ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอยู่
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอยู่
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 19, 20, 21, 22, 23, 24  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
nop
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/02/2005
ตอบ: 89


ตอบตอบ: Wed Mar 30, 2005 5:13 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้าว
เดี๋ยวผมข้ามไป เรื่องที่บอกว่าอาจารย์ฟาริดไม่เคลียร์เรื่องชีอะฮฺและเรื่องบางเรื่องนี้
ถ้าท่านไม่เข้าใจก็จะหาว่าผมต่อว่าอีกแล้ว .. เปล่าครับ ลืมอธิบายไปว่า
นักวิชากการทุกท่านแหละครับมีข้อบกพร่องข้อพลาดไปคนละจุดสองจุด หรือบางคนก็มากหน่อย
เป็นกันมาอย่างนี้ตั้งแต่ยุคสลัฟแล้ว ซึ่งนักวิชการก็ไม่รู้ตัวว่าผิดด้วย เราเองนี้ก็ไม่รู้ตัว
พวกเรายังกล้าพูดกันได้ว่า อิมามอบูหะนีฟะฮฺผิดเรื่องนั้นนะ อิมามชาฟีอีย์ว่าผิดเรื่องนี้นะ เรายังพูดได้เลย นั่นขนาดสลัฟ
แล้วนับประสาอะไรกับนักวิชาการปัจจุบัน จะไม่ให้ผิดเลยหรือ?
เชคฺ ยูซุฟ อัลก็อรฺฎอวีว่าเก่งแล้ว ยังโดนวิจารณ์ฟัตวาเยอะแยะไปหมด เราก็เห็นจะจะเลยว่าผิด
เช่นฟัตวาเรื่องดนตรี ก็ไม่ยกหะดีษบุคอรีย์มา ไปเอาหะดีษอื่นซึ่งไม่เกี่ยวกับดนตรีเลยเอามาว่า
เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นว่าอาจารย์ฟาริดต้องไม่ผิด หรือไอ้คนที่เกลียดอาจารย์ฟาริดจะผิด
บางทีคนที่เกลียดอาจารย์ฟาริดอาจพูดถูกก็ได้ แต่เรื่องส่วนตัว เรื่องนัฟซูคนเรามันก็มี ธรรมดา เราอย่าไปมอง เรามองว่าเค้าพูดชัดเจนรึเปล่า เคลียร์รึเปล่า ก็แค่นั้น
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Thu Mar 31, 2005 3:21 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ผมได้คุยกับผู้รู้ที่มีคุณธรรมแล้วรู้สึกสบายใจ นอกจากจะได้ความรู้แล้ว ยังได้ความรู้สึกที่ดีๆ อีกตั้งเยอะ อยากให้เราตั้งหลักว่า ที่เราสนทนากันนี้มิใช่เพื่อโจมตีหรือปกป้องอาจารย์ท่านใด แต่เราแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อหาแนวทางที่ชัดเจนที่สุด

แต่ต้องขอติงคุณ nop สักนิดเถอะ ในคำพูดที่คุณย้ำว่า ถ้าไม่ตอบหรือตอบไม่ได้ ฟังดูไม่ค่อยเข้าท่าสักเท่าไหร่ เพราะผมเข้ามาเจอกับคำถามที่คุณตั้งไว้ก็อาสาตอบแล้วชวนคุณสนทนาด้วย และบอกว่าขอคุยทีละข้อไม่ดีหรือ เพียงเริ่มข้อแรกยังไม่ทันจบความ คุณก็รีบร้อนโครมครามเหลือเกิน หรือคุณเป็นวัยรุ่นใจร้อน หรือว่าคำถามที่คุณตั้งไว้สงวนไว้สำหรับคุณ natee ผู้เดียวแล้วผมแทรกโดยไม่ได้รับเชิญ ถ้าเช่นนั้นต้องขอมะอัฟจริงๆ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Thu Mar 31, 2005 3:23 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หลักใหญ่ใจความที่ผมได้ฟังและอ่านหนังสือของอาจารย์ฟารีดและอ่านข้อความของคุณ nop แล้วดูเหมือนจะไม่มีข้อต่าง ผมเชื่อเช่นนั้นนะ ลองอ่านในหนังสือของอาจารย์ฟารีดเล่มที่ 2 บทที่ 1 เรื่อง ใครคือชาวคัมภีร์ ดูเพราะผมอ่านแล้วก็เข้าใจเช่นเดียวกับข้อความที่คุณ nop กล่าวมาข้างต้น เมื่อทั้งสองท่านต่างก็มีเป้าประสงค์เดียวกันโดยให้พิจารณา,มีข้อจำแนก,ไม่เหมารวมทั้งหมด ฉะนั้นผมจึงตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเพราะอาจารย์ฟารีด เขียนหนังสือที่คุณ nop อ่านแล้วจับต้นชนปลายไม่ถูก หรือว่าผู้อ่าน – อ่านไม่หมด หรืออ่านไม่ละเอียด ผลออกมาจึงเข้าใจไปคนละทาง

แม้หลักใหญ่ใจความจะตรงกัน แต่ข้อความของคุณ nop ข้างต้นนี้ทำให้ผมสะดุดนิดหนึ่งตรงที่คุณบอกว่า

ตั้งแต่ยุคของท่านนบีมุฮัมมัดก็พบว่าเตารอดและอินญีลถูกบิดเบือนแก้ไขไปหมดแล้ว

คำพูดนี้ดูจะต่างจากคำพูดของอาจารย์ฟารีดอยู่บ้าง ตรงที่อาจารย์ฟารีดนำเสนอว่า ในยุคนะบีนั้นคัมภีร์อัตเตารอตและอินญีลถูกบิดเบือนแก้ไขจริงแต่ไม่ทั้งหมด ในขณะที่คุณ nop บอกว่าแก้ไขหมดแล้ว และเรื่องนี้เป็นหนึ่งในคำถามที่คุณ nop ตั้งไว้ด้วย จึงขออนุญาตชี้แจงโดยอ้างอิงจากหนังสือของอาจารย์ฟารีดดังนี้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Thu Mar 31, 2005 3:26 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

“บรรดาผู้ที่เราได้ให้คัมภีร์แก่พวกเขา โดยพวกเขาได้อ่านคัมภีร์นั้นจริงๆ (น้อมรับและปฏิบัติตาม) ชนเหล่านี้คือผู้ศรัทธาต่อคัมภีร์นั้น” ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 121

ท่านอิบนุกะษีรอธิบายว่า “ท่านอุมัร อิบนุค็อตตอบ ได้อธิบายประโยคที่ว่า “พวกเขาได้อ่านคัมภีร์นั้นจริง” โดยท่านกล่าวว่า เมื่อพวกเขาได้อ่านเรื่องราวที่กล่าวถึงสวรรค์ พวกเขาก็วิงวอนขอสวรรค์ต่ออัลลอฮ์ และเมื่อพวกเขาได้อ่านเรื่องราวที่กล่าวถึงนรก พวกเขาก็ขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ให้พ้นจากนรก

อบูลอาลียะห์กล่าวว่า ท่านอิบนุมัสอู๊ด ได้กล่าวว่า ขอสาบานต่อ (อัลลอฮ์) ผู้ซึ่งที่ตัวของฉันอยู่ในพระหัตของพระองค์ว่า “พวกเขาได้อ่านคัมภีร์นั้นจริง” คืออนุมัติในสิ่งที่ฮะลาล และห้ามในสิ่งที่ฮะรอม และได้อ่านคัมภีร์ดังที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมา โดยไม่บิดเบือนถ้อยความจากที่ของมัน และไม่ตีความให้เป็นอื่นแต่อย่างใด

ท่านซุดดีย์กล่าวว่า รายงานจากอบีมาลิก จากอิบนิอับบาส โดยเขากล่าวเกี่ยวกับอายะห์นี้ว่า : พวกเขายอมรับในสิ่งที่อนุมัติ และพวกเขาปฏิเสธในสิ่งที่ต้องห้าม และพวกเขาไม่บิดเบือนถ้อยความจากที่ของมัน

อีกรายงานหนึ่งจาก อิบนิอับบาสในคำกล่าวของอัลลอฮ์ที่ว่า “พวกเขาได้อ่านคัมภีร์นั้นจริง” เขากล่าวว่า คือปฏิบัติตามคัมภีร์นั้นอย่างจริงๆ” ตัฟซีรอิบนิกะษีร เล่มที่ 1 หน้าที่ 236

อาจารย์ฟารีดได้นำเสนอรายละเอียดไว้มากกว่านี้นะครับ ยังมีฮะดีษประกอบอีกแต่เกรงว่าจะยาวไป จึงทยอยมาให้อ่าน แต่คุณ nop ว่าในยุคนะบีแก้ไขเปลี่ยนแปลงทั้งหมด คงมีหลักฐานใช่ไหมครับ จะรอรับฟัง
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nop
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/02/2005
ตอบ: 89


ตอบตอบ: Mon Apr 04, 2005 1:09 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สลามครับ

เอ่อ..อาจเป็นเพราะผมอธิบายไม่ดี หรือเรียบเรียงและชี้แจงไม่ดี ผู้อ่านจึงไม่เข้าใจนะครับ
ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่าทัศนะที่ผมเห็นด้วยนั้น เป็นคนละทัศนะกับอาจารย์ฟาริด ไม่เหมือนกัน ไม่คล้ายกัน
ซึ่งทัศนะอันหลากหลายนี้ก็มีนักวิชาการรองรับด้วยกันทั้งสิ้น แต่ผมไม่อาจบอกได้ว่าอันไหนเป็นทัศนะส่วนใหญ่
เพราะตามฟัตวาเมื่อมีคนถามว่าแต่งงานกับคริสต์ได้หรือไม่ ก็มักจะออกมาลักษณะว่า
- แต่งได้แต่สตรีคริสต์นั้นต้องปฏิบัติอยู่ในกรอบของอิสลาม (เป็นทัศนะที่เห็นบ่อยในต่างประเทศ รวมทั้งอาจารย์มุรีด)
- อีกทัศนะที่ต่างออกไป บอกว่าแต่งได้ แต่คริสต์นั้นต้องไม่เชื่อในไตรภาคี (เพราะถือเป็นมุชริก)
เท่าที่เห็นก็มีสองทัศนะ ซึ่งผมว่าไม่แปลก ใครเห็นด้วยกับอันไหนก็ว่ากันไป
แต่ที่แปลกที่พึ่งพบเห็นคือ ทัศนะที่บอกว่า ยะฮูดและนะศอรอบางพวกไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบ(อย่างในปัจจุบันนี่ไม่ใช่)
เป็นทัศนะที่แตกต่างจากสองทัศนะข้างต้นนะครับ
ซึ่งเป็นทัศนะที่อาจารย์ฟาริดได้นำเสนอ แต่ส่วนตัวผมว่าใครจะว่าตามนี้ก็ไม่เป็นไร ไม่ถือว่าปฏิเสธกุรอานแน่นอน

ทีนี้มาถึงเรื่องอายะฮฺที่คุณนพัฒน์ยกมา ก็ไม่ได้เกี่ยวกับประเด็นที่ตอบคือคัมภีร์เตารอดและอินญีลนั้นเปลี่ยนแปลงหรือไม่
ซึ่งนักตัฟซีรฺก็ได้อธิบายถูกต้องแล้ว และมันไม่ได้เห็นเกี่ยวข้องกันกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
แล้วอีกครั้ง ขอเรียนว่าไม่ต้องยกบทความมาซ้ำ หรือยังแคลงใจว่าเอ๊ะ หรือเค้าจะไม่เข้าใจอาจารย์ฟาริด
เปล่าเลย อาจารย์ฟาริดได้เขียนหนังสือไว้ ได้บรรยายไว้ ละเอียดดีแล้ว แต่ทีนี้เราข้ามไปแล้ว
ขอให้ทำความเข้าใจว่า เราเข้าใจแล้ว พวกเราได้รับฟังอาจารย์ฟาริดเข้าใจไปแล้ว
แล้วก็ต้องมีคำถามสิ เพื่อจะได้ให้มันกระจ่างชัดมากขึ้น เพื่อจะได้ไม่เป็นทัศนะลอยๆ
อีกทีนะครับ ให้เข้าใจเป็น step ดังนี้
1. เราเข้าใจการอธิบายของอาจารย์ฟาริดเรียบร้อย
2. ทีนี้เราจึงมีคำถามตามมาเพื่อจะได้เจาะเข้าไปให้แน่ชัด

เราจะก้าวไปข้างหน้าแล้วครับเพื่อแสวงหาคำตอบที่ชัดกว่า ผมจะไม่วกไปอธิบายเรื่องหนังสืออาจารย์ฟาริดซ้ำแล้วนะครับ
สมมุติว่าเราเห็นด้วยกับทัศนะ หรือว่ายังคงสงสัยอยู่ หรือไม่เห็นด้วย มันก็จะมีคำถามเพื่อจะได้มีคำตอบที่กระจ่างชัด
ดังที่ผมถามไปแล้วคือ
- พวกแบบไหนที่เรียกว่าดำรงไว้ซึ่งศาสนาอันเที่ยงธรรม?
- ในยุคของท่านนบีมุฮัมมัด มีอะหฺลุลกิตาบในความหมายของคุณหรือไม่? (ช่วยยกหลักฐานด้วย)
- ยะฮูดและนัศอรอคุณถือว่าพวกเขาย้ายอะกีดะฮฺไปหมดแล้ว จึงไม่เรียกว่าอะหฺลุลกิตาบ ดังนั้นอะหฺลุลกิตาบหรือพวกที่ยังไม่ย้ายอะกีดะฮฺนั้น เป็นแบบไหน?
- พวกอะหฺลุลกิตาบในความหมายของคุณจะต้องยึดคัมภีร์อะไร?
(ขอชี้แจงเสริมว่ายะฮูดีย์เดิมๆยึดเตารอดอย่างเดียว
ส่วนนัศรอนีย์เดิมๆยึดเตารอดและอินญีล)
- และถ้าหากคัมภีร์ของพวกเขาถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขไปแล้ว
แต่เขายังคงยึดถือตามคัมภีร์(ที่ถูกเปลี่ยนแปลง)จะถือว่าเป็นอะหฺลุลกิตาบหรือไม่?


และถ้าให้คำตอบได้ นั่นแสดงว่าเราเข้าใจเรื่องนี้จริงๆ ไม่ใช่อย่างคลุมเคลือ
แต่ถ้าผู้ที่ให้ทัศนะนี้ หรือผู้เห็นคล้อยตามทัศนะนี้ให้คำตอบไม่ได้
นั่นหมายความว่าทัศนะนี้เป็นทัศนะที่ไม่น่าเชื่อถือ มีข้อเคลือบแคลง (ทางวิชาการเรียกว่าทัศนะที่อ่อน)
แต่อย่างไรก็ตามถ้าตอบมาได้ มันอาจสร้างความกระจ่างให้แก่ผม และท่านอื่นๆ
ซึ่งผมก็อาจเห็นคล้อยตามก็เป็นได้ แต่ถ้ามันยังให้คำตอบไม่ได้ นั่นแสดงว่ามันคงยังคลุมเคลืออยู่


ประการต่อมาขอชี้แจงง่ายๆ เผื่อคนที่อ่านไม่เข้าใจ
ว่าทัศนะที่ผมถือตามนั้นต่างจากที่อาจารย์ฟาริดนำเสนอดังนี้
>> อาจารย์ฟาริดถือว่า ยะฮูดีย์และนัศรอนีย์บางพวกนั้นไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบ (อย่างในปัจจุบันนี่ไม่ใช่)
>> นักวิชาการโดยทั่วไปถือว่า ยะฮูดีย์และนัศรอนีย์ทั้งหมดคืออะหฺลุลกิตาบ
แต่หุกุ่มเรื่องการแต่งงานนักวิชาการจะให้เงื่อนไขแตกต่างกันออกไป (ซึ่งผมถือทัศนะนี้)


ประการต่อมาเรื่องเตารอดและอินญีล
ทั้งสองถูกประทานให้แก่นบีมูซาและอีซา(ตามลำดับ) ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่อัลลอฮฺไม่ได้รักษา มันจึงถูกบิดเบือนไป
เอ่อ..คือผมได้พูดผิดพลาดไปว่าเตารอดและอินญีลถูกบิดเบือนไปหมดแล้ว เป็นการใช้คำพูดไม่ถูก
จริงๆผมต้องพูดว่า เตารอดและอินญีลถูกบิดเบือนไปส่วนหนึ่ง อย่างนี้คงจะดีกว่านะครับ จะได้ไม่เข้าใจผิด

ผมจะขอยกตัวอย่างที่เป็นไปไม่ได้ สมมุติว่ากุรอานถูกแก้ไขบิดเบือนไปส่วนหนึ่ง
แล้วมุสลิมก็ยึดถือมัน ถามว่าจะถือว่ามุสลิมนั้นอยู่ในศาสนาเดิมของนบีมุฮัมมัดหรือไม่?
คำตอบคือไม่อย่างแน่นอน แต่ที่เราเป็นมุสลิมแบบเดิมๆได้ทุกวันนี้เพราะอัลลอฮฺรักษาอัลกุรอาน
อีกทั้งเรามีสุนนะฮฺเป็นสายเชือกให้ยึดจับไว้ อิสลามยุคของท่านนบีมุฮัมมัดจึงไม่ถูกบิดเบือน (แต่คนนี่แหละที่เพี้ยนออกไปเอง)
ส่วนอิสลามของท่านนบีมูซาและอีซานั้นถูกบิดเบือน คัมภีร์เตารอดและอินญีลถูกแก้ไข (นักศาสนายิวและคริสต์ชอบปกปิดและบิดเบือน)
จึงมีคำสอนที่ทั้งจริงและเท็จปะปนกัน อันนี้คือศาสนาใหม่ไม่ใช่ของมูซาและอีซา
พวกนี้คือพวกยะฮูดและนะศอรอ คือพวกศาสนาใหม่ พวกนี้แหละเราเรียกว่าอะหฺลุลกิตาบ
ซึ่งก็มีทั้งพวกที่ปฏิบัติตามคัมภีร์(ที่ถูกบิดเบือน)มีคุณธรรม และก็มีพวกที่ฝ่าฝืนดังที่กุรอานได้กล่าว

เช่นเดียวกัน พวกมุชริก พวกศาสนาอื่นในโลกก็อาจมาจากศาสนาของอัลลอฮฺ แต่มันถูกบิดเบือนจนกลายเป็นศาสนาใหม่
อย่างเดิมอาหรับก็นับถือศาสนาของอิบรอฮีมและอิสมาอีลอยู่ดีๆ แต่ก็กลายพันธุ์จนเป็นมุชริก
แต่เดิมๆทุกนบีเผยแผ่ศาสนาอิสลามครับ ไม่ได้เผยแผ่ศาสนายิวศาสนาคริสต์
(2:140) "หรือว่าพวกท่านจะกล่าวว่า แท้จริงอิบรอฮีม และอิสมาอีล และอิสฮาก และยะกูบและบรรดาวงศ์วานเหล่านั้น(บนีอิสรออีล) เป็นพวกยิวหรือเป็นคริสต์ จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ว่าพวกท่านรู้ดียิ่งกว่าอัลลอฮฺกระนั้นหรือ หรืออัลลอฮฺ(ทรงรู้)? แล้วผู้ใดจะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้ที่ปิดบังหลักฐานจากอัลลอฮฺ ซึ่งมีอยู่ที่เขา และอัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงเผลอในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่"เพราะฉะนั้นวงศ์วานอิสรออีลนั้นไม่ใช่ศาสนายิวและคริสต์นะครับ แต่มันถูกบิดเบือน ถูกปกปิดคำสอน
ซึ่งผมไม่อยากจะยกหลักฐานทางประวัติศาสตร์ เพราะเดี๋ยวคนก็จะไม่รับฟังเพราะไม่ใช่หลักฐานจากกุรอานและหะดีษ
แต่เอาเป็นว่าเราพอเอาเป็นความรู้เสริมๆไว้ว่า
คัมภีร์เตารอดหรือโตราห์นั้นถูกบิดเบือนออกไป นอกจากนั้นพวกยะฮูดก็ไปยึดถือตัลมูด คัมภีร์เขียนเองอีกด้วย
และพวกนะศอรอนั้นยึดถือทั้งเตารอด(พันธสัญญาเก่า) และอินญีล(พันธสัญญาใหม่) ทั้งหมดพวกเขาเรียกว่า"ไบเบิ้ล"
ซึ่งทั้งสองก็ถูกบิดเบือนไปส่วนนึง โดยเฉพาะถูกปกปิดเรื่องการมาของนบีมุฮัมมัด (แต่ยังคงทิ้งเคล้าโคลงไว้)
หลักฐานทั้งหมดยังคงมีมาให้เห็นในยุคปัจจุบันว่าไบเบิ้ลแต่ละฉบับถูกแปลไม่เหมือนกัน หาความจริงจากเล่มใดไม่เจอ
ท่านนบีจึงแนะนำซึ่งผมได้ชี้แจงไปแล้วว่า หากจะดูว่าส่วนไหนของเตารอดและอินญีลที่ยังอยู่ก็ให้เช็คกับอัลกุรอานและหะดีษ
ถ้าตรงอันนั้นใช่ ถ้าขัดอันนั้นไม่ใช่ แต่ถ้าไม่มีในกุรอานและหะดีษ อันนั้นให้ละไว้ไม่เชื่อไม่ปฏิเสธ
ศาสนาคริสต์หรือนะศอรอนั้น ตามประวัติศาสตร์สำหรับชาวตะวันตกที่ยอมรับความจริงคือมาจากเซ็นต์ปอล ไม่ใช่เยซูโดยตรง
ซึ่งเซนต์ปอลอ้างว่าฝันเห็นพระเยซู (อ้างความฝัน) และได้ออกคำสั่งให้ยกเลิกบัญญัติเก่าของโมเสส(มูซา)
แต่ถ้าเราลองดูคำพูดของเยซูในเบเบิ้ลจะพบว่าเยซูพูดว่า "เราไม่ได้มาลบล้างบัญญัติ ..แม้แต่ตัวอักษรเดียว.."
เยซูบอกไม่ลบล้างบทบัญญติ(ของมูซา) แต่เช็นต์ปอลกลับอ้างว่าเยซูมาในฝัน(หรือเรียกว่าได้รับนิมิต)
ไม่ต่างอะไรกับพวกซูฟีที่บิดเบือนอิลสามเลยครับ ชอบอ้างความฝัน
นอกจากนั้นแล้ว คำว่าอัล-มะซีฮฺ อีซา หรือ พระเมสิอาห์นั้น ถูกตีความไปว่าหมายถึง"พระผู้ไถ่บาป"
กล่าวคือพระเจ้าส่งบุตรมาไถ่บาปให้มนุษย์
ตรงนี้คือหลักอะกีดะฮฺของนะศอรอที่เพี้ยนไปตั้งแต่ยุคแรกแล้ว ไม่ใช่พึงจะมีในยุคเรา
เพราะฉะนั้นอย่าอ้างว่าคริสต์ยุคเราไม่เหมือนกับยุคก่อน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nop
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/02/2005
ตอบ: 89


ตอบตอบ: Mon Apr 04, 2005 1:10 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อีกทีง่ายๆ เผื่อคนที่เข้าใจยาก หรือขี้เกียจคิด
คือว่า พวกยะฮูดและนะศอรอเนี่ยคัมภีร์ของพวกเขาเนี่ยถูกบิดเบือนไปตั้งแต่นู่นมาแล้วครับ ก่อนการมาของท่านนบีมุฮัมมัด
พวกนี้ไม่ใช่ศาสนาเดิมของนบีมูซาและอีซา
ตอนนบีอีซามา พวกยะฮูดก็ต่อต้านนบีอีซา วางแผนฆ่านบีอีซา จนอัลลอฮฺสร้างกลลวงให้พวกเขาเข้าใจผิดว่าอีซาถูกตรึงกางเขน
ซึ่งยุคนั้นและต่อมาเรื่อยๆเอาหละ ใครไม่ฝ่าฝืนอัลลอฮฺก็ไม่เอาโทษเพราะนบีมุฮัมมัดยังไม่มา
600 ปีหลังจากอีซา พอนบีมุฮัมมัดมาแล้วสิครับ ใครไม่รับก็กาเฟรฺทันที
ซึ่งถ้ารับ สถานภาพก็คือมุสลิม ส่วนใครไม่รับพวกนั้นก็คือพวกอะหฺลุลกิตาบ

ตรงนี้อัลลอฮฺทรงรู้อย่างดียิ่งว่าอนาคตพวกอะหฺลุลกิตาบจะเป็นอย่างไร จะเละเทะแค่ไหน
ซึ่งอัลลอฮฺได้ลงอายะฮฺที่อนุญาตให้แต่งงานได้เนี่ย อัลลอฮฺย่อมรู้ถึงอนาคตอยู่แล้วครับ
ก็ปรากฏว่ามันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรระหว่างยะฮูดีย์และนัศรอนีย์ยุคใหม่กับยุคเก่า ก็เป็นอย่างที่อัลกุรอานได้กล่าวไว้

อะหฺลุลกิตาบไม่ใช่คนดีนะครับ(เขาคือกาเฟรฺนับจากที่ท่านนบีมุฮัมมัดมา) ยุคนู้นก็ไม่ดี ยุคนี้ก็ไม่ดี
(2:109) "อะหฺลุลกิตาบมากมายชอบ หากพวกเขาจะสามารถทำให้พวกเจ้ากลับเป็นผู้ปฏิเสธการศรัทธาอีก ทั้งนี้เพราะความอิจฉาริษยาที่มาจากตัวของพวกเขาเอง หลังจากความจริงได้ประจักษ์แก่พวกเขา ดังนั้น พวกเจ้าจงให้อภัย และเบือนหน้าเสีย จนกว่าอัลลอฮฺจะประทานคำสั่งของพระองค์มา แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่ง"
พวกยิวพวกคริสต์อยากเหลือเกินที่จะให้เรามุสลิมออกจากศาสนา

ทีนี้ขอให้เราทราบว่ายะฮูดีย์และนัศรอนีย์คืออะหฺลุลกิตาบ
แล้วถามว่าในนิกายส่วนใหญ่ของพวกเขาเนี่ยมักจะตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ
ทีนี้เราแต่งงานได้หรือไม่? ตรงนี้มีคิลาฟ
(2:22) "และพวกเจ้าจงอย่าแต่งงานกับหญิงมุชริก.."
ฝ่ายที่บอกว่าห้ามแต่งเขาเอาตรงนี้ เค้าบอกว่านี่แหละพวกคริสต์ประเภทไตรภาคี เราห้ามแต่งเพราะเป็นมุชริก

แต่ฝ่ายที่บอกว่าแต่งได้ บอกว่าคำว่า"มุชริก" เป็นศัพท์เรียกเฉพาะ
เช่น มุสลิม ยะฮูดีย์ นัศรอนีย์ (อะหฺลุลกิตาบ) และมุชริก เป็นคนละประเภทกัน เป็นศัพท์เรียกเฉพาะ
ไม่ได้หมายความว่า ยะฮูดีย์ที่ตั้งภาคีเป็นมุชริก หรือนัศรอนีย์ที่ตั้งภาคีเป็นมุชริก แต่มุชริกหมายถึงพวกศาสนาอื่นๆเช่นอาหรับที่เคารพเจว็ด
อย่างเช่นอายะฮฺนี้ได้แยกประเภทไว้
(2:105) "บรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาทั้งจากอะหฺลุลกิตาบ และจากบรรดามุชริกนั้น ต่างไม่ชอบ........"
จากอายะฮฺนี้ พวกปฏิเสธศรัทธาหรือกาเฟรฺนั้นก็คือพวกอะหฺลุลกิตาบ และมุชริก อัลลอฮฺแยกประเภทไว้ชัดเจน
และอีกประการที่เราได้รับจากอายะฮฺนี้คือ อะหฺลุลกิตาบเป็นกาเฟรฺ (ยุคนบีมุฮัมมัดเป็นต้นมา)
ถ้าเราจะบอกว่าส่วนหนึ่งของอะหฺลุลกิตาบเท่านั้นที่เป็นกาเฟรฺ เพราะมีคำว่า"จาก"
ถ้าเช่นนั้น ส่วนหนึ่งจากมุชริกเท่านั้นที่เป็นกาเฟรฺ? ก็มีคำว่า "จาก" เช่นกัน
เพราะฉะนั้นไม่ใช่ครับ ใครก็ตามล่ะที่มันไม่ยอมรับนบีมุฮัมมัดนั่นคือกาเฟรฺ ใครก็ตามที่ยอมรับนั่นคือมุสลิม
ดังนั้นหากมีคนถามว่า แต่งงานกับกาเฟรฺได้หรือไม่ ตอบได้เลยว่า ชนิดเดียวเท่านั้น คืออะหฺลุลกิตาบ (ยิวและคริสต์)
ส่วนใครจะตั้งเงื่อนไขยังไงนั่นอีกเรื่องนึง
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้หลักอะกีดะฮฺของพวกนะศอรอยุคนี้กับยุคก่อนจะเหมือนกันตรงที่ไตรภาคี
แต่ยุคนี้บางนิกายมีเพิ่มมาคือสร้างรูปปั้นขึ้นมาเคารพ แล้วตรงนี้มันจะต่างอะไรกับมุชริก
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องรายบุคคล บางคนที่เขายังทำตามคำสอนเขาจะไม่ไหว้รูปปั้นเลย แต่บางคนก็ไหว้รูปปั้น
สำหรับผู้ที่จะเลือกแต่งงานควรจะพิจารณาด้วยว่าคู่หมั้นของท่านนั้นเคารพรูปปั้นหรือไม่
เพราะถ้าแค่ไตรภาคี(3 ใน 1 )น่ะไม่เป็นไรมันมีมานานแล้ว แต่ไอ้ไหว้รูปปั้นเนี่ยพึ่งมี
สมัยท่านอุมัรฺ ก็มีคอลิฟะฮฺละหมาดที่บันไดโบสถ์ได้อยู่ เพราะมันไม่ใช่สถานที่ที่มีรูปปั้น แต่เดี๋ยวนี้มันมีซะแล้ว
เพราะฉะนั้น ใครรู้จักเพื่อนคริสต์ หรือใครที่อยู่ในภาวะที่จะมีภรรยาเป็นคริสต์ก็สอนเค้าให้เลิกไหวรูปปั้นซะก่อน
ในคัมภีร์ไบเบิ้ลปัจจุบันก็ยังคงมีคำสั่งห้ามไหว้รูปปั้นอยู่ ถ้าตามไบเบิ้ลจริงๆล่ะก็ใช้ได้
ตรงนี้เราไม่ได้ปฏิเสธกุรอาน แต่เงื่อนไขของอะหฺลุลกิตาบที่แต่งงานได้นั้นต้องมี
เช่นเดียวกัน มุสลิมนี่เราแต่งได้ แต่ถามว่าถ้าเละเทะเลย เหล้าก็กิน หรือหิญาบก็ไม่คลุม แล้วเราจะแต่งไหม?
ตรงนี้แหละคือเงื่อนไข

ผมสรุปเช่นนี้ เข้าใจดีขึ้นนะครับ ว่ายะฮูดีย์และนัศรอนีย์ก็คืออะหฺลุลกิตาบ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Fri Apr 08, 2005 1:10 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

ขอมะอัฟอีกที ไม่ได้ติดตามมาหลายวัน เพราะทั้งคนและเครื่องคอมฯ แฮ๊งค์ทั้งคู่

เมื่อเข้ามาอ่านข้อความข้างต้นแล้วงงกับจุดยืนและท่าทีของคุณ nop จริงๆ

ประการแรก คุณบอกว่าข้อความในหนังสือของอาจารย์ฟารีดไม่เคลียร์ แต่คุณก็ไม่ต้องการให้ผมหรือคุณ natee นำข้อความนั้นมาชี้แจง หรือคุณต้องการตำหนิข้างเดียว

ประการต่อมา บางครั้งคุณกล่าวตำหนิว่าหนังสือของอาจารย์ฟารีดข้อความไม่ค่อยเคลียร์ แต่บางครั้งคุณก็บอกว่าท่านชี้แจงละเอียดแล้ว

อีกประการหนึ่ง ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องคัมภีร์ ที่คุณกล่าวว่าถูกเปลี่ยนแปลงทั้งหมดตั้งแต่ยุคนะบี แต่เมื่อผมนำข้อเขียนของอาจารย์ฟารีดมายืนยันว่าเปลี่ยนบางส่วน คุณก็ยอมรับว่าความเข้าใจของคุณพลาดไป

เรื่องคัมภีร์นี้แหละครับ กุญแจสำคัญ ที่จะทำให้รู้ว่าใครคือ อะห์ลุลกิตาบ ใช่หรือไม่ใช่ ก็ด้วยกับการพิจารณาที่คัมภีร์ ซึ่งตรงนี้คือจุดยืนที่ท่านอาจารย์ฟารีดแจ้งไว้ในหนังสือของท่านอย่างชัดเจน และท่านก็ไม่เห็นด้วยกับการฟัตวาของอุละมาอ์บางคนที่พิจารณาเฉพาะยุค โดยกล่าวว่าอะห์ลุ้ลกิตาบไม่มีแล้วในยุคนี้ และท่านก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันกับคำฟัตวาโดยพิจารณาเชื้อสายเผ่าพันธ์ที่กล่าวว่า ชนชาวยะฮูดคืออะห์ลุ้ลกิตาบทั้งหมด
ท่านอาจารย์ให้น้ำหนักในการพิจารณาว่า ใครคือชาวคัมภีร์ให้พิจารณาคัมภีร์ที่เขายึดถืออยู่
ถ้าคุณ nop ได้อ่านหนังสือของท่านละเอียดแล้วจริงๆก็คงจะพบกับสาระที่ผมสรุปให้ฟังนี้

และจากความเข้าใจที่ผมได้จากหนังสือของอาจารย์ฟารีดกับความเข้าใจที่ผมได้จากข้อเขียนของคุณ nop ทำให้ผมกล่าวว่า ความเข้าใจของท่านทั้งสองนี้แทบไม่มีอะไรต่างกันเลย ไม่ทราบว่าผมจะเข้าใจข้อเขียนของ nop ถูกหรือปล่าว ลองทวนดูอีกทีก็ได้คือ

“เพราะฉะนั้นคนที่เค้าบอกว่าแต่งงานกับยะฮูดีย์ได้ นัศรอนีย์ได้ ไม่ใช่หมายความว่าไปแต่งกับชนชาติยิวได้ หรือฝรั่งได้ไม่ใช่
ชนชาติยิวไม่ใช่ยะฮูดีย์ก็เยอะ พวกฝรั่งไม่ใช่นัศรอนีย์ก็เยอะ ไปนับถือลิทธิดาร์วินมั่ง(มนุษย์มาจากลิง) นับถือพุทธมั่ง
เพราะฉะนั้นเห็นฝรั่งต้องรู้ก่อนเลยว่าเค้าเป็นคริสต์รึเปล่า เดี๋ยวนี้ไม่ใช่แล้ว ไม่เชื่อในเยซู ไม่เชื่อในพระเจ้าก็เยอะ”


จากข้อเขียนของคุณนี้ผมเข้าใจว่า คุณก็ไม่ได้พิจารณาที่ยุคหรือเชื้อสายเผ่าพันธุ์เช่นเดียวกับอาจารย์ฟารีด ไม่ทราบว่าผมเข้าใจเจตนาคุณผิดหรือปล่าว ถ้าผิดก็ต้องมะอัฟอีกนั่นแหละ
อาจารย์ฟารีดก็แจ้งไว้ในข้อเขียนของท่านอีกเช่นกันว่า พวกที่ย้ายโอนศาสนาก็เยอะแยะ หรือบางคนก็ไม่ถือศาสนาตามพ่อแม่ของเขาก็มี เมื่อผมอ่านข้อความของทั้งสองท่านเช่นนี้จะให้เข้าใจเช่นไร ผมก็บอกว่าไม่ต่างกัน แต่ก็อดสงสัยอีกไม่ได้กับข้อความต่อไปนี้คือ

“อะหฺลุลกิตาบที่มุสลิมเราเข้าใจโดยทั่วไปนั้นถูกต้องแล้วคือ ยะฮูดีย์และนัสรอนีย์ ทั้งหมด!”

กับอีกข้อความหนึ่งที่ว่า

“ผมสรุปเช่นนี้ เข้าใจดีขึ้นนะครับ ว่ายะฮูดีย์และนัศรอนีย์ก็คืออะหฺลุลกิตาบ”

สองสามประโยคข้างต้นนี้เป็นคำพูดของคุณ nop เองที่สื่อความหมายต่างกัน ทำให้ผมนึกถึงทฤษฎีที่คุณ natee เสนอไว้ก่อนหน้านี้คือ

ยะฮูดี-นัสรอนีทั้งหมด = อะหลุลกิตาบ + ไม่ใช่อะหลุลกิตาบ
อะหลุลกิตาบทั้งหมด = ยะฮูดี-นัสรอนี
อะหลุลกิตาบเป็นเพียง subset ของ ยะฮูดี-นัสรอนี ไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีทั้งหมด
ถูกต้องมั้ยคะ ?


คุณ natee เสนอทฤษฎีไว้น่าคิด ผมจับความได้ว่า

อะห์ลุ้ลกิตาบคือยะฮูดี-นัศรอนี
แต่ยะฮูดี - นัศรอนีไม่ใช่อะหลุ้ลกิตาบทั้งหมด


คนยิวกับศาสนายิว ไม่เหมือนกันนะครับ มีเวลาจะเข้ามาคุยต่อ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nop
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/02/2005
ตอบ: 89


ตอบตอบ: Fri Apr 08, 2005 4:38 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สลามครับ

คุณนพัฒน์
ขอแนะนำว่าสิ่งแรกที่จะทำให้เราสนทนากับผู้อื่นได้รู้เรื่องที่สุดคือการไม่เดาใจเค้า
เราไปนั่งอยู่ในใจคนอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้นไม่ต้องเดา ไม่ต้องวิเคราะห์ครับว่าเค้าคิดอะไร
ให้เราดูว่าเค้าพูดอะไรออกมาก็พอ จะได้ไม่งงจุดยืนและท่าทีของคนอื่น

ทีนี้ถ้าคุณอยากรู้จุดยืนของผมคือ >เปลี่ยนทัศนะได้เสมอและรวดเร็ว (แต่กรณีนี้ยังไม่ได้เปลี่ยน)
คือจะเปลี่ยนทัศนะไปตามที่ตนเองเห็นว่าอันนั้นถูกกว่าชัดกว่า เหตุผลประกอบหลักฐานดีกว่า
เช่น เมื่อก่อนละหมาดอีดต้องยกมือตักบีรฺหลายที ต่อมาก็เปลี่ยนเป็นไม่ยก แล้วก็ยกอีก แล้วตอนนี้ก็ไม่ยก
เมื่อก่อนกระดกนิ้ว แล้วก็ไปกระดิก แล้วตอนนี้ก็มาเป็นชี้
เมื่อก่อนดุอาอฺหลังละหมาดยกมือ ตอนนี้ไม่ยก
แต่ก่อนหยิบกุรอานไม่ได้ต้องมีน้ำละหมาด ต่อมาก็ไม่ต้องมีน้ำละหมาด แล้วต่อมาตอนนี้ก็บอกว่าควรจะมีดีกว่า
เป็นต้น
เพราะฉะนั้นผมไม่ใช่ประเภทมีจุดยืนยึดติดในทัศนะที่ตนเลือกไว้ แล้วทีนี้ตูไม่ยอมเปลี่ยนแล้ว ตูจะดันทุรังลูกเดียว
วางใจได้

ก่อนที่จะตอบข้อสงสัยผมขอแนะนำอีกว่า คำพูดผมไม่ใช่กุรอาน
เพราะฉะนั้นหากจะจับผิดการสื่อสารที่ขัดแย้งก็ย่อมมี แต่ไม่ได้หมายความว่าผมสับสน เพียงแต่อธิบายไม่ดี

ทีนี้ตอบข้อสงสัยของคุณประการแรก
เรื่องที่ผมบอกว่ากรุณาอย่ายกหนังสืออาจารย์ฟาริดมา เสมือนกับว่าผู้อื่นยังไม่ได้อ่าน
ต้องเข้าใจคำพูดผมให้ดีครับ
ผมพูดทำนองว่า ยกหนังสือมาแล้วก็อธิบายตามที่หนังสือเขียน ถามว่าจะฉายซ้ำทำไม?
โปรดเข้าใจให้ดีอีกครั้งว่า เพื่อจะได้ให้ทัศนะคุณเคลียร์น่ะช่วยตอบคำถามมาด้วย
ถ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ผมพูด ก็จะวกอยู่แค่นี้แหละ จะยกหนังสือมาอยู่นั่นแหละ
ผมก็บอกว่าตามหนังสือน่ะเข้าใจแล้ว แล้วก็มีข้อโต้แย้งทัศนะตามหนังสือนั้น โดยป้อนคำถามไว้
ถ้าตอบไม่ได้นั่นแสดงว่าทัศนะตามหนังสือให้คำตอบได้ไม่เคลียร์ เข้าใจหรือยังครับ (ช่วยทวนด้วยว่าเข้าใจผมยังไง)

ประการต่อมา ผมตำหนิหนังสืออาจารย์ฟาริดว่าไม่ค่อยเคลียร์ แต่บอกว่าอธิบายละเอียดแล้ว
เป็นคำพูดที่ไม่ขัดแย้งกันครับ
ที่ผมบอกว่าอธิบายละเอียดคือ ท่านได้ชี้แจงเป็นข้อๆแล้ว อะบายให้คนเข้าใจได้ดีแล้วตามทัศนะของท่าน
กล่าวคือถ่ายทอดทัศนะของท่านได้อย่างละเอียด
ส่วนที่บอกว่าไม่เคลียร์คือทัศนะความเข้าใจของท่านและผู้ที่ถือทัศนะแบบนี้
ก็เลยป้อนคำถามไป ก็ปรากฏว่าตอบไม่ได้ นั่นก็แสดงว่าทัศนะนี้ยังเข้าใจความหมายของอะหฺลุลกิตาบไม่เคลียร์
ถ้าเคลียร์ต้องตอบได้ แต่ถึงบัดนี้ยังไม่มีคนตอบ

อีกประการหนึ่ง ที่ผมบอกว่าคัมภีร์เดิมถูกแก้ไขไปหมด ผมได้อธิบายไปแล้วว่าเป็นการใช้คำพูดผิด(ศัพท์ผิด)
แต่ความเข้าใจเหมือนเดิมครับ จริงๆต้องพูดว่า คัมภีร์ได้ถูกแก้ไขไป (บางส่วนก็ถูกแก้ บางส่วนก็ยังอยู่)

ยืนยันอีกครั้งว่าไม่สับสน และตอบคำถามได้ แต่ผู้ที่ยึดทัศนะเดียวกับอาจารย์ฟาริดยังไม่เข้ามาตอบซักคนนะครับ
สำหรับคำถามที่ป้อนโต้ไป

เพื่อความง่ายดายต่อการทำความเข้าใจ ผมขอให้คิดเข้าใจดังนี้ว่าผมเข้าใจทัศนะของคุณและอาจารย์ฟาริด
อย่าไปเข้าใจว่าผมยังไม่เข้าใจนะครับ เพราะไม่งั้นมันก็จะวกกลับไปที่เดิมเป็นการพายเรือในอ่าง
แต่ทัศนะของคุณและอาจารย์ฟาริดไม่เหมือนผมและนักวิชาการท่านอื่นๆ

และจากที่คุณถามมาแสดงให้เห็นว่า คุณยังไม่เข้าใจที่ผมอธิบายไป แสดงว่าผมอาจอธิบายไม่ดีก็ได้
เพราะดูคุณเองก็อ่านละเอียดดี ละเอียดขนาดจับผิดข้อความที่ขัดกันได้ แต่กลับไม่เข้าใจทัศนะที่ผมเสนอ
และจากตรงนี้เอง คุณจึงยังไม่เข้าใจว่าทำไมผมจึงยิงคำถามไป
(กรุณาช่วยตอบให้ผมทราบได้มั๊ยครับว่า คุณเข้าใจว่าผมยิงคำถามไปทำไม?)


ทีนี้ที่คุณบอกว่าผมทัศนะเหมือนคุณ natee หรือไม่?
ตอบว่าไม่ใช่นะครับ ทัศนะผมไม่เหมือนทัศนะคุณ natee

ของคุณ natee บอกว่า
ยะฮูดี-นัสรอนีทั้งหมด = อะหลุลกิตาบ + ไม่ใช่อะหลุลกิตาบ
อะหลุลกิตาบทั้งหมด = ยะฮูดี-นัสรอนี
อะหลุลกิตาบเป็นเพียง subset ของ ยะฮูดี-นัสรอนี ไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีทั้งหมด
ถูกต้องมั้ยคะ ?


ส่วนทัศนะของผมไม่ใช่แบบนั้นครับ
ของผมคือตามที่นักวิชาการมุสลิมทั่วไปเข้าใจกันว่า
ยะฮูดี-นัสรอนีทั้งหมด = อะหฺลุลลกิตาบ
อะหฺลุลกิตาบไม่เป็นเพียง subset ของ ยะฮูดี-นัสรอนี
แต่อะหฺลุลกิตาบคือยะฮูดี-นัสรอนีทั้งหมด ซึ่งเป็นความหมายโดยเฉพาะ


เพราะฉะนั้นคำตอบที่อาจารย์ฟาริดตอบไป ว่าแต่งงานได้หรือไม่
อาจารย์ตอบว่า
" ถ้ายะฮูดี-นัสรอนีที่เป็นอะหฺลุลกิตาบแต่งได้ แต่ถ้าเป็นยะฮูดี-นัสรอนีที่ไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบแต่งไม่ได้ "
จึงไม่ต้องมาซ้ำว่าอาจารย์ฟาริดเข้าใจว่า ยะฮูดี-นัสรอนีพวกหนึ่งก็คืออะหฺลุลกิตาบ แต่อีกพวกหนึ่งไม่ใช่
ซึ่งผมไม่ได้เชื่อตามนี้ เพราะโดยทั่วไปนักวิชาการมุสลิมเข้าใจกันดีว่ายะฮูดี-นัสรอนีทั้งหมดคืออะหฺลุลกิตาบ
เพราะผมเข้าใจเช่นนี้มาตลอด เวลากุรอานพูดถึงอะหฺลุลกิตาบ นักวิชาการก็จะรู้กันโดยทั่วไปว่าคือยิว-คริสต์
และเวลากุรอานพูดถึงยิว-คริสต์นักวิชาการก็จะรู้กันโดยทั่วไปว่าทั้งหมดเรียกว่าอะหฺลุลกิตาบ
และก็ไม่ได้มีหลักฐานใดมาเปลี่ยนแปลงความหมายไป และเค้าก็ไม่ได้สอนจากไหน
นักวิชาการสุนนะฮฺเราก็สอนจากหะดีษ จากสลัฟ จากตัฟซีรฺเก่าๆ อิบนุ กะษีรฺ อิมามกุรตูบีย์ด้วยกันทั้งนั้น
ซึ่งผมก็ได้มาเจอทัศนะแปลกของอาจารย์ฟาริดที่บอกว่ายิว-คริสต์บางพวกไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบ

จริงๆแล้วบางนักวิชาการที่เค้าบอกว่ายิว-คริสต์บางพวกแต่งงานไม่ได้นั้น
เค้าไม่ได้บอกว่าเพราะไม่ได้เป็นอะหฺลุลกิตาบ
แต่เค้าแค่ตั้งเงื่อนไขในการแต่งงานว่า ตออัตสามีหรือเปล่า หรือไหว้รูปปั้นหรือเปล่า หรือออกจากศาสนาเค้าหรือยัง
ถ้าออกแล้วนั่นก็แสดงว่าไม่ใช่ยิว ไม่ใช่คริสต์แล้ว ก็แสดงว่าไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบแล้ว
เช่นสมมติลูกสาวบอยด์ โกสิยะพงษ์(สมมุติว่ามี) ก็เป็นคริสต์ แต่ต่อมาก็เปลี่ยนไปเป็นพุทธ
อย่างนี้ก็แสดงว่าไม่ใช่นัสรอนีแล้ว ไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบแล้ว

ทีนี้เข้าใจนะครับ และที่ผมถามไปต้องตอบแล้วล่ะครับ
จะได้ก้าวเดินต่อไป ถ้าตอบไม่ได้นั่นแสดงว่ายังไม่เข้าใจความหมายของอะหฺลุลกิตาบ หรือเข้าใจในทัศนะที่คลุมเคลือ
ยังไง?
ก็เหมือนผมหยิบดินสอมา แล้วผมบอกว่า "นี่ปากกา" คุณบอกไม่ใช่ อันนี้ "ดินสอ" ส่วนปากกามันเป็นอีกแบบ
ผมก็ถามว่า "แล้วแบบไหนคือปากกา มีหลักฐานหรือเปล่า?"
ถ้าตอบไม่ได้ นั่นแสดงว่าคุณไม่รู้จักปากกา รู้ยังคลุมเคลืออยู่เลยว่าปากกาคืออะไรว้า เขียนได้แล้วไงต่อว้า..?
ดังนั้นเช่นกันครับ ยกแค่ทฤษฎีไม่ได้ อ้างลอยๆไม่ได้ ต้องให้เห็นไปเลย ชัดๆเป็นตัวเป็นตนเลย

- พวกแบบไหนที่เรียกว่าดำรงไว้ซึ่งศาสนาอันเที่ยงธรรม?
- ในยุคของท่านนบีมุฮัมมัด มีอะหฺลุลกิตาบในความหมายของคุณหรือไม่? (ช่วยยกหลักฐานด้วย)
- ยะฮูดและนัศอรอคุณถือว่าพวกเขาย้ายอะกีดะฮฺไปหมดแล้ว จึงไม่เรียกว่าอะหฺลุลกิตาบ ดังนั้นอะหฺลุลกิตาบหรือพวกที่ยังไม่ย้ายอะกีดะฮฺนั้น เป็นแบบไหน?
- พวกอะหฺลุลกิตาบในความหมายของคุณจะต้องยึดคัมภีร์อะไร?
(ขอชี้แจงเสริมว่ายะฮูดีย์เดิมๆยึดเตารอดอย่างเดียว
ส่วนนัศรอนีย์เดิมๆยึดเตารอดและอินญีล)
- และถ้าหากคัมภีร์ของพวกเขาถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไขไปแล้ว
แต่เขายังคงยึดถือตามคัมภีร์(ที่ถูกเปลี่ยนแปลง)จะถือว่าเป็นอะหฺลุลกิตาบหรือไม่?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
natee
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 15/06/2004
ตอบ: 108


ตอบตอบ: Mon Apr 11, 2005 10:22 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam คุณ nop บอกว่า
"ทัศนะแปลกของอาจารย์ฟารีดที่บอกว่า ยิว-คริสต์บางพวกไม่ใช่อะหลุลกิตาบ"

แล้วอย่างพวกที่มีกาลีเมาะห์ชาฮาดะห์บางพวกไม่ใช่มุสลิมแปลกมั้ยล่ะคะ?
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Mon Apr 11, 2005 2:05 pm    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

เรียนคุณนพ

ที่จริงคำพูดของคุณแต่ละประโยค ชัดเจนอยู่ในตัวโดยไม่ต้องเดาหรือตีความ แต่หลายประโยคมันค้านกันซึ่งคุณมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเปลี่ยนจุดยืนไปสู่สิ่งที่ถูกต้องกว่า หรือดีกว่า เช่นตัวอย่างที่คุณยกมา แต่ผู้ร่วมสนทนาอย่างผมนั้นงงว่าคุณจะเอาอย่างไหนกันแน่ ไม่ใช่ว่าผมคอยจะจับผิดหรือจับคำอย่างที่คุณพูด แต่ก็ไม่เป็นไรครับ เพราะคุณจะเปลี่ยนจุดยืนกี่ครั้ง ความเชื่อของคุณหรือของใครก็ไม่ใช่มาตรฐาน ฉะนั้นสิ่งที่เราเสนอจึงต้องมีหลักฐานกำกับ หรือมีแนวทางการปฏิบัติจากศ่อฮาบะฮฺ

คำถามที่คุณถามแต่ละข้อผมได้ชี้แจงแล้ว (ชี้แจงแล้ว) ทีละข้อ ทีละประเด็น ซึ่งก่อนหน้านี้ผมยังทักท้วงว่า คุณเป็นวัยรุ่นใจร้อนหรือ ลองย้อนสักนิดก็ได้ เช่นเรื่องคัมภีร์เปลี่ยนหมดหรือไม่ ผมก็บอกว่าตรงกับคำถามของคุณ nop ก็ขอตอบโดยเอาข้อความในหนังสือของ อ.ฟารีด มาอธิบาย ซึ่งมีทั้งอัลกุรอาน และการอธิบายของศ่อฮาบะฮฺ ซึ่งคุณก็ยอมรับ แต่คุณกลับบอกว่ายังไม่มีใครตอบ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Mon Apr 11, 2005 2:10 pm    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ผมขออธิบายตามความเข้าใจที่ได้อ่านแล้วและสรุปได้ดังนี้

1. ผู้ที่ศรัทธาต่อนะบีมูซาหรืออีซาโดยยึดถือคัมภีร์เตารอต และอินยีล (ก่อนนะบีมูฮัมหมัดจะมา) พวกเขาคือมุสลิม

2. หลังจากนะบีมูฮัมหมัดมาแล้วพวกเขาก็มาศรัทธาต่อนะบีมูฮัมหมัดด้วย พวกเขาได้รางวัลสองต่อ พวกเขาเป็นมุสลิมและเป็นศ่อฮาบะห์ของท่านรอซูล

3. หลังจากนะบีมูฮัมหมัดประกาศอิสลาม พวกเขาปฏิเสธหรือบิดเบือน แต่ก็ยังคงยึดเตารอตและอินญีลอยู่ พวกคืออะห์ลุ้ลกิตาบ

4. พวกที่มีอะกีดะฮฺผสม ซึ่งอุลามาอฺขัดแย้งกันว่า พวกเขาจะเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบหรือไม่

5. ผู้ที่ไปเข้ารีตศาสนาอื่น เช่นพุทธ ไม่นับว่าพวกเขาเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ แม้ว่าพวกเขาจะมีเชื้อชาติจากยะฮูดก็ตาม

ทั้ง 5 ข้อนี้ผมได้จากหนังสือของท่าน อ.ฟารีด นั่นแหละ คุณ nop ถามว่าจะเอามาฉายซ้ำทำไม
ผมเชื่อว่าคนที่บอกว่าอ่านแล้วบางคนไม่ต่างอะไรกับคนที่ยังไม่ได้อ่าน แต่สำหรับผมนั้นสิ่งที่เป็นความถูกต้องผมไม่เกี่ยงว่าผู้เสนอชื่ออะไร จบจากไหน

จากทั้ง 5 ข้อนี้ถ้าเราต้องการให้กระชับ ก็น่าจะตัดข้อที่ 1,2 และ 5 ออกไป เพราะไม่ใช่ประเด็นที่ขัดแย้ง (หรือจะแย้งกรุณาแจ้งให้ชัดเจน) ก็จะเหลือข้อที่ 3 กับข้อที่ 4 ซึ่งในข้อที่ 4 คือพวกอะกีดะฮฺผสม ซึ่งอุลามาอฺเขาขัดแย้งกัน และที่เขาแย้งกันนี้ไม่ใช่เขาแย้งอัลกุรอ่าน แต่เขาแย้งกันในการพิจารณาธาตุแท้ของคนเหล่านี้

“ส่วนหนึ่งมีทัศนะว่า พวกเขาคือชาวคัมภีร์ที่มีการบิดเบือนและเปลี่ยนแปลง พวกเขาไม่ต่างอะไรกับชาวยะฮูดและชาวนะศอรอ ดังนั้นข้อชี้ขาด ณ.ที่นี้ก็คือ อนุญาตให้แต่งงานกับพวกเขา ดังที่พระองค์อัลลอฮ์ได้ทรงกล่าวว่า “วันนี้สิ่งที่ดีๆ ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเจ้า และอาหารของบรรดาผู้ซึ่งได้รับคัมภีร์นั้นเป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้า และอาหารของพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา และหญิงที่บริสุทธิ์ทั้งหลายจากบรรดาผู้ศรัทธา และหญิงที่บริสุทธิ์ทั้งหลายจากผู้ซึ่งได้รับคัมภีร์ ก่อนหน้าพวกเจ้าก็เป็นที่อนุมัติแก่พวกเจ้าด้วย” และนี่คือมัซฮับของอบีฮะนีฟะห์ และพรรคพวกของเขา

แต่อีกส่วนหนึ่งแบ่งรับแบ่งสู้ เนื่องจากไม่ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องราวของคนกลุ่มนี้อย่างแน่นอน โดยพวกเขามีทัศนะว่า ถ้าหากพื้นฐานทางศาสนาของคนกลุ่มนี้สอดคล้องกับชาวยะฮูดและนะศอรอ ในเรื่องการศรัทธาต่อบรรดารอซูล และศรัทธาต่อคัมภีร์ ชนเหล่านี้ก็เป็นดังพวกเขาด้วย แต่ถ้าพื้นฐานทางศาสนาของกลุ่มนี้แตกต่างออกไปก็ไม่ถือว่าอยู่ในกลุ่มเดียวกับพวกเขา ฉะนั้นข้อฮุก่มของพวกนี้ก็คือฮุก่มเดียวกับผู้สักการะเจว็ด” และนี่คือมัซฮับของชาฟีอี และฮัมบาลี” ฟิกฮุสซุนนะห์ เล่ม 2 หน้า 104


ท่านใดจะให้น้ำหนักหลักฐานทางซีกไหนก็เชิญนะครับ แต่ที่นำมาให้เห็นคงคลายความแปลกใจของคุณ nop ลงได้บ้างไม่มากก็น้อย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Mon Apr 11, 2005 2:16 pm    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ส่วนในข้อที่ 3 คือ ประเด็นของอะห์ลุลกิตาบโดยตรง แต่ปัญหาอยู่ที่การพิจารณา ยุค หรือเชื้อชาติ หรือคัมภีร์ (คัมภีร์ดั่งเดิมหรือที่เปลี่ยนแปลงบางส่วนหรือที่เปลี่ยนจนไม่เหลือรกรากของคัมภีร์เดิมเลย)หรือ ดูที่อะกีดะฮฺของเขา แค่ไหนอย่างไร เรื่องนี้มีขอบเขต และมีรายละเอียด แต่ขอยกตัวอย่างเกริ่นไว้สักหน่อยหนึ่งก่อนคือ

“ส่วนหญิงชาวคัมภีร์นั้น ระหว่างนางกับผู้ศรัทธาไม่แตกต่างกันมากนัก เพราะว่าเธอศรัทธาต่ออัลลอฮ์และสักการะต่อพระองค์ และศรัทธาต่อบรรดานบี เชื่อมั่นชีวิตในโลกหน้า และผลตอบแทนในโลกหน้าด้วย และปฏิบัติตามข้อกำหนดของศาสนาด้วยการใช้กันให้ทำความดี และห้ามปรามในเรื่องชั่ว” ฟิกฮุสซุนนะห์ เล่มที่ 2 หน้าที่ 103

เมื่อคราวที่แล้วผมจบไว้ด้วยคำว่า คนยิวกับศาสนายิวไม่เหมือนกัน

วันนี้ขอต่อยอดอีกนิดหนึ่งว่า

คนยิวที่ไม่ได้ถือศาสนายิว กับคนไม่ใช่ยิวแต่ถือศาสนายิว

คนไหนคืออะห์ลุ้ลกิตาบครับ หรือใช่ทั้งคู่ คุณ nop คงมีคำอธิบายนะครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nop
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/02/2005
ตอบ: 89


ตอบตอบ: Tue Apr 12, 2005 12:55 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

สลามครับ

มันจะกลายเป็นการกัดกัน และยอกย้อน กระแหนๆกระแหนกันซะแล้ว
ผมคงต้องเบรคให้เข้าด้วยหลักการและเหตุผลตามเดิม

คือคุณ natee และคุณนพัตน์กระทำในสิ่งที่คล้ายกันอยู่อย่างคือชอบตัดคำพูดเป็นท่อนๆมาว่ากัน
โดยไม่ได้ดูบริบทว่าข้อมูลทั้งหมดเขาสื่อถึงอะไร ถ้าจะตัดมาน่ะก็ตัดให้เข้าเรื่องด้วย (ไม่ทราบใช้คำพูดผิดอีกหรือเปล่า)
เช่นจะยกกุรอานมา "เจอมุชริกที่ไหนฆ่ามันที่นั่น" โหนี่ถ้าไม่เอาความหมายที่สื่อจริงๆเข้าใจผิดกันเลยครับ
คำว่า"ทัศนะแปลก" ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงฟัตวามันติ๊งต๊อง แต่ที่ผมบอกแปลกก็คือไม่เคยได้ยินมาก่อน
แต่ที่แน่ๆคนที่เข้ามาอ่านด้วยความต้องการคำต้อบ อ่านด้วยบริสุทธิ์ใจ
เขาจะสังเกตสิ่งหนึ่งคือคุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมซักที.... คนอ่านจะสงสัยแล้วว่ามันหมายความว่าอะไร?
ทีนี้ที่คุณถาม(จะต้องตอบเดี๋ยวจะหาว่าเฉไฉ) ว่าพวกมีกะลิมะฮฺชะฮาดะฮฺบางพวกที่ไม่ใช่มุสลิมล่ะ
ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ครับ ยังไง?
การเป็นมุสลิมนอกจากกะลิมะฮฺแล้วจะต้องศรัทธาด้วย
นอกจากนั้นถึงศรัทธาก็จริงแต่ปฏิเสธกุรอานแม้แต่อักษรเดียวก็ถือว่ากาเฟรฺ
ส่วนหะดีษ ถ้าเชื่อว่าเป็นหะดีษจริงแต่ปฏิเสธก็กาเฟรฺ
ส่วนอะหฺลุลกิตาบ อัลลอฮฺไม่ได้รักษาคัมภีร์เค้านะครับ เพราะฉะนั้นในส่วนที่แก้ไขไป
แล้วเค้าไปเชื่อจะเรียกว่าเขาไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบหรือ?
แล้วคุณไปอ่านไบเบิ้ลดูสิ มีชื่อมุฮัมมัดมั๊ย? หาไม่เจอหรอกครับ นอกจากนั่งแงะนั่งเฟ้นก็จะเจอว่า
พวกนักแปลเค้าใช่วิธีแปลเลี่ยง เช่น "ผู้ถูกสรรเสริญ" เค้าไปแปลว่า "ผู้ช่วยเหลือ"
แล้วอย่างเนี๊ยจะถือว่าเป็นอะหฺลุลกิตาบมั๊ย? (เอาสั้นๆก่อน)
คำตอบคือเป็นครับ ยะฮูดีย์-นัสรอนีย์คืออะหฺลุลกิตาบ

ส่วนที่คุณนพัฒน์ พูดว่า "แต่ผู้ร่วมสนทนาอย่างผมนั้นงงว่าคุณจะเอาอย่างไหนกันแน่" (ตรงความหมายที่สื่อนะครับ)
คำตอบก็คือผมบอกไปแล้วว่าเรื่องนี้ทัศนะผมเคลียร์แล้วครับ จนกว่าคุณจะมีคำตอบให้ผมนั่นแหละ
ที่ผมถามไปถ้าคุณตอบได้แล้วผมเห็นด้วย ผมอาจเปลี่ยนทัศนะก็ได้ แต่นี่รอแล้วรออีก ก็ยังไม่มีใครตอบ
ผมเชื่อว่าถึงคุณงงว่าผมจะเอาไง
แต่ผมเชื่อว่าคนอ่านหรือคนที่ต้องการคำตอบเขาจะอ่านแล้วเข้าใจครับ เพราะเค้าไม่มีผลหนิ
เค้าไม่ต้องมาเสียหน้ากับใคร เค้าไม่คิดว่าเอ๊ะเดี่ยวเถียงแพ้นะ เค้าจึงอ่านทำความเข้าใจด้วยความบริสุทธิ์ใจ
(ผมจะเริ่มแล้วนะ จะจับผิดคำพูดไหนก่อนอีกรึเปล่า?)
คำตอบคือ ทัศนะผมยืนยันหัวชนฝาว่า "ยะฮูดีย์-นัสรอนีย์ทั้งหมดคืออะหฺลุลกิตาบ"
และคำชี้แจงของอาจารย์ฟาริดและคุณนั้นยังไม่มีเหตุผลพอที่จะเปลี่ยนทัศนะผมได้ (รวมทั้งคนอื่นๆอีกมาก)
เพราะฉะนั้นช่วยตอบคำถามที่ถามไปด้วย เพราะถ้าตอบคำถามได้ แสดงว่าทัศนะคุณชัดเจนจริง ของจริง!
แล้วผมจะเอาไปบอกคนอื่นด้วยว่าเออ เค้าให้คำตอบได้จริงว่ะ...
ที่นี้ 5 ประการที่คุณสรุปมา ผมจะชี้เป็นข้อๆว่าผมมีทัศนะอย่างไร ซึ่งคุณอาจไม่เห็นด้วยนั่นก็ไม่เป็นไร
1. ผู้ที่ศรัทธาต่อนะบีมูซาหรืออีซาโดยยึดถือคัมภีร์เตารอต และอินยีล (ก่อนนะบีมูฮัมหมัดจะมา) พวกเขาคือมุสลิม
อันนี้เห็นด้วยครับ
2. หลังจากนะบีมูฮัมหมัดมาแล้วพวกเขาก็มาศรัทธาต่อนะบีมูฮัมหมัดด้วย พวกเขาได้รางวัลสองต่อ พวกเขาเป็นมุสลิมและเป็นศ่อฮาบะห์ของท่านรอซูล
ถูกต้องครับเห็นด้วย
3.หลังจากนะบีมูฮัมหมัดประกาศอิสลาม พวกเขาปฏิเสธหรือบิดเบือน แต่ก็ยังคงยึดเตารอตและอินญีลอยู่ พวกคืออะห์ลุ้ลกิตาบ
เอ่อ จริงๆแล้วพวกเขาบิดเบือนมาตั้งแต่ก่อนนบีมุฮัมมัดประกาศแล้วครับ เช่นยกเลิกหุกุมบางส่วน
แต่หลังจากนบีมุฮัมมัดประกาศศาสนา พวกเขาบิดเบือนไปอีกเรื่องนึงคือ
พยายามลบชื่อนบีมุฮัมมัดทิ้งด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ที่เราทราบอย่างหนึ่งแล้วก็คือการแปลเลี่ยง

4. พวกที่มีอะกีดะฮฺผสม ซึ่งอุลามาอฺขัดแย้งกันว่า พวกเขาจะเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบหรือไม่
ทีนี้ขอถามว่าอุละมาอฺไหนมั่งครับ ที่บอกว่าพวกอะกีดะฮฺผสมไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบ
ช่วยบอกชื่อ บอกเล่ม บอกคำฟัตวาด้วยครับว่าเขาให้เหตุผลใดบ้าง

5. ผู้ที่ไปเข้ารีตศาสนาอื่น เช่นพุทธ ไม่นับว่าพวกเขาเป็นอะห์ลุ้ลกิตาบ แม้ว่าพวกเขาจะมีเชื้อชาติจากยะฮูดก็ตาม
เชื้อชาติยะฮูดไม่มีครับ มีแต่ศาสนายะฮูดครับ (ภาษาสากลเรียกว่าศาสนา ยูดาย)
เชื้อชาติของยิวคือ "บนีอิสรออีล"ครับ
ส่วนศาสนานั้นจะเป็นยะฮูด นะสอรอ มุชริก อะไรนั่นอีกเรื่องนึง ไม่เกี่ยวกับเชื้อชาติ


คนเสนอจะจบจากไหนไม่เกี่ยวครับ ขอให้พูดตรงก็พอ ถึงจะเป็นมุฟตีสะดุอีย์ ถ้าไม่ตรงเราไม่ฟัง
ถ้าเป็นอาจารย์ฟาริด เป็นอิมามกัมปง เป็นเด็กกวาดมัสญิด ถ้าพูดตรงเราฟัง
ส่วน ฟิกฮุสซุนนะห์ เล่ม 2 หน้า 104 ที่คุณยกมานี่ตรงนะครับ
ไม่ขอโต้แย้ง

ทีนี้ถึงคำถามแล้วกันคุณถามว่า
"คนยิวที่ไม่ได้ถือศาสนายิว กับคนไม่ใช่ยิวแต่ถือศาสนายิว คนไหนคืออะห์ลุ้ลกิตาบครับ"
คนเชื้อชาติยิว(บนีอิสรออีล) ที่ไม่ได้นับถือยิว(ศาสนายูดาย) สมมุติว่านับถือคอมมิวนิสต์
คนนี้ไม่ใช่ยะฮูดีนะครับ กล่าวคือคนนี้ไม่ใช่อะหฺลุลกิตาบ
ส่วนคนที่ไม่ใช่เชื้อชาติยิว(ไม่ใช่บนีอิสรออีล) แต่นับถือศาสนายิว (ศาสนายูดาย)
คนนี้คือยะฮูดีนะครับ คนนี้คืออะหฺลุลกิตาบ

ถ้าคุณแยกเชื้อชาติกับศาสนาออก คุณจะไม่สับสนกับเรื่องนี้
ส่วนทัศนะที่คุณยกมาถูกต้องแล้วครับ เลือกปฏิบัติตามทัศนะที่ตนเห็นว่าถูกได้เลย
ส่วนผมเห็นว่า แต่งงานได้หมดครับกับยะฮูดีและนัสรอนี
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
nop
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 23/02/2005
ตอบ: 89


ตอบตอบ: Tue Apr 12, 2005 1:12 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้อขอแถมนิดหน่อย

ว่ามีอีกทัศนะในสมัยของอิมามอิบนุตัยมียะฮฺบอกว่า
"ยะฮูดีย์และนัศรอนีย์ ที่ศาสนาอนุญาตให้แต่งงานได้คือ ยะฮูดีย์และนัศรอนีย์ที่เป็นบนีอิสรออีลเท่านั้น(เชื้อชาติยิว)"
กล่าวคือ พวกศาสนายิว-ศาสนาคริสต์ ที่เป็นเชื้อชาติยิวหรือลูกหลานยะกูบเท่านั้น
พวกศาสนายิว-ศาสนาคริสต์ที่เป็นเชื้อชาติอื่น(เช่นยุโรป ไทย จีน แขก)ไม่อนุญาตให้แต่ง

ซึ่งท่านอิบนุตัยมียะฮฺไม่เห็นด้วยกับฟัตวาเหล่านี้ เพราะไม่มีหลักฐานมาจากกุรอานและหะดีษ
กุรอานพูดถึงอะหฺลุลกิตาบก็รวมถึงทั้งหมด ไม่มีมาแบ่งแยกว่าชาติยิว ชาติไทย ชาติแขก
เหมือนกับอัลลอฮฺกล่าวถึงมุสลิม ก็ไม่มีมาแยกว่าอันนี้ยกเว้นมุสลิมไทย มุสลิมจีน มุสลิมยิว มุสลิมแขก
เป็นต้นครับ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
นพัฒน์
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 86


ตอบตอบ: Tue Apr 12, 2005 4:37 am    ชื่อกระทู้: Re: อะหลุลกิตาบไม่ใช่ยะฮูดี-นัสรอนีที่กำลังไล่ฆ่ามุสลิมเราอย ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

เรียนคุณนพ

ตามที่ผมได้แยกไว้ 5 ข้อนั้นก็เพื่อจะได้รู้ว่า ประเด็นไหนตรงหรือต่างกันอย่างไร แต่ก็ได้บทสรุปแล้วในระดับหนึ่งนะครับว่าใน 5 ข้อนั้นมีตรงกันชัดๆอยู่ที่ข้อ 1 และ 2

ส่วนในข้อที่ 3 คือ หลังจากนะบีมูฮัมหมัดประกาศอิสลาม พวกเขาปฏิเสธหรือบิดเบือน แต่ก็ยังคงยึดเตารอตและอินญีลอยู่ พวกคืออะห์ลุ้ลกิตาบ
คุณนพชี้แจงว่า เอ่อ จริงๆแล้วพวกเขาบิดเบือนมาตั้งแต่ก่อนนบีมุฮัมมัดประกาศแล้วครับ เช่นยกเลิกหุกุมบางส่วน แต่หลังจากนบีมุฮัมมัดประกาศศาสนา พวกเขาบิดเบือนไปอีกเรื่องนึงคือ พยายามลบชื่อนบีมุฮัมมัดทิ้งด้วยวิธีใดก็ตาม แต่ที่เราทราบอย่างหนึ่งแล้วก็คือการแปลเลี่ยง

ผมเข้าใจอย่างนี้ครับ ไม่ว่าเขาจะบิดเบือนเมื่อไหร่ แต่ประเด็นพิจารณาอยู่ที่คัมภีร์ที่เขายึดถือคือ ไม่ว่าเขาจะบิดเบือนเมื่อไหร่ หากคัมภีร์นั้นยังคงรกรากของเตารอตและอินยีลอยู่ พวกเขาก็คืออะห์ลุ้ลกิตาบ แต่หากคัมภีร์ที่เขายึดถือไม่เหลือรากเดิมจนกลายเป็นคัมภีร์อื่นไปแล้ว พวกเขาไม่ใช่อะห์ลุ้ลกิตาบ ซึ่งผมได้เกริ่นนำไว้ก่อนแล้วว่า ปัญหาอยู่ที่การพิจารณาว่า ยุค หรือเชื้อชาติ หรือคัมภีร์ (คัมภีร์ดั่งเดิมหรือที่เปลี่ยนแปลงบางส่วนหรือที่เปลี่ยนจนไม่เหลือรกรากของคัมภีร์เดิมเลย)หรือ ดูที่อะกีดะฮฺของเขา แค่ไหนอย่างไร เรื่องนี้มีขอบเขต และมีรายละเอียด ประเด็นนี้คงได้คุยกันยาว ขอคั่นไปข้อที่ 4 ก่อน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 19, 20, 21, 22, 23, 24  ถัดไป
หน้า 20 จากทั้งหมด 24

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.11 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ