อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ]

حكم الغناء

ข้อตัดสินของเสียงเพลงและดนตรี

أدلة تحريمه وأقوال بعض العلماء فيه

หลักฐานประกอบการห้ามพร้อมประมวลคำพูดของนักวิชาการบางท่านในเรื่องดังกล่าว

شيخ الإسلام إبن تيميه – رحمه الله

الإمام إبن القيم - رحمه الله

الشيخ عبد العزيز بن باز

ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ ร่อฮิมาฮุ้ลลอฮ์

อิหม่าม อิบนุ ก็อยยิม ร่อฮิมาฮุ้ลลอฮ์

เชคอับดุลอะซีซบินบาซ ร่อฮิมาฮุ้ลลอฮ์


مكتبة الأهل الحديث والأثار

มักตะบะห์ อะห์ลิ้ลหะดีษ วัลอาษารฺ

[ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ]

حكم الغناء وأسماعه

ข้อชี้ขาดเกี่ยวกับ เสียงเพลงและดนตรี

الحمد لله والصلاة والسلام على رسول الله وبعد

มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของพระองค์อัลลอฮผู้เป็นพระเจ้า และขอความสันติความจำเริญจงประสบแด่ท่านนบี มุฮัมหมัดศาสนาทูต(ขอพระองค์ทรงประทานความสันติสุขแด่ท่านด้วย)
การฟังเสียงเพลง หรือดนตรี ถือว่าเป็สิ่งหะรอม(ต้องห้าม)เด็ดขาดและนับว่าเป็นความชั่วร้าย และเป็นเหตุให้เกิดโรคร้ายขึ้นในจิตใจและความดื้อดึงกระด้างกระเดื่องต่อพระองค์อัลลอฮ โดยเฉพาะนักวิชาการบางท่านได้กล่าวไว้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า มวลนักปราชญ์ทั้งมวลมีมติห้ามฟังเสียงเพลงและดนตรีทุกชนิด

أدلة التحريم

หลักฐานประกอบการฟังเพลงและเสียงดนตรี จากอัลกรุอ่านและอัลหะดีษ

หลักฐานที่หนึ่ง อัลลอฮทรงตรัสว่า

قال الله تعالى - وَمِنَ النَّاسِ مَنْ يَشْتَرِي لَهْوَ الْحَدِيثِ لِيُضِلَّ عَنْ سَبِيلِ اللَّهِ بِغَيْرِ عِلْمٍ وَيَتَّخِذَهَا هُزُوًا أُولَئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ مهين وَإِذَا تُتْلَى عَلَيْهِ ءَايَاتُنَا وَلَّى مُسْتَكْبِرًا كَأَنْ لَمْ يَسْمَعْهَا كَأَنَّ فِي أُذُنَيْهِ وَقْرًا فَبَشِّرْهُ بِعَذَابٍ أَلِيمٍ

(( และในหมู่มนุษย์มีผู้ซื้อเอา เรื่องไร้สาระ เพื่อทำให้เขาหลงไปจากทางของพระองค์อัลลอฮ โดยปราศจากความรู้ และถือเอามันเป็นเรื่องขบขัน ชนเหล่านี้แหละที่พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ))(ซูเราะหฺ ลุกมาน 6-7)

ท่านอีหม่าม อัลวาฮิดีย์ และท่านอื่นๆกล่าวว่า นักตัฟซีร(ขยายความ)ขออัลกรุอ่าน ส่วนมากกล่าวว่า : คำว่า ละห์วัลหะดีษ ( لَهْوَ الْحَدِيثِ) (เรื่องไร้สาระ)หมายถึง เสียงเพลง และดนตรี นอกจากนี้

ท่านอับดุลลอฮ อิบนุ อับบาส และท่าน อิบนิมัอู๊ด ท่านมุญาฮิด และอิกริมะฮ์ ได้มีมติ เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า โองการดังกล่าวถูกประทานมา เกี่ยวกับเรื่องการห้ามฟังเสียงเพลงและดนตรี และ

ยังมีริวายะห์ (สายสืบ) เล่ามาจากอิบนุมัสอู๊ดว่า ด้วยพระนามของอัลลอฮ ผู้ที่ไม่มีสิ่งหนึ่งสิ่งใด สมควรแก่การกราบไหว้จากสิ่งที่มีอยู่ทั้งหมด นอกจากพระองค์เท่านั้น คำว่า( لَهْوَ الْحَدِيثِ ) ละห์วัลหะดีษ ในอายะห์ดังกล่าวหมายถึงการร้องรำทำเพลง

มีต่อ อินชาอัลลอฮ
_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร

[ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ]

หลักฐานที่ 2 จากหะดีษของท่านนบี มุฮัมหมัด

ท่านนบีกล่าวว่า

الدليل الثاني من السنة <ليكونن من أمتي أقوام يستحبون الحر والحرير والخمر و المعازف أخرجه البخاري

จะมีชนหลายกลุ่มเกิดขึ้นจากประชาชาติของฉัน พวกเขาจะแสวงหาวิธีที่ทำให้การละเมิดประเวณี(ซินา) การสวมผ้าไหม การดืมสุรา และการร้องรำทำเพลงเป็นที่อนุมัติ(หะล้าล)

ووجه الدلالة منه أن المعازف هي آلات اللهو كلمهالا خلاف بين أهل اللغة في دالك

สิ่งที่จะนำมายืนยัน เป็นหลักฐาน จากอัลหะดีษ ดังกล่าวคือคำว่า "มะอาซีฟ" ที่ถูกกล่าวไว้ในหะดีษดังกล่าวนั้น ซึ่งแปลว่า (เครื่อง ดีดสี ตีเป่า ทุกชนิด) ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีนักภาษาศาสตร์ ท่านใดคัดค้านทางด้านความหมายเป็นอันขาด คำที่สอง ถูกกล่าวไว้ ในตัวบทหะดีษคือคำว่า "يستحلون" ยัซตะฮิลลูน(พวกเขาทั้งหลายจะแสวงหา วิธีให้เป็นที่อนุมัติ) หมายถึงเครื่องดีดสี ตีเป่า เป็นที่หะรอม(ต้องห้าม)ตามข้อบัญญัติของอัลลอฮ ภายหลังพวกเขาก็แสวงหาวิธีที่ทำให้ ฮะล้าล (อนุมัติจนได้)

มีต่อ อินชาอัลลอฮ
_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร

[asan]

وَمِنَ النَّاسِ مَنْ يَشْتَرِي لَهْوَ الْحَدِيثِ لِيُضِلَّ عَنْ سَبِيلِ اللَّهِ بِغَيْرِ عِلْمٍ وَيَتَّخِذَهَا هُزُوًا أُولَئِكَ لَهُمْ عَذَابٌ مهين

และในหมู่มนุษย์มีผู้ซื้อเอา เรื่องไร้สาระ เพื่อทำให้เขาหลงไปจากทางของพระองค์อัลลอฮ โดยปราศจากความรู้ และถือเอามันเป็นเรื่องขบขัน ชนเหล่านี้แหละที่พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ))(ซูเราะหฺ ลุกมาน/6

ความหมายของคำว่า “لَهْوَ الْحَدِيثِ” (เรื่องไร้สาระ)

ท่านอิบนุเญาซีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า

وفي المراد بلهو الحديث أربعة أقوال
أحدها: [أنه] الغناء. كان ابن مسعود يقول: هو الغناء والذي لا إِله إِلا هو، يُردِّدها ثلاث مرات؛ وبهذا قال ابن عباس، ومجاهد، وسعيد بن جبير، وعكرمة، وقتادة. وروى ابن أبي نجيح عن مجاهد، قال: اللهو: الطبل
والثاني: أنه ما ألهى عن الله، قاله الحسن، وعنه مثل القول الأول.
والثالث: أنه الشِّرك، قاله الضحاك
والرابع: الباطل، قاله عطاء

ในความหมายคำว่า “ละฮวัลหะดีษ” มี 4 ทัศนะด้วยกันคือ
1. หมายถึง การร้องเพลง ,ปรากฏว่าอิบนุมัสอูดได้กล่าวว่า “ มันคือ การร้องเพลง ,ขอสาบานด้วยผู้ซึ่ง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ โดยมันได้ถูกกล่าวถึงสามครั้ง และ อิบนุอับบาส, มุญาฮิด,สะอีด บิน ญุบิร ,อิกริมะฮ, เกาะตาดะฮ และ อิบนุอบีนะญีหฺ ได้รายงานจากมุญาฮิดว่า เขาได้กล่าวว่า “อัลละฮวะ” คือ กลอง

2. หมายถึง สิ่งที่ทำให้เพิกเฉยละเลยจากอัลลอฮ ,โดยอัลหะซัน ได้กล่าวมันไว้ (หมายถึง เป็นทัศนะของท่านอัลหะซันอัลบัศรีย์)และได้มีรายงานจากเขาว่า(มีทัศนะ) เช่นเดียวกับทัศนะแรก
3. หมายถึง การตั้งภาคี โดย อัฎเฎาะหากได้กล่าวมันไว้ (หมายถึง เป็นทัศนะของท่านอัฎเฎาะหาก)

4. หมายถึง สิ่งที่เป็นเท็จ โดยอัลอะฏออฺ ได้กล่าวมันไว้ (หมายถึง เป็นทัศนะของท่านอะฏออฺ)
- ดู เตาสีรอิบนุเญาซีย์ อรรถาธิบายอายะฮที่ 6 ซูเราะฮลุกมาน
อิบนุกะษีร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า

وَقَالَ الضَّحَّاكُ فِي قَوْلِهِ تَعَالَى : ( وَمِنَ النَّاسِ مَنْ يَشْتَرِي لَهْوَ الْحَدِيثِ ) يَعْنِي : الشِّرْكُ . وَبِهِ قَالَ عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ زَيْدِ بْنِ أَسْلَمَ ; وَاخْتَارَ ابْنُ جَرِيرٍ أَنَّهُ كُلُّ كَلَامٍ يَصُدُّ عَنْ آيَاتِ اللَّهِ وَاتِّبَاعِ سَبِيلِهِ

อัฎเฎาะหาก ได้กล่าว ในเรื่องคำตรัสของอัลลอฮ ตะอาลาที่ว่า (และในหมู่มนุษย์มีผู้ซื้อเอา เรื่องไร้สาระ) หมายถึง การตั้งภาคี
และอับดุรเราะหมาน บิน เซด บิน อัสลัม ได้กล่าวด้วยมัน(กล่าวเห็นด้วยกับทัศนะนี้) และ อิบนุญะรีร ได้เลือกทัศนะที่ว่า (หมายถึง)
ทุกๆคำพูดที่ทำให้หันเหออกจากบรรดาโองการของอัลลอฮและการปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์ –เตาสีรอิบนุกะษีร อรรถาธิบายอายะฮที่ 6 ซูเราะฮลุกมาน
.....

จึงเกิดประเด็นขึ้นมาว่า การตัดสินว่า การร้องเพลง และเครื่องดนตรี เป็นสิ่งหะรอมอย่างไม่มีเงื่อนไขได้ไหม
ส่วนการร้องเพลงและการเล่นดนตรีที่มีสิ่งหะรอม และ การสื่อไปในทางที่หะรอมนั้น ข้อนี้ ไม่มีข้อขัดแย้ง

ทุกวันนี้ มีเพลงอัลนะชีด มีเพลงปลุกศรัทธา ประกอบดนตี มีสารคดีที่มีประโยชน์ ที่ประกอบดนตรี มากมายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับสังคมมุสลิม และนับวันที่จะมากขึ้น การนำอายะฮข้างต้นมาตัดสินเกี่ยวกับหะรอม-หะลาล โดยไม่มีเงื่อนไข มันถูกต้องหรือไม่ อย่างไร
และมีข้อแนะนำอย่างไร ใคร่อยากจะให้น้องอะฮลุลหะดิษ อธิบายให้พี่น้องเข้าใจด้วย เพราะ ยังมีนักวิชาการบางท่านเช่น เช็คยุซุบ
อัลกอรฏอวีย, เช็คอัลกัลป์บานีย์ (الشيخ - عادل بن سالم الكلباني) อิหม่ามมัสญิดมักกะฮ และท่านอื่นๆ ได้มีทัศนะว่าอนุญาต โดยมีเงือนไข

......

والله أعلم بالصواب

[ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ]

อ. อะซัน ที่เข้ามาเพิ่มเติม ส่วนคำตอบเรื่องที่ ท่านถามมา ถ้ามีเวลา
จะเข้ามาอธิบาย อินชาอัลลอฮ แต่ก่อนอื่น ขอแปลในหัวข้อทั้งหมดก่อน เพราะยังอีกเยอะ
หรือถ้าหาก อ.อะซัน ว่าง ช่วยตอบไปพลางๆก่อน

_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร

[ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ]

ต่อจากด้านบน

หลักฐานยืนยันข้อที่ 3

عن أبي هريرة - رضي الله عنه - عن رسول الله - صلى الله عليه و سلم - : "يمسخ قوم من هذه الأمة في آخر الزمان قردة و خنازير ، قالوا يا رسول الله : أليسوا قد شهدوا أنه لا إله إلا الله و أن محمدا رسول الله ، قال بلى .. و يصلون و يصومون و يحجون ، قيل : فما بالهم ؟ ، قال : اتخذوا المعازف و الدفوف و القينات فباتوا على شربهم و لهوهم ، فأصبحوا و قد مسخوا قردة و خنازير "

เล่าหะดีษจากท่านอบูฮุร็อยเราะห์ ร่อฎิยัลรอฮุอันฮุ จากท่านนบี( ) แน่แท้ท่านกล่าวว่า
ในตอนใกล้วันอวสานของโลกนี้จะมีกลุ่มชนกลุ่มหนึ่งซึ่งพระองค์อัลลอฮ จะนำเอาวิญญาณสัตว์เช่น หมู และ ลิง สวมไปบนร่าง ของพวกเขา เหล่าสาวกได้ถามท่านนบีว่า โอ้ท่านนบีเอ๋ย ชนกลุ่มนั้นก็กล่าวคำปฎิญาณตน ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮุ วันอันนะมุฮัมมะดันรอซูรุ้ลลอฮ มิใช่หรือ
ท่านนบีตอบว่า หามิได้ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ยังนมาซ ถือศีลอด และประกอบพิธีฮัจญ์ สาวกทั้งหลายจึงย้อนถามอีกว่า และพวกเขาจะเป็นเช่น หมูและลิงได้อย่างไร ท่านนบีก็ตอบว่า ดังกล่าวเพราะพวกเขาได้ยึดเอาเครื่องดีดสี ตี เป่า เสียงกลอง กีต้าร์ และพวกเขาก็ดืมด่ำล้ำลึกอยู่กับการละเล่นต่อสิ่งเหล่านี้ ในยามค่ำคืนจนกระทั่งถึงรุ่งสาง และพวกเขาจะถูกนำเอาวิญญาณของสัตว์ เช่น หมูและลิงมาสวมใส่ในร่างของพวกเขาอย่างแน่นอน

หลักฐานที่ 4

قال تعالى : " و ما كانت صلاتهم عند البيت إلا مكاء و تصدية " ( سورة الأنفال )

قال ابن عباس ، و ابن عمر ، و عطية ، و مجاهد ، و الضاحاك ، و حسن ، و قتادة : المكاء هو التصفير و التصدية هي التصفيق

พระองค์อัลลอฮได้ตรัสไว้ใน (ซูเราะห์ อัลอันฟาล อายะห์ที่ 35 ) ว่า

มิปรากฎว่าการนมาซของพวกเขา ณ บ้านของอัลลอฮนั้นเป็นอย่างอื่นนอกจากการเป๋าเสียงหวีดและการตบมือเท่านั้น

ท่านอับดุ้ลลอฮ อิบนิอับบาส ท่านอับดุลลอฮอิบนิอุมัร ท่าน อะตียะห์ ท่าน มุญาฮิด ท่าน ฎ่อฮาก ท่านฮะซัน อัลบัสรีย์ และท่าน กอตาดะห์ ทั้งหมดเห็นพ้องต้องกันว่า คำว่า อัลมุกาอ์ ที่ปรากฏ ในโองการนี้หมายถึง การเป่าเสียงหวีด ส่วนคำว่า อัตตัซดียะห์ คือการตบไม้ตบมือ

อินชาอัลลอฮ มีต่อ
_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร

[ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ]

وهذه وقفة مع أقوال بعض العلماء في الغناء

ประมวลคำพูดของนักวิชาการบางท่าน

* قال شيخ الإسلام ابن تيمية رحمه الله :
" و من أعظم ما يقوي الأحوال الشيطانية سماع الأغاني و الملاهي ، و هو سماع المشركين : قال الله تعالى : " و ما كانت صلاتهم عند البيت إلا مكاء و تصدية " ، قال ابن عباس ، و ابن عمر ، و غيرهما : التصدية : التصفيق باليد ، و المكاء الصفير ، فكان المشركون يتخذون هذا عبادة و أما النبي - صلى الله عليه و سلم - و أصحابه فعبادتهم ما أمر الله به من الصلاة و القراءة و الذكر و نحو ذلك ، و لم يجتمع النبي - صلى الله عليه و سلم - و أصحابه على استماع غناء قط لا بكف و لا بدف ، ثم قال عن مستمع الغناء : و حال خوارقه تنقص عند سماع القرآن و تقوى عند مزامير الشيطان فيرقص ليلا طويلا ، فإذا جاءت الصلاة .. صلى و هو قاعد أو ينقر الصلاة نقر الديك ، و هو يبغض سماع القرآن و ينفر منه و يتكلفه ، ليس له فيه محبة و لا ذوق و لا لذة عند وجده ، و يحب سماع المكاء و التصدية و يجد عنده مواجيد ، فهذه أحوال شيطانية و هو ممن يتناول قوله تعالى : (( و من يعش عن ذكر الرحمن نقيض له شيطانا فهو له قرين " . ( من كتاب الفرقان بين أولياء الرحمن و أولياء الشيطان )

ชัยคุ้ลอิสลามอิบนุ ตัยมียะห์ กล่าวว่า สิ่งที่ช่วยสร้างพลานุภาพให้กับซาตานคือ การฟังเสียงเพลงและดนตรี ส่วนเครื่องดนตรี คือ ที่ฟังการละเล่นของมุชรีกีน

อัลลอฮทรงตรัสว่า ( มิปรากฎว่าการนมาซของพวกเขา ณ บ้านของอัลลอฮ(อัลกะอ์บะฮ์)นั้นเป็นอย่างอื่นนอกจากการเป๋าเสียงหวีดและการตบมือเท่านั้น )
อิบนิอับบาส และอิบนุ อุมัรกล่าวว่า คำว่า ตัซดียะห์ ในโองการนี้อัลลอฮห้ามตบไม้ตบมือ ส่วนคำว่า มุกาอ์ คือ ห้ามเป่า เสียงหวีดร้อง ซึ่งกล่าวมาทั้งหมดนี้เหล่า บรรดา มุชรีกีนต่างยึดกันว่าเป็นอิบาดะห์(ภักดี)ต่อพระองค์อัลลอฮ ชนิดหนึ่งของพวกเขา ส่วนท่านนบี และเหล่าสาวกของท่านได้ปฎิบัติการนมาซ อ่าน กรุอ่าน ซิกรุ้ลลอฮ(รำลึกถึงอัลลอฮ) เหล่านี้เป็นการอิบาดะห์ทั้งสิ้น และไม่ปรากฎสักครั้งหนึ่งว่าท่านบี และเหล่าสาวกทั้งมวลมารวมตัวกัน มานั่งตีกล้องร้องรำทำเพลงเลยสักครั้ง
นอกจากนี้ชัยคุ้ลอิสลาม อิบนุตัยมียะห์ กล่าวต่อไปอีกว่า สภาพของคนที่ชอบฟังเพลง หรือดนตรี จะมีอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อได้รับฟัง อัลกรุอ่าน และเขาจะมีอารมณ์ เป็นส่วนตัว เมือฟังเสียงขลุ่ยคร่ำครวญของซาตานในยามค่ำคืน คนประเภทนี้เมื่อเขาเข้าสู่การนมาซก็จะลุกไม่ค่อยไหวจนบางครั้งต้องนั่งนมาซ หรือบางครั้งก้มๆกราบๆเหมือนกับไก่ที่จิกข้าวเปลือก คนประเภทนี้เมื่อได้ยินเสียงอัลกรุอ่าน มักชอบหนีไปที่อืนให้ไกลเท่าที่จะทำได้ เขาไม่ได้รักชอบที่จะฟัง หรือถ้าฟังก็ไม่เกิดอรรถรสและความไพเราะของอัลกรุอ่าน แต่ในขณะเดี่ยวกันถ้าเขาได้ฟังดนตรีและเสียงเพลงก็จะพบว่าเกิดความไพเราะขึ้นในตัวของเขา ดังกล่าวมาทั้งหมดนี้คือพลานุภาพที่มาจากซาตานมารร้ายที่พระองค์อัลลอฮทรงเตือนไว้ว่า

และผู้ใดที่เหินห่างจากการรำลึกถึงผู้ทรงกรุณามนุษย์ เราจะให้ซาตานมาสถิตย์อยู่ในตัวของพวกเขา และมันคือมิตรของเขาผู้นั้น

قال شيخ الإسلام ابن تيمية رحمه الله : مذهب الأئمة الأربعة أن آلات اللهو كلها حرام
( مجموع الفتاوى 11/576 )

อิบนุตัยมียะห์ยังกล่าวอีกว่า ในบรรดา ทั้งสี่มัสฮับ มีมติตรงกัน คำว่า ละฮวัล (เรื่องไร้สาระ)ทุกๆอย่างฮะรอมทั้งหมด ( มัจมัอว์ ฟะตาวา 576/11 )


มีต่อ อินชาอัลลอฮ
_________________________
مكتبة أهل الحديث والاثار
ห้องสมุด อะฮลุ้ลหะดีษ วัลอาษาร