ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - หะดิษ...คราวละบท
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
หะดิษ...คราวละบท

 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักปฏิบัติ
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Tue Jan 13, 2009 3:07 pm    ชื่อกระทู้: หะดิษ...คราวละบท ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

หะดิษ...คราวละบท

อัสลามุอาลัยกุม
โอ้ผู้ศรัทธาแล้วทั้งหลายครับ
วันนี้?กำลังนิ้วที่ท่านมีอยู่ในการที่ท่านคลิกเม้าท์ เข้ามาอ่าน เข้ามาโพส มาเล่น สิ่งที่เอื้ออำนวยต่อการถูกสอบสวนจากพระองค์อัลลอฮ(ซ.บ)ในการที่พระองค์ทรงให้เนียะมัตต่อท่านให้มีมือ มีเท้า มีสติปัญญาให้ได้ซึ่งการเคลื่อนไหวร่างกายเพื่อแสวงหาปัจจัยที่ท่านต้องการ แสวงหาในการสืบค้นข้อมูลในร้านอินเทอร์เน้ตก็ดี ในบ้านก็ดี ท่านได้ใช้ในการคลิกเข้าหาข้อมูลที่เป็นหลักการอิสลามหรือไม่?

หากไม่แล้วล่ะก็....ควรอีกไหม ที่ท่านมีอัลลอฮ มีรอซูลและมีซึ่งเป้าหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งสวนสวรรค์ของอัลลอฮ(ซ.บ)แล้วท่านจะละเลยและไม่ยอมรับฟังและสืบค้นซึ่งหลักการที่เป็นอิสลามครับ.....
หรือท่านจะเป็นมุสลิมแค่ลมปากครับ...ก็จงเลือกดูนะ แล้วอะไรคือสิ่งที่ท่านต้องแสวงหามากกว่าครับในชีวิตท่าน หากท่านมีเป้าหมายและศรัทธาในวันปรโลกครับ.....จงพิจารณากันเถิดครับ.....

เอาหล่ะ เรามาอ่าน หะดิษคราวละบทและนำไปปฏิบัติกันเถอะครับ

บทที่ว่าด้วยเรื่อง ความรู้มาก่อนคำพูดและการกระทำ
باب الْعِلْمُ قَبْلَ الْقَوْلِ وَالْعَمَلِ


لِقَوْلِ اللَّهِ تَعَالَى ‏{‏فَاعْلَمْ أَنَّهُ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ‏}‏ فَبَدَأَ بِالْعِلْمِ، وَأَنَّ الْعُلَمَاءَ هُمْ وَرَثَةُ الأَنْبِيَاءِ ـ وَرَّثُوا الْعِلْمَ ـ مَنْ أَخَذَهُ أَخَذَ بِحَظٍّ وَافِرٍ، وَمَنْ سَلَكَ طَرِيقًا يَطْلُبُ بِهِ عِلْمًا سَهَّلَ اللَّهُ لَهُ طَرِيقًا إِلَى الْجَنَّةِ‏.‏ وَقَالَ جَلَّ ذِكْرُهُ ‏{‏إِنَّمَا يَخْشَى اللَّهَ مِنْ عِبَادِهِ الْعُلَمَاءُ‏}‏ وَقَالَ ‏{‏وَمَا يَعْقِلُهَا إِلاَّ الْعَالِمُونَ‏}‏ ‏{‏وَقَالُوا لَوْ كُنَّا نَسْمَعُ أَوْ نَعْقِلُ مَا كُنَّا فِي أَصْحَابِ السَّعِيرِ‏}‏‏.‏ وَقَالَ ‏{‏هَلْ يَسْتَوِي الَّذِينَ يَعْلَمُونَ وَالَّذِينَ لاَ يَعْلَمُونَ‏}‏‏.‏ وَقَالَ النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ مَنْ يُرِدِ اللَّهُ بِهِ خَيْرًا يُفَقِّهْهُ فِي الدِّينِ، وَإِنَّمَا الْعِلْمُ بِالتَّعَلُّمِ ‏"‏‏.‏ وَقَالَ أَبُو ذَرٍّ لَوْ وَضَعْتُمُ الصَّمْصَامَةَ عَلَى هَذِهِ وَأَشَارَ إِلَى قَفَاهُ ـ ثُمَّ ظَنَنْتُ أَنِّي أُنْفِذُ كَلِمَةً سَمِعْتُهَا مِنَ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم قَبْلَ أَنْ تُجِيزُوا عَلَىَّ لأَنْفَذْتُهَا‏.‏ وَقَالَ ابْنُ عَبَّاسٍ ‏{‏كُونُوا رَبَّانِيِّينَ‏}‏ حُكَمَاءَ فُقَهَاءَ‏.‏ وَيُقَالُ الرَّبَّانِيُّ الَّذِي يُرَبِّي النَّاسَ بِصِغَارِ الْعِلْمِ قَبْلَ كِبَارِهِ‏.


ด้วยคำดำรัสของพระองค์อัลลอฮ์ ผู้สูงส่งว่า "พึงรู้เถิดว่าแท้จริงแล้ว ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์เท่านั้น" (ซูเราะห์มูฮัมหมัด อายะห์ที่ 19) ดังนั้นจึงเริ่มต้นด้วยความรู้ และแท้จริงบรรดาผู้รู้นั้น พวกเขาคือทายาทของบรรดานบี พวกเขาทิ้งมรดกด้านความรู้เอาไว้, ผู้ใดได้รับความรู้ เขาได้ลาภอันประเสริฐ และผู้ใดเดินทางแสวงหาความรู้ พระองค์อัลลอฮ์จะให้ทางสะดวกในการไปสวรรค์,

และพระองค์อัลลอฮ์ ผู้สูงส่งได้ตรัสว่า "แท้จริงผู้ที่เกรงกลัวอัลลอฮ์ในปวงบ่าวของพระองค์คือบรรดาผู้รู้" (ซูเราะห์ฟาฏิร อายะห์ที่ 28) และพระองค์ตรัสอีกว่า "และไม่มีผู้ใดจะใคร่ครวญนอกจากผู้มีความรู้" ซูเราะห์ อัลอังกะบูต อายะห์ที่ 43) "และพวกเขากล่าวว่า หากพวกเราฟังและใช้สติปัญญาใครครวญ เราก็จะไม่ต้องเป็นชาวนรกเช่นนี้" (ซูเราะห์ อัลมุลก์ อายะห์ที่ 10) และพระองค์ตรัสอีกว่า "บรรดาผู้รู้กับบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ" (ซูเราะห์อัซซูมัร อายะห์ที่ 9)

และท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "ผู้ใดที่พระองค์อัลลอฮ์ประสงค์จะให้เขาได้รับความดี พระองค์จะให้เขาได้เข้าใจศาสนา" และแท้จริงความรู้เกิดขึ้นจากการศึกษา

อบูซัรริน ได้กล่าวว่า "หากพวกเจ้าติดอาวูที่คมกริบให้กับสิ่งนี้ – แล้วเขาก็ชี้ไปที่ท้ายทอยของเขา - เขากล่าวว่า ฉันเคยจดจำคำพูดนี้มาจากท่านนบี ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก่อนที่พวกท่านจะตอกย้ำเพื่อให้ฉันจดจำมัน"
อิบนิอับบาส กล่าวว่า "พวกท่านจงเป็นผู้ฝึกฝน" (ร๊อบบานียีน) นักปราชญ์ผู้เข้าใจ กล่าวกันว่า คำว่า ร๊อบบานี ก็คือผู้ที่ฝึกฝนความรู้ให้เด็กจนติดเป็นนิสัยก่อนที่เขาจะเติบใหญ่
บุคคอรี/หมวดที่3/บทที่10/ไม่ระบุเลขฮะดีษ
วัสลามุอาลัยกุม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
maliksn
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 12/10/2008
ตอบ: 164


ตอบตอบ: Thu Jan 15, 2009 8:22 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation
Idea ครับ
Exclamation
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Sat Jan 17, 2009 4:10 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ท่านรอซูล(ซ.ล)กล่าวว่า "ใครก็ตามที่ไม่สนใจ และไม่ติดตามในเรื่องราวของพี่น้องมุสลิม เขาไม่ใช่พวกมุสลิม"

( บันทึกโดยอัฏฏอบบารอนี )
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Sat Jan 17, 2009 4:11 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ถึงแม้ว่า สายรายงานของอุลมาร์บางส่วนว่าหะดิษข้างต้นเป็นหะดิษที่ฏออีฟ แต่มันสามารถนำมาใช้ได้เนื่องจากสอดคล้องกับความเป็นอันเรื่องร่างเดียวกันของพี่น้องมุสลิม ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งเจ็บ ส่วนอื่นๆก็ต้องพลอยเจ็บไปด้วย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Tue May 12, 2009 9:29 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

เห็นว่าเหมาะกับกระทู้นี้ เลยมาโพส 1
------------------------------------------
عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ، قَالَ كَانَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَوْمًا بَارِزًا لِلنَّاسِ فَأَتَاهُ رَجُلٌ فَقَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَا الإِيمَانُ قَالَ ‏"‏ أَنْ تُؤْمِنَ بِاللَّهِ وَمَلاَئِكَتِهِ وَكِتَابِهِ وَلِقَائِهِ وَرُسُلِهِ وَتُؤْمِنَ بِالْبَعْثِ الآخِرِ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَا الإِسْلاَمُ قَالَ ‏"‏ الإِسْلاَمُ أَنْ تَعْبُدَ اللَّهَ وَلاَ تُشْرِكَ بِهِ شَيْئًا وَتُقِيمَ الصَّلاَةَ الْمَكْتُوبَةَ وَتُؤَدِّيَ الزَّكَاةَ الْمَفْرُوضَةَ وَتَصُومَ رَمَضَانَ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَا الإِحْسَانُ قَالَ ‏"‏ أَنْ تَعْبُدَ اللَّهَ كَأَنَّكَ تَرَاهُ فَإِنَّكَ إِنْ لاَ تَرَاهُ فَإِنَّهُ يَرَاكَ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ يَا رَسُولَ اللَّهِ مَتَى السَّاعَةُ قَالَ ‏"‏ مَا الْمَسْئُولُ عَنْهَا بِأَعْلَمَ مِنَ السَّائِلِ وَلَكِنْ سَأُحَدِّثُكَ عَنْ أَشْرَاطِهَا إِذَا وَلَدَتِ الأَمَةُ رَبَّهَا فَذَاكَ مِنْ أَشْرَاطِهَا وَإِذَا كَانَتِ الْعُرَاةُ الْحُفَاةُ رُءُوسَ النَّاسِ فَذَاكَ مِنْ أَشْرَاطِهَا وَإِذَا تَطَاوَلَ رِعَاءُ الْبَهْمِ فِي الْبُنْيَانِ فَذَاكَ مِنْ أَشْرَاطِهَا فِي خَمْسٍ لاَ يَعْلَمُهُنَّ إِلاَّ اللَّهُ ‏"‏ ‏.‏ ثُمَّ تَلاَ صلى الله عليه وسلم ‏{‏ إِنَّ اللَّهَ عِنْدَهُ عِلْمُ السَّاعَةِ وَيُنَزِّلُ الْغَيْثَ وَيَعْلَمُ مَا فِي الأَرْحَامِ وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ مَاذَا تَكْسِبُ غَدًا وَمَا تَدْرِي نَفْسٌ بِأَىِّ أَرْضٍ تَمُوتُ إِنَّ اللَّهَ عَلِيمٌ خَبِيرٌ‏}‏ ‏"‏ ‏.‏ قَالَ ثُمَّ أَدْبَرَ الرَّجُلُ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ رُدُّوا عَلَىَّ الرَّجُلَ ‏"‏ ‏.‏ فَأَخَذُوا لِيَرُدُّوهُ فَلَمْ يَرَوْا شَيْئًا ‏.‏ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ هَذَا جِبْرِيلُ جَاءَ لِيُعَلِّمَ النَّاسَ دِينَهُمْ ‏"


อบูฮุรอยเราะห์รายงานว่า :

ขณะที่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ปรากฏตัวต่อสาธรณะในวันหนึ่ง ได้มีชายผู้หนึ่งมาหาท่านโดยกล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ อัลอีหม่าน คืออะไร ท่านตอบว่า คือการที่ท่านต้องศรัทธาต่อพระองค์อัลลลอฮ์,มะลาอิกะห์ของพระองค์,คัมภีร์ของพระองค์,และการพบกับพระองค์ (วันแห่งการสอบสวนและตัดสิน) บรรดาศาสนทูตของพระองค์, และการที่ท่านต้องศรัทธาต่อการฟื้นคืนชีพในวันอาคิเราะห์

เขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ อัลอิสลาม คืออะไร ท่านตอบว่า อัลอิสลามก็คือ การที่ท่านสักการะต่อพระองค์อัลลอฮ์โดยไม่มีภาคีใดๆกับพระองค์, และการดำรงละหมาดที่ถูกบัญญัติไว้, การจ่ายซะกาตที่ถูกกำหนดไว้, และการถือศีลอดเดือนรอมฏอน

เขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ อัลเอียะห์ซาน คืออะไร ท่านตอบว่า คือการที่ท่านสักการะต่อพระองค์อัลลอฮ์ประหนึ่งว่าท่านได้เห็นพระองค์ หากแต่ท่านมิได้เห็นพระองค์ แต่พระองค์ทรงเห็นท่าน

เขากล่าวว่า โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ กาลอวสานจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ท่านตอบว่า หาใช่ว่าผู้ถูกถามจะรู้ดีไปกว่าผู้ถาม อย่างไรก็ตาม ฉันจะบอกถึงสัญญาณต่างๆของมันให้ทราบคือ เมื่อนางทาสคลอดผู้เป็นนายของนางออกมา นี่แหละคือหนึ่งในสัญญาณของมัน และเมื่อผู้ไม่มีอาภรณ์สวมใส่,ผู้มีแต่เท้าเปล่า ได้เป็นนายคน นี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของมัน และเมื่อชาวชนบทที่ต้อนฝูงแกะได้แข่งขันกันสร้างอาคารสูง นี่ก็เป็นอีกสัญญาณหนึ่งของมัน

แต่ยังมีอีกห้าประการซึ่งไม่มีผู้ใดรู้ได้นอกจากพระองค์อัลลอฮ์ หลังจากนั้น ท่านรอซูลุลลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้อ่าน (อัลกุรอาน)

“แท้จริง ณ พระองค์อัลลออ์นั้น มีความรู้เรื่องกาลอวสาน พระองค์ทรงทำให้ฝนหลั่งลงมาจากฟากฟ้า และพระองค์ทรงรู้ดีถึงสิ่งที่มีอยู่ในมดลูก, ไม่มีผู้ใดรู้ถึงสิ่งที่เขาจะได้รับในวันรุ่งขึ้น และไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาจะเสียชีวิต ณ.แผ่นดินใด แท้จริงพระองค์อัลลอฮ์ผู้ทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วน”

เขา (อบูฮุรอยเราะห์) กล่าวว่า หลังจากนั้นชายผู้ถามก็กลับไป ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม จึงได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงไปตามชายผู้นั้นกลับมาหาฉัน พวกเขาจึงไปตามหาแต่ไม่พบร่องรอยของเขาเลย ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมได้กล่าวว่า เขาคือญีบรีล ที่มาเพื่อสอนผู้คนในเรื่องศาสนาของพวกเขา

ข้อความของอัลกุรอาน อยู่ในซูเราะห์ลุกมาน อายะห์ที่ 34
มุสลิม/หมวดที่1/บทที่2/ฮะดีษเลขที่0004

http://www.fareedfendy.com/preview.php?artid=10&no=2&search=อีหม่าน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Sat May 16, 2009 8:20 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

عَنِ ابْنِ شِهَابٍ، قَالَ أَخْبَرَنِي سَعِيدُ بْنُ الْمُسَيَّبِ، عَنْ أَبِيهِ، قَالَ لَمَّا حَضَرَتْ أَبَا طَالِبٍ الْوَفَاةُ جَاءَهُ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم فَوَجَدَ عِنْدَهُ أَبَا جَهْلٍ وَعَبْدَ اللَّهِ بْنَ أَبِي أُمَيَّةَ بْنِ الْمُغِيرَةِ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ يَا عَمِّ قُلْ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ ‏.‏ كَلِمَةً أَشْهَدُ لَكَ بِهَا عِنْدَ اللَّهِ ‏"‏ ‏.‏ فَقَالَ أَبُو جَهْلٍ وَعَبْدُ اللَّهِ بْنُ أَبِي أُمَيَّةَ يَا أَبَا طَالِبٍ أَتَرْغَبُ عَنْ مِلَّةِ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ ‏.‏ فَلَمْ يَزَلْ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم يَعْرِضُهَا عَلَيْهِ وَيُعِيدُ لَهُ تِلْكَ الْمَقَالَةَ حَتَّى قَالَ أَبُو طَالِبٍ آخِرَ مَا كَلَّمَهُمْ هُوَ عَلَى مِلَّةِ عَبْدِ الْمُطَّلِبِ ‏.‏ وَأَبَى أَنْ يَقُولَ لاَ إِلَهَ إِلاَّ اللَّهُ ‏.‏ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏"‏ أَمَا وَاللَّهِ لأَسْتَغْفِرَنَّ لَكَ مَا لَمْ أُنْهَ عَنْكَ ‏"‏ ‏.‏ فَأَنْزَلَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ ‏{‏ مَا كَانَ لِلنَّبِيِّ وَالَّذِينَ آمَنُوا أَنْ يَسْتَغْفِرُوا لِلْمُشْرِكِينَ وَلَوْ كَانُوا أُولِي قُرْبَى مِنْ بَعْدِ مَا تَبَيَّنَ لَهُمْ أَنَّهُمْ أَصْحَابُ الْجَحِيمِ‏}‏ ‏.‏ وَأَنْزَلَ اللَّهُ تَعَالَى فِي أَبِي طَالِبٍ فَقَالَ لِرَسُولِ اللَّهِ صلى الله عليه وسلم ‏{‏ إِنَّكَ لاَ تَهْدِي مَنْ أَحْبَبْتَ وَلَكِنَّ اللَّهَ يَهْدِي مَنْ يَشَاءُ وَهُوَ أَعْلَمُ بِالْمُهْتَدِينَ‏}‏‏.‏


อิบนิซิฮาบ กล่าวว่า สะอี๊ด บิน มุซัยญับ ได้บอกแก่ฉันโดยฟังมาจากพ่อของเขาว่า ขณะที่อบูตอลิบใกล้เสียชีวิตนั้น ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ได้ไปเยี่ยมเขา และพบว่า ณ.ที่นั้นมี อบูญะฮล์ และ อับดุลลอฮ์ บุตรของ อบีอุมัยยะห์ บุตรของ อัลมุฆีเราะห์ อยู่ด้วย แต่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็กล่าวว่า โอ้ลุงเอ๋ย จงกล่าว ลาอิลาฮ่าฮิ้ลลัลลอฮ์ ถ้อยคำที่ฉันจะได้ยืนยัน ณ.ที่อัลลอฮ์ แต่อบูญะฮล์ กับ อับดุลลอฮ์ อิบนุ อบีอุมัยยะห์ ได้กล่าวว่า โอ้อบูตอลิบ เจ้าจะหันหลังให้กับศาสนาของอับดุลมุตฏอลิบหรือ ? แต่ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็ยังคงเสนอให้อบูตอลิบกล่าวคำปฏิญาณ จนกระทั่งอบูตอลิบได้กล่าวคำสุดท้ายด้วยถ้อยความตามที่พวกเขาได้ทักท้วง นั่นคือเขายินยอมอยู่บนศาสนาของอับดุลมุตฏอลิบ และปฏิเสธที่จะกล่าวว่า ลาอิลาฮ่าอิ้ลลัลลอฮ์ หลังจากนั้นท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม ก็กล่าวว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ ฉันจะขออภัยโทษต่ออัลลอฮ์ให้แก่ท่านตราบใดที่ฉันไม่ถูกห้าม พระองค์อัลลอฮ์จึงได้ประทานอายะห์นี้มาคือ “ ไม่ใช่หน้าที่ของนบีและบรรดาผู้ศรัทธาที่จะขออภัยโทษให้แก่บรรดาผูตั้งภาคี แม้ว่าพวกเขาจะเป็นญาติสนิทกันก็ตาม หลังจากเป็นที่ชัดเจนแก่พวกเขาแล้ว แท้จริงพวกเขาคือชาวนรก” ซูเราะห์ อัตเตาบะห์ อายะห์ที่ 113

และพระองค์อัลลอฮ์ ผู้ทรงสูงส่งได้ทรงประทาน (อัลกุรอาน) เกี่ยวกับเหตุการณ์อบีตอลิบโดยบอกแก่ท่านรอซูลลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัมว่า “แท้จริงเจ้าไม่สามารถให้ทางนำแก่ผู้ที่เจ้ารักได้ แต่อัลลอฮ์ทรงให้ทางนำแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงรู้ดียิ่งถึงบรรดาผู้อยู่บนทางที่ถูกต้อง“ ซูเราะห์อัลกอศ็อด อายะห์ที่ 56

------------------------

http://www.fareedfendy.com/preview.php?artid=57&no=2&search=ศรัทธา
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Sat May 23, 2009 4:33 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation
อะไรเล่าที่ห้ามเจ้าให้รับประทานสิ่งที่ดีๆ นอกจากความคลุมเครืออ่ะ..

عَنْ أبي عَبْدِ اللهِ النُّعْمَانِ بْنِ بَشِيرٍ رَضِيَ اللهُ عَنْهُما قَالَ : سمعتُ رَسُولَ اللهِ صلى الله عليه وسلم يَقُولُ:

” إن الْحَلالَ بَيِّنٌ وَإنَّ الْحَرَامَ بَيِّنٌ وَبَيْنَهُما أمور مُشْتَبِهَاتٌ لا يَعْلَمُهُنَّ كَثيِرٌ مِنَ الناسِ، فَمَنِ اتَّقَى الشُّبُهَاتِ اسْتَبْرَأَ لِدِينِهِ وَعِرْضِهِ، وَمَنْ وَقَعَ في الشَّبُهاتِ وَقَعَ في الْحَرَامِ، كالرَّاعِي يَرْعَى حَوْلَ الْحِمَى يُوشِك أَنْ يَرْتَعَ فِيهِ، أَلا وَإنَّ لِكُلِّ مَلِكٍ حِمىً أَلا وَإنَّ حِمَى الله مَحَارِمُه، أَلا وَإنَّ في الجَسَدِ مُضْغَةً إذَا صَلَحَتْ صَلَحً الْجَسَدُ كُلُّهُ وإذَا فَسَدَتْ فَسَدَ الْجَسَدُ كُلُّهُ، أَلا وَهِيَ الْقَلْب”

رَوَاهُ الْبُخَارِيُّ وَمُسْلِمٌ.


จา กอบี อับดิลลาฮฺ อันนุอฺมาน บนบะชีร รอดิยัลลอฮุอันฮุมา กล่าวว่า ฉันได้ยินจากท่านรอซูลลุลลอฮ ซ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “แท้จริง สิ่งที่ฮะลาลนั้นชัดแจ้ง และสิ่งที่ฮะรอมนั้นชัดแจ้ง แต่สิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองสิ่งนั้น เป็นความคลุมเครือ ซึ่งคนส่วนมากไม่รู้

ดังนั้น ถ้าผู้ใดที่ระวังสิ่งคลุมเครือ ก็เท่ากับเขาป้องกันศาสนาของเขาและเกียรติของเขาให้บริสุทธิ์ แต่ผู้ใดที่เข้าไปสู่สิ่งคลุมเครือ เท่ากับเขาก้าวเข้าสู่สิ่งฮะรอมแล้ว ดังเช่นผู้เลี้ยงสัตว์ ที่เลี้ยงสัตว์อยู่รอบเขตสงวน ที่มันอาจจะล้ำเข้าไปในเขตนั้นได้ พึงระวังไว้เถิด เพราะแท้จริงกษัตริย์ทุกพระองค์ต่างก็มีเขตสงวนของตน ทว่าแท้จริงเขตสงวนของอัลลอฮฺนั้น ก็คือสิ่งที่พระองค์ทรงห้ามไว้(ทรงกำหนดให้เป็นสิ่งที่ฮะรอม)
พึงระวังไว้เถิด แท้จริงในร่างกายของมนุษย์นั้นมีก้อนเลือดอยู่ก้อนหนึ่ง หากก้อนเลือดนั้นดีร่างกายทุกส่วนก็จะดีไปด้วย แต่หากก้อนเลือดนั้นเสีย ร่างกายทุกส่วนก็จะเสียหายไปด้วย พึงรู้ไว้เถิด (ก้อนเลือดนั้น) มันคือหัวใจ”

บันทึกโดย อัลบุคอรีและมุสลิม

Question
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Sun May 31, 2009 9:40 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอาลัยกุม

โอ้บรรดาชายและหญิงผู้ศรัทธาแล้วเอ๋ย

ตรวจสอบกันเถิดนะว่าวันนี้! สิ่งที่จะกล่าวนำเสนอข้างต้นนี้ เคยไหมที่สามีและภรรยาจะร่วมกันเรียนรู้แล้วนำไปปฏิบัติซึ่งกันและกัน...

หากไม่มีในตัวภรรยาท่าน สามีรับรู้แล้ว ก็นำไปใช้และนำเสนอต่อภรรยาเถิด แต่หากไม่มีในตัวสามีท่าน ภรรยารับรู้แล้ว ก็นำไปใช้และนำเสนอต่อสามีท่านเถิดนะ....อินชาอัลลอฮ

คำสั่งเสียให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดี

จากอัลกุรอาน

อัลเลาะห์ตรัสว่า :

“และจงอยู่ร่วมกับนางด้วยดี”
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 19)

“และพวกเจ้าไม่สามารถที่จะให้ความยุติธรรมในระหว่างบรรดาหญิง(ภรรยา)ได้เลย แม้ว่าพวกเจ้าจะพยายามอย่างยิ่งก็ตาม ดังนั้น พวกเจ้าจงอย่าเอียงไปจนหมด แล้วพวกเจ้าก็จะปล่อยให้บรรดานางที่ถูกทอดทิ้งนั้น ประหนึ่งเป็นผู้ที่ถูกแขวนไว้ และหากพวกเจาประนีประนอมกัน และมีความยำเกรงแล้ว แท้จริงอัลเลาะห์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ”
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 129)
จากอัลหะดีษ

หะดีษที่ 1

รายงานจากอบีฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า ท่านรอซูล กล่าวว่า :

“ท่านทั้งหลาย จงรับคำสั่งเสียของฉัน ที่ให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดีไว้เถิด แท้จริงสตรีถูกบังเกิดมาจากซี่โครง (หมายถึง อัลเลาะห์ทรงบังเกิดฮาวา มาจากซี่โครงของอาดัม) และแท้จริงซี่โครงที่งอที่สุดนั้นก็คือ อันที่อยู่ด้านบน (หมายถึงอันตรายของสตรีนั้นอยู่ที่ลิ้นของนาง) ถ้าหากท่านดัดซี่โครงอันบนให้ตรงท่านก็ต้องหักมัน (เพราะมันไม่สามารถรับการดัดให้ตรงได้) ถ้าหากท่านปล่อยไว้ (โดยไม่ดัดใดๆเลย) มันก็จะคงอยู่แบบโค้งงอตามสภาพ ดังนั้นท่านทังหลายจงรับคำสั่งเสียของฉัน ที่ให้ปฏิบัติต่อสตรีด้วยดีไว้เถิด”

(บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม)
ดูในบุคอรีย์ เล่ม 6 หน้า 261 , 262 และดูในมุสลิม หะดีษเลขที่ 1468

อีกสำนวนหนึ่ง บันทึกไว้ในศอฮีฮ์บุคอรีย์ และมุสลิม เช่นเดียวกันกล่าวว่า :


“สตรีนั้นเหมืนกับซี่โครง(ในด้านโค้งงอ) ถ้าหากท่านดัดให้ตรง ท่านก็ต้องหัก ถ้าหากท่านอยู่กับนางอย่างสุขสำราญ ท่านก็สุขสำราญโดยที่นางคงอยู่อย่างนั้น”

อีกสำนวนหนึ่งในมุสลิมกล่าวว่า :

“แท้จริงสตรีนั้นถูกบังเกิดมาจากซี่โครง ท่านไม่อาจดัดให้ตรงตามแนวทางที่ท่านพอใจได้ ถ้าหากท่านจะสุขสำราญกับนาง ก็จะต้องสุขสำราญไปกับความโค้งงอนั้น ถ้าหากท่านพยายามดัดให้ตรง ท่านก็จะต้องหักมัน และการหักมันก็คือ ต้องหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยากัน”

คำอธิบาย

สามีคนหนึ่งได้มาหาท่านรอซูล เขาร้องเรียนเกี่ยวกับความประพฤติของภรรยาของเขา ท่านรอซูลก็พยายามช่วยแก้ปัญหาให้ ท่านรอซูลอธิบายถึงธรรมชาติของสตรีให้บรรดาศ่อฮาบะห์ทราบ และท่านแนะนำให้สามีทุกคนตองควบคุมดูแลภรรยาของตน ให้อยู่ในแนวทางแห่งอิสลามอย่างแท้จริง จะต้องเน้นในด้านการเชื่อฟัง และการปฏิบัติตามสามีให้มาก และการมีมารยาทดีตามที่อิสลามต้องการนอกจากนี้แล้วท่านรอซูล (ซ.ล.) กำชับผู้เป็นสามีให้คำนึงถึงธรรมชาติแห่งความเป็นผู้หญิง อย่าได้ใช้ความรุนแรงในการแนะนำสั่งสอน อย่าแข็งกระด้าง หรือเอาแต่อำเภอใจโดยไม่มีสติ
แนวทางในการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอุปนิสัยของสตรีนั้น ให้ยึดถือคำสอนจากคัมภีร์อัลกูรอานที่ว่า :

“และจงอยู่ร่วมกับพวกนางด้วยดี หากพวกเจ้าเกลียดพวกนาง ก็อาจเป็นไปได้ว่า การที่พวกเจ้าเกลียดสิ่งหนึ่ง ขณะเดียวกัน อัลเลาะห์ก็ทรงให้มีในสิ่งนั้นซึ่งความดีอันมากมาย”
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 4-19)

และอัลกุรอานที่ว่า :
“และบรรดาชายนั้นคือ ผู้ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง เนื่องด้วยการที่อัลเลาะห์ได้ทรงให้บางคนของพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคน และด้วยการที่พวกเขาได้จ่ายไปจากทรัพย์ของพวกเขาบรรดากุลสตรีนั้นคือผู้จงรักภักดี ผู้รักษาทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ลับหลังสามี เนื่องด้วยสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงรักษาไว้ และบรรดาหญิงที่พวกเจ้าหวั่นเกรงในความดื้อดึงของนางนั้น ก็จงกล่าวตักเตือนนาง และทอดทิ้งนางไว้แต่ลำพังในที่นอน และจงเฆี่ยนนาง แต่ถ้าหากนางเชื่อฟังพวกเจ้าแล้ว ก็จงอย่าหาทางเอาเรื่องแก่นาง”
(ซูเราะห์ อันนิซาอฺ อายะห์ที่ 4-34)

ท่านรอซูล ตักเตือนผู้ที่ไม่เข้าใจถึงแก่นแท้ของความเป็นสตรี มุ่งมั่นแต่จะดัดนิสัยภรรยาให้อยู่มือ โดยลืมนึกถึงธรรมชาติของความเป็นสตรี ในที่สุดก็ถึงจุดแตกหัก ต้องหย่าร้างกันทั้งๆที่เคยอยู่กินกันมานาน ท่านรอซูลแนะนำไว้ว่าในเรื่องนี้จะต้องมีผ่อนหนักผ่อนเบาผสมผสานกัน ตราบใดที่นางไม่ได้กระทำความผิดร้ายแรงถึงขั้นฮะรอม(ต้องห้าม) หรือตราบใดที่นางไม่ได้ดื้อดึงอยู่ในความชั่วก็ให้ฝ่ายชายอดทน อยู่กินกับนางไปเรื่อยๆ โดยยับยั้งชั่งใจไว้ หรือถ้าหากอดทนไม่ไหวก็จงปล่อยนางไป(หย่า) ดีกว่าที่จะต้องอยู่กับนาง รับผิดชอบต่อความไม่เอาไหนของนาง อิสลามนั้นปรารถนาให้ชีวิตคู่นั้นประสบความสำเร็จ ทั้งนี้จะต้องยืนอยู่บนรากฐานแห่งความเป็นจริง และจะต้องไม่มีอุปสรรคขัดขวางแนวทางไปสู่ความสุขนั้น

สิ่งที่ได้รับจากหะดีษนี้

1. สามีจะต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการอบรมภรรยา
2. สามีจะต้องรู้จักใช้สมอง ผ่อนหนักผ่อนเบาในการดัดนิสัยภรรยา
3. สอนให้ผู้อบรมจะต้องรู้ซึ้งถึงสภาพอันแท้จริงของผู้ที่ถูกอบรมเสียก่อน
4. พระนางฮาวา ถูกบังเกิดมาจากซี่โครงด้านซ้ายของท่านนบีอาดัม เป็นเรื่องจริง

--------------------------

และพี่น้อง มาฟังและเข้าใจซิ..ว่า ซี่โครงส่วนบนดั่งที่ถูกนำเสนอไปนั้น อะไรคือ ส่วนบน อะไรคือ สาระที่เราต้องนำมาพิจารณาถึงการใช้ชีวิตคู่ของเราในวันนี้!

http://www.islaminthailand.org/dp6/node/498

นาที่ 95 เป็นต้นไป......

วัสลามุอาลัยกุม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Wed Jun 03, 2009 7:06 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอาลัยกุม

น่าเป็นห่วงนัก สำหรับสตรีหญิง ผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮและรอซูลทั้งหลายเอ๋ย ที่เขานั้นไม่พิจารณาและตระหนักถึงหน้าที่ ที่ต้องพึงมีต่อสามีของเขาเอย

มาดูกัน..อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กๆ อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องธรรมดา แต่จงคิดว่า นั่นคือ แนวทางของการสอบสวนในวันปรโลก

ท่านอิบนิอุมัร ได้รายงานว่า ท่านนบีได้กล่าวว่า :มีคนอยู่สองคนที่ละหมาดของเขาจะไม่ขึ้นพ้นไปจากศีรษะของเขา : ทาสที่หนีไปจากนายของเขา- จนกว่าเขาจะกลับมายังนายของเขา – และ หญิงที่ไม่เชื่อฟังสามีของนาง จนกว่านางจะกลับมา( เชื่อฟัง )

[บันทึกโดย อัลฮากิม และ อัต-ตอบรี่ / ได้รับการตรวจสอบโดยเชคอัล-บานีย์ว่าเป็นฮะดีษที่เชื่อถือได้ ในระดับ ซอเฮียะฮฺ ]

ท่านอบูอุมามะฮฺได้รายงานว่าท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺกล่าวว่า:มีอยู่ 3 คนที่ซึ่งละหมาดของเขาจะไม่ขึ้นพ้นเหนือไปจากศีษระของเขา (หมายความว่า ละหมาดจะไม่ถูกตอบรับ): ทาสที่หนี้ไปจากนายจนกว่าเขาจะกลับมา, หญิงที่ใช้เวลาในยามค่ำคืนในขณะที่สามีมีความโกรธในตัวเธอ และชายคนหนึ่งที่นำกลุ่มชนหนึ่งละหมาด แต่พวกเขาไม่ชอบเขาคนนั้น >
[บันทึกโดย ติรมีซี / ได้รับการตรวจสอบโดยเชคอัล-บานีย์ว่าเป็นฮะดีษที่เชื่อถือได้ ในระดับ ฮะซัน ]

หรือละหมาดของท่าน อามาลของท่าน จะให้อยู่เพียงแค่ศรีษะกระนั้นหรือ ...หากไม่แล้ว ก็จงปฏิบัติ จงเชื่อฟัง และอย่าให้การปฏิบัติ มันสวนทางกับสิ่งที่ท่านทั้งหลายได้ตระหนักกับหะดิษข้างต้นนี้เลย

วัสลามุอาลัยกุม
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Thu Jun 25, 2009 12:33 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอาลัยกุม วาเราะมาตุลลอฮ วาบารอกาตุฮ


พี่น้องครับ จะมีสักกี่คน จะมีสักกี่ครั้งครับ ที่พี่น้องเราจะละเลย ซึ่งการละหมาด การอิบาดะห์ต่อพระองค์อัลลอฮฺ ซุบฮานาฮุวา ตะอาลา เว้นแต่พวกเขาเหล่านั้น จะได้รับการอภัยโทษจากความผิดเล็กน้อยๆ ที่เรานั้นได้กระทำเป็นประจำอยู่ ในทุกๆวันนี้ครับ...

น่าเสียดายและน่าเห็นใจเหลือเกิน กับผู้ที่ละเลยต่อการละหมาด ต่อการอิบาดะห์พระองค์เหล่านั้นครับ ก็วันนึง เรากระทำผิดไม่รู้ต่อเท่าไหร่ เท่าไหร่ เรามักจะมองนั่น มองนี่ ฟังนั่น ฟังนี่ สารพัดความผิด อันเกิดจากการที่เราอีหม่านอ่อนจากสิ่งแวดล้อมรอบข้างที่ทดสอบเราอยู่ครับ...

เฮอ มาดูกันซิ มาเรียนรู้กัน เรายังไม่เริ่มละหมาดกันเลยนี่ เรายังไม่สูญูดขอเลยนะครับ เราก็ได้แล้ว ซึ่งความเมตตาที่พระผู้อภิบาลทรงมีไว้ให้กับเราด้วยกับสิ่งนี้ครับ

มาชาอัลลอฮ อัลลอฮุอักบัร...ใครกันเล่า ที่จะให้เราได้เท่ากับ อัลลอฮซุบฮานาฮุวา ตะอาลาครับ พี่น้อง.....บางคน ก็อาบน้ำละหมาดนะ บางคนก็ละหมาดครบห้าเวลานะ แต่ก็อาจจะมีบางคนหล่ะนะ ที่ไม่รู้เลยว่า แม้กระทั่งการอาบน้ำละหมาดยังได้รับความเมตตา โปรดปรานเพียงนี้เชียวหรือ.......อย่าเสียเวลา และอย่าล่าช้ากันอีกเลยนะครับ มาแสวงหาสิ่งเหล่านี้กันเถิดนะ

อบูฮุรอยเราะห์ รายงานว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า “เมื่อบ่าว (ของอัลลอฮ์) ที่เป็นมุสลิม หรือมุอ์มิน (ผู้ศรัทธา) ทำการอาบน้ำละหมาด ขณะที่เขาล้างหน้านั้น ความผิดทีเกิดจากการมองด้วยตาก็หมดไป หรือหมดไปพร้อมกับน้ำหยดสุดท้าย, เมื่อเขาล้างมือ ทุกความผิดที่มือของเขากระทำไว้จะหมดไป หรือพร้อมกับน้ำหยดสุดท้าย และเมื่อเขาล้างเท้า ทุกความผิดที่เกิดจากเท้าของเขาที่นำพาเขาไปก็หมดไปด้วย หรือพร้อมกับน้ำหยดสุดท้าย (เมื่อเขาเสร็จจากการอาบน้ำละหมาด) เขาจะมีสภาพบริสุทธิ์ปราศจากบาปใด ..บันทึกโดย มุสลิม/หมวดที่2/บทที่11/ฮะดีษเลขที่ 0475

อัลลอฮุอักบัร ช่างเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่เสียจริง....มิน่าหล่ะ สวรรค์สำหรับผู้ศรัทธา เข้าง่ายเสียจริงๆ ...น่าอดสูนะ สำหรับผู้ปฏิเสธหลายๆคน นรกเป็นที่เหมาะสมสำหรับเค้า ก็แค่การละหมาด เค้ายังไม่เอากันเลย แล้วความผิดของเขา จะสูญไปหรือ..!!!!!

วัสลามุอาลัยกุม วาเราะมาตุลลอฮ วาบารอกาตุฮ
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
กัลดีน
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 26/06/2009
ตอบ: 6


ตอบตอบ: Fri Jun 26, 2009 8:04 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Exclamation
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ MSN
shabab
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 16/07/2008
ตอบ: 303


ตอบตอบ: Mon Jul 20, 2009 12:58 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ฝากหะดิษข้างต้นนี้เพื่อเตือน พี่น้องทุกๆท่าน รวมถึงตัวผมด้วยนะครับ

รายงานจาก อบีฮุรอยเราะห์ กล่าวว่า ท่านรอซูล กล่าวว่า :

ท่านทั้งหลายอย่าอิจฉากัน อย่าหลอกลวงกัน อย่าเกลียดกัน อย่าหันหลังให้กัน อย่าขายของตัดหน้ากัน จงเป็นบ่าวของอัลเลาะห์ในฐานะเป็นพี่น้องกันเถิด มุสลิมนั้นเป็นพี่น้องของมุสลิม เขาจะไม่อธรรมต่อพี่น้องของเขา เขาจะไม่เหยียดหยามพี่น้องของเขา และเขาจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องของเขา การยำเกรงอัลเลาะห์นั้นอยู่ที่นี่ และท่านรอซูลชี้ไปที่หน้าอกสามครั้ง นับได้ว่าเป็นความชั่วแล้วในการที่คนหนึ่งดูถูกเหยียดหยามพี่น้องมุสลิมของเขา มุสลิมต่อมุสลิมนั้น เลือด ทรัพย์สิน และเกียรติยศเป็นที่ต้องห้าม

บันทึกโดยมุสลิม
ดูในมุสลิม ฮะดีษเลขที่ 2564
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> หลักปฏิบัติ ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ ไม่สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.11 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ