(บัษษะ)ในมัน (แผ่นดิน) (31:10)

และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการที่พระองค์ทรงให้สัตว์ทั้งหลายแพร่กระจายไป(บัษษะ)ทั่วในระหว่างทั้งสองนั้น(42:29)

และในการบังเกิดพวกเจ้า และสิ่งที่พระองค์ทรงให้สัตว์แต่ละชนิดแพร่สะพัดออกไป(ยะบุษษุ)นั้น ย่อมเป็นสัญญาณหลากหลายสำหรับหมู่ชนผู้เชื่อมั่น (45:4)

นั่นแสดงว่าการแตกพันธุ์ของสัตว์ก็เป็นไปเช่นเดียวกับมนุษย์ จากมนุษย์คู่แรก แตกออกมาเป็นผิวขาว ผิวแดง ผิวเหลือง ผิวดำ สูงต่ำ ดำขาว ตาโต ตาตี่ หัวหยิก หรือพริ้วสลวย ฯลฯ มากมายฉันใด จากไก่คู่แรกจนมาเป็น ไก่แจ้ ไก่อู ไก่ชน สารพัดไก่ทุกวันนี้ (จะรวมไก่งวงไว้ในครอบครัวไก่นี้ด้วยหรือเปล่าก็ไม่รู้นะ) ก็เป็นไปฉันนั้น

นั่นคือ กลุ่มไหนใครมีบรรพบุรุษร่วมกันก็จะมีลักษณะคล้ายคลึงใกล้เคียงกัน และสามารถผสมพันธุ์กันได้ ถ้าต่างกันก็ทางใครทางมัน ไม่ใช่โดยการกระดื๊บกระดื๊บมาจากเซลล์ต้นกำเนิดชีวิตเซลล์เดียวกันทั้งหมดแล้วแตกแขนงออกไปเป็นนก เป็นงู เป็นหนู เป็นปลา เป็นหมา หรือเป็นคน ฯลฯ ตามทฤษฎีวิวัฒนาการ

อัลลอฮฺทรงสร้างครีบมาให้ปลาวาฬใช้ว่ายน้ำโดยมีโครงสร้างภายในคล้ายมือเท้าของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอื่นๆ โดยให้บรรพบุรุษของมันเป็นกำเนิดหนึ่งที่มีระบบในร่างกายเหมือนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมแต่ใช้ชีวิตอยู่ในน้ำ มิใช่ให้บรรพบุรุษของมันเคยมีมือมีเท้าแล้วค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นครีบเพราะมีประโยชน์ในน้ำมากกว่า ทรงให้ปีกนกเป็นขนพลิ้วลิ่วลมแล้วให้มันบินได้ แต่ก็ทรงสามารถทำให้พังผืดที่ปีกค้างคาวช่วยให้มันบินได้เช่นเดียวกัน เพราะเมื่ออัลลอฮฺทรงประสงค์สิ่งใด เพียงประกาศิตว่าจงเป็น มันก็เป็นขึ้นมา เมื่อพระองค์ทรงสร้างชีวิต พระองค์ทรงสร้างมันอย่างสมบูรณ์โดยไม่ต้องมีการปรับเปลี่ยนสภาพอีกเพื่อความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อม แต่พระองค์ได้ทรงกำหนดความเหมาะสมต่างๆให้แก่มัน แล้วให้มันแสดงลักษณะต่างๆที่แฝงอยู่ในบรรพบุรุษคู่แรกของมันออกมาให้เป็นที่ปรากฏว่าพระองค์สามารถที่จะเก็บความแตกต่างหลากหลายนั้นไว้ในต้นแบบคู่เดียวได้

ผู้ทรงทำให้ทุกสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างนั้นดีงาม และพระองค์ทรงเริ่มการสร้างมนุษย์จากดิน
แล้วทรงให้การสืบตระกูล ของมนุษย์มาจากน้ำ (อสุจิ) อันไร้ค่า
(32:7-8)

"อะหฺสัน- أحسن " คือดีมาแต่แรกสร้างแล้ว ไม่ต้องมา modify กันใหม่ ไม่จำเป็นต้องวิวัฒนาการกันอีก แต่เป็นการ zip คุณสมบัติต่างๆของสิ่งที่จะตามมาในอนาคตไว้พร้อมมูลแล้วในต้นแบบนั้น จากนั้นจึงค่อยมา unzip งัดออกมา แกะออกมาสำแดงลักษณะที่แตกต่างหลากหลายนั้นในรุ่นต่อๆมา

ดังนั้นเมื่อข้ามไปในสัตว์ชนิดอื่น เราก็จะพบความเหมือนที่แตกต่าง แต่เป็นความแตกต่างที่เหมือนกันในลักษณะนี้ด้วยระหว่างแต่ละชนิดนั้นๆ โครงกระดูก 5 นิ้วของสัตว์มีกระดูกสันหลังจึงมิได้ปรากฏเฉพาะในมนุษย์ เอป แรคคูนและหมีเท่านั้น แต่ยังพบในสัตว์อื่นๆ เช่น แมว ค้างคาว โลมา กิ้งก่าและเต่าบกด้วยรูปแบบที่แตกต่างกัน แต่แล้วความเหมือนที่แตกต่างนี้กลับถูกนำไปใช้เป็นข้ออ้างถึงการคัดสรรตามธรรมชาติที่ผลักดันให้สิ่งมีชีวิตต้องปรับเปลี่ยนลักษณะพื้นฐานที่ได้รับสืบทอดต่อมาให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน อันไหนใช้ก็คงอยู่และพัฒนาต่อไป อันไหนไม่ใช้ก็หดไป ฝ่อไปหรือหายไป เช่นพยายามอ้างว่า เพราะเหตุใดสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเพศผู้(รวมทั้งมนุษย์เพศชาย) จึงมีหัวนม

จากการที่อัลออฮฺทรงสร้างสิ่งมีชืวิตเป็นคู่นั้น บางอายะฮฺใช้คำว่า " خلق เคาะลักฺ" ... สร้าง
แต่บางอายะฮฺบอกว่า

มนุษย์คิดหรือว่า เขาจะถูกปล่อยไว้โดยไร้จุดหมายกระนั้นหรือ ?
เขามิได้เป็นน้ำกามหยดหนึ่งจากน้ำอสุจิที่ถูกพุ่งออกมากระนั้นหรือ ?
แล้วเขาได้เป็นก้อนเลือดก้อนหนึ่งแล้วพระองค์ทรงบังเกิดแล้วก็ทรงทำให้ได้สัดส่วนสมบูรณ์
แล้วพระองค์ทรงทำให้เขาเป็นคู่ เป็นเพศชายและเพศหญิง
(75:36-39)

โดยใช้คำว่า جعل ญะอะละ ทำให้เป็น... คือในต้นแบบของมนุษย์นั้นถูก designed ไว้แล้วว่ามี common model เป็นแบบนี้ แล้วเมื่อจะแยกเพศก็หยิบมาจากต้นแบบนั้นแล้ว "ทำให้เป็น" ชายหรือหญิงในส่วนที่พระองค์ทรงประสงค์จะให้มีความแตกต่างกัน สิ่งใดที่มีอยู่ นั่นคือเป็นไปตามต้นแบบ ส่วนใดที่ต่างกัน นั่นคือการแบ่งแยกตามพระประสงค์ของพระองค์ มิใช่เป็นการหดฝ่อเพราะไม่ใช้ หรือ พัฒนาขึ้นมาเพราะต้องใช้ แต่เป็นสิ่งที่อัลลอฮฺทรงกำหนดไว้แล้วว่านั่นคือ อะหฺสะนิตักวีม - รูปลักษณ์ที่ดีเยี่ยม ซึ่งเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับชีวิตนั้น
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
AlGhuraba
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 226


ตอบตอบ: Tue May 10, 2005 12:29 am    ชื่อกระทู้: Re: อัลลอฮทรงสร้าง หรือ วิวัฒนาการ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถึงอย่างไร สิ่งที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนั้นก็ยังคงเป็นเพียงสมมุติฐานในอีกมุมมองหนึ่งซึ่งต่างไปจากทฤษฎีหรือสมมุติฐานแบบพวกตะวันตกที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการปฏิเสธพระเจ้า ผมหรือเขาอาจจะถูกก็ได้ ผิดก็ได้ หรืออาจจะมีทั้งถูกและผิดปนๆกันอยู่ ซึ่งผมว่าจะถกเถียงกันไปยันกิยามะฮฺก็ยังไม่ได้คำตอบหรอก อย่างมากก็แค่รู้ไว้ประดับสติปัญญาเท่านั้น เพราะคำตอบที่แท้จริงนั้น อัลลอฮฺบอกว่า พระองค์จะทรงเฉลยเองในสิ่งที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน

การจะไขว้เชื้อสาย หรือจะแต่งงานในสายเดียวกันแล้วจะเกิด หรือจะไม่เกิดอาการอย่างนั้น อย่างนี้ตามทฤษฎีของเมนเดลนั้น ตามความเห็นของผมก็เหมือนกรณี สารสกัด A-B-C ที่ยกตัวอย่างไว้ข้างต้นนั่นแหละครับ

นบีอาดัมมีลูกหลายคน บางรายงานบอกว่า 120 คน บางรายงานมีแค่ 80 และแต่ละท้องก็จะออกมาเป็นคู่ ชาย-หญิง คู่แรกคือ กอบีล กับ อิกลิมะฮฺ คนสวย คู่สองคือ ฮาบีลกับ เกฺาะบีละฮฺ (หรืออ่านว่า กฺอบิละฮฺ ก็ไม่รู้ -Qabila- ยังไม่ได้หาคำภาษาอรับดูเลยครับ) ตอนนั้นมีกันอยู่ไม่กี่คน อัลลอฮฺจึงให้พี่น้องแต่งงานกันเองก่อน แต่ให้สลับท้องกัน คือ ให้กอบีลไปแต่งกับน้องสาวอีกท้องหนึ่งที่เกิดมาคู่กับฮาบีล ส่วนฮาบีลก็มาแต่งกับคู่แฝดของกฺอบีล แต่กฺอบีลไม่ยอมเพราะคู่แฝดของตัวเองสวยกว่า จนเป็นที่มาของโศกนาฎกรรมต้นแบบฆาตกรรมครั้งแรกของมนุษยชาติ ส่วนคู่อื่นๆก็สลับไขว้กันไปเช่นนี้เหมือนกัน

ต้นแบบ zip file จาก อาดัม+เฮาวาอ์ ถูก unzip มาอยู่ในตัวลูกๆ ซึ่งรุ่นแรกๆยังมีความเข้มข้นของความสมบูรณ์อยู่มากพอที่จะไม่แสดงอาการอะไร รุ่นต่อๆมา ความสมบูรณ์แข็งแรงดังกล่าวอาจมีอยู่ในบางคน และขาดหายไปในบางคน ดังนั้นจึงกำหนดให้ไขว้สายแต่งงานเพื่อที่จะแลกเปลี่ยน และ share ความสมบูรณ์ซึ่งกันและกัน ความสมบูรณ์ และความไม่สมบูรณ์นี้ก็เป็นเสมือน สาร A-B-C-.... Z ที่ถูกสกัดออกจากพืชพันธุ์ชนิดหนึ่งๆ แล้วถูกแยกไปบริโภคโดยลำพัง มันก็อาจจะมีผลเสียตามมาได้ จึงต้องเอาสารอื่นๆที่ถูกสกัดออกไปมาบริโภคร่วมด้วย เพื่อ คาน ความสมดุลย์ซึ่งกันและกัน นั่นคือสิ่งที่อัลลอฮฺบอกว่า...

โอ้มนุษยชาติทั้งหลาย แท้จริงเราได้สร้างพวกเจ้าจากเพศชาย และเพศหญิง และเราได้ให้พวกเจ้าแยกเป็นเผ่า และตระกูลเพื่อจะได้รู้จักกัน (49:13)

ให้มารู้จักกัน ให้มาแบ่งปันแลกเปลี่ยนความสมบูรณ์ และความสมดุลย์ซึ่งกันและกัน

ถ้าจะบอกว่า "สิ่งมีชีวิตในปัจจุบันคือความเสื่อมโทรมทางพันธุกรรมอันเกิดจากการสืบเชื้อสายในสายเลือดเดียวกัน ฉะนั้นมนุษย์คู่แรกย่อมมีรูปร่างไร้ที่ติ และมีมันสมองอันปราดเปรื่องจนเราจินตนาการไม่ถึง" ก็นับว่าเป็นแนวคิดที่น่าสนใจทีเดียว ซึ่งผมก็วิเคราะห์ไม่ออกว่านั่นคือความเสื่อมโทรมหรืออย่างไรแน่ครับ แต่เราก็พอจะมีเบาะแสในเรื่องนี้อยู่เหมือนกันจากรายงานของท่านอบูฮุร็อยเราะฮฺ .....

ท่านรอซูล ศ็อลลัลอฮุอฺะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า "อัลลอฮฺทรงสร้างอาดัมให้มีความสูงหกสิบศอก แล้ว(รูปร่างของมนุษย์)ก็หดเล็กลงๆจน(มีขนาดเท่า)ทุกวันนี้" (บุคอรี-มุสลิม)

หวังว่าทั้งหมดนี้น่าจะเป็นคำตอบสำหรับคำถาม 4 ข้อของคุณได้นะครับ ...วัลลอฮุอะอฺลัม
////////////////////////////////////
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.18 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ