ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - เหลือเชื่อ !!! เสื้อเรารักนบีเป็นบิดอะห์
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
เหลือเชื่อ !!! เสื้อเรารักนบีเป็นบิดอะห์
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 14, 15, 16 ... 25, 26, 27  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 8:41 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัลฟารูกกล่าวว่า

การทำอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิดนั้นก็เรื่องหนึ่ง การช่วยทำอาหารเพื่อเป็นทานก็อีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้น หากพวกเราทำอาหารให้แก่ครอบมัยยิดแล้ว มันก็ไม่ได้ห้าม(หะรอม)การช่วยทำอาหารให้เป็นทานแก่มัยยิด นั่นคือความเข้าใจของ "ฟิกห์"

วิจารณ์

อัลฟารูกกำลังเปลี่ยนประเด็น เพราะหลักฐานที่คุณกับพวกนำเสนอนั้นล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างว่ากินบุญบ้านมัยยิตโดยครอบครัวมัยยิตเป็นเจ้าภาพ ผมจะขอสอบถามประเด็นนี้ให้หายสงสัยก่อน นอกจากคุณและพวกจะกลับลำว่า หลักฐานที่ยกมานั้น ไม่ใช่เรื่องกินบุญบ้านคนตาย
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 6:26 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

คนอยากรู้มีอาชีพเป็นทนายหรือเปล่า อย่าแก้ตัวน้ำขุ่นๆซิครับ
หลักฐานนะบีกินบุญบ้านคนตายพวกคุณเป็นคนยกมา
เรื่องอุลามาอ์วะฮาบีย์เพิ่มหรือบิดเบือนอะไรนั่น พวกคุณอีกนั่นแหละยกมา
เวลาผมถามจะโวยวายทำไม ก็พวกคุณท้างน้านที่ยกมาไม่ใช่หรือ ถ้าผมสงสัยจะให้ถามใคร
หรือพวกคุณไม่ใช่ผู้รู้ที่จะให้คำตอบแก่ผม หรือคุณเป็นแค่เพียงผู้รับจ้างโพสต์
เพราะเวลาถามเรื่องที่คุณโพ้สต์ไว้ แทนที่จะชี้แจงอธิบาย กลับตอบสามวาสองศอกซะนี่

ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่า ผมไม่ใช่วะฮ์ฮาบีย์ และไม่ได้ฝักใฝ่ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ และก็ไม่ผูกขาดกับมัซฮับใดจากทั้ง 4 และผมก็ไม่เคยอ้างตัวเป็นอุลามาอ์ แล้วคุณจะให้ผมแก้ตัวแทนใคร ผมก็ศึกษาค้นคว้าพิจารณาที่มีน้ำหนักแล้วถือปฏิบัติ


คนอยากรู้ถามผมว่า จะเอาสิ่งใดวัดว่าเป็นน้ำหนักในการตัดสินว่าถูกผิดหรือผิด
และ คุณเอาอะไรที่คิดว่าสิ่งนั้นน่าเชื่อถือมาโดยมาตัดสินว่าถูกตามมตรฐานของคุณละครับ

ผมขอตอบว่า ข้อความที่พวกคุณโพ้สมาเชื่อถือได้ไหมละ แล้วใช้เป็นมาตรฐานได้หรือเปล่า ข้อความที่ว่าก็คือ

บรรดาปวงปราชญ์กล่าวว่า สุนัตให้เพื่อนบ้านเรือนเคียงหรือบรรดาญาติห่างๆ ทำการตระเตรียมอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิด โดยทำให้พวกเขาอิ่มในวันหนึ่งและคืนหนึ่งและนี่ก็คือทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมากและเป็นแนวทางของมัซฮับทั้งสี่

ท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์(ร.ฏ.) กล่าวว่า" ฉันรัก ที่จะให้เพื่อนบ้านของผู้ตาย หรือบรรดญาติของผู้ตาย ทำอาหารให้กับครอบมัยยิด ในวันที่เขาได้เสียชีวิต และอีกหนึ่งคืนของมัน โดยที่ทำให้พวกเขาอิ่ม เพราะสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นซุนนะฮ์ และมีการระลึกที่มีเกียตริ โดยที่มันเป็นการกระทำของผู้ที่เป็นคนดีก่อนจากเราและหลังจากเรา" ดู หนังสือ อัล-อุมมฺ เล่ม 1 หน้า 247


ฉะนั้นผมจึงขอคำยืนยันจากอัลฟารูกก่อนหน้านี้ว่า เป็นข้อความที่ถูกต้องหรือเปล่า และอัลฟารูก อยู่ในมัซฮับทั้ง 4 ตามที่โพ้สต์ไหม หรือว่ามีแนวทางเฉพาะของตัวเอง แล้วข้อความที่โพ้สมานี้ละจะว่าอย่างไร ผมมั่นใจว่าผมไม่ออกนอกกรอบจากมัซฮับทั้ง 4 แต่ที่สงสัยก็คือพวกคุณพยายามดิ้นหนีกรอบ ที่พวกคุณโพสต์มาเอง

ขอโทษด้วยนะครับที่คำถามของคนขี้สงสัยอย่างผมทำให้พวกคุณลำบากใจ

อะแอ่ม..แต่ผมก็สงสัยในคำพูดของคุณอีกแล้วซิคนอยากรู้
ที่คุณพูดว่า เป็นการเสี่ยงมากสำหรับการใช้ชีวิตที่ขาดทางนำจากผู้รู้

ผมขอถามว่าคุณพูดผิดหรือเปล่า ผู้รู้ชี้แนะหรือผู้รู้ให้ทางนำกันแน่ อัลกุรอานเป็นทางนำไม่ใช่หรือครับ ฮั่นแน่...

ผมว่าคุณกับพวกชี้แจงที่ผมถามไว้ข้างต้นเถอะครับ อย่าพยายามกลบเกลื่อนเลย เอามือปิดฟ้าไม่มิดหรอกนะจะบอกให้
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 9:40 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam บังคนอยากรู้และบังอะสัน

ผมเองก็ต้องเข้ามาสนทนาอีกสักนิด เนื่องจากคุณอะดีลต้องการที่จะสนทนาชี้แจงแบบไม่เข้าใจหลักการ และผมคิดว่า การที่บังอะสันและคุณอะดีลเขามาสนทนาแบบซ้ำไปซ้ำมานั้น มันก็เป็นการดียิ่งสำหรับเรา เพราะว่าเราจะได้ทำการชี้แจงให้ช้ดเจนขึ้นเรื่อยๆๆ และผู้อ่านจะได้เข้าใจดียิ่งไปเรื่อยๆ ครับ

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 9:47 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

ฏอวูส ผู้รายงานหะดิษข้างต้น คือ ฏอวูส บุตร กัยสาน อัลยะมานีย์ อบูอับดุรเราะหมาน อัลหุมัยรี เขาอยู่ในฐานะตาบิอีน (มุสลิมที่อยู่ในยุคเศาะฮาบะฮและได้พบเศาะฮาบะฮ) สิ้นชีวิต ปีฮิจญเราะฮ 106 ที่นครมักกะฮ
หะดิษที่เป็นคำพูดของตาบิอีน เรียกในทางวิชาหะดิษว่า เป็นหะดิษ มักฏูอฺ(حديث مقطوع )
หุกุมเกี่ยวกับหะดิษมักฏูอฺคือ
المقطوع لا يحتج به في شيئ من الأحكام الشرعية أي ولو صحت نسبته لقائله لأنه كلام أوفعل أحد المسلمين
หะดิษมักฎูอฺ จะเอามาเป็นหลักฐานอ้างอิงในด้านบทบัญญัติศาสนาไม่ได้ ถึงแม้ว่า จะอ้างอิงหะดิษอย่างถูกต้อง แก่ผู้ที่กล่าวก็ตาม เพราะความจริงมันเป็นเพียงคำพูด หรือ การกระทำ ของคนหนึ่งจากบรรดามุสลิมทั้งหลายเท่านั้น – ดู ตัยสีรมุศเฏาะละหิลหะดิษ ของ ดร.มะหมูด อัฏเฏาะหาน หน้า 133
…………….
เพราะฉะนั้น จึงถือว่า หะดิษฏอวูสใส่ลงตะกร้าได้เลย ครับมุหัมหมัด

วิจารณ์

ดีครับ ที่บังอะสันได้กลับมาประเด็นสำคัญในเรื่องการทำบุญเลี้ยงอาหารเป็นทานกัน การวิจารณ์ตัวบทหะดิษของท่านฏอวูสที่บังอะสันนำเสนอมานั้น ผมคิดว่ามันไม่ถูกต้องและไม่อยู่ในเชิงวิชาการนะครับ เนื่องจากบังอะสันยกบางส่วนและปกปิดอีกบางส่วน แล้วโยนทิ้งหะดิษดังกล่าวลงตะกร้าไป แบบนี้ผมไม่เห็นด้วยนะครับ เมื่อเรากลับไปทบทวนหนังสือตัยซีร มุสฏ่อละหฺ อัลหะดิษ ของ ดร. มะหฺมูด อัลฏอหฺหาน นั้น มันยังมีข้อความที่สำคัญอยู่อีกที่สามารถมาพิจารณาหะดิษของท่านฏอวูสได้เป็นอย่างดี ซึ่งที่สมบูรณ์นั้นมีดังกล่าวนี้ครับ

حكم الإحتجاج به

المقطوع لا يحتج به فى شيىء من الأحكام الشرعية ، أى ولو صحت نسبته لقائله، لأنه كلام أو فعل أحد المسلمين ، لكن ان كانت هناك قرينة تدل على رفعه ، كقول بعض الرواة : ــ عند ذكر التابعى ــ ( يرفعه ) مثلا ، فعتبر عندئذ له حكم المرفوع المرسل

หุกุ่มการอ้างหลักฐานของหะดิษมักฺฏั๊วะ

หะดิษมักฺฏั๊วะนั้น ไม่สามารถนำมาอ้างเป็นหลักฐานด้วยกับมัน ในสิ่งใดจากบรรดาหุกุ่มของศาสนาได้ หมายถึง หากแม้ว่าจะมีความซอฮิหฺโดยอ้างไปยังผู้กล่าวก็ตาม เพราะว่ามันเป็นเพียงคำพูดหรือการกระทำของคนหนึ่งจากบรรดามุสลิมีนเท่านั้น แต่ว่า หากมันมีสิ่งแวดล้อมที่บ่งถึง มัรฟั๊วะ (ยกอ้างไปถึงนบี) เช่นคำกล่าวของส่วนหนึ่งจากบรรดานักรายงาน ในขณะที่ตาบิอีนได้กล่าว ยกอ้างถึงท่านนบี เป็นต้น ดังนั้น จึงถูกพิจารณามัน ให้เป็นหุกุ่มที่มัรฟั๊วะที่มุรซัล" ดู หนังสือ ตัยซีร มุสฏ่อละหฺ อัลหะดิษ ของ ดร. มะหฺมูด อัลฏอหฺหาน หน้า 134 ตีพิมพ์ มักตะบะฮ์ อัลมะอาริฟ ริยาด ฮ.ศ. 1417 - ค.ศ. 1996

เมื่อเราพิจารณาข้อความที่สมบูรณ์เกี่ยวกับหุกุ่มของ หะดิษมักตั๊วะแล้วนั้น เราจะพบว่า สายรายงานของท่านฏอวูส จะอยู่ในหุกุ่ม มัรฟั๊วะมุรซัล ไม่ใช่หุกุ่มมักตั๊วะครับ

ซึ่งท่านอิบนุหะญัรได้ทำการกล่าวอธิบายไว้อย่างละเอียดละออแล้ว ซึ่งมีดังนี้

ومن ثم صح عن طاووس أيضاً أنهم كانوا يستحبون أن يطعم عن الميت تلك الأيام وهذا من باب قول التابعى كانوا يفعلون ، وفى قولان لأهل الحديث والأصول ( احدهما) أنه أيضاً من باب المرفوع وأن معناه كان الناس يفعلون ذلك فى عهد النبى صلى الله عليه وسلم ويعلم به ويقرأعليه (والثانى) أنه من باب العزو غلى الصحابة دون إنتهائه غلى النبى صلى الله عليه وسلم وعلى هذا قيل أنه اخبار عن جميع الصحابة فيكون نقلا عن الإجماع وقيل عن بعضهم ورجحه النووى فى شرح مسلم وقال الرافعى مثل هذا اللفظ يراد به أنه مشهوراً فى ذلك العهد من غير نكير... فإن كنت لم كرر الإطعام سبهة أيام دون التلقين ، قلت لأن مصلحة الإطعام متعدية وفائدة للميت أعلى إذ الإطعام عن الميت صدقة وهى تسن عنه إجماعاً

ท่านอัล-หาฟิซฺอิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า " ได้มีสายรายงานที่ซอฮิหฺเช่นกัน จากท่าน ฏอวูส ว่า บรรดาซอฮาบะฮ์นั้น ได้ทำการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากมัยยิด ใน 7 วันดังกล่าว และคำกล่าวนี้ เป็นคำกล่าวของตาบิอีย์ ว่าบรรดาซอฮาบะฮ์ได้กระทำสิ่งดังกล่าว และในคำกล่าวของตาบิอีย์นี้ ได้มีอยู่ 2 ทัศนะด้วยกันจากคำกล่าวของนักปราชญ์หะดิษและอุซูลุลฟิกห์

1. คำกล่าวของตาบิอีย์นี้ (คือท่านฏอวูส) อยู่ในบทการรายงานที่ มัรฟั๊วะ คือไปถึงสมัยของท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งความหมายของมันก็คือ บรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหลายได้กระทำการเลี้ยง(ให้)อาหาร ในสมัยของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) โดยที่ท่านร่อซูลทราบในสิ่งดังกล่าว หรือถูกบอกให้ทราบต่อท่านนบี(ซ.ล.)

2. คำกล่าวของตาบิอีย์นี้ผคือท่านฏอวูส) อยู่ในเรื่องของการอ้างถึงบรรดาซอฮาบะฮ์เท่านั้น โดยไม่ถึงท่านนบี(ซ.ล.) เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงถูกกล่าวว่า คำกล่าวของตาบีอีย์(คือท่านฏอวูส) เป็นการบอกเล่าจากบรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหมด ดังนั้น คำกล่าวของท่านฏอวูสนี้จึงเป็นการ ถ่ายทอดถึงมติของบรรดาซอฮาบะฮ์ และบางทัศนะกล่าวว่า ถ่ายทอดเพียงบางส่วนของซอฮาบะฮ์ ซึ่งเป็นทัศนะที่อิมามอันนะวาวีย์ได้ให้น้ำหนักเอาไว้ใน ชัรหฺมุสลิม และอิมามอัรรอฟิอีย์ ได้กล่าวเช่นเดียวกับคำนี้ ซึ่งจุดมุ่งหมายก็คือ การเลี้ยง(ให้)อาหารนั้น เป็นสิ่งที่แพร่หลายในสมัยของซอฮาบะฮ์ดังกล่าว โดยไม่ได้ถูกตำหนิแต่ประการใด...หากท่านกล่าวว่า เพราะเหตุใด การเลี้ยง(ให้)อาหารถึงต้องทำซ้ำกันถึง 7 วัน โดยที่ไม่ต้องอ่านตัลกีน 7 วัน ฉันขอกล่าวว่า เพราะผลประโยชน์ของการเลี้ยง(ให้)อาหารนั้น มันมีประโยชน์สูงกว่าและแผ่ไปถึงมัยยิดได้มากกว่า เพราะการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากมัยยิดนั้น เป็น ซ่อดาเกาะฮ์(บริจาคทาน) ซึ่งมันเป็น สุนัติ โดยมติเอกฉันท์... " ดู หนังสือ อัล-ฟะตาวา อัล-ก๊อบรอ อัลหะดีษะฮ์ ของท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ เล่ม 2 หน้า 30 - 31

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 9:52 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

1. หะดิษมัรฟัวะ คือ
- ما أضيف إلى النبي صلى الله عليه وسلم من قولٍ أو فعلٍ أو تقرير أو صفةٍ
คือ สิ่งที่อ้างถึงเกี่ยวกับ ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม จาก คำพูด การกระทำ การยอมรับ หรือ คุณลักษณะ (ของท่านนบี)
- ตัยสีรุมุศเฏาะละหุลหะดิษ หน้า 127-128
หรือ หมายถึง หะดิษที่มีสายสืบเล่าไปถึงท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
แล้วการอ้างว่า ว่า หะดิษฏอวูส เป็นหะดิษมัรฟัวะนั้น เป็นการคาดเดาเท่านั้น

วิจารณ์

บังอะสันหลงประเด็นแล้วครับ เพราะเรากำลังพูดถึงหุกุ่มของหะดิษ ไม่ใช่ตัวของหะดิษ ใครก็ยอมรับว่าหะดิษของท่านฏอวูสนั้น เป็นหะดิษมักตั๊วะ คือหะดิษที่รายงานโดยตาบิอีนซึ่งตาบิอีนก็คือผู้ที่อยู่ร่วมกับบรรดาซอฮาบะฮ์ แต่ประเด็นที่เราพูดอยู่นี้ คือเมื่อเป็นหะดิษมักตั๊วะแล้ว หุกุ่มหะดิษมักตั๊วะที่ท่านฏอวูสรายงานนั้น เป็นหุกุ่มมั๊กตั๊วะหรือมัรฟั๊วะ นี่คือประเด็นครับ ผมหวังว่าบังอะสันคงแยกแยะระหว่าง ตัวหะดิษ กับ หุกุ่มหะดิษ ได้นะครับ ดังนั้นหุกุ่มของหะดิษฏอวูสนี้ ไม่ใช่มักตั๊วะเพราะว่า ท่านฏอวูสไม่ได้รายงานเล่าเกี่ยวการกระทำของตาบิอีน แต่ท่านฏอวูสรายงานเล่าการกระทำของซอฮาบะฮ์ คือได้ยกอ้างการกระทำไปยังซอฮาบะฮ์โน้น ดังนั้นหุกุ่มของหะดิษไม่ไช่มักตั๊วะแน่นอน

ซึ่งหากหุกุ่มของหะดิษเป็นมั๊กตั๊วะนั้น ท่านฏอวูสจะกล่าวว่า

"และพวกเรามีความชอบที่จะทำการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากพวกเขา ในเจ็ดวันดังกล่าว"

แต่ท่านฏอวูสได้ยกอ้างพาดพิงไปยังซอฮาบะฮ์โน้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านฏอวูสจึงรายงานว่า

"และพวกเขา(บรรดาซอฮาบะฮ์)มีความชอบที่จะทำการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากพวกเขา ในเจ็ดวันดังกล่าว"

เมื่อเป็นเช่นนี้ หะดิษของท่านฏอวูสนั้น ไม่ได้อยู่ในหุกุ่มมักตั๊วะ เพราะอ้างไปถึงบรรดาซอฮาบะฮ์ ดังนั้น เมื่ออ้างถึงไปยังการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์นั้น บรรดานักวิชาการหะดิษและอูซูลุลฟิกห์ จึงมีความเห็นขัดแย้งกันว่า เมื่อซอฮาบะฮ์ทำนั้น มันอยู่ในหุกุ่มมัรฟั๊วะอ้างไปยังท่านนบี(ซ.ล.) หรือชี้ถึงการกระทำของซอฮาบะฮ์เท่านั้น

ซึ่งท่านอิบนุหะญัรได้ทำการกล่าวอธิบายไว้อย่างละเอียดละออแล้ว ซึ่งมีดังนี้

ومن ثم صح عن طاووس أيضاً أنهم كانوا يستحبون أن يطعم عن الميت تلك الأيام وهذا من باب قول التابعى كانوا يفعلون ، وفى قولان لأهل الحديث والأصول ( احدهما) أنه أيضاً من باب المرفوع وأن معناه كان الناس يفعلون ذلك فى عهد النبى صلى الله عليه وسلم ويعلم به ويقرأعليه (والثانى) أنه من باب العزو غلى الصحابة دون إنتهائه غلى النبى صلى الله عليه وسلم وعلى هذا قيل أنه اخبار عن جميع الصحابة فيكون نقلا عن الإجماع وقيل عن بعضهم ورجحه النووى فى شرح مسلم وقال الرافعى مثل هذا اللفظ يراد به أنه مشهوراً فى ذلك العهد من غير نكير... فإن كنت لم كرر الإطعام سبهة أيام دون التلقين ، قلت لأن مصلحة الإطعام متعدية وفائدة للميت أعلى إذ الإطعام عن الميت صدقة وهى تسن عنه إجماعاً

ท่านอัล-หาฟิซฺอิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า " ได้มีสายรายงานที่ซอฮิหฺเช่นกัน จากท่าน ฏอวูส ว่า บรรดาซอฮาบะฮ์นั้น ได้ทำการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากมัยยิด ใน 7 วันดังกล่าว และคำกล่าวนี้ เป็นคำกล่าวของตาบิอีย์ ว่าบรรดาซอฮาบะฮ์ได้กระทำสิ่งดังกล่าว และในคำกล่าวของตาบิอีย์นี้ ได้มีอยู่ 2 ทัศนะด้วยกันจากคำกล่าวของนักปราชญ์หะดิษและอุซูลุลฟิกห์

1. คำกล่าวของตาบิอีย์นี้ (คือท่านฏอวูส) อยู่ในบทการรายงานที่ มัรฟั๊วะ คือไปถึงสมัยของท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งความหมายของมันก็คือ บรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหลายได้กระทำการเลี้ยง(ให้)อาหาร ในสมัยของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) โดยที่ท่านร่อซูลทราบในสิ่งดังกล่าว หรือถูกบอกให้ทราบต่อท่านนบี(ซ.ล.)

2. คำกล่าวของตาบิอีย์นี้ผคือท่านฏอวูส) อยู่ในเรื่องของการอ้างถึงบรรดาซอฮาบะฮ์เท่านั้น โดยไม่ถึงท่านนบี(ซ.ล.) เมื่อเป็นเช่นนี้ ถึงถูกกล่าวว่า คำกล่าวของตาบีอีย์(คือท่านฏอวูส) เป็นการบอกเล่าจากบรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหมด ดังนั้น คำกล่าวของท่านฏอวูสนี้จึงเป็นการ ถ่ายทอดถึงมติของบรรดาซอฮาบะฮ์ และบางทัศนะกล่าวว่า ถ่ายทอดเพียงบางส่วนของซอฮาบะฮ์ ซึ่งเป็นทัศนะที่อิมามอันนะวาวีย์ได้ให้น้ำหนักเอาไว้ใน ชัรหฺมุสลิม และอิมามอัรรอฟิอีย์ ได้กล่าวเช่นเดียวกับคำนี้ ซึ่งจุดมุ่งหมายก็คือ การเลี้ยง(ให้)อาหารนั้น เป็นสิ่งที่แพร่หลายในสมัยของซอฮาบะฮ์ดังกล่าว โดยไม่ได้ถูกตำหนิแต่ประการใด...หากท่านกล่าวว่า เพราะเหตุใด การเลี้ยง(ให้)อาหารถึงต้องทำซ้ำกันถึง 7 วัน โดยที่ไม่ต้องอ่านตัลกีน 7 วัน ฉันขอกล่าวว่า เพราะผลประโยชน์ของการเลี้ยง(ให้)อาหารนั้น มันมีประโยชน์สูงกว่าและแผ่ไปถึงมัยยิดได้มากกว่า เพราะการเลี้ยง(ให้)อาหารแทนจากมัยยิดนั้น เป็น ซ่อดาเกาะฮ์(บริจาคทาน) ซึ่งมันเป็น สุนัติ โดยมติเอกฉันท์... " ดู หนังสือ อัล-ฟะตาวา อัล-ก๊อบรอ อัลหะดีษะฮ์ ของท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ เล่ม 2 หน้า 30 - 31

สรุปการอธิบายของนักหะดิษและอุซูลุลฟิกห์ ทัศนะแรก ได้อ้างไปยังท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งบังอะสันไม่เชื่ออยู่แล้ว เพราะทัศนะแรกของนักหะดิษนี้ บังอะสันบอกว่ามันเป็นการคาดเดาเท่านั้น (และคำพูดของบังอะสันนี้ เราจะจำมันไว้) และทัศนะที่สอง บังอะสันเงียบ ไม่ยอมวิจารณ์ นั่นก็หมายความว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำบุญเพื่อเป็นทาน 7 วัน และมันเป็นการถ่ายทอดการอิจญฺมาอ์ของบรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหมด แต่คำพูดนี้บังอะสันคงทำใจรับไม่ได้ แต่ก็ยังมีบางอุลามาอ์กล่าวว่า มันเป็นเพียงแค่บางส่วนของซอฮาบะฮ์ อันนี้บังอะสันต้องทำใจรับ ดังนั้น ซอฮาบะฮ์บางส่วนได้กระทำการทำบุญให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด มันเป็นการกระทำของสะลัฟระดับซอฮาบะฮ์ใหมครับ และเมื่อซอฮาบะฮ์กระทำ ก็ย่อมหมายถึงว่าพวกเขาไม่ได้เข้าใจว่า ท่านนบี(ซ.ล.) ห้ามการเลี้ยงอาหารเป็นทานแก่มัยยิด??? บังอะสันได้เคยอ้างไว้ว่า

อัล-หาฟิซ อิบนุเราะญับ ได้กล่าวเอาไว้ ในหนังสือ "ฟัฎลุอิลมิสสลัฟ" หน้า 31 ว่า "สำหรับสิ่งที่ชาวสลัฟ เห็นชอบว่าให้ทิ้งมัน ดังนั้น ไม่อนุญาตให้นำมันมาปฏิบัติ เพราะว่าพวกเขา(สะลัฟ)จะไม่ทิ้งมัน นอกจาก เขารู้ว่าเขา(ท่านนบี)ไม่ได้ปฏิบัติมัน"

ดังนั้น เมื่อซอฮาบะฮ์ได้ปฏิบัติการทำอาหารเป็นทานซอดาเกาะฮ์ ก็เพราะว่าพวกเขารู้ว่าท่านนบี(ซ.ล.)เคยยอมรับมันใช่ใหมครับ??? และถ้าหากท่านนบี(ซ.ล.)ห้าม พวกเขาก็ย่อมไม่กระทำมัน?? แต่นี่ซอฮาบะฮ์ทำ ก็เพียงพอแล้วสำหรับการชี้ให้เห็นว่า "การทำบุญเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานซอดาเกาะฮ์" เป็นสิ่งที่อนุญาติให้กระทำได้!!!

และยิ่งไปกว่านั้น ท่านอุมัรก็สั่งเสียให้กระทำอาหารเลี้ยง ซึ่งแน่นอนว่า มันเป็นการเลี้ยงเพื่อเป็นทาน ไม่ใช่เลี้ยงคนที่รวมตัวกันเพื่อปลอบใจอย่างแน่นอน ซึ่งมันก็ไม่ได้ขัดกับหะดิษของท่านญะรีร และมันก็ไม่ได้ขัดกับหะดิษของท่านนบี ในการทำอาหารให้แก่ครอบครัวญะฟัร(ร.ฏ.)โดยที่ท่านนบีไม่ได้เคยห้ามในการเลี้ยงทำบุญเพื่อเป็นทาน ดังนั้น สิ่งที่ท่านนบีไม่ได้ห้ามย่อมไม่ใช่สิ่งที่หะรอมเสมอไป โดยเฉพาะท่านอุมัรเองก็ได้ทำแบบอย่างเอาไว้ ซึ่งมันก็เป็นซุนนะฮ์ ที่ท่านนบีใช้ให้เราตามท่านอุมัรและท่านอบูบักรหลังจากฉันเสียชีวิต และท่านร่อซูลยืนยันว่า อัลเลาะฮ์ทรงทำให้ลิ้นของท่านอุมัรพูดในเรื่องสัจจะธรรมความจริง ดังนั้น การสั่งเสียของท่านอุมัรให้ทำบุญเลี้ยงอาหารเป็นทาน 3 นั้น จึงเป็นสิ่งไม่ใช่บิดอะฮ์ไม่ใช่สิ่งที่หะรอม

ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ ได้กล่าวไว้รายงาน จากท่าน อะหฺมัด บิน มะนีอฺ ซึ่งเขาได้กล่าวรายงานไว้ใน มุสนัดของเขาว่า

عن الأحنف بن قيس قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث

" รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า "คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ ทำการนำละหมาด(ญะนาซะฮ์)สามรอบด้วยกัน และท่านอุมัรก็ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน ดังนั้น ในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็กลับมา โดยมีบรรดสำหรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้ตนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็มา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้เสียชีวิตไปแล้ว....." สายรายงาน "หะซัน" ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 หะดิษที่ 709

ท่าน มุหัดดิษ ชัยค์ หะบีบ อัร-เราะหฺมาน อัล-อะซ่อมีย์ กล่าว วิจารณ์ว่า หะดิษนี้ สายรายงาน หะซัน (ดี) ท่านอัลบูซิรีย์ กล่าวว่า ในสายรายงานนี้ มี อลี บิน ซัยด์ บิน ญัดอาน และที่สมบูรณ์ของหะดิษนั้น คือ.... ท่าน อัลอับบาส บิน อบีฏอลิบกล่าวว่า

فقال يا أيها الناس قد مات رسول الله عليه وسلم فأكلنا بعده وشربنا ومات أبو بكر فأكلنا بعده وشربنا أيها الناس كلوا من هذا الطعام فمد يده ومد الناس أيديهم فأكلوا فعرفت تأويل قوله ) كذا فى الإتحاف

" ดังนั้น ท่านอัล-อับบาส บิน อับดุลมุฏฏอลิบกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริง ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว แล้วเราก็ทำการรับประทานและดื่มหลังจากนั้น และท่านอบูบักร ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว และเราก็ทำการรับประทานและดื่มหลักจากนั้น โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย พวกท่านจงรับประทานจากอาหารนี้เถิด ดังนั้น ท่านอับบาสก็ยื่นมือของท่าน และบรรดาผู้คนที่ยื่นมือของพวกเขา แล้วก็พวกเขาก็ทำการรับประทาน ดังนั้น ฉัน (คือ อัลอะหฺนัฟ บิน ก๊อยซฺ) จึงรู้การตีความคำพูดของท่านอุมัร" และได้รายงานเช่นเดียวกันนี้ อยู่ในหนังสือ อัลอิตหาฟ " ดู หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซฺะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 198 - 199

นี่คือแบบอย่างของท่านอุมัร ที่ส่งเสริมให้ทำบุญเป็นทาน ไม่ใช่ทำอาหารเลี้ยงคนปลอบใจ ดังนั้น บังอะสันคงเข้าใจระหว่าง เลี้ยงอาหารคนที่รวมตัวปลอบใจ กับเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทาน นะครับ ซึ่งมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง และหลักฐานนี้ชี้ให้เห็นว่า ซอฮาบะฮ์สมัยของท่านร่อซูล ซอฮาบะฮ์สมัยของท่านอบูบักร ก็มีการเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานด้วย สมัยของท่านอุมัรก็อย่างนั้น ท่านอัลอับบาสก็เชิญชวนมารับประทานกัน ซึ่งมันไม่ใช่เป็นการรับประทานของพวกที่ปลอบใจ แต่รับประทานอาหารตามคำสั่งเสียของท่านอุมัร และการรับประทานอาหารนั้นย่อมเป็นทานผลบุญไปยังท่านอุมัรเพราะท่านได้สั่งเสียเอาไว้ ซึ่งมันไม่ค้านกับหะดิษของท่านฏอวูส ที่รายงานว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ชอบการให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด

และบังอะสันก็เคยพูดกับผมว่า

"น้องบ่าวครับ ไปผ่านด่านให้เจ็บตัวทำไม่ละครับ จำกัดอยู่แค่สิ่งที่เป็นแบบอย่าง(อัสสุนนะฮ)ของท่านนบี และอัสสุนนะฮเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน ที่ปรากฏ มันก็เพียงพอที่จะทำให้เราเข้าสวรรค์แล้วมิใช่หรือ"

นั่นไงบังอะสัน บังพูดว่า "จำกัดอยู่........อัสสุนนะฮ์เคาะลิฟะฮ์อัรรอชิดีนที่ปรากฏ" ตอนที่ท่านนบีเสียชีวิตก็มีการรับประทานอาหาร ตอนท่านอบูบักรเสียชีวิตก็ยังมี และตอนท่านอุมัรเสียชีวิตก็ยังทำ แล้วบรรดาซอฮาบะฮ์เคาะลิฟะฮ์อัรรอชิดีน และบรรดาซอฮาบะฮ์ท่านอื่นๆเหล่านี้ ไม่เข้าใจเรื่องศาสนาดอกหรือ???

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 9:58 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากบังอะสัน

เพราะฎอวูสไม่ได้อ้างถึงเศาะหาบะฮคนใด ที่กล่าวว่าท่านนบี ใช้ให้ครอบครัวผู้ตายเลี้ยงอาหารแก่คนที่มาชุมนุมที่บ้านผู้ตาย หรือ เลี้ยงอาหารเพื่ออุทิศผลบุญแก่ผู้ตาย

วิจารณ์

เมื่อบังอะสันทราบสิ่งที่ผมได้นำเสนอมาแล้ว การที่บังอะสันกล่าวว่า "เพราะหะดิษไม่ได้อ้างถึงเศาะหาบะฮ์คนใด" นั้น เป็นคำพูดที่ผิด เพราะท่านฏอวูสได้รายงานการกระทำของซอฮาบะฮ์ทั้งหมด หรือบางส่วน ตามทัศนะของอุลามาอ์หะดิษและอุศูล และบรรดาซอฮาบะฮ์ก็ให้อาหารเพื่อเป็นทานอันเป็นผลประโยชน์แก่มัยยิดในช่วงเจ็ดวันเป็นการเฉพาะ หากผลบุญไม่ถึงผู้ตายหรือไม่มีประโยชน์แก่ผู้ตายของพวกเขา แน่นอนว่าซอฮาบะฮ์จะไม่ทำการเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทาน และนั่นคือการกระทำของซอฮาบะฮ์

ดังนั้น การที่บังอะสันกล่าวว่า "เพราะฎอวูสไม่ได้อ้างถึงเศาะหาบะฮคนใด ที่กล่าวว่าท่านนบี ใช้ให้ครอบครัวผู้ตายเลี้ยงอาหารแก่คนที่มาชุมนุมที่บ้านผู้ตาย หรือ เลี้ยงอาหารเพื่ออุทิศผลบุญแก่ผู้ตาย" นั้น ถือเป็นคำพูดที่ผิด เพราะเมื่อซอฮาบะฮ์ได้กระทำ บังอะสันสมควรพูดว่า "ท่านนบีไม่ได้ห้ามการเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานแก่ผู้ตาย" นั่นคือประเด็นสำคัญ แต่ถ้าเราจะพูดว่า "ท่านนบีไม่เคยห้ามการเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่มารวมตัวกันที่บ้านผู้ตาย" ก็ย่อมพูดได้เพราะท่านไม่สายรายงานใดอ้างถึงการห้ามของท่านนบี แต่กระนั้น พวกเราก็ไม่ไปรวมตัวกันปลอบใจและรอให้ครอบมัยยิดทำอาหารเลี้ยงเด็ดขาด และเมืองไทยบ้านเราก็ไม่มีอย่างนั้น เนื่องจากเราก็ยึดหะดิษของท่านญะรีรที่รายงานเกี่ยวกับซอฮาบะฮ์เช่นเดียวกัน

ดังนั้น การไปรวมตัวกันปลอบใจครอบมัยยิดและครอบมัยยิดต้องทำเลี้ยงอาหารให้นั้น บรรดาซอฮาบะฮ์ไม่ส่งเสริม แต่หากเป็นการเลี้ยงเพื่อเป็นทานแก่มัยยิดในช่วงเจ็ดวันนั้น บรรดาซอฮาบะฮ์กระทำกันและไม่มีผู้ใดคัดค้าน ฉะนั้นการทำอาหารให้กับคนที่มาปลอบใจ กับการเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานนั้น มันคนละประเด็นกัน และมันก็ไม่ขัดแย้งกันเลย

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 10:03 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากคุณอะดีล

อัลฟารูกกำลังเปลี่ยนประเด็น เพราะหลักฐานที่คุณกับพวกนำเสนอนั้นล้วนแล้วแต่เป็นข้ออ้างว่ากินบุญบ้านมัยยิตโดยครอบครัวมัยยิตเป็นเจ้าภาพ ผมจะขอสอบถามประเด็นนี้ให้หายสงสัยก่อน นอกจากคุณและพวกจะกลับลำว่า หลักฐานที่ยกมานั้น ไม่ใช่เรื่องกินบุญบ้านคนตาย

วิจารณ์

คุณอ้างขึ้นเอง หรือพวกเราอ้างครับคุณอะดีล สิ่งที่พวกเราอ้างนั้น คือการช่วยเหลือครอบครัวผู้ตายทำอาหารเพื่อเป็นทานแก่มัยยิดของพวกเขา ซึ่งพวกเราก็ชี้แจงอย่างนี้ และส่งเสริมกันอย่างนี้ คือให้ช่วยกันทำอาหารให้ครอบครัวมัยยิด และ ช่วยกันทำอาหารเพื่อเป็นทานแก่มัยยิดด้วย นั่นคือสิ่งที่พวกเราได้ทำการสนทนา แต่คุณยกอ้างสิ่งที่เรานำเสนอมาบางส่วนแล้วคุณก็เข้าใจเอาเอง แล้วก็อ้างพาดพิงถึงพวกเราเหมือนกับว่าพวกเราเข้าใจเหมือนคุณ ซึ่งแบบนี้ เขาเรียกว่าเป็นการสนทนาไม่ใช่อยู่ในเชิงวิชาการ

การสนทนาในประเด็นหนึ่งนั้น มันย่อมมีหลักการโดยรวมมาพิจารณา หากการสนทนาที่ยังอยู่ในประเด็นนั้นๆและยังคงเกี่ยวข้องกับประเด็นนั้นๆ มันไม่ถือว่าเป็นการกลับลำหรือหลีกเลี่ยงแต่ประการใด ซึ่งผู้ที่แสวงหาความจริงเขาจะไม่พูดกันแบบนี้และนั่นก็ไม่ใช่แนวทางของผู้ที่แสวงหาสัจจะธรรม การสนทนานั้น ไม่ใช่แต่มาตั้งคำถามอย่างเดียว หากคุณต้องการสนทนากับพวกเรา คุณก็สมควรที่จะสนทนาถามและตอบเราไปพร้อมๆกันด้วย และนั่นก็คือการสนทนาในเชิงวิชาการเพื่อไปสู่สัจจะธรรม

หากคุณจะสนทนาเพื่อแสวงหาสัจจะธรรมตามที่คุณชอบอ้างมานั้น ก่อนอื่น คุณต้องทำใจให้เป็นกลางก่อน แล้วพิจารณาหลักฐานทั้งหมดที่มาระบุเอาไว้ และก็ทำความเข้าใจหลักฐานแต่ละบทๆให้ถ่องแท้ว่ามันหมายถึงอะไรและมันมีเป้าหมายอย่างไร และอันดับแรกคุณก็พยายามรวมหลักฐานทั้งหมดให้ได้ ซึ่งนั่นคือวิธีการแรกของนักวิชาการ และหากว่าคุณไม่ต้องการรวมหลักฐานคุณก็ต้องชี้แจงหลักฐานต่างๆที่คุณไม่ต้องการจะรวมและบอกมาว่าที่รวมไม่ได้นั้นเพราะอะไร? หากคุณให้คำตอบสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ โดยที่คุณยึดทัศนะของคุณเองเท่านั้น ก็แสดงว่าคุณยังไม่มีคุณสมบัติในการสนทนาในเชิงวิชาการ

และหากคุณอ้างว่าขี้สงสัยหรือชอบทำตัวสงสัย และคุณก็ต้องการถามพวกเราในสิ่งที่คุณขี้สงสัย คุณก็ต้องมีมารยาทในการถามสนทนาด้วย แต่ถ้าหากว่าคุณต้องการที่จะเข้ามาสนทนาเพื่อจะเอาชนะหรือตะแบง หรือคิดว่าทัศนะของตนเท่านั้นที่ถูก ก็บอกพวกเรามาตรงๆ เพื่อจะเราจะได้ทำการสนทนาได้ถูกกับสถานะการณ์

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 10:08 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากคุณอะดีล

ผมเข้าใจว่าอัลฟารูกคงไม่ได้เข้ามากลบเกลื่อนเรื่องที่นายมูหะมัดอ้างว่านะบีกินบุญบ้านคนตายในวันที่ฝัง ยังไงซะ ประเด็นที่ผมถามนายมูหะมัดก็ยังคาอยู่

วิจารณ์

คุณคิดผิดแล้วครับ ผมไม่ได้เข้ามากลบเกลื่อนอะไรทั้งนั้น ประเด็นของบังมุหัมมัดนั้น เขาจะเข้ามาจัดการเอง คุณโปรดใจเย็นๆ และการที่คุณเข้ามาสนทนาซ้ำไปซ้ำมานี้ มันก็เป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา เพื่อพวกเราจะได้ชี้แจงไปเรื่อยๆ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจมากยิ่งขึ้น

ส่วนคำถามที่คุณยังคาอยู่นั้น บังมุหัมมัดจะตอบให้คุณตามสไตล์ของเขานะครับ ผมไม่เกี่ยว และคำถามคุณที่มีต่อบังมุหัมมัดนั้น มันก็เป็นโอกาศที่บังมุหัมมัดจะเปิดโปงการบิดเบือนของวะฮาบีย์เกี่ยวกับการตัดทอนตำราต่างๆของอุลามาอ์หรือบิดเบือนหะดิษของท่านนบี ซึ่งมันยังมีอีกมากเลยทีเดียว แล้วบังมุหัมมัดก็จะเข้ามาตอบแบบสไตล์ของเขา คุณก็อย่าร้อนตัวล่ะ เมื่ออุลามาอ์วะฮาบีย์ผิดและบิดเบือนด้วย คุณก็คงไม่ยอมรับใช่ใหม? เพราะคุณไม่ได้สังกัดวะฮาบีย์ จะบอกว่าสะละฟีย์นั้น พวกเราก็ยังพูดแทนตัวคุณไม่ได้ เพราะมีมากมายที่สะลัฟเขาทำแต่คุณไม่ยอมรับ จะเรียกว่าซุนนะฮ์นั้น พวกเรายังสงสัยในตัวคุณอยู่ว่าซุนนะฮ์จริงหรือเปล่า? เพราะมีบางซุนนะฮ์คุณก็ไม่ยอมรับมัน

แต่บอกตรงๆว่า ผมชอบน่ะ ที่คุณยังเข้ามาถามกับบังมุหัมมัด คุณก็เตรียมรับมือการสนทนาแบบสไตล์ของบังเขาก็แล้วกันนะครับ คุณกล่าวหาว่าบังเขาบิดเบือน 1 ครั้ง บังเขาก็อาจจะเปิดโปงการปิดเบือนของวะฮาบีย์เพิ่มอีก 1 ครั้งไปเรื่อยๆ ซึ่งคุณก็สนทนากับบังมุหัมมัดตามสโตล์เขาก็แล้วกันนะ ผมไม่เกี่ยว และผมไม่ขอให้ความเห็นอะไรทั้งนั้น

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 10:11 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากคุณอะดีล

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่วะฮ์ฮาบีย์ตามที่นายมุหะมัดกล่าวหา ผมไม่ได้ฝักใฝ่ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ และก็ไม่ผูกขาดมัซฮับใดจากทั้ง 4 แต่ผมศึกษาและรับฟัง อันไหนที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือก็เอาตามนั้น

วิจารณ์

การที่คุณไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แม้กระทั้งท่านอิบนุตัยมียะฮ์นั้น อันนี้ผมก็ไม่ได้ไปตำหนิอะไรคุณหรอก และจุดยืนที่คุณเคยกล่าวมาให้พวกเราฟังนั้นมันก็ไม่ได้ไปขัดกับหลักการของเรา อันใหนที่คุณเชื่อเองว่ามันมีน้ำหนัก อันนี้ผมคงจะไปคาดคั้นคุณไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเรื่องหุกุ่มของศาสนาในด้านฟิกห์นั้น เราจะไปคาดคั้นบังคับกันไม่ได้ แต่เราต้องให้เกียตริกัน ดังนั้น เมื่อจุดยืนของคุณเป็นเช่นนี้ คุณก็ไม่มีสิทธิ์ใดๆที่จะไปหุกุ่มตำหนิทัศนะอื่นที่แตกต่างจากคุณ ซึ่งหากคุณมีจุดยืนแบบนี้ นั่นก็ถือว่าเป็นบิดอะฮ์ สะลัฟเขาไม่เคยทำกัน ฉะนั้น ปัญหาที่เราคุยอยู่ก็เพราะ คุณละเมิดแนวทางอื่น โดยจุดยืนที่ว่าผู้ที่ไม่ใช่แนวทางของตนนั้นเป็นบิดอะฮ์ หรือผู้ที่ไม่ได้มีทัศนะเหมือนกับตนนั้นทำบิดอะฮ์ ซึ่งการละเมิดแบบนี้ไม่ใช่หลักการของสะละฟุศศอลิหฺ แต่หากคุณกล่าวว่า "พวกเรามีหลักการและหลักฐานก็กระทำไป และคุณก็มีหลักฐานและหลักความเข้าใจก็ต่างทำกันไป" ซึ่งแบบนี้ก็ไม่ทำให้มีปัญหากันหรอกและไม่ต้องมาสนทนากันยาวถึงขนาดนี้

ดังนั้น จุดยืนที่ว่า "ไม่มีสิทธิ์ใดๆที่จะไปหุกุ่มตำหนิทัศนะอื่นที่แตกต่างจากคุณ ซึ่งหากคุณมีจุดยืนแบบนี้ นั่นก็ถือว่าเป็นบิดอะฮ์ สะลัฟเขาไม่เคยทำกัน" คุณอะดีลมีความเห็นอย่างไรและมีจุดยืนอย่างไรกับสิ่งเหล่านี้ครับ ยังไงคุณก็สมควรตอบพวกเราบ้าง เพื่อจะได้สนทนากันสะดวกยิ่งขึ้นนะครับ

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 10:15 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากคุณอะดีล

ข้อความที่อัลฟารูกโพสต์ไว้ว่า

บรรดาปวงปราชญ์กล่าวว่า สุนัตให้เพื่อนบ้านเรือนเคียงหรือบรรดาญาติห่างๆ ทำการตระเตรียมอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิด โดยทำให้พวกเขาอิ่มในวันหนึ่งและคืนหนึ่งและนี่ก็คือทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมากและเป็นแนวทางของมัซฮับทั้งสี่

ท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์(ร.ฏ.) กล่าวว่า" ฉันรัก ที่จะให้เพื่อนบ้านของผู้ตาย หรือบรรดญาติของผู้ตาย ทำอาหารให้กับครอบมัยยิด ในวันที่เขาได้เสียชีวิต และอีกหนึ่งคืนของมัน โดยที่ทำให้พวกเขาอิ่ม เพราะสิ่งดังกล่าวนั้น เป็นซุนนะฮ์ และมีการระลึกที่มีเกียตริ โดยที่มันเป็นการกระทำของผู้ที่เป็นคนดีก่อนจากเราและหลังจากเรา" ดู หนังสือ อัล-อุมมฺ เล่ม 1 หน้า 247

ผมอยากได้คำยืนยันว่าเป็นข้อความที่ถูกต้องหรือเปล่า และอัลฟารูก อยู่ในมัซฮับทั้ง 4 ตามที่โพ้สต์ไหม หรือว่ามีแนวทางเฉพาะของตัวเอง ที่ผมถามอย่างนี้เพราะงงมากกับหลักฐานที่คุณกับพวกยกมาอ้าง ซึ่งมันขัดกับข้อความข้างต้น เหมือนกับที่นายมูหะมัด มั่วฮาดีสมาว่า นะบีกินบุญบ้านคนตายวันแรกตั้งแต่ฝังมัยยิต


วิจารณ์

ทำไมคุณอะดีลถึงยกอ้างการนำเสนอของผมไม่หมดล่ะครับ แบบนี้มันเป็นการซอลิมอธรรมกับผมและบิดเบือนทัศนะของพวกเรานี่ครับ ทำไมคุณไม่อ้างอิงคำพูดของผมหลังจากนั้นอีกหนึ่งย่อหน้าล่ะครับ ซึ่งผมได้กล่าวแนวทางของเราไว้แล้ว ดังนี้

"การทำอาหารให้แก่ครอบครัวของมัยยิดนั้น เป็นสุนัต ไม่ใช่ เป็นวายิบ ดังนั้น การที่เราไม่ทำอาหารให้พวกเขานั้น ไม่ถือว่าเป็นบิดอะฮ์หรือกระทำบาป แต่ถือว่าเป็นมักโระฮ์ คือกระทำแล้วได้ผลบุญ หากไม่กระทำก็ไม่ได้รับโทษอะไร เนื่องจากสิ่งที่วายิบ(แบบฟัรดูกิยาฟะฮ์)ต่อบรรดาพี่น้องมุสลิมนั้น ก็คือการจัดการเกี่ยวกับมัยยิด คือการอาบน้ำศพ ห่อ ละหมาด และฝัง และการที่ศาสนาให้บรรดาพี่น้องมุสลิมทำอาหารให้แก่ครอบมัยยิดในหนึ่งวันและหนึ่งคืนนั้น เนื่องจากพวกเขากำลังโศกเศร้ากอปรกับมีภาระยุ่งอยู่กับการจัดการมัยยิด"

และผมก็กล่าวทัศนะของตนต่อไปว่า

ข้อเสนอแนะ

"แต่ระบบของบ้านสังคมบ้านเรานั้น ถือว่าดี การให้ทำอาหารให้แก่ครอบครัวมัยยิดและให้พวกเขารับประทานจนอิ่มนั้น เป็นเรื่องที่บรรดาพี่น้องมุสลิมเมืองไทยบ้านเราทำกันอยู่แล้ว และยิ่งไปกว่านั้น บรรดาพี่น้องมุสลิมก็จะช่วยกันทำอาหารและทำบุญให้กับครอบครัวของมัยยิด....."


และผมก็กล่าวหลังจากนั้นหลายบรรทัดว่า

"ดังนั้น จำนวนเงินดังกล่าวที่บรรดาพี่น้องมุสลิมได้ช่วยเหลือกับครอบมัยยิดนั้น ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ครอบมัยยิดจะทำการเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นการทำบุญ(ศ่อดะเกาะฮ์)อุทิศส่วนกุศลให้กับผู้ตาย โดยบรรดาพี่น้องมุสลิม มาช่วยกันทำอาหารที่บ้านครอบครัวมัยยิดและทำอาหารให้แก่ครอบมัยยิดด้วย..."

ดังนั้น หากคุณได้อ่านสิ่งที่พวกเรานำเสนอไปจริงๆและอ่านโดยใจเป็นกลางนั้น คุณจะไม่งงกล่าวหากับทัศนะของเราหรอกครับ

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 10:18 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากคุณอะดีล

ผมอ่านหลักฐานนี้แล้วก็สงสัยว่า ผู้ตายถูกสอบถามในกุโบร์ 7 วันนั้น หมายถึงตั้งแต่วันแรกที่ถูกฝังใช่ไหม และบรรดาซอฮาบะฮ์ชอบที่จะเลี้ยงอาหารแทนพวกเขาในเจ็ดวันดังกล่าวนั้น หมายถึงซอฮาบะห์เลี้ยงกันที่บ้านคนตายตั้งแต่วันแรกใช่ไหม ถ้าเช่นนั้นฮาดีสที่เรียกว่ามักตั๊วอ์นี้ก็เป็นหลักฐานว่า เลี้ยงอาหารได้ตั้งแต่วันแรกที่ฝังมัยยิตนะซิ เป็นการอ้างว่าซอฮาบะฮ์ทำใช่ไหม

วิจารณ์

หลักฐานของท่านฏอวูสนั้น ตัวหะดิษแล้วเป็นประเภทมักตั๊วะเพราะตาบิอีนที่อยู่ร่วมกับซอฮาบะฮ์ได้รายงานเล่าการกระทำของซอฮาบะฮ์ แต่หะดิษมั๊กตั๊วะของท่านฏอวูสนี้ หุกุ่มของมันนั้นไม่ใช่มักตั๊วะอย่างแน่นอน เพราะมันได้อ้างพาดพิงไปยังการกระทำของซอฮาบะฮ์ (ซึ่งผมจะทำการชี้แจงต่อไปหลังจากนี้ในการตอบบังอะสัน โปรดคุณลองไปอ่านรายละเอียดให้เข้าใจครับ) และซอฮาบะฮ์ได้ให้หรือทำอาหารเป็นทานศอดะเกาะฮ์ 7 วันนั้น ก็คือตั้งแต่วันฝัง เนื่องจากวันฝังนั้น มะลาอิกะฮ์ก็สอบถามแล้ว และหลักฐานจากท่านอุมัรก็ชี้ชัดแล้วว่า หลังจากฝังเสร็จ ท่านอับบาสก็เรียกผู้คนมารับประทานอาหารจากบรรดาสำรับที่ถูกวางเอาไว้แล้ว

และการทำบุญเลี้ยงอาหารเป็นทานซอดาเกาะฮ์ให้กับผู้ตายของพวกเขานั้น เป็นสิ่งที่ดีและมีผลประโยชน์แก่ผู้ตายเป็นอย่างยิ่ง เพราะไม่มีอุลามาอ์ท่านใดขัดแย้งในเรื่องซอดาเกาะฮ์เป็นท่านนั้นมีผลประโยชน์กับมัยยิดและยังได้ผลบุญมากมาย ส่วนการอ่านอัลกุรอาน ซิกิร อิสติฆฟาร ดุอาอ์ให้แก่มัยยิดนั้น เป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมและเป็นอิจญฺมาอ์ ประเด็นผลบุญการอ่านอัลกุรอานถึงคนตายหรือไม่นั้น บรรดานักปราชญ์ส่วนมากกล่าวว่า หากเหนียดฮะดียะฮ์ให้นั้น ก็ถึงแล้ว แต่อิมามชาฟิอีย์บอกว่าไม่ถึงด้วยกับการเหนียตตัวอะมัลการอ่านนั้น แต่หากจะมอบผลบุญให้แก่มัยยิดด้วย สื่อการขอดุอาอ์ต่ออัลเลาะฮ์นั้น ย่อมถึงและมีประโยชน์กับมัยยิดอย่างไม่ต้องสงสัย และอิมามชาฟิอีย์ได้ระบุไว้ในหนังสืออัลอุมม์อย่างนั้น และบรรดาอุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์ก็เข้าใจตามนั้น

ส่วนประเด็น"การรวมตัวที่บ้านครอบครัวมัยยิด"ในการอ่านอัลกุรอาน ซิกิร อิสติฆฟาร การทำทานเลี้ยงอาหารเป็นซอดาเกาะฮ์ ที่บ้านครอบครัวมัยยิดนั้น มากสุดแค่"มักโระฮ์" (โดยคำนึงถึงการรวมตัวอย่างเดียวเท่านั้น) แต่ครอบครัวมัยยิดได้ให้น้ำหนักหรือเล่งเห็นถึงผลประโยชน์ต่างๆที่มากกว่าแก่มัยยิดของพวกเขาโดยมีการอ่านอัลกุรอาน ซิกิร อิสติฆฟาร ทำทานเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นซอดาเกาะฮ์ให้แก่มัยยิดของพวกเขา ดังนั้นครอบมัยยิดได้ให้น้ำหนักหรือถึงเล็งเห็นถึงผลประโยชน์ที่มากกว่านั้น ย่อมกระทำได้ และเพียงการรวมตัว "ที่หุกุ่มมากสุดแค่มักโระฮ์" ก็ถือว่า เป็นสิ่งที่ "ญาอิซ" ให้กระทำได้อย่างไม่ต้องสงสัย และนั่นแหละที่เขาเรียกว่า "ฟิกห์" และคุณอะดีลก็โปรดเข้าใจว่า เรากำลังคุยกับเกี่ยวประเด็นในเรื่อง"ฟิกห์"

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 10:25 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อ้างจากคุณอะดีล

เอาละซี .....ฎอวูสที่เป็นตาบีอีนอ้างว่าซอฮาบะห์ทำ แต่ซอฮาบะห์เองกลับบอกว่าพวกเขาไม่ทำเพราะถือเป็นนิยาฮะฮ์ อย่างนี้ขัดกันไหม

วิจารณ์

ประเด็นนี้เราก็อธิบายกันมามากเลย ทำไมคุณถึงไม่ยอมเข้าใจ หะดิษของท่านฏอวูสนั้น ชี้ถึงว่าประเด็น "บรรดาซอฮาบะฮ์ทำอาหารเพื่อเป็นทานซอดาเกาะฮ์" ซึ่งไม่ใช่เป็นการนิยาหะฮ์ แต่หะดิษของท่านญะรีรนั้น ชี้ถึงประเด็นของ "ครอบครัวมัยยิดทำอาหารเลี้ยงผู้ที่มารวมตัวทำการปลอบใจ(ไม่ใช่เพื่อศอดาเกาะฮ์)" ซึ่งเป็นการนิยาหะฮ์ ดังนั้น มันเป็นคนละประเด็นกัน และไม่ได้ขัดแย้งกันเลย ดังนั้นอย่าเอาประเด็นต่างๆมารวมกันโดยไม่ยอมเปิดใจแยกแยะเพื่อจะหุกุ่มกับบรรดาพี่น้องมุสลิม ซึ่งมันไม่ถูกต้อง

อ้างจากคุณอะดีล

และบรรดาปวงปราชญ์รวมถึงมัซฮับทั้ง 4 โดยเฉพาะอิหม่ามชาฟีกลับบอกว่า สุนัตทำไปให้ ยุ่งละซี ทำไมไม่มีมัซฮับไหนอ้างฮาดีสฏอวูสเพื่อทำบุญเลี้ยงบ้านคนตายบ้างละ หรือถ้าฮะดีสฏอวูสไม่มีน้ำหนักพอ ถ้าเช่นนั้นก็ฮาดีสอุมัรที่อัลฟารูกยกมานั่นไง น่าจะมีน้ำหนักดีกว่า แต่ทำไมบรรดาปวงปราชญ์ไม่ใช้เป็นหลักฐาน แต่กลับบอกว่าสุนัตให้ทำอาหารไปไห้ครอบครัวคนตาย โดยเฉพาะอิหม่ามชาฟีอีบอกว่า สุนัตทำไปให้วันหนึ่งกับคืนหนึ่งและมันเป็นการกระทำของผู้ที่เป็นคนดีก่อนจากเราและหลังจากเรา

น่าสังเกตว่าหลักฐานที่ยกมาแต่ละต้นนั้นขัดกับความเข้าใจของบรรดาปวงปราชญ์ มัซฮับทั้ง 4 และอิหม่ามชาฟีอีอย่างหน้ามือกับหลังมือ

วิจารณ์

การที่คุณพูดว่า "มันขัดกับความเข้าใจกับบรรดาปวงปราชญ์มัซฮับทั้ง 4 และอิมามชาฟิอีย์อย่างหน้ามือกับหลังมือ" นั้น เป็นคำพูดที่ผิดและปราศจากความเข้าใจในหลักการของศาสนา หลักฐานในการทำบุญเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานนั้น เราก็เอามาจากบรรดาอุลามาอ์ที่อยู่ใน 4 มัซฮับ และการที่อิมามชาฟิอีย์ส่งเสริมให้ทำอาหารให้กับครอบมัยยิดนั้น เราก็ทำกันอยู่แล้ว ซึ่งวันแรกพวกเราก็ทำเลี้ยงให้กับครอบมัยยิดอยู่แล้ว แต่หลังจากการทำอาหารให้กับครอบครัวมัยยิดแล้ว พวกเราก็ช่วยครอบมัยยิดทำอาหารเพื่อเป็นทานศอดาเกาะฮ์แก่มัยยิด ก็ไม่ได้ไปขัดแย้งกับคำกล่าวของอิมามชาฟิอีย์ เนื่องจากอิมามชาฟิอีย์ไม่ได้ห้ามทำการซอดาเกาะฮ์เป็นทานให้แก่มัยยิด และยิ่งไปกว่านั้น อิมามชาฟิอีย์ก็ยังสนับสนุนในเรื่องการศอดาเกาะฮ์และเป็นผลประโยชน์ให้แก่มัยยิด เมื่อเป็นเช่นนี้ มันจึงไม่ขัดแย้งกัน แต่ถ้าหากว่า เราทิ้งการทำอาหารให้กับครอบครัวมัยยิด โดยไปทำอาหารเป็นท่านแก่มัยยิดเพียงอย่างเดียวนั้น ก็ย่อมขัดกับคำกล่าวของอิมามชาฟิอีย์อย่างแน่นอน และพวกเราก็ไม่ได้ทำอย่างนั้นอยู่แล้ว ส่วนรูปแบบการทำทานซอดาเกาะฮ์นั้น ศาสนาอิสลามเปิดกว้างขวางครับ จะทำในรูปแบบที่ให้เป็นวัตถุดิบก็ได้ เช่นให้ข้าวสารเป็นทานแก่มัยยิด หรือจะทำในรูปแบบการปรุงเป็นอาหารเลี้ยงเป็นทานซอดาเกาะฮ์เพื่อให้ทุกๆคนได้รับประทานและจะได้ผลบุญมากๆแก่มัยยิดนั้น ก็ให้กระทำในรูปแบบนี้ได้

และหลักฐานที่เราได้ยกมาทั้งหมดนั้น มันเป็นหลักฐานหะดิษนะครับ คุณอะดีล หากเราจะพิจารณาเรื่องหลักฐานหะดิษเหล่านั้น เราก็ต้องใช้หลักการพิจารณาหะดิษมาสนทนากัน และนั่นก็คือแนวทางของอุลามาอ์และนักวิชาการ ดังนั้น เมื่อมีหลักฐานมายืนยัน เราต้องพิจารณาถึงสายรายงานกันก่อน เมื่อหลักฐานนำมาใช้ได้แล้ว ก็นำมาพิจารณาตัวบทและรวมหลักฐาน นั่นคือแนวทางของอุลามาอ์และนักวิชาการ ไม่ใช่มาถามว่า ทำไมคนนี้ไม่อ้างมาเป็นหลักฐาน ทำไมคนนั้นไม่อ้างมาเป็นหลักฐาน ซึ่งคำถามอย่างนี้ไม่ใช่อยู่ในหลักการ โดยที่มีมากมายที่หะดิษบางบทอิมามชาฟิอีย์ไม่อ้างมาเป็นหลักฐาน แต่อิมามมาลิกอ้างมาเป็นหลักฐาน หะดิษกุนูตอิมามชาฟิอีย์อ้างมาเป็นหลักฐาน แต่อิมามหะนะฟีย์ไม่อ้างมาเป็นหลักฐาน ซึ่งหากว่าอิมามผู้นี้ได้อ้างหลักฐานนี้ ก็ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า อิมามคนอื่นจะอ้างหลักฐานอื่นไม่ได้ อย่างเช่นผมถามวะฮาบีย์ว่า บรรดาหลักฐานการแบ่งเตาฮีดออกเป็น 3 ประเภทนั้น ทำไมบรรดาซอฮาบะฮ์ บรรดาตาบิอีน บรรดาอตาบิอิดตาบิอีน และบรรดาอิมามทั้ง 4 ถึงไม่อ้างมาเป็นหลักฐานในการแบ่งเตาฮีด ทำไมอุลามาอ์ 700 ปีหลังจากนบีเสียชีวิตถึงไม่อ้างหลักฐานต่างๆที่วะฮาบีย็อ้างมา ในการแบ่งประเภทของเตาฮีด เมื่อเป็นเช่นนี้ หลักการแบ่งประเภทเตาฮีดของวะฮาบีย์นั้น มันขัดกับหลักการของซอฮาบะฮ์และสะลัฟอย่างหน้ามือกับหลังมือหรือไม่??? มันเป็นสิ่งที่คุณอะดีลน่าจะเอาไปคิดใคร่ครวญครับ และสิ่งที่ผมได้ตอบบังอะสันไปนั้น ก็ถือว่าเป็นการตอบชี้แจงกับคุณด้วยนะครับ ดังนั้น คุณก็สมควรอ่านด้วย แล้วผมก็จะนำมันมาทบทวนในครั้งต่อไป

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
al-farook
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 24/08/2005
ตอบ: 297
ที่อยู่: อียิปต์

ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 10:30 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ก่อนไปอ่านหนังสือ ผมขอให้คุณอะดีลก่อนในสิ่งที่ผมได้ชี้แจงไปกับ บังอะสันและคุณ อ่านมันให้หมดและให้เข้าใจ แล้วคุณจะต้องการสนทนากับเราหรือจะถามอะไรมานั้น เราจะสนทนาและตอบให้คุณ แต่การตอบนั้น ก็ไม่จำเป็นที่เราจะตอบทั้งหมด เนื่องจากคนเรายังต้องใช้คำว่า "ฉันไม่รู้" อยู่อย่างนั้น หากคุณจะเข้ามาเป็นผู้ที่ถามเพียงอย่างเดียว ก็ให้มีมารยาทในการถาม แต่หากคุณต้องการเข้ามาเพื่อสนทนา คุณก็สมควรตอบคำถามพวกเราด้วย เพื่อจะได้เป็นการสนทนาในเชิงวิชาการ และขอย้ำว่า โปรดอ่านมันให้หมด แม้จะขมขื่นก็ตาม

_________________
นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
www.sunnahstudent.com
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
asan
ผู้ดูแลกระดานเสวนา
ผู้ดูแลกระดานเสวนา


เข้าร่วมเมื่อ: 21/03/2005
ตอบ: 3165


ตอบตอบ: Fri Apr 28, 2006 11:38 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ตอบ
Al-farook กล่าวว่า
สรุปการอธิบายของนักหะดิษและอุซูลุลฟิกห์ ทัศนะแรก ได้อ้างไปยังท่านนบี(ซ.ล.) ซึ่งบังอะสันไม่เชื่ออยู่แล้ว เพราะทัศนะแรกของนักหะดิษนี้ บังอะสันบอกว่ามันเป็นการคาดเดาเท่านั้น (และคำพูดของบังอะสันนี้ เราจะจำมันไว้) และทัศนะที่สอง บังอะสันเงียบ ไม่ยอมวิจารณ์ นั่นก็หมายความว่า บรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำบุญเพื่อเป็นทาน 7 วัน และมันเป็นการถ่ายทอดการอิจญฺมาอ์ของบรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหมด แต่คำพูดนี้บังอะสันคงทำใจรับไม่ได้ แต่ก็ยังมีบางอุลามาอ์กล่าวว่า มันเป็นเพียงแค่บางส่วนของซอฮาบะฮ์ อันนี้บังอะสันต้องทำใจรับ ดังนั้น ซอฮาบะฮ์บางส่วนได้กระทำการทำบุญให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด มันเป็นการกระทำของสะลัฟระดับซอฮาบะฮ์ใหมครับ และเมื่อซอฮาบะฮ์กระทำ ก็ย่อมหมายถึงว่าพวกเขาไม่ได้เข้าใจว่า ท่านนบี(ซ.ล.) ห้ามการเลี้ยงอาหารเป็นทานแก่มัยยิด??? บังอะสันได้เคยอ้างไว้ว่า
ตอบ
………………………………
ไม่ว่าจะเป็น หะดิษอุมัร และหะดิษฏอวูส ซึ่ง น้อง al-farook มาอ้างนั้น มันเป็นหะดิษที่ขัดแย้ง กับหะดิษญะฟัร และหะดิษญะรีร ดังที่ได้นำเสนอไปแล้ว และหะดิษทั้งสองนี้ ท่านอิหม่ามทั้งสี่ คนใหนบ้าง นำมาเป็นหลักฐาน การกำหนดรูปแบบการของ การทำบุญคนตายสามวันเจ็ดวัน โดยมี พีธีกรรมมาประกอบ คือ ตะฮลีล อ่านกุรอ่าน และจบด้วยดุอาอาอุทิศผลบุญให้คนตาย พิธีกรรมแบบนี้เป็นพิธีกรรมที่ถูกเพิ่มเติมขี้นมาประกอบ
……………………….
Al-farook อ้างอีกว่า..............
ดังนั้น เมื่อซอฮาบะฮ์ได้ปฏิบัติการทำอาหารเป็นทานซอดาเกาะฮ์ ก็เพราะว่าพวกเขารู้ว่าท่านนบี(ซ.ล.)เคยยอมรับมันใช่ใหมครับ??? และถ้าหากท่านนบี(ซ.ล.)ห้าม พวกเขาก็ย่อมไม่กระทำมัน?? แต่นี่ซอฮาบะฮ์ทำ ก็เพียงพอแล้วสำหรับการชี้ให้เห็นว่า "การทำบุญเลี้ยงอาหารเพื่อเป็นทานซอดาเกาะฮ์" เป็นสิ่งที่อนุญาติให้กระทำได้!!!
………….
ท่านนบียอมรับได้อย่างไรในเมื่อท่านสอนอีกแบบ แต่ พวกคุณมาสร้างอีกแบบ ซึ่งผมได้นำเสนอไปแล้ว คือ

การที่ทายาทหรือครอบครัวผู้ตาย ไปเชิญผู้คนมาชุมนุมที่บ้าน แล้วเลี้ยงอาหารแก่ผู้ที่มาชุมนุม หลังจากที่เขาได้ทำพิธี ตะฮลีล และอ่านดุอาอุทิศผลบุญให้ผู้ตาย พิธีกรรมแบบนี้ มันมีแบบอย่าง(สุนนะฮ)มาจากท่านนบีหรือไม่ เปล่าเลย และตอนที่ท่านหญิงเคาะดียะฮ ถึงแก่กรรม ท่านนบี ทำบุญ 3 วัน 7 วัน แบบที่บ้านเราทำไหม เปล่าเลย... และการทำเศาะดะฮเกาะฮนั้น วัตถุประสงค์ เพื่อให้ทานแก่คนจนใช่หรือไม่ แล้วที่เชิญมากินนั้น เป็นใคร... เป็นคนจนหรือเปล่า ..เปล่าเลย แล้วเมื่อไม่มีแบบอย่าง ทำไมจึงไม่กลับไปสู่แบบอย่างที่ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ดังหะดิษ

قَالَ عَبْدُ اللهِ بْنِ جَعْفَرَ : لَمَّا جَاءَ نَعْيُ جَعْفَرِ حِيْنَ قُتِلَ قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : اِصْنَعُوْا لآلِ جَعْفَرِ طَعَامًا فَقَدْ اَتَاهُمْ مَايُشْغِلُهُمْ . (حسنه الترمزى وصححه الحاكم)

อับดุลลอฮ บุตร ญะฟัร กล่าวว่า “ ขณะที่ข่าวของท่านญะอฟัร ถูกสังหารเสียชีวิต ได้มาถึง ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็กล่าวว่า “พวกท่านจงทำอาหารให้แก่ครอบครัวยะฮฟัร ความจริง สิ่งที่นำความทุกข์แก่พวกเขา ได้มาประสบกับพวกเขา” – อัตติรมิซีย์ระบุว่า เป็นหะดิษ หะซัน และอัลหากิมระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ
.....................
แบบอย่าง คือ นำอาหารไปให้พวกเขา ไม่ใช่นำไปให้แล้วชุมนุมกันกิน หรือ รับเชิญมากินกัน แล้วใช้ การทำพิธี ตะฮลีล อ่านดุอา อุทิศผลบุญให้ เป็นค่าตอบแทน มันสวนทางกับอัสสุนนะฮ ชัดๆอยู่แล้ว ทำไมจึงดันทุรัง โต้แย้งอีก
และท่านอิหม่ามชาฟิอี (ขออัลลอฮ เมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وَاُحِبُّ لِجِيْرَانِ الْمَيِّتِ اَوْذِيْ قَرَابَتِهِ اَنْ يَعْمَلُوْا لاَهْلِ الْمَيِّتِ فِىْ يَوْمِ يَمُوْتُ وَلَيْلَتِهِ طَعَامًا مَا يُشْبِعُهُمْ وَاِنَّ ذَلِكَ سُنَّةٌ
และข้าพเจ้าชอบให้เพื่อนบ้านมัยยิตและญาติใกล้ชิดของเขา ทำอาหารให้แก่ครอบครัวผู้ตาย ให้พวกเขากินให้อิ่ม ในวันและคืนที่เขาตาย และแท้จริง ดังกล่าวนั้น เป็นสุนนะฮ........ อัลอุม เล่ม 1 หน้า 247
.................
แล้วทำไมผู้ที่ตามมัซฮับชาฟิอีย แทนที่จะทำตามคำแนะนำของอิหม่ามชาฟิอี แต่กลับใช้ข้ออ้างว่า ทำบุญ 3 วัน 7 วัน อิหม่ามชาฟีอี ไม่ได้ห้าม และอ้างหะดิษฏอวูส บ้างล่ะ หะดิษอุมัรบ้างล่ะ แล้วหะดิษดังกล่าวทำไม อิหม่ามทั้งสี่ไม่นำมาอ้างอิง และ หะดิษดังกล่าว สอดคล้องกับพิธีกรรม บ้านเราเมืองไทย ที่ทำบุญ 3 วัน 7 วัน หรือเปล่า และหะดิษดังกล่าว มันสวนทางกับอัสสุนนะฮที่ว่า
قَالَ عَبْدُ اللهِ بْنِ جَعْفَرَ : لَمَّا جَاءَ نَعْيُ جَعْفَرِ حِيْنَ قُتِلَ قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : اِصْنَعُوْا لآلِ جَعْفَرِ طَعَامًا فَقَدْ اَتَاهُمْ مَايُشْغِلُهُمْ . (حسنه الترمزى وصححه الحاكم)

อับดุลลอฮ บุตร ญะฟัร กล่าวว่า “ ขณะที่ข่าวของท่านญะอฟัร ถูกสังหารเสียชีวิต ได้มาถึง ท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ก็กล่าวว่า “พวกท่านจงทำอาหารให้แก่ครอบครัวยะฮฟัร ความจริง สิ่งที่นำความทุกข์แก่พวกเขา ได้มาประสบกับพวกเขา” – อัตติรมิซีย์ระบุว่า เป็นหะดิษ หะซัน และอัลหากิมระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ
อิหม่ามอัลนะวาวีย์ กล่าวว่า
وأما إصلاح أهل الميت طعاما وجمع الناس عليه فلم ينقل فيه شيء , وهو بدعة غير مستحبة
สำหรับการที่ครอบครัวผู้ตายเตรียมอาหารและให้ผู้คนมาชุมนุมกัน ณ.ที่นั้น ไม่มีสิ่งใด(ที่เป็นหลักฐาน)ได้ถูกรายงานมาเลย และมันคือ บิดอะฮ ที่ไม่ชอบให้กระทำ – อัลมัจญมัวะ เล่ม 5 หน้า 276
...............
ทั้งหมดนี้ อาจจะกล่าวซ้ำบ้าง แต่ต้องการชี้ให้เห็นว่า สิ่งเหล่านี้ น่าจะจบด้วยการเอาแบบอย่างของท่านนบี มาเป็นบรรทัดฐาน ในประเด็นนี้ อย่าเอาเรื่องเศาะดะเกาะฮมาอ้าง เพราะท่านนบี ไม่เคยทำเศาะดะเกาะอโดยจัดพิธีกรรมแบบที่ทำกัน จึงเรียนมาเพื่อความเข้าใจ
……………………..
การทำบุญคนตาย 3 วัน 7 วัน ที่ทำกันในปัจจุบัน มันคือลอดช่องสิงคืโปร์รวมมิตร ยิบนี้นิด ยิบนั้นหน่อย มาประสมปนเป ให้เป็นรูป เป็นร่างขึ้นมา จึงอยากจะถามว่า ท่านอุมัรสั่งเสีย ให้ทำอย่างนั้นหรือ ทำไม เรื่องสำคัญขนาดนี้ ท่านนบีจึงสั่งไม่ตรงกับท่านอุมัร และหะดิษญะรีร ทำไมจึงขัดกับหะดิษออุมัร และหะดิษฏอวูส แล้วรูปแบบล่ะ ใครเป็นผู้กำหนด
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
adeel
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 172


ตอบตอบ: Sat Apr 29, 2006 4:26 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัลฟารูกกล่าวว่า

แต่กระนั้น พวกเราก็ไม่ไปรวมตัวกันปลอบใจและรอให้ครอบมัยยิดทำอาหารเลี้ยงเด็ดขาด และเมืองไทยบ้านเราก็ไม่มีอย่างนั้น เนื่องจากเราก็ยึดหะดิษของท่านญะรีรที่รายงานเกี่ยวกับซอฮาบะฮ์เช่นเดียวกัน

ขอตอบว่า

คนเมืองไทยอ่านแล้วขำกลิ้งเลย กับคำปฏิเสธว่าครอบครัวมัยยิตทำอาหารเลี้ยงนั้นไม่มีในเมืองไทย จริงหรือคุณทนาย

ผมจำได้ว่าเคยถามในประเด็นนี้แล้ว และเคยได้รับคำตอบจากคุณอัลฟารูกว่า

ถ้าเป็นจริงอย่างนั้น ผมก็ขอตำหนิและประณาม

แต่ฮาดีสที่มูหะหมัดนำมาอ้างว่า นะบีกินบ้านคนตายในวันแรกที่ฝังโดยภรรยาคนตายเป็นเจ้าภาพและซอฮาบัตก็ไปกินด้วยนั้น มันชนกันโครมใหญ่เลยนะท่าน แล้วคนอะวามอย่างผมจะเชื่อใครดี ระหว่างอัลฟารูกที่ตำหนิและประณามการที่ครอบครัวคนตายทำอาหารเลี้ยง โดยบอกว่ายึดถือฮาดีสของญะรีร แต่ฮาดีสที่มุหะมัดนำมานั้นอ้างว่าทำได้และกินได้นบียังไปกินเลย
แต่อัลฟารูกก็พูดว่า การไปรวมตัวปลอบใจครอบครัวมัยยิตและครอบครัวมัยยิตทำอาหารเลี้ยงนั้น บรรดาซอฮาบะฮ์ไม่ส่งเสริม

อ้าว.....ไงเป็นงั้นไป ก็ฮาดีสที่มูหะมัดเอามาอ้างนั้น นะบีกับซอฮาบะห์ก็ยังกินเลย และถ้านะบีทำจริงก็ถือเป็นซุนนะฮ์ แล้วไม่ส่งเสริมได้ยังไง หนึ่งในนี้ต้องมีเท็จ นี่เป็นข้อสังเกตุของผม

แต่เมื่อถึงบทพิสูจน์อัลฟารูกก็บอกว่า ไม่เกี่ยวกับมูหะมัด ให้เขาชี้แจงเอง ฉะนั้นเมื่ออัลฟารูกตำหนิและประณามนายมุหะมัดจะว่าอย่างไร ผมจะรอฟัง

โอ้ละหนอ......นายมูหะมัดโดนลอยแพซะแร้ว
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   กระทู้นี้ถูกปิดคุณไม่สามารถแก้ไขคำตอบหรือตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ปัญหาศาสนา ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 14, 15, 16 ... 25, 26, 27  ถัดไป
หน้า 15 จากทั้งหมด 27

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.15 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ