ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เอากุโบรเป็นมัสยิด
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เอากุโบรเป็นมัสยิด
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Sun Mar 20, 2011 9:29 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation

ดีมากๆเลยครับ
Idea

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
gismad
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: 21/08/2008
ตอบ: 96


ตอบตอบ: Tue Mar 22, 2011 12:30 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

รบกวนผู้รู้ ช่วยแปล และอธิบายด้วยครับ
จะได้เข้าใจในคำตอบ
Idea
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Jan 31, 2011
ตอบ: 86
ที่อยู่: ห้องสมุด อะฮลิ้ลหะดีษ วัลอาษาร์ เชียงใหม่

ตอบตอบ: Tue Mar 22, 2011 5:20 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คำพูด:
1.โดยเปนที่ทราบเรื่องเอากุโบรในมัสยิด หรือละหมาดบริเวณกุโบร หรือ มัสยิดอยู่บนกุโบร อันนี้อย่างรัยมันก้อไม่ได้ ส่วนกรณี ตัวอาคารมัสยิดที่มีกุโบรในตัวอาร หรือ นอกตัวอาคารนั้นเปนอีกปัญหาหนึ่ง เอามะปะปนกันไม่ได้


Exclamation คุณ อิลยาส
ประการแรก อยากจะเรียกร้องคุณอิลยาส ให้กล่าว อิสติกฟาร และขอการเตาบัตตัวสู่อัลลอฮให้เร็วที่สุด และก็จะขอกล่าวมาตรงนี้ ตามมารยาท ของ อะห์ลุสซุนนะห์ว่า (هداك الله و يصلحك) ขออัลลอฮนำทางท่านและปรับปรุงแก้ไขตัวของท่าน มา ณ ที่นี้

ก่อนอื่น อยากจะให้คุณกลับไปทบทวน النص อัลนัส(ตัวบท) ซึ่งเป็น หะดีษของท่านหญิง อาอิชะห์ เล่าให้กับ ท่าน อิรวะอ์ บิน ซุเบร (อัลลอฮทรงสาปแช่ง ชาวยิวและชาวคริส ที่ยึดเอาหลุมศพเป็นที่ สุญูด ) ตรงนี้ อิหม่าม อัสซ็อนอานี ได้กล่าวเอาไว้ใน หนังสือของท่านชื่อว่า ซุบุ้ล อัสสลาม เอาไว้ว่า หะดีษที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของการ اتخادالقبور مساجد การยึดเอา กุโบรเป็นที่ สุญูด ความหมายของมันนั้นเป็น مطلقة (กว้าง) ต่อมาท่าน ก็กล่าวต่อไปว่า فلادليل على التعليل จึงไม่มีหลักฐานอันใดที่จะมา ถามหรือหาเหตุผล
ขอถาม คุณ อิลยาสว่า ในเมือ ดะลีล ดังกล่าวข้างต้น ไม่ได้เจาะจงว่า การ اتخادالقبور مساجدการยึดเอา กุโบรเป็นที่ สุญูด นั้นจะมีدليل ดะลีล อันใดมา مقيد ความหมายของมัน แล้ว คุณ อิลยาส เอา ดะลีล ตรงไหนมา จำกัด ขอบเขตของมัสยิด ตามที่คุณ อ้างว่า

คำพูด:
ส่วนกรณี ตัวอาคารมัสยิดที่มีกุโบรในตัวอาร หรือ นอกตัวอาคารนั้นเปนอีกปัญหาหนึ่ง เอามะปะปนกันไม่ได้


นอกจากนี้ คุณ อิลยาสจะว่าอย่างไรกับความหมายของ อิหม่าม อัสซ็อนอานี ซึ่ง เสียชีวิตเมื่อ ฮิจเราะห์ที่ 1182 ที่ท่านกล่าวว่า คำว่า اتخادالقبور مساجد การยึดเอา กุโบรเป็นที่ สุญูด นั้น หะดีษความหมายของมัน مطلق กว้าง
ถามว่า กว้างในด้านไหน คุณ อิลยาส ช่วยตอบหน่อยว่า ความหมายของมันกว้าง กว้างในด้านไหน?

ประการที่สอง คุณ อิลยาส บอกว่า โดยเปนที่ทราบเรื่องเอากุโบรในมัสยิดหรือละหมาดบริเวณกุโบร หรือ มัสยิดอยู่บนกุโบร อันนี้อย่างรัยมันก้อไม่ได้ และต่อมา คุณก็บอกว่า ส่วนกรณี ตัวอาคารมัสยิดที่มีกุโบรในตัวอาร หรือ นอกตัวอาคารนั้นเปนอีกปัญหาหนึ่ง เอามะปะปนกันไม่ได้
สรุปแล้ว คุณ อิลยาส จะเอาอะไร การตอบปัญหา ทางด้านศาสนา โดยเฉพาะในเรืองของ หลักอัตเตาฮีด จำเป็นที่จะต้อง ระหมัดระวัง เพราะในเรืองดังกล่าว นักวิชา การ ส่วนมาก ได้ห้าม การใช้ เราะยุน ความคิด ในเรืองของ ตัวบท ที่เกี่ยวพันธ์กับ หลัก อะกีดะห์ มาวันนี้ ศาสนา ของอัลลอฮ ถูก เหยีบย่ำ ก็เพราะว่า มัฟฮูมของท่าน มัฟฮูมของฉัน และสิ่งนี้เอง จนทำให้ พวก อัชอารีย์ หรือจะเรียกใน ยุคปัจจุบันว่า อัลกอดะรียะห์ กลายพันธ์ ตัวอย่างเช่น อีหม่าม นัก อุศูล อัศศฮวีย์ อัลอัชอารีย์ กล่าวว่า الأخد بنصوص الشريعة من أصول الكفر การยึดเอา ตามตัวบท(แบบตรงฉิน) มันคือ รากเหง้า ของการเป็น กุฟรฺ เมื่อเป็นเช่นนี้ คุณ อิลยาสจะว่า อย่างไร? ผมคิดว่า มา ณ วันนี้ มันคงเป็นที่ ชัดเจนแล้วว่า แนวทางของ ฎออิฟะฮ์ มันซูเราะห์ ก็คือ เราจะต้อง ย้อนกลับไปเอา ความเข้าใจ ศาสนา จาก มวล สลัฟ เท่านั้น เราจะไม่เป็น ดังเช่น พวก บิดอะห์ ที่ ศรัธธา ต่อ อักษร ของศาสนา แต่ความหมาย ของท่านก็ได้ ของฉันก็ดี นอกจากนี้ อีหม่าม อิบนุ หะญัร อัลหัยตะมีย์ ซึ่งเสียชีวิต เมื่อ ฮิจเราะห์ที่ 947 ท่านกล่าวว่า คำว่า اتخادالقبور مساجد การยึดเอา กุโบรเป็นที่ สุญูด นั้น หมายถึง الصلاة عليها أو إليها นมาส บนหลุม หรือ ผินหน้าไปทางหลุม
ผมอยากจะให้คุณ อิลยาส ไปเปิดในพจนาณุกรม ไทย อาหรับ ของอาจารณ์ มุนีร ตรงที่ คำว่า جلسنا على النار แล้วคุณ อิลยาส ค่อยกลับมาพูด ทางด้านภาษากับผมใหม่ กับการที่คุณ อิลยาส อ้างว่า หะดีษหมายถึง ศพ ต้องอยู่ในตัวอาคารมัสยิด ส่วนที่อยู่นอกอาคารนั้น ถือว่า นมาสได้ เป็นความเข้าใจของคนบางกลุ่ม นอกจากนี้ ผมต้อง ขออภัยคุณ อิลยาส มา ณ ที่นี้ด้วยว่า คำพูด หรือทัศนะของคุณ หรือ คนอืนๆ นอกจากคุณ มันไปตรงกับ ทัศนะ ของ อะห์หมัด สิ๊ดดิก อัล ฆุมารีย์ อบู ฆุดดะห์ คู่กัด คู่ฟัด อัส ซูฟีย์ อัลญะห์มีย์ กับ เชค อัลบานี มาด้วยตลอดการ คุณ อิลยาส รู้บ้างไหม ว่า อบู ฆุดดะห์ ตอบเชค อัลบานี ว่าอย่างไร กับ หะดีษ ของท่านนบีที่ว่า........... نهى صلى الله عليه وسلم ان يبني على القبر.................. إلخ
นบีห้าม ก่อสร้าง บนหลุมศพ อันนี้ การสร้าง บนหลุมศพ โดยตรงนั้น ถือว่าเป็น كفر صريح การกระทำที่เป็น กุฟรฺ อย่างชัดเจน ส่วนหากเราจะไปสร้าง รอบๆ หลุมศพ เช่น มะกอม หรือ ฎอเรียห์ อันนี้ไม่มีข้อห้าม อันใด ในตัวบทศาสนา ซึ่งพวก วาฮาบีย์ ทั้งหลาย พากันเข้าใจ ผิดพลาด
คุณ อิลยาส คับ اتق الله في نفسه จงเกรงกลัว อัลลอฮ ให้มากๆ ผมจะมอบของขวัญ ชิ้น โบแดง ของอีหม่าม ผู้ทรง คุณวุฒิ ให้กับคุณกับพวกพ้อง จาก อัลลามะห์ อัลมุฮัดดิษ มุฮัมหมัด ยะห์ยา อัลกานดะห์ละวีย์ เสียชีวิต เมื่อฮิจเราะห์ที่ 1334 ซึ่งเป็นบิดาของ หัวหน้า ก่อตั้ง ญะมาอะห์ ตับลีก กล่าวไว้ในหนังสือ อัลเกากะบุ้ล ดุ้รรีย์ อะลา ญามีอฺ อัตติรมีซีย์ เล่มหนึ่ง แผ่นที่ 316 เอาไว้ว่า
การยึดเอาหลุมศพ เป็นที่ สุญูด เป็นหนึ่ง จาการลอกเลียนแบบ ความประพฤติ ของพวกยิว ที่มีต่อตัวบุคคล ผู้ที่มีตำแหน่ง และเป็นการลอกเลียนแบบพวกสักการะ เทวรูป แม้นว่า ศพนั้น จะตั้งอยู่ตรง جانب القبلة (มุมของทิศ กิบลัต ก็ตาม) อันนี้ผมจะไม่ออกนอกเรืองนะคุณ อิลยาส ให้คุณกลับไปทบทวน ประเด็น เก่าประเด็นเดิม ตรงที่ มัสยิด อัสสลาม อำเภอ สันกำแพง ใหม่ว่า ศพนั้น ตั้งอยู่ตรง ทิศของ กิบลัตหรือ มุมของทิศกิบลัต หรือคุณจะอ้างอีกว่า นั้นมันเป็น มัฟฮูมของ บิดาของ มุฮัมหมัดซะกะรียา หรือ มัฟฮูม ของคุณ سامحك الله ( ขอให้อัลลอฮ ทรงให้อภัยโทษในความผิดพลาดของท่านด้วย)
คุณอิลยาส ถ้าหากคุณ กับ คณะของคุณ ยังคิดว่า ศาสนานี้ มันอยู่ที่ความเข้าใจของใครของมัน ตามวิชา อุศู้ลลุ้ลฟิกบางบท วันนี้ ผมคิดว่า ผมติดตาม อีหม่าม อัศศ็อนอานีย์ กับ อิบนุ หะญัร รวมทั้ง อิหม่าม อัลกานดะห์ละวีย์ ดีกว่า เพราะอย่างน้อย บุคคลดังกล่าว พวกเขา เป็นนักอุศู้ล เป็นฮาฟิซ เป็นผู้ อธิบาย สุนัน ติรมีซีย์ รอฮิมะฮุลลอฮ นอกจากนี้ ผมยังมี ของหวาน ขนมขบเขียว เตรียมไว้ให้คุณ อิลยาส หากคุณ อิลยาส กล้า พอที่จะรับ الحق ความจริง ในเรื่องนี้
_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Jan 31, 2011
ตอบ: 86
ที่อยู่: ห้องสมุด อะฮลิ้ลหะดีษ วัลอาษาร์ เชียงใหม่

ตอบตอบ: Tue Mar 22, 2011 11:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ต่อจากด้านบน

ส่วนข้ออ้างของคุณแบบลอยๆ ไม่มี ดะลีล ( มีแต่ลิ้น) ที่ใช้กระดก เพียงเท่านั้น ตรงนี้มิได้อยู่ใน มันฮัญจ (แนวของสลัฟ) ดังตัวอย่างที่คุณอ้างว่า

คำพูด:
2.การที่เอาหลักฐานรวมที่ว่า ทุกที่นั้นเป็นมัสยิด จึงเอาบริเวณพื้นดินเข้าไปด้วย โดยอาศัยว่าทุกที่ที่ละหมาดเป็นมัสยิดโดยใน ก็ต้องหาคำตอบว่าเราละหมาดซุนนะฮฺในห้องนอน ต้องไล่ภรรยาที่มี
ประจำเดือนออกนอกบ้านเรยหรือไม่?


ตรงนี้ ท่านนบี ศ็อลลอฮอะลัยฮิวะซัลลัม ได้จัดระเบียบ เอาไว้ให้เรา ว่า
قال صلى الله عليه وسلم الأرض كلها مسجد إلا المقبرة والحمام
ถามคุณว่า หะดีษนี้ กับ หะดีษของ ท่านหญิง อาอิชะห์ ที่อัลลอฮ สาปแช่งยิวกับคริส ที่ยึดเอาหลุมศพเป็นที่ สุญูด
อันไหน! เป็น อาม
และ อันไหน! เป็น คอส
ซึ่ง ظاهر ของنص นั้นแน่นอน มันกำลังขัดแย้งกันเอง เมือเป็นเช่นนี้จำเป็นที่จะต้อง جمع
หากเป็นไปได้ หรือไม่เช่นนั้น จำเป็นที่จะต้อง ترجيح ตรงนี้ ถามคุณอิลยาส ว่า คุณ อิลยาส จะ جمع หรือ ترجيح อย่างไร? (ตอบด้วย!)
คุณอิลยาส ประเด็น นะยิส กับ ชิรกฺ มันคนละเรื่อง อีหม่าม ชาฟีอีกล่าวว่า หาก ขุดศพนั้น ออกไปจากที่ฝั่ง ออกจาก บริเวณ มัสยิด น้ำเลือด และน้ำหนอง ของผู้ตาย ก็ยัง คระเคลา กับดินนั้นอยู่
อิบนุก็อยยิม ตอบเอาไว้ในหนังสือ มะอาลิม อัสสุนันว่า ประเด็นที่กำลังพูดถึง คือ เรืองชีริก แต่อีหม่ามชาฟีอี อ้างถึงเรืองนะยิส แล้วคุณ อิลยาส เข้าใจว่า นะยิส กับ ชิรกฺ อันไหน โทษหนักกว่ากัน คุณ อิลยาส ลองใช้ สติปัญญา อันบริสุทธิ จริงๆที่ อัลลอฮให้มา กับดวงตาที่ใฝ่หาคุณธรรม วิเคราะดูซิว่า มี วัดวาอาราม หลังใดในประเทศนี้ ที่เขาเอาผู้ตาย ไปฝั่งไว้ใน วิหาร หรือ โบสถ์คริส ที่ใด ที่เอาศพไปฝั่งบ้าง
อิบนุ ตัยมียะห์กล่าวว่า ใน ฟะตาวา เล่มที่ 27 แผ่นที่129 ไว้ว่า การไปนมาซ และวิงวอน ในสถานที่ต่างๆเหล่านี้ ว่ามิได้ มีตัวบท หรือการปฎิบัติของมวลสลัฟของประชาชาตินี้ และไม่ปรากฎ ว่ามีการปฎิบัติของพวกเขาในเรื่องดังกล่าว แต่อย่างใดไม่! ตามที่ท่านนบี ศ็อลลอฮอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ห้ามจาก สาเหตุต่างๆ ที่จะเรียกร้องไปสู่การกระทำในสิ่งดังกล่าวข้างต้น แม้นว่าพวกเขาจะไม่มีเจตนา ที่จะไป ขอดุอา หรือ นมาซในสถานที่แห่งนั้นก็ตาม فكيف إدا قصدوا دلك แล้วจะเป็นเช่นไรหากว่าพวกเขา(บรรดาสลัฟ) เจตนาที่จะไปนมาซ และดุอา ตรงสถานที่แห่งนั้น
ตรงนี้ ! คุณอิลยาสช่วยตอบ คำพูดของ อิบนุตัยมียะห์ข้างต้นด้วย

ประการต่อมา
คุณอิลยาส อ้างว่า

คำพูด:
3.นักวิชาการได้ชีชัดในประเดนเหล่านี้เปนแนวทาง เราจะมาทึกทักคิดเอาเองนั้นเป็นเรื่องที่น่าเปนห่วง


คุณอิลยาส ตามที่คุณนำฟัตวา ของเช็ค อุสัยมีน มาแอบอ้าง ซึ่งคุณ ก็รู้ว่า คำว่า التقليد (การก็อปปี้) เอาคำพูดของ ผู้อื่น มาเป็นข้ออ้าง อันนี้คือ คำจำกัดความของคำว่า ตักลีด(ก๊อปปี้) ณ ที่ นัก อุศูล ทั้งมวล เช่น อิบนุ กุดามะห์ อีหม่ามอัชเชากานีย์ ในหนังสือ อิรชาด อัลฟุฮุล รวมทั้ง อีหม่าม อัชชาติบีย์ ในหนังสือ อัลมุวาฟะกอด เป็นต้น ทั้งหมด ได้ชี้ขาดว่า การที่ นำเอา ฟัตวา หรือ ข้อชี้ขาดของผู้อื่น มาเป็น ฮุจญะ حجة อันนี้ ในกรณีที่ หา ดะลีล ในเรื่องดังกล่าวไม่เจอ แต่การที่เราไป นำเอาฟัตวา ของเขามา อ้าง ทั้งที่ฟัตวานั้น มันขัด กับ ดะลีล อันนี้ให้คุณ อิลยาส กลับไปทบทวน
หนังสือ อุศูลลุ้ลฟิกฮ เสียใหม่ ซึ่ง คุณ ก็รู้มิใช่หรือว่า ตัวเชค อุสัยมีนเอง ได้ฟัตวามา มันไปขัดกับ ฟัตวาของ เชค ญิบรีร และให้คุณกลับไปดูในฟัตวา ของเชค ญิบรีรว่า หาก ตัวอาคารมัสยิด มีหน้าต่าง ที่สามารถ มองเห็น ศพที่อยู่ข้างมัสยิด ท่านฟัตวา ว่าอย่างไร แล้วคุณ อิลยาส จะว่าอย่างไร กับหน้าต่าง ด้านขวามือ ของมัสยิด อัสสลาม ที่เห็นกันอยู่ตำตา

_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Jan 31, 2011
ตอบ: 86
ที่อยู่: ห้องสมุด อะฮลิ้ลหะดีษ วัลอาษาร์ เชียงใหม่

ตอบตอบ: Wed Mar 23, 2011 12:16 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ต่อจากด้านบน

คุณ อิลยาส อ้างว่า

การละหมาดในตัวอาคารมัสยิดที่มีพนังกั้นถือว่าใช้ได้ แม้ว่าจะมีหลุมศพ อยู่ข้างๆ โดยที่ผู้ละหมาดไม่ได้ทำการ ตะบัรรุก ต่อเจ้าของหลุมนั้น ซึ่งความเชือแบบนี้เป็นของชาว กุบูรีย์
ไม่มีอะห์ลุสซุนนะห์คนใด กระทำแบบนั้น


คุณ อิลยาส นำเอา ทัศนะดังกล่าว หรือ ฟัตวา นี้ มาจากไหน ? หรือว่ามี نص ที่มาเจาะจง เกียวกับเรื่อง กำแพงมากั้น หากว่ามันมี ช่วยบอกด้วย จากคำพูด ของคุณ ทำให้ผม นึกถึง อีหม่าม อัลบัยฎอวีย์ อัลอัชอารีย์ ที่กล่าวว่า
وأما من اتخد مسجدا في جوار صالح و قصد التبرك بالقرب منه لا لتعظيم له ولا لتوجه نحوه فلا يدخل في دلك الوعيد
ส่วนการยึดเอามัสยิด อยู่เคียงข้าง คนที่ ศอและห์ และ โดยมีเจตนา ที่จะตะบัรรุก(ขอความมงคล)ด้วยกับการไปอยู่เคียงข้าง คนศอและห์นั้น โดยมิได้ที่จะไปให้การเทิดทูน หรือ มุ่งหน้าสู่คนศอและห์นั้น อันนี้ ถือว่า ไม่อยู่ใน ข้อห้าม

อีหม่ามศ็อนอานีย์ ตอบว่า คำพูดของ บัยฎอวีย์ ที่ว่า โดยมิได้ที่จะไปให้การเทิดทูน นั้นหมายถึง يقال اتخاد مساجد بقربه وقصد التبرك به تعظيم له
กล่าวกันว่า นั้นเป็นการยึดเอา สถานที่ใกล้คนศอและห์เป็นที่สุญูดแล้ว ส่วนการมีเจตนาที่จะ ตะบัรรุก นั้นเป็นการเทิดทูน ต่อคนศอและห์นั้นแล้ว (จากหนังสือ สุบุ้ล อัสสลาม เล่มหนึ่งแผ่นที่ 318)
ส่วนสิ่งที่ชัดเจนที่สุดในเรืองดังกล่าว อิลละฮ์ ของมันนั้น อยู่ที่ ซัดดุน สะลีอะห์ และเพือเป็นการลีกเลียงการ ตะชับบุห์ พวก สักระเทวรูป
ตอนนี้คุณ อิลยาส รู้หรือยังว่า อิลละฮ์ ห้ามมันอยู่ตรงไหน? หรือคุณอิลยาสจะอ้างว่าอยู่ที่กำแพงมัสยิด ช่วยตอบ อีหม่าม ศ็อนอานีย์ให้ผมได้กระจ่างด้วย
คุณอิลยาสคับ ให้ไปอ่าน หะดีษ เกี่ยวกับเรื่อง كتاب الحيل (บทที่ว่าด้วยการเลี่ยง บาลี)ในศอเฮีย บุคคอรี ให้มากๆ นอกจากนี้ คุณ เอาอะไร? เป็นบรรทัดฐานในการชี้ขาดและจำแนกแยกแยะ ระหว่าง ของ สองอย่าง ที่มีข้อห้ามในเรืองเดี่ยวกัน(ห้ามฝั่งศพในบริเวณมัสยิดและการนมาซในบริเวณมัสยิดที่มีหลุมศพฝั่งอยู่)ซึ่งภาษานักกฎหมายเรียกว่า التفريق بين المتماثلين การแยกของสองสิ่งที่อยู่ในฮุก่มเดี่ยวกันออก كان الله في عونك ท่านกำลังอยู่ในภาวะที่อัลลอฮกำลังช่วยท่านแล้ว

_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Jan 31, 2011
ตอบ: 86
ที่อยู่: ห้องสมุด อะฮลิ้ลหะดีษ วัลอาษาร์ เชียงใหม่

ตอบตอบ: Wed Mar 23, 2011 12:54 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

นะซีฮะห์ ท้ายกระทู้ มารยาท การนำเสนอ ดะลีล ของ อะห์ลุสซุนนะห์ต้องเป็นไปตาม กรอบ และรูปแบบ ของพวกเขาเท่านั้น จู่ๆ ก็นำเอาฟัตวามา อ้างอิง ซ้ำยังถ่อม ตนว่า ตนเองมิใช่ผู้รู้ สภาอุลามะ รู้มากกว่า แล้วคุณ อิลยาส จะเอาคำพูดของท่านนบีที่ว่า เหนือผู้รู้ยังมีผู้รู้กว่า นอกจากนี้ สมควรให้มี อาดาบ มารยาท การจัดและเรียบเรียงความ อะวุโส ของ เหล่า สลัฟ นั้นหมายถึง ให้มองจาก ดะลีล กรุอ่าน ต่อมา เป็น ซุนนะห์ ต่อมา เป็นของ เหล่าบรรพชน ยุค สามร้อยปี และกลุ่มชนที่ติดตามพวกเขา การที่คุณ อิลยาส กระทำเช่นนี้ จู่ๆก็คว้า ฟัตวามา ลงโดยไม่ย้อนมองถึงการปฎิบัติ และ อักวาล ของ บรรพชน เหล่า สลัฟ และผู้ติดตามพวกเขา นอกจากนี้ ยีงเป็นสิ่งที่ยืนยันให้รู้ว่า คุณ มิได้ มีความรู้ และความเข้าใจ ในวิชา الطبقات การจัดลำดับความอะวุโส ของนักวิชาการ แนะนำให้ไปอ่านหนังสือ الرجال ให้มาก เช่น ตักรีบ อัตตะห์ซีบ โดย อิบนุ หะญัร
นอกจากนี้ เท่าที่ฟัง คุณ พูดมา ต้นๆว่า การที่คุณนำซุนนะห์ ท่านนบี ไปบอกกล่าวต่อสังคมว่า เกิดอาการ ตะกับโบร เย่อหยิ่ง ลำพองต้น คล้ายกับว่า ไปยกตนข่มท่าน อันนี้ คงอาจจะเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นมาเอง ไม่มีใครเขา คิดเช่นนั้นหรอก หากคุณรู้จัก อะกีดะห์ของอะลุ้สซุนนะห์ที่ว่า
حسن الظن คิดดีต่อกัน คุณเอาไปไว้ที่ไหน? แล้วคำตอบของท่านบีที่มีคนถามว่า อะห์ลุ้สซุนนะห์คือใคร ท่านบีตอบว่า الدين يصلحون عند فسادالناس คือบรรดาผู้ซึ่งคอยปรับปรุงเปลียนแปลง ในขณะที่เกิด ความชั่วร้ายใน หมู่มวลมนุษย์ ตามที่ได้ปรากฎในหะดีษ ศอเฮียะ

สุดท้าย ดังกล่าวมาข้างต้น มันเป็น เตือนใจ ต่อผู้ที่มีจิตรใจ ที่จะรับฟัง และ เขาจะต้อง เป็นสักขี พยานให้กับตนเอง(ซูเราะห์ กอฟ )

_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
อิลยาส
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 20/04/2005
ตอบ: 279


ตอบตอบ: Sat Mar 26, 2011 12:22 pm    ชื่อกระทู้: ระหว่างห้องสมุด กับผมเราไม่เกี่ยวข้องกัน ท่านกับผมตกลงกันแล้ ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอลัยกุม

จากที่ได้อ่านการนำเสนอของท่าน จนผมเกือบจะเข้าใจว่าถ้าต้องเลือกว่าใครอยู่ใน “ ฏออิฟะฮ์ มันซูเราะฮฺ ” หรืออะฮ์ลุซซุนนะฮ์นั้น ระหว่าง นักวิชาการอาวุโส ไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการถาวรเพื่อการวิจัย เพื่อชี้ขาดปัญหาศาสนาแห่งซาอุดีย์ หรือ ชัยค์ บินบาซ และชัยค์อุษัยมีน คำตอบดูเหมือนพวกท่านนั้นเหนือกว่า ทั้งด้านความรู้ และหลักความเชื่อ รวบไปถึงการยืนหยัดอยู่บนแนวทางสละฟุซซอและห์ มากกว่านักวิชาการท่านเหล่านั้นเสียอีก!


ผมเชื่อว่าถ้าต้องนำเสนอต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงคำฟัตวาของ ท่านอิบนุหะญัร เรื่องที่ว่า “ อิฐเก่าจากมัสยิดห้ามเอาใช้กับหลุมศพ" อย่างแน่นอน” ซึ่งท่านก็จะสามารถยกตรงนั้น มาใส่ตรงนี้ไปเรื่อยๆตามที่ท่านจะปรุงแต่ง แต่ปัญหาคือ ใครจะรับรองในความเข้าใจของท่านว่าถูกต้อง หรือท่านคิดว่าข้อมูลทางวิชาการของท่านมีมากกว่านักวิชาการอาวุโสเหล่านั้น หรือว่าเท่าเทียมแต่ท่านเข้าใจได้ดีกว่า ! หรือว่าท่านมีฟัตวาจากนักวิชาการที่เป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน โปรดนำเสนอ เพื่อสนับความเข้าใจของท่านว่าถูกต้อง จากการค้นคว้าตำรับตำราในอดีตว่าท่านไม่ได้เข้าใจเอาเองแต่คนเดียวหรือกลุ่มเดียว ต้องมีการยันยืนจากผู้ทรงคุณวฒิทางวิชาการ!

สุดท้ายท่านก็ยังเบี่ยงประเด็นไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้อ่านสับสน ระหว่างเรื่อง ละหมาดใช้ได้หรือไม่ กับหลุมศพที่บริเวณโดยรอบ
ด้าน ถ้าท่านอ่านแต่ต้นจาพบว่าเรื่องหลุมศพนั้นไม่ว่าจามีอาคารหรือไม่มีอาคาร อย่างรัยมันก็ผิด เป็นที่ต้องห้าม! ส่วนละหมาดจะใช้ได้หรือไม่นั้นเป็นอีกประเด็นซึ่งเป็นไปตามที่นักวิชาการท่านเหล่านั้นได้นำเสนอ ว่าแบบไหนได้หรือไม่ได้อย่างรัย รวมไปถึงถ้าเกิดขึ้นแล้วจาแก้ไขอย่างไร?.. อันนี้ท่านยังมองมัสอะละฮฺไม่ออกอีกหรือ?..เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนาน นักวิชาการรุ่นพี่ก็ได้เคยเตือนท่านแล้วเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้... อีกทั้งท่านยังไปแอบอ้างฟัตวาชัยค์ ญีบเรน ว่าขัดกับชัยค์อุษัยมีน อันนี้ ณ วันที่นักวิชารุ่นพี่ท่านมาเตือนว่า ท่านได้ให้ความหมายฟัตวาผิดพลาด ท่านก็อยู่ด้วยไม่ใช่หรือครับ...!


และอีกอย่างผมไม่สามารถจาคล้อยตามหรือเชื่อท่านได้ เนื่องด้วยผมมีรูปแบบการรับข้อมูลข่าวสาร และหวังว่าพี่น้องผู้อ่านจาได้เข้าใจอย่างไม่ซับซ้อนครับ. ผมได้ทำตารางเปรียบเทียบเกณฑ์ในการรับข่าวสาร หรือข้อมูลทางวิชาการ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ผมไม่สามารถรับการขี้ชาดปัญหาศาสนาจากตัวท่านหรือกลุ่มของท่านได้ทันที... ส่วนท่านจะเชื่อไปตามที่ท่านเข้าใจก้อไม่มีใครจะไปห้ามท่านได้ แล้วอีกอย่างการเพิ่มเติมข้อมูลฟัตวาของนักวิชาการที่ถูกยอมรับในยุคนี้ที่นำเสนอมิใช่เพื่อมาตอบโต้ใครทั้งสิ้น แต่เพื่อมาเสริมเติมความเข้าใจเดิม และแก้ไขสิ่งที่เข้าใจผิพลาดมาก่อนหน้านั้นในส่วนของผมเท่านั้นครับ..


วัสลาม

ในประเดนนี้ผมขอจบ



Fatawa.jpg
 คำจำกัดความ:
 ขนาดไฟล์:  89.63 กิโลไบต์
 เข้าชม:  14486 ครั้ง

Fatawa.jpg


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Jan 31, 2011
ตอบ: 86
ที่อยู่: ห้องสมุด อะฮลิ้ลหะดีษ วัลอาษาร์ เชียงใหม่

ตอบตอบ: Wed Apr 06, 2011 2:56 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

وعليكم السلام
คุณอิลยาส إتق الله في نفسك (จงเกรงกลัวอัลลอฮให้มากๆทั้งในที่ลับและที่แจ้ง)เพราะพระองค์ทรงรู้ ถึงดวงตาที่หลอกลวง และสิ่งที่ซุกซ่อน อยู่ในหัวใจของมนุษย์ การลีกเลี่ยง และซ่อนเร้น ความจริงมันมิใช่เป็นวิถีทางของ อะห์ลุ้สซุนนะห์ ศาสนาอิสลาม ปกป้องทุกวิถีทางที่จะนำไปสู่ การชิรกฺ سد الدريعة (ทุกวิถีทางที่จะนำไปสู่การชิรกฺ) แต่เท่าที่ผมฟังคุณพูดมา คุณรวมทั้ง สาวกของคุณทั้งหลาย ได้เปิดประตูให้ ชัยตอน นำพาประชาชาติ เปิดประตูไปสู่การทำชิรกฺ
อิบนุก็อยยิมกล่าวว่า บทที่ว่าด้วยห้าม(หะรอม)การหลบเลี่ยง ท่านนบีกล่าวว่า อัลลอฮทรงสาปแช่งผู้ที่ให้อนุมัติ หะล้าล และผู้ที่ถูกอนุมัติ เรื่องของหะล้าล ท่านนบีกล่าวอีกว่า อัลลอฮซุบฮานะฮูวะตะอาลา ทรงห้ามพวกยิวรับประทาน ไขมันสัตว์ และแล้วพวกเขาก็นำ ไขมันสัตว์ไปขาย พร้อมกับ นำเงินมาใช้จ่าย
อัลลอฮซุบฮานะฮูวะตะอาลา ห้ามมิให้ยิวจับปลาในวัน เสาร์ และพวกยิวก็ขุดเจาะน้ำเพื่อให้ปลาเข้ามาในที่ของพวกเขา
แล้วก็พากันจับปลา ทั้งหมด จาก ดะลีล ที่กล่าวมา เป็นที่ หะรอม(ต้องห้าม)ที่จะให้มุสลิมคนหนึ่ง นำตัวบทหรือ เรื่องราวของศาสนา เอามาไว้ประดับประดา อารมณ์และความคิด เพื่อหาหนทาง หลีกเลี่ยงตัวบท الدليل
ตามมาตฐานของ ฎออิฟะฮ์มันซูเราะห์ ทั้งมวลและเป็นที่ยอมรับกันในถ้วนหน้าว่า ในมัครูกของอัลลอฮทั้งหมด ไม่มีผู้ใดที่จะเป็น มะอฺซูม (ปกป้องจากความผิด) อีหม่าม ชาฟีอีกล่าวว่า أبى الله أن يتم إلا كتابه (อัลลอฮปฎิเสธที่จะให้ทุกอย่างสมบูรณ์เว็นแต่คำภีร์ของพระองค์เท่านั้น) อะห์ลุ้สซูนนะห์ ได้มีมติว่า สัจธรรมและความถูกต้องนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล เพียงแต่ว่า สัจธรรมนั้น ขึ้นอยู่กับ ดะลีล ต่างหาก
อิบนุตัยมียะห์กล่าวว่า إدا عجزت عن قول الحق فلا تقل الباطل (เมื่อท่านหมดหนทางที่จะสรรหาความจริงมาพูด ก็จงอย่าพยายามหาความเท็จมากล่าว!!!!!!) ผมคิดว่า คุณอิลยาส จะต้องกลับไปทบทวน หนังสือบางเล่ม เอางี้!!! ผมแนะนำเลยชื่อหนังสือว่า فضل علم السلف على الخلف (ความประเสริฐด้านวิชาการมวลสลัฟต่อวิชาการของคอลัฟ)โดย อิบนุ รอญับ อัลฮัมบะลีย์ เพื่อว่าคุณจะได้ มี اداب (มารยาท) เพิ่มขึ้นมา มากกว่านี้ ซึ่งผมมองเห็นว่า การที่คุณ ใส่ร้าย และกล่าวหา พวกเรา(ห้องสมุดอะฮ์ลิ้ลฮะดีษ) มันคือข้อกล่าวหาอันเดียวกันกับ ชัยคฺ อัศฮัร อัลบัยญูรีย์ ที่ลิดรอน เครดิต จาบจ้วง บรรพชน อัสสลัฟ โดยกล่าวว่า طريقة السلف أسلم وطريقة الخلف أعلم وأحكم (แนวของมวลสลัฟนั้นปลอดภัย แต่แนวของชนยุคหลังนั้น รู้มากและปราชย์เปรื่องกว่า ) อีหม่าม มุฮัมหมัดอามีน อัชชังกิตีย์ ท่านนั้น ได้รับฉายา และตำแหน่งอันทรงเกรียติว่า ท่านนั้น เป็นอาจารย์ ของเชค บินบาส และเชค อุษัยมีน และ เชค ญิบลีล รวมทั้ง สภาเพื่อความมั่นคงและถาวร การตอบปัญหาศาสนา ของซาอุดิฯ ท่านกล่าวว่า จากคำพูดของ ชัยคฺ อัศฮัรนี้ รวมทั้ง อุลามาสาย อัชอารียะห์ มันเกือบที่จะทำให้ข้าพเจ้าตัดสินพวกเหล่านี้ว่าเป็น พวก รอฟีเฏาะ ซึ่งมันอยู่แค่ปลายลิ้นของข้าพเจ้าเพียงเท่านั้นเอง โปรดดูหนังสือ อัลญุมั๊วะ อัลบะฮียะฮ์ ลิ้ลอะกีดะฮ์ อัสสะละฟียะฮ์
ผมอ่าน ดู คำตอบของคุณแล้ว เกือบทำให้ผม เข้าใจว่า ความเข้าใจของคุณนั้น กับจุดยืนของพวก อัชอารียะห์ มีส่วนคล้ายคลึงกันมาก แทบจะจำแนกแยกแยะไม่ออกเลยทีเดียว ผมขอถามคุณตรงๆ ระหว่าง อีหม่าม อัลมุจตะฮิด อัลฮาฟิซ อัลอุซูลีย์ มุฮัมหมัด อัศศ็อลอานีย์ เสียชีวิตฮิจเราะห์ที่ 1182 กับเชค อับดุลอะซีซ บินบาส เสียงชีวิตฮิเราะห์เมื่อ 1420 ใครอวุโสและปราชย์เปรื่องมากกว่ากัน!!! นอกจากนี้ ระหว่าง อีหม่าม อาลี บิน มุฮัมหมัด อัชเชากานีย์ เสียชีวิตฮิจเราะห์เมื่อ 1255
กับ เชค อุษัยมีน ใครอวุโสและปราชย์เปรื่องมากกว่ากัน!!! และระหว่าง เชคซอและห์ อัลเฟาซาน กับ อีหม่าม มุฮัมหมัด บิน อุสมาน อัลอามิดีย์ เสียชีวิต ฮิจเราะห์ที่ 724 ซึ่ง อิบนุกุดามะห์ จะอ้างถึงท่านประจำในหนังสือ อัลมุฆนีย์
ทั้งหมดที่กล่าวมาข้างต้น ทั้งหมด ได้แสดงจุดยืน เกี่ยวกับ หะดีษ และความหมายของหะดีษ การยึดเอาหลุมศพเป็นที่สุญูดแบบเดียวกัน
คุณอิลยาส ผมถามคุณว่า อัตตักลีดแปลว่าอะไร ถ้าคุณยังเขลา ผมตอบให้ก็ได้ ว่าทั้ง อิบนุรุชดฺ อัลฮัมบาลีย์ รวมทั้งอีหม่าม อัชชาติบีย์ ได้ให้ความหมายคำว่าตักลีดเอาไว้ว่า คำว่า อัตตักลีด หมายถึง การไปหยิบยืม เอาฟัตวา หรือคำพูด ของผู้อื่น มาแอบอ้าง เป็น ฮุจยะห์ ตรงจุดนี้คุณเข้าใจหรือยังว่า ฟาตาวาทั้งหมดนั้น ใช่แทนเป็น ดะลีล ได้หรือไม่ ?
และอนุญาต ให้นำเอาฟัตวา มานำหน้า ดะลีล ได้หรือไม่? ซึ่งดะลีลที่ผมนำมา คุณ ตอบผมหรือยัง คำว่า اتخاد القبور مساجد
การยึดเอาหลุมศพเป็นที่ สุญูดนั้น ขอบเขตุของมันอยู่ที่ไหน? พร้อมกับความเข้าใจ ของมวลสลัฟ ในยุค อดีต กับ คำฟัตวา ของ อีหม่าม อะห์หมัด บินฮัมบัล เสียชีวิตเมื่อ อิจเราะห์ที่ 241 ที่กล่าวว่า القبر والمسجد إنه لا يجتمع في دين الإسلام (โดยแน่แท้มีอยู่สองสิ่ง จะไม่สามารถรวมกันได้ คือ มัสยิด กับ กุโบร์)และผมขอเชิญคุณ กับ สาวกของคุณทั้งหลาย มาเจอกัน โดยที่หัวใจปราศจาก การแพ้ การชนะ ต้องมีเลือดและหัวใจเป็น อะห์ลุสซุนนะห์จริงๆ ผมพร้อมที่จะนำ ดะลีล เปิดหู และเปิดตา คุณกับพวกพ้อง หากว่าคุณเป็นผู้ที่ใฝ่หา ความถูกต้อง และความจริง
อุลามะห์กล่าวไว้ว่า إن البواث بأرضنا يستنصر (นกกระจอกตัวน้อยๆ ได้กลายเป็นนกอินทรีย์ ณ ที่ชนกลุ่มหนึ่งไปเสียแล้ว )
และคุณเข้าใจอย่างไรว่า فهم الكتاب والسنة على منهج السلف الصالح (ความเข้าใจในกรุอ่านและซุนนะห์บนแนวทางของ อัสสละฟุสซอและห์)
ถ้าคุณยังคิดว่าเป็น อะห์ลุ้สซุนนะห์คนหนึ่ง โปรดอธิบาย ให้ผมด้วย ???
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Jan 31, 2011
ตอบ: 86
ที่อยู่: ห้องสมุด อะฮลิ้ลหะดีษ วัลอาษาร์ เชียงใหม่

ตอบตอบ: Wed Apr 06, 2011 3:03 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คุณอิลยาส กล่าวว่า

ผมเชื่อว่าถ้าต้องนำเสนอต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงคำฟัตวาของ ท่านอิบนุหะญัร เรื่องที่ว่า “ อิฐเก่าจากมัสยิดห้ามเอาใช้กับหลุมศพ" อย่างแน่นอน” ซึ่งท่านก็จะสามารถยกตรงนั้น มาใส่ตรงนี้ไปเรื่อยๆตามที่ท่านจะปรุงแต่ง แต่ปัญหาคือ ใครจะรับรองในความเข้าใจของท่านว่าถูกต้อง หรือท่านคิดว่าข้อมูลทางวิชาการของท่านมีมากกว่านักวิชาการอาวุโสเหล่านั้น หรือว่าเท่าเทียมแต่ท่านเข้าใจได้ดีกว่า ! หรือว่าท่านมีฟัตวาจากนักวิชาการที่เป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน โปรดนำเสนอ เพื่อสนับความเข้าใจของท่านว่าถูกต้อง จากการค้นคว้าตำรับตำราในอดีตว่าท่านไม่ได้เข้าใจเอาเองแต่คนเดียวหรือกลุ่มเดียว ต้องมีการยันยืนจากผู้ทรงคุณวฒิทางวิชาการ!


ขอชี้แจ้งว่า المغرور (การลุ่มหลงตนเองว่ามีความรู้มิใช่ วิสัยทัศของชาวซุนนะห์)อันนี้ประเด็นแรก


ประเด็นต่อมา ผมกล้าให้คุณ ไปค้น หนังสือเล่มใดก็ได้ในโลกของอิสลาม ที่เวลาเขาอธิบายคำว่า إتخاد القبور مساجد มาปะปนกับ มัสอะละห์ เรื่อง อิฐของมัสยิด กับกุโบร์ ตรงนี้ย่อมชี้ให้เห็นว่า ท่านกำลัง มั่วนิ่ม สับสน เข้าใจผิดเพี้ยน เอาเอง


ประเด็นต่อมา ผมเตือนคุณแล้วใช่ใหม الله يهديك (ขออัลลอฮนำทางท่าน) จงกล่าวเดี่ยวนี่เลย ว่า อามีน
ส่วนที่คุณอ้างว่าใครจะรับรองข้อมูลวิชาการของท่าน


ขอตอบว่า แล้วใครรับลอง อีหม่าม ศ็อลอานีย์และ เชากานีย์ และ อัลอามิดีย์ และอีหม่ามอะห์หมัด และ อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ และอีหม่าม ซุลฎอน อัลมะอ ซูมีย์ อัล ค็อจนะดีย์ ผมถามคุณ ผมหยิบยกเอาชื่อ และนามสกุลของนักวิชาการ สายอะห์ลุ้สซุนนะห์ที่ให้ความหมาย คำว่า إتخاد القبور مساجد ในทำนองเดียวกันจนวินาทีนี้ ผมยังไม่เห็นคุณอิลยาส นำนักวิชาการ อื่นๆ จาก สภาอุลามะห์ มายืนยันความเข้าใจ ความหมายหะดีษ แม้เพียงสักคน เดียว อันนี้ มันไม่เป็นการบงบอกถึง การบิดเบือน หลบเลี่ยง มั่วนิ่ม ของคุณกระนั้นเหรอ? ผมกำลังถามคุณว่า คำว่า إتخاد القبور مساجد
(การยึดเอาหลุมศพเป็นที่ สุญูด) กับ การไป นมาซในมัสยิด ที่มีหลุมศพถูกฝังอยู่ในที่ว่างของมัสยิดนั้น ว่ามันเรื่องเดียวกันหรือ? ผมยืนยันให้คุณกับพรรคพวกของคุณทั้งหมด หากมีความกล้าพอ ผมจะให้คุณ พบในสิ่งที่ไม่คลาดฝันมาก่อน (มิได้ ตะกับบุร์) แต่ต้องการจะฉุดคุณให้พ้นจากบ่วงของ อัซ ซูฟีย์ อัล ยะห์มียะห์ อัล อัชอะรียะห์ รวมทั้ง โทษของการ إتخاد القبور مساجد ของพวก ยิวและคริสต์ และการ ตะชับบุหฺ (ลอกเลียนแบบ) ของอีหม่าม อัลบัยฎอวีย์ อัล อัชอะรียะห์ รวมทั้ง อะกีดะห์ของ อะห์หมัด บิน ซิดดิ๊ก อัลฆุมารีย์ อะบู ฆุดดะห์ ที่ฝ่าฝืน มติและความเข้าใจของคำว่า إتخاد القبور مساجد สวนทางกับ อะห์ลุสซุนนะห์ [/color]

ส่วนที่คุณถามมาว่า หรือว่าท่านมีฟัตวาจากนักวิชาการที่เป็นที่ยอมรับในปัจจุบัน โปรดนำเสนอ เพื่อสนับความเข้าใจของท่านว่าถูกต้อง

ขอตอบว่า คุณก็ให้ อาจารย์ของคุณ ตอบรับ จดหมายเรียนเชิญจาก ห้องสมุดอะห์ลิ้ลหะดีษ ซึ่งผมส่งไปตั้งแต่ เดือนที่แล้ว ในนามผู้รับ ชมรมสะละฟิยูนคือ(อาจารย์ อิศฮาก พงษ์มณี) หากมีความกล้าพอ ที่จะเผชิญกับความจริง และเราพร้อมที่จะให้ มุสลิมในเมืองไทย มีหูตาสว่างกันเสียที โอ้อัลลอฮ ขอให้พระองค์ได้โปรดอย่าทำให้ความรู้และวิชาการของข้าพเจ้า เป็นความหายนะ ความวิบัติ ต่อศาสนาอิสลาม

الله ولي التوفيق


_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ
มือเก่า
มือเก่า


เข้าร่วมเมื่อ: Jan 31, 2011
ตอบ: 86
ที่อยู่: ห้องสมุด อะฮลิ้ลหะดีษ วัลอาษาร์ เชียงใหม่

ตอบตอบ: Thu Apr 07, 2011 12:20 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถามคุณ อิลยาสว่า ศาสนาอิสลาม مبني على ثلاثة الأشياء (ตั้งอยู่บนหลักสามประการ)อันนี้นับว่าเป็นอิตติฟากของมวลอะห์ลุสซุนนะห์ ทั่ว ดุนยา นั้นก็คือ
1. กิตาบุ้ลลอฮ كتاب الله
2. ซุนนะห์ السنة
3. อัลอิจมาอฺ إجماع
ถามว่า ฟัตวาของ อุลามะห์ ทุกยุคทุกสมัย เหล่านักวิชาการ ทุกสาขา ของศาสนา นับว่าเป็นอิจมาอฺ หรือไม่ (ช่วยกรุณาตอบด้วย) กับอัลหะดีษ ของท่านรอซูลุ้ลลอฮ ซ็อลลอลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวไว้ใน หะดีษศอเฮียห์ว่า
قال صلى الله عليه وسلم أجرؤكم على الفتيا أجرؤكم على النار
ผู้ที่รีบเร่งและด่วนในการตอบปัญหา(ฟัตวา)ในหมู่สู่เจ้า คือ ผู้ที่รีบเร่งเข้าสู่ไฟนรกอย่างเร็วที่สุด
คุณอิลยาส จากคำพูดของสลัฟ ที่มักจะฝากไว้ให้กับบรรพชนยุคหลังเอาไว้ว่า
كم ترك الأول للأخر
กี่มากน้อยแล้วที่มวลสลัฟได้ทิ้งคุณความดีไว้ให้คนยุคหลัง
เกมนี้ มันคงจะไม่ทำให้เราเข้าใจผิดว่า เราต้องการที่จะ จาบจ้วง ฮัยอะห์กิบาร์ อุลามะห์ حاشا لله !!! (หามิได้อัลลอฮเท่านั้น) แผนตื้นๆ ที่พวกรอฟิฎอฮ มักจะเอามาใช้กับพวกซุนนะห์ นั้นก็คือ ต้องการที่จะ บั่นทอน ลดเครดิต จาบจ้วง สถาบันอัลลอฮ สถาบันท่านนบี โดยลวงให้ มุสลิม เข้าใจผิด ต่อมวลศอฮาบะห์ มันก็เหมือนแผนการของพวก المستشرقون (ชาวตะวันตก) พวกเขา โจมตี อบู ฮุร็อยลอฮ โดยมีเป้า อยู่ตรงที่ ทำลาย หะดีษ ศอเฮียห์ อีหม่าม อัล บุคคอรี เพราะพวกเขารู้ว่า หะดีษ ที่อีหม่ามบุคคอรี บัญทึกไว้ในศอเฮียห์ของท่านทั้งหมดนั้น เป็นริวายะห์ ของอบู ฮุร็อยลอฮ เป็นส่วนมาก ตรงนี้ จึงทำให้เราเกิดความเข้าใจว่า คุณ อิลยาส ต้องการใช้แผนเดี่ยวกับพวกนี้ที่จะให้พวกเรา จาบจ้วง สภาอุลามะห์
ท่านนบีกล่าวว่า
قال صلى الله عليه وسلم إدا اجتهد الحاكم فأصاب فله أجران وإدا إجتهد فأخطأ فله أجل واحد <1585>
เมื่อ ฮากิม ได้วินิจฉัย(ฟัตวา)ศาสนาเรื่องหนึ่งเรื่องใด โดยถูกต้อง สำหรับเขานั้น จะได้ภาคผล สองเท่า และหากว่า เขาได้วินิจฉัยเรื่องหนึ่งเรื่องใดแล้ว เกิดข้อผิดพลาด เขาได้ภาคผล หนึ่ง เดียว
อิบนุก็อยยิม ลูกศิษย์ อิบนุ ตัยมียะห์ กล่าวเกี่ยวกับหะดีษนี้ว่า ผู้รู้ ฟัตวาถูกได้สองเท่า แต่ถ้าผิดได้หนึ่ง แล้วผู้ที่นำฟัตวา ไปปฏิบัติ กัน จะได้อะไร?!!!
แล้วผมถาม คุณ อิลยาส ว่า ตามคำพูดของอิบนุ ก็อยยิม คุณจะได้อะไร
ถามคุณอิลยาสว่า ยกตัวอย่าง เช่น ญุมฮูรอุลลามะห์ ได้มติให้ ดูเดือนเพื่อที่จะนับการเข้าออกของรอมฎอน(อีด) ดูได้ทุกๆที่ และตามกันได้ทุกหนทุกแห่งในโลกนี้ ส่วน นักวิชาการ สภา อุลลามะห์ได้ฟัตวา เห็นว่า ให้ดูของใครของมัน ที่ไหนที่นั้น ก็ได้ ถามคุณว่า สภาอุลามะห์ รู้มากกว่าคุณ รู้มากกว่าเรา แต่เหตุไฉน จึงมีการฝ่าฝืน มติของญุมฮูร ทั้งๆที่ ท่านนบีกล่าวว่า
قال صلى الله عليه وسلم ما اجتمع أمتي على خطأ
ประชาชาติฉันนั้นจะไม่ลงมติ ในเรื่องใดที่ผิดพลาด
แล้วคุณจะว่าอย่างไร !!!!
ต่อไปนี้ ผมอยากจะนำเอาข้อความบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องของคุณ กับทาง ห้องสมุดอะห์ลิ้ลหะดีษ โดยเป็นวิชาการอันสูงส่ง ของเหล่าผู้รู้ สาย อะห์ลุสซุนนะห์ให้คุณชม เต็มหูเต็มตา ดังต่อไปนี้
อีหม่ามคอติบ อัลบัฆดาดีย์ กล่าวเอาไว้ ในหนังสื่อ ที่ชื่อว่า الفقيه والمتفقه เล่ม 2 แผ่นที่ 376 เอาไว้ว่า
แท้จริง จำเป็นสำหรับ ผู้ที่แสวงหาคำฟัตวาของมวล อุลามะห์ จำเป็นที่จะต้องใช้ความพยายามอย่างสูง ในการค้นคว้า เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่ง ผู้รู้ที่รู้มากกว่า
ถามคุณว่า ผู้รู้มากกว่า สภาอุลามะห์ มีหรือเปล่า?
อิหม่ามสุลัยมาน อัตตัยมีย์ (ซึ่งเป็น ริยาลนักเล่าหะดีษ ของ อีหม่ามบุคคอรีย์) กล่าวเอาไว้ว่า
إدا أخدت برخصة كل عالم اجتمع فيك الشر كله
หากเจ้าไขว่คว้าเอาแต่ ข้อผ่อนผันของมวลผู้รู้ไปเสียทุกเรื่อง ก็เท่ากับว่า ท่านกำลัง รวบรวมเอาความชั่วร้ายเอาไว้ในตัวท่าน ทุกๆเรื่อง (โปรดดู อัลมุวาฟะกอด โดย อัชชาฎิบีย์ รอฮิมะฮุลลอฮ เล่มที่ 5 แผ่น 90 )
ตรงนี้ คุณจะหยุด รวบรวมฟัตวา ของคนนั้นคนนี้ ได้หรือยัง แสวงหาวิชาการดีกว่า
อีหม่าม ซะมาหะฮ มุฟตีย์ ซาอุดีย์ ก่อนหน้า เชค บินบาส กล่าวไว้ ในการอธิบายหะดีษ ซึ่งบันทึกโดย บุคคอรี และมุสลิม จาก หะดีษ ของท่าน อับดุลลอฮ อัมร บินอาส กล่าวว่า ท่านนบีกล่าวว่า พระองค์อัลลอฮจะไม่ทรงถอดถอนเอาความรู้ไปจากตัวผู้รู้อย่างเด็ดขาด แต่พระองค์ จะทรงถอดถอนวิญญานของผู้รู้…………….(จนจบ)
ดังกล่าว หมายถึง จำเป็น ต่อนักศึกษาหาความรู้ทุกๆคน โดยเฉพาะอุลามะห์ จำเป็นที่จะต้อง อธิบาย ให้กับสังคมได้เข้าใจอย่างชัดเจนถึง อันตราย ของ ฟัตวา และจำเป็นที่จะต้องสั่งสอนสังคม ว่า อย่ารีบเร่ง ถาม อย่ารีบเร่งตอบ (โปรดดูหนังสือ อัลฟัตวา โดย เชค ซอและห์ บิน อับดุล อะซีซ อาลิ เชค)
มาถึงจุดนี้ คุณ กระจ่างแล้วหรือยัง ว่าทำไม อีหม่ามอะห์หมัด จึงไม่เรียบเรียงหนังสือฟิกฮ ของท่านโดยเฉพาะ แล้วคุณรู้แล้วหรือยังว่า ทำไม อีหม่าม ชาฟีอีจึงมีสอง โกล์(ทัศนะ) แล้วทำไม นักวิชาการ ด้านกฎหมาย(ฟุกอฮาอ)ส่วนมาก ได้ให้ทัศนะว่า จำเป็นต้อง นำคำพูดหรือทัศนะ ของ อิบนุ รุชดฺ อัลฮัมบาลี นำหน้า ทัศนะของ อีหม่าม อัชชาฎิบีย์ เสมอ
คุณอิลยาส ถ้าคุณยังขาด ความเข้าใจ และมันยังมีอีกมากมาย ซึ่ง คุณ รวมทั้ง อาจารย์ของคุณ และสาวกทุกคน
โปรดบอกมาให้เรา เดียว เราจะจัดให้ เรียนวิชา อุศูลุ้ลฟิกฮ ต้องเรียนในเชิงปฎิบัติ تطبيق อย่าได้เรียนแบบ نظريا ผ่านหูผ่านตาหรือ เอาไว้ใช้ หากิน ในเรื่องของ หะล้าล หะรอม หรือ คิดกันขึ้นมาเองว่า อยู่ในภาวะ ضرورة (จำเป็น)หรือ เมื่อต้องการ حاجيات หรือไม่ก็ تحسينات (เมื่อเห็นดี เห็นงาม) จนสุดท้าย อาจารย์ มายกมือ ดุอา ตัสบีต ในกุโบร์ โดยเอาเรื่อง การเยี่ยมกุโบร์ บะเกียะห์ ของท่านนบี จากหะดีษ ของอาอิชะห์ มามั่วนิ่ม กับ หะดีษของ ท่านอุษมาน (บันทึกโดย อบูดาวุด ) มีคนถามไปยัง อาจารย์คนดังในเมืองกรุง อาจารย์ตอบ ห้อง สมุดว่า คุณจะมาสอนวิชา อุศูลุ้ลฟิกฮ กระนั้นหรือ
คุณ อิลยาส จำเลยนั้น ต้องนำ พยานหลักฐาน มาหักล้าง ส่วนโจทย์ ให้สาบาน ช่วยฝากถาม อาจารย์ เมืองกรุงของคุณ
ว่า กล้าไหม ที่จะ สาบาน ว่าเขาไม่ได้มา ยกมือ ดุอา สองข้าง ในดุอาตัสบีต วันฝั่งศพ อีหม่ามใหญ่ หนองแบน อันนี้ฝากบอก รวมทั้ง ตัวคุณด้วย ให้ไปดู ในฟัตวา ของ สภาอุลามะห์ เกี่ยวกับ ฮุก่ม การยกมือดุอาตัสบีต เรื่อง อัลญะนาอิซ
โอ้อัลลอฮ ขอพระองค์ โปรดจงอย่าได้ ทำให้ หัวใจของพวกเรา แข็งกร้าว ต่อมวลผู้ศรัธธาด้วยเทิด
สุดท้าย หากคุณ พร้อม และ กล้าที่จะเผชิญกลับ ความจริงและสัจธรรม เราก็ยินดีที่จะให้ ข้อชี้แนะกับท่านและอาจารย์ ทุกคนของท่าน และจะขอกล่าวตอนท้าย ตามที่อัลลอฮบอกไว้ว่า الحق أقول (ฉันขอพูดความจริงเท่านั้น)
نسألك اللهم أن تغفرلنا وللإخواننا والدين سبقونا بالإيمان
คุณอิลยาส เรายังมีเรื่องต้องคุยกัน เกี่ยวกับ أحكام النكاح الكفار (ข้อบัญญัติการสมรส กับ กาเฟร) อีกนะ ไม่ลืมเด็ดขาด

الله ولي التوفيق

_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Apr 07, 2011 2:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation
ผมว่า ขอให้เรามาคุยกันในเรื่องศาสนาอย่างเป็นมิตร กันดีกว่านะครับ จริงๆคุณอิลยาสก็แค่นำเสนอที่ที่ท่านรู้มา ส่วนในทัศนะของคุณอะลุลหะดิษมีมุมมองอย่างไรก็อธิบายชีแนะไป คงไม่มีใครเลวร้ายถึงกับให้เตาบะฮหรอกครับ เพราะต่างก็มีความบริสุทธิใจ หากผิดพลาด คุณอะฮลุลหะดิษก็ชี้แนะมา ผมเริ่มสนใจสถาบันอะฮลุลหะดิษ แต่ค้นหาเว็บก็ไม่เจอ เจอแต่ในโลกอาหรับ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Thu Apr 07, 2011 2:47 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ บันทึก:

หะดีษศอเฮียห์ว่า
قال صلى الله عليه وسلم أجرؤكم على الفتيا أجرؤكم على النار
ผู้ที่รีบเร่งและด่วนในการตอบปัญหา(ฟัตวา)ในหมู่สู่เจ้า คือ ผู้ที่รีบเร่งเข้าสู่ไฟนรกอย่างเร็วที่สุด(4)

الله ولي التوفيق

_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร


ผมว่าหะดิษข้างต้น น่าจะมีปัญหานะครับ

4] - سنن الدارمي ، ج1/69 . و قال العجلوني صاحب كتاب كشف الخفاء ( ج1/51 ) : رواه ابن عدي عن عبد الله بن جعفر مرسلاً

قال العلامة الألباني رحمه الله في " السلسلة الضعيفة و الموضوعة " 4 / 294 :

- " أجرؤكم على الفتيا أجرؤكم على النار " .

ضعيف . أخرجه الدارمي في " سننه " ( 1 / 57 ) من طريق عبيد الله بن أبي
جعفر قال : قال رسول الله صلى الله عليه وسلم : فذكره . قلت : و هذا إسناد
ضعيف لإعضاله ، فإن عبيد الله هذا من أتباع التابعين ، مات سنة 136 ، فبينه و
بين النبي صلى الله عليه وسلم واسطتان أو أكثر

หะดิษที่ท่านอะฮลุลหะดิษนำเสนอข้างต้น ท่านอัลบานีย์ระบุว่าเป็นหะดิษเฏาะอีฟ แต่อย่างไรก็ตามการฟัตวาก็ตอ้งมีความรอบคอบ ต้องรู้จริง ไม่อย่างนั้น ก็จะเข้าข่ายกล่าวเท็จแก่อัลลอฮและรอซูล วัลอิยาซุบิลละฮ

_________________
จะยืนหยัดอยู่บนความจริง แม้ว่าจะขมขื่นเพียงใดก็ตาม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักความเชื่อ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3
หน้า 3 จากทั้งหมด 3

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.12 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ