อนุรักษ์มรดกอิสลาม

[มุสลิม]

คราวนี้ผมขอถามท่านวิทยากรต่อนะครับ คำถามเดียวกัน “กาฟิรจะได้ออกจากนรกรึเปล่าครับ” แต่เนื่องจากท่านวิทยากรเป็นผู้รู้ผมจึงต้องการการยืนยันทรรศนะดังกล่าวจากคำพูดของผู้รู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นบรรดาอิมามของอะฮ์ลุซซุนนะฮ์ด้วย(เพื่อให้แน่ใจว่าทรรศนะดังกล่าวเป็นความเชื่อที่ได้รับการยอมรับจากประชาชาตินี้ตลอดระยะเวลา 14 ศตวรรษ) เชิญท่านวิทยากรครับ[/quote]

เพื่มอีกข้อครับทั้งคุณมะฮ์ดี และท่านวิทยากร "นรกจะสูญสลายหรือไม่??"

ท่านวิทยากรครับ วันที่ 3 แล้วนะครับ

[adeel]

ช่วงนี้อาจารย์ฟารีดคงยังไม่ว่างที่จะมาตอบคำถาม ท่านบรรยายทั้งกลางวันและกลางคืน และต้องบันทึกเทปออกรายการวิทยุอีกหลายรายการ และยังจะไปสอนหนังสือที่โรงเรียนฟาติฮะห์อีก ท่านดูแลทั้งรายการวิทยุสื่ออนุรักษ์ และวารสารอนุรักษ์ ทั้งเวบนี้ด้วย น่เห็นใจท่านจริงๆ

ผมนำเอาคำพูดของอาจารย์ฟารีด ที่คุณรอยยะห์ถ่ายมาจากเทปให้ลองทบทวนกันอีกครั้ง

“คือเรื่องนี้กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในสังคมของเรา มีหลายคนถามผมว่า อาจารย์เห็นอย่างไง บางคนก็บอกว่า ทำใมอาจารย์นิ่งเฉย ที่เรื่องอื่นเห็นอาจารย์ชนแหลก (ฮึๆๆๆ)

ต้องขอบอกก่อนนะครับว่า จุดยืนของผมและสื่ออนุรักษ์ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เรายังกล่าวได้เต็มปากว่าก็อดยานีเป็นกาเฟร

ตะนี้..ที่ผ่านมาผมก็เป็นผู้ฟังคนหนึ่ง แต่ว่า..ฟังด้วยการพินิจพิจารณา ตรึกตรอง เราต้องรอบคอบครับ.. เพราะถ้าเราใจด่วน อาจจะเป็นผลร้ายกับตัวเราเอง เราอาจจะปรักปรำคนหนึ่งคนใดโดยไม่รู้ตัว เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ครับ เพราะข้อหากาเฟรนี่จะมาพูดกันชุ่ยๆ ไม่ได้ เวลาไม่ชอบขี้หน้าใครก็ให้ข้อหาเขาว่าเป็นก็อดยานี หรือผู้สนับสนุนก็อดยานี อย่างนี้ ไม่ใช่วิสัยของผม

ตะนี้...เรามาดูซิครับว่า อะไรที่เป็นประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายขัดแย้งกันจริงๆ ผมขอไม่เอยนามคู่กรณีท่านหนึ่งท่านใดนะครับ แต่จะขอนำเอาเฉพาะประเด็นที่ไม่ลงกันมาตีกรอบให้ท่านผู้ฟังได้เห็นภาพชัดๆ อย่างงี้ว่า

ประเด็นแรกคือ กอ็ดยานีเป็นกาเฟร ทั้งสองฝ่ายพูดตรงกัน ผมย้ำอีกทีนะครับว่า ก็อดยานีเป็นกาเฟร ทั้งสองฝ่ายเข้าใจตรงกัน
ประเด็นต่อมาคือ การตีความอัลกุรอานในหลายอายะห์ โดยเฉพาะเรื่องนบีอีซาและเรื่องมัวอ์ญีซาตอื่นๆ ทั้งสองฝ่ายก็ยืนยันว่าผิด ไม่ถูกต้อง ก็ตรงกันอีกครับ

เมื่ออะกีดะห์ของทั้งสองฝ่ายตรงกันยังงี้จะให้ผมว่าอย่างไงละครับ แต่ถ้าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด บอกว่า ก็อดยานีเป็นมุสลิม หรือ ยืนยันว่า การตีความอัลกุรอานอย่างงั้นถูกต้อง ผมก็ไม่เอาด้วยละครับ

ตะนี้...อะไรละ ที่เป็นประเด็นขัดแย้งกันจริงๆ

ประเด็นที่เห็นไม่ตรงกันหรือพูดไม่ตรงกันก็คือ การให้ข้อหาความผิดกับอาจารย์อวุโสท่านหนึ่ง ผมขอไม่เอยชื่อนะครับ...ซึ่งข้อหาความผิดนี้
ฝ่ายหนึ่งบอกว่า ผิดในข้อหาก็อดยานี
แต่อีกฝ่ายหนึ่งก็บอกว่าผิดเหมือนกัน แต่ไม่ใช่ผิดในข้อหาก็อดยานี
ตรงนี้เองที่เป็นประเด็นขัดแย้ง

ผมเองก็แปลกใจครับว่า ประเด็นที่เข้าใจตรงกันนั้นจะนำเอามาขยายความให้สังคมเราวุ่นวายทำใม เพราะพูดเมื่อใหร่ก็ตรงกันอยู่วันยังค่ำ แต่ประเด็นที่ขัดแย้งกันจริงๆ กลับไม่นำเอามาเสนอ ผมเองก็รอฟังอยู่เหมือนกัน...............”

[yoohoo]

ถ้าท่านวิทยากรท่านยังไม่ว่างก็ ท่านสมาชิกที่อยู่ในกระทู้นี้นี่แหละครับช่วย ๆ กันตอบก็ได้
เพื่อเป็นวิทยาทานที่ยังประโยชน์ได้บ้างนะ จะได้เห็นเจตนาของผู้ที่ดำรงในหลักการแห่งอิสลามกันได้บ้างว่ามีความจริงใจต่อหลักการกันอย่างไรด้วยครับ หรือว่าคำถามเหล่านี้มิได้อยู่ในสายตาเลยครับ

[addullslam]

คุณ yoohoo ครับ คำถามเรื่องนรก เรารอให้ผู้ใหญ่ผู้มีความรู้ตอบ
ไม่ใช่เป็นคำถามที่อยูนอกสายตาแต่ประการใด
ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่ เป็นจุดหมายปรายทางของมุสลิมทุกคน
คือไม่สวรรค์ก็นรก
เอาอย่างนี้ถือเป็นการคุยกันดีกว่า
ตามตัวบทแล้วกาเฟรจะอยู่ในนรกตลอดการ
ตามดำรัสของ อัลลอฮฺ
แต่ถ้าแยกกาเฟร ออกเป็น2อย่าง คือกาเฟร แท้จริงกับกาเฟรเนี๊ยมัตอฺ
เรื่องมันก็ออกไปอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งผมจะไม่ไปถึงจุดนั้น
อัลลอฮฺใด้ตรัสว่า
จะไม่เพิ่มอะไรให้แก่ชาวนรก นอกจากการลงโทษ#
จึงมีคนตกนรก ตลอดการ นรกก็จะไม่มีวันดับสลาย
ตราบไดที่ยังมีคนอยู่ตลอดการ
ส่วนเรื่องคำพูดที่ว่า นรกคือโรงพยาบาล ผมใด้ยินมาตั้งแต่เข้ารับอิสลามใหม่ๆ
ผมคิดว่าเป็นการพูดในเชิงเปรียบเทียบมากกว่า
ไม่มีหลักฐานไดๆ ในเรื่องของชื่อนี้
แต่ถ้าจะเป็นเรื่องคุยกันเล่นๆก็สนุกดีในชื่อนี้ ผมก็เคยพูดกัน

[yoohoo]

ขอขอบคุณ คุณ Abdullslam ที่มาร่วมด้วยช่วยตอบนะครับ อย่างน้อยก็แสดงให้เห็นถึงเจตนาที่ดีที่มีต่อผู้ร่วมศาสนาแห่งอัลลอฮฺครับ

[มุสลิม]

ขอบคุณมากครับสำหรับคุณอับดุลสลาม และคุณจีจี่
เห็นมีคนเข้ามาแสดงความคิดแล้วผมก็อยากแสดงบ้าง
ในเรื่องคำถามที่ผมได้ถามท่านวิทยากรนั้นเป็นคำถามที่ผมทราบคำตอบดีอยู่แล้วไม่ว่าคำถามแรก หรือว่าคำถามที่สอง แต่ที่ถามไปเพราะว่าต้องการสะกิดผู้ดูแล
เว็บ หรือวิทยากรทั้งหลายของทางมูลนิธิครับ เพราะว่าผมเห็นว่าสมาชิกบางท่านเขียนทำนองของนรกคือโรงพยาบาลมาร่วมสองหน้าได้แล้ว แต่ไม่มีใครโดยเฉพาะทางผู้รู้เข้าค้านเลย ผมก็เลยต้องกระตุ้นท่านโดยการยิงคำถาม เพราะผมเองไม่อยากจะปะคารม
หรือโต้วาที หรืออะไรทำนองนั้นเพราะผมคิดว่าเวปนี้ขึ้นกับสถาบันที่มีนักวิชาการผมเหมือนคนนิรนามถ้าให้ทางนักวิชาการมาพูดจะง่ายกว่า แต่ก็รออยู่นานก็ยังไม่ได้คำตอบ
แต่ก็คิดว่าท่านอาจไม่ว่าง และถึงอย่างไรท่านก็คงจะต้องเข้ามาตอบไม่ช้าก็เร็ว แต่เนื่องจากเห็นบางท่านในกระดานมีการคล้อยตาม และส่วนคนที่เงียบไม่ได้เข้ามากระทู้นี้ก็ไม่ทราบว่าคล้อยตามกันหรือไม่ ผมจึงอยากจะตอบคำถามของผมเองตามความรู้อันน้อยนิดของผม

[มุสลิม]

ก่อนอื่นผมอยากบอกก่อนว่าสิ่งที่ผมจะพูด จะทำนั้นเป็นการตอบโต้
แนวความคิดดังกล่าวซึ่งผูกพันอยู่กับผู้ที่เสนอแนวดังกล่าวในเวปนี้เท่านั้น
ผมไม่ได้จะพูดถึงคนกลุ่มใด หรือลัทธิใด เพียงแต่เป็นมุสลิมคนหนึ่งที่เห็น
แนวคิดที่ไม่ถูกต้องจากมุสลิมอีกคนหนึ่งในเวปนี้แล้วมีคนเชื่อตาม
จึงอยากแสดงท่าทีคัดค้านแนวคิดนี้

บิสมิลลาฮิรรอฮ์มานิรรอฮีม

การเฟรจะได้ออกจากนรกหรือไม่??

[มุสลิม]

ผมกล่าวว่า การอ้างว่ากาฟิรในท้ายที่สุดจะได้ออกจากนรกนั้น เป็นทรรศนะที่ไม่มีอะฮ์ลุซซุนนะฮ์คนไหนเคยเชื่อเช่นนั้น ทรรศนะดังกล่าวขัดกับกิตาบุลลอฮ์ ซุนนะฮ์ และอิจมาอ์อะฮ์ลิซซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
อัลกุรอาน

๔๕ / ๓๕ “ นั่นก็เพราะว่าพวกเจ้าได้ยึดเอาบรรดาโองการของอัลลอเป็นเครื่องเล่น และเพราะชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ได้ลวงพวกเจ้า ฉะนั้นวันนี้ (ปรโลก)
พวกเขาจะไม่ได้ออกจากไปนรก และทั้งพวกเขาจะไม่ถูกขอร้องให้กลับไปแก้ตัวใหม่อีก “

๔๕ / ๕ “ แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธตรัทธาต่อบรรดาโอลการของเรานั้น
เราจะให้พวกเขาเข้าสู่ไฟนรก คราใดที่ผิวหนังของพวกเขาสุก
เราก็เปลี่ยนให้แก่พวกเขาใหม่ ซึ่งผิวหนังอื่นเพื่อพวกเจาจะได้ชิมรสการทรมาน “

๑๗ / ๙๗ “ และผู้ใดที่พระองค์ทรงปล่อยให้เขาหลงผิดไป
เจ้าก็จะไม่พบบรรดาผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับพวกเขาอื่นจากพระองค์เป็นอันขาด
และเราจะชุมนุมพวกเขาในวันกิยามะฮ์ในสภาพใบหน้าต่างเท้า ตาบอด เป็นใบ้
และหูหนวก ที่อยู่ของพวกเขาก็คือ ญะฮันนัม คราใดที่ญะฮันนัมมอด
เราก็เพิ่มเปลวเพลิงอันโชติช่วงแก่พวกเขาอีก นั่นคือการตอบแทนแก่พวกเขาเนื่องจากพวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาโองการของเรา และพวกเขากล่าวว่า
เมื่อพวกเราได้กลายเป็นกระดูก และเป็นผุยผงไปแล้ว
พวกเราจะถูกให้ฟื้นคืนชีพมาในสภาพมนุษย์ใหม่อีกกระนั้นหรือ ?“

[มุสลิม]

๖๔ / ๑๐ “ และบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาและกล่าวว่า บรรดาโองการของเรามุสานั้น
ชนเหล่านี้แหละ คือชาวนรกโดยที่พวกเขาจะอยู่ในไฟนรกนั้นตลอดกาล
และช่างเป็นที่กลับอันเลวทรามสิ้นดี “

๗๒ / ๒๓ - ๒๔ “ และผู้ใดที่ฝ่าฝืนอัลลอฮและร่อซูลของพระองค์แล้ว
แน่นอนสำหรับเขาคือไปนรกญะฮันนัม โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนรกญะฮันนัมนั้นชั่วนิรันดร “

๔๓ / ๗๔ - ๗๘ “ แท้จริงบรรดาผู้กระทำความผิด (ผู้ปฏิเสธศรัทธา)
นั้นจะอยู่ในญะฮันนัมตลอดกาล (๗๔) โดยที่การลงโทษนั้นจะไม่ถูกลด
หย่อนแก่พวกเขา และขณะเดียวกันพวกเขาจะอยู่ในการลงโทษนั้น
ด้วยความหมดหวัง (๗๕) และเรามิได้อธรรมแก่พวกเขา แต่ทว่าพวกเขาต่างหาก เป็นผู้อธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง (๗๖) และพวกเขาได้เรียกขึ้นว่า โอ้มาลิก
(เจ้าหน้าที่เฝ้าประตูนรก) โปรดให้พระเจ้าของท่านทำให้พวกเราตายเสียเถิด
เขา (มาลิก) กล่าวว่า แท้จริงพวกท่านั้นจะเป็นผู้อยู่ต่อไป
(๗๗) แท้จริงนั้นเราได้นำความจริงมายังพวกเจ้าแล้ว แต่ทว่าส่วนมากของพวกเข้าเป็นผู้ไม่ชอบความจริง (๗๘)

๒ / ๑๖๕ “ และในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้ยึดถือบรรดาภาคีอื่นจากอัลลฮ
ซึ่งพวกเขารักภาคีเหล่านั้นเช่นเดียวกับรักอัลลอฮ แต่ทว่าบรรดาผู้ที่ศรัทธานั้นย่อมเป็นผู้รักอัลลอฮมากยิ่งกว่า และหากบรรดาผู้อธรรมเหล่านั้นจะได้เห็น
ขณะที่พวกเขาเห็นการลงโทษแล้ว (แน่นอนเขาจะต้องตระหนักได้ดีว่า)
แท้จริงพลังทั้งมวลนั้นเป็นของอัลลอฮเท่านั้น และแท้จริงอัลลอฮนั้นเป็นผู้ลงโทษที่รุนแรง
“ จนกระทั่งถึงข้อความที่พระองค์ทรงกล่าวไว้ว่า ๒ / ๑๖๗ “ ในทำนองนั้นแหละอัลลอฮจะทรงให้พวกเขาเห็นงานต่าง ๆ ของพวกเขา เป็นที่เสียใจแก่พวกเขา และใช่ว่าพวกเขาจะออกจากไฟนรกก็หาไม่ (คืออยู่ในนรกตลอดกาล)

[มุสลิม]

๗ / ๔๐ - ๔๑ “ แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรา
และโอหังไม่ยอมรับฟังโองการเหล่านั้น บรรดาประตูแห่งฟากฟ้าจะ
ไม่ถูกเปิดให้แก่พวกเขา และพวกเขาจะไม่ได้ เข้าสวรรค์
จนกว่าอูฐจะลอดเข้าในรูเข็มได้ และในทำนองนั้นแหละเราจะตอบแทน
แก่ผู้กระทำความผิด (๔๐) สำหรับพวกเขานั้น คือที่นอนที่ทำมาจากนรกญะฮันนัม
และบนพวกเขานั้นคือผ้าห่มที่ทำมาจากนรกญะฮันนัม และก็ในทำนองนั้นแหละ
เราจะตอบแทนแก่ผู้อธรรมทั้งหลาย “

๓๕ / ๓๖ - ๓๗ “ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น สำหรับพวกเขาคือ
ไฟนรกญะฮันนัม โดยที่พวกเขาจะไม่ถูกทำให้ตาย พวกเขาจะตายได้อย่างไร
และจะไม่ถูกผ่อนเบาให้แก่พวกเขาจากการลงโทษแห่งนรกญะฮันนัมนั้นอีกด้วย
ในทำนองนั้นแหละ เราจะตอบแทนแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทุกคน (๓๖)
และพวกเขาจะร้องตะโกนอยู่ในไฟนรกญะฮันนัมว่า
ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของพวกข้าพระองค์ โปรดได้ทรงให้พวกข้าพระองค์
ออกจากไฟนรกญะฮันนัมเถิด พวกข้าพระองค์จะได้ทำสิ่งที่ดีซึ่งมิใช่สิ่งที่พวกข้าพระองค์เคยกระทำมาก่อน (พระองค์ตรัสตอบว่า) เรามิได้ให้พวกเจ้ามีอายุอยุ่ในช่วง
เวลาที่ผู้ใคร่ครวญ จะใคร่ครวญได้กระนั้นหรือ ?
และก็ได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าแล้วด้วย พวกเจ้าจงชิม (ไฟนรกญะฮันนัม)
กันเถิด สำหรับผู้อธรรมนั้นหามีผู้ช่วยเหลือใด ๆ ไม่ “

๗๘ / ๒๑ “ แท้จริงขุมนรกญะฮันนัมนั้นเป็นที่สอดส่อง (๒๑)
เป็นที่กลับไปสำหรับผู้ละเมิดทั้งหลาย “ จนกระทั่งพระองค์ได้ทรงกล่าวว่า
“ พวกเจ้าจงลิ้มรส (การลงโทษ) เถิด
เราจะไม่เพิ่มอะไรแก่พวกเจ้านอกจากการทรมานเท่านั้น “

อ้างอิงจากคุณจีจี่ ซึ่งผมว่าเพียงพอ

[มุสลิม]

ความหมายของทุกอายะฮ์ที่ถูกอ้างอิงข้างต้นพูดในทำนองเดียวกันหมดว่าชาวนรกจะต้องอยู่ตลอดไม่ได้ออก ยกเว้นชาวนรกที่เป็นผู้ให้เอกภาพต่ออัลลอฮ์เท่านั้น(หลักฐานการยกเว้นจะตามมา)
หากจะดูซูเราะฮ์อัลอะอ์รอฟ 40-41(ที่ยกมาข้างบน)ลองสังเกตประโยคที่ว่า
“พวกเขาจะไม่ได้ เข้าสวรรค์ จนกว่าอูฐจะลอดเข้าในรูเข็มได้”
อัลลอฮ์ทรงเปรียบเทียบการเข้าสวรรค์ของผู้ปฏิเสธกับการลอดเข้าไปในรู้เข็มของอูฐ
ในเมื่อสิ่งนั้นไม่ได้สิ่งนี้ก็ไม่ได้ในทำนองเดียวกัน
แต่ผู้ที่ค้านกลับจะทำให้อูฐเข้าไปในรูเข็มให้จงได้
แล้วอะไรที่ทำให้พวกเขาคิดไปว่าสักวันอูฐจะลอดรูเข็มได้?

[มุสลิม]

โดยเฉพาะตอนต้นของอายะฮ์ดังกล่าวกล่าวถึงผู้ปฏิเสธ ไม่ได้กล่าวถึงมุสลิม และอายะฮ์ยังปฏิเสธผู้ที่อ้างว่ากาฟิรก็จะได้รับการตอบแทนความดีที่เขาเคยทำโดยอ้างอายะฮ์ในซูเราะฮ์ อัซซัลซะละฮ์ “ฉะนั้นผู้ใดที่ทำความดีเขาก็จะได้เห็นมัน” เพราะอัลลอฮ์ตรัสว่า “บรรดาประตูแห่งฟากฟ้าจะไม่ถูกเปิดให้แก่พวกเขา” อุลามาอ์ตัฟซีรอธิบายว่าประตูแห่งฟากฟ้าจะไม่เปิดรับวิญญาณของพวกเขา และการงานของพวกเขา อัลลอฮ์ตรัสว่า “คำพูดดีๆ และการงานดีๆจะขึ้นสู่พระองค์” ฟาฏิร 10 แล้วไหนเลยกาฟิรจะถูกตอบแทนสิ่งที่ได้ทำมา ทั้งทีอิสลามไม่นับการกระทำดังกล่าวว่า “ความดี”ด้วยซ้ำ เพราะการงานนั้นขึ้นอยู่กับเหนียต แล้วมีกาฟิรคนไหนเหนียตเพื่ออัลลอฮ์พระเจ้าองค์เดียวบ้าง??

[มุสลิม]

หากจะค้านว่าแล้วพวกชาวคัมภีร์เขาก็ศรัทธา และทำความดีเพื่อพระเจ้าเช่นกันไม่เหมือนศาสนาอื่น?
ตอบได้ว่า อัลลอฮ์ตรัสในซูเราะฮ์อัลกะฮ์ฟอายะฮ์สุดท้ายว่า “และผู้ใดประสงค์ที่จะพบพระเจ้าของเขาก็จงทำงานที่ดี และจงอย่าตั้งภาคีใดๆในการทำอิบาดะฮ์ต่อพระเจ้าของเขา”
ฉะนั้นสิ่งที่จะถูกตอบแทนนั้นมีอยู่สองเงื่อนไขคือ
1.ศาสนาว่าดี 2.คนๆนั้นไม่มีการตั้งภาคี
ชาวคัมภีร์ผ่าน 2 ข้อนี้หรือไม่?? (หมายถึงชาวคัมภีร์ที่เป็นกาฟิรที่ตั้งภาคี ไม่ได้หมายถึงชาวคัมภีร์ที่ดำเนินตามศาสนทูตในสมัยนั้นๆ)

[มุสลิม]

การที่อัลลอฮ์เปรียบการเข้าสวรรค์ของกาฟิรกับการลอดของอูฐผ่านรูเข็มนั้น เป็นไปได้อยู่ 2 อย่างว่าอัลลอฮ์ต้องการเปรียบเทียบเพื่อบอกว่ามันเป็นไปได้หนึ่ง หรือเป็นไปไม่ได้สอง ซึ่งข้อหนึ่งเป็นไปไม่ได้ จึงเป็นอันว่าความหมายที่ต้องการสื่อคือข้อสอง “ความเป็นไปไม่ได้” ฉะนั้นจะถูกหรือไม่ หากวันหนึ่งอัลลอฮ์ทรงเอากาฟิรเข้าสวรรค์ และทำสิ่งที่ครั้งหนึ่งพระองค์ทรงพูดแล้วว่ามัน “เป็นไปไม่ได้”??? ขอให้รู้ว่าการขัดแย้งกันเองในการกระทำ หรือคำพูดของอัลลอฮ์นั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ดูซูเราะฮ์อันนิซาอ์ 82

[มุสลิม]

ฮะดีษ

นอกจากฮะดีษที่คุณจีจี่ยกมาแล้วก็มี

-ท่านอบูซัรรายงานว่า ท่านรอซูลกล่าวว่า “มีผู้มาหาฉันจากพระเจ้าของฉันบอกว่า หรือเเจ้งข่าวแก่ฉันว่า ผู้ใดในประชาชาติฉันที่ตายไปโดยที่ไม่ตั้งภาคีใดๆกับอัลลอฮ์จะได้เข้าสวรรค์ ฉัน(อบูซัร)กล่าวว่าแม้ว่าเขาจะทำซินา ลักขโมยกระนั้นหรือ? ท่านตอบว่า แม้ว่าเขาจะทำซินา จะลักขโมยก็ตาม”

ฮะดีษนี้เป็นสิ่งยืนยันว่าผู้ที่มีอีมานครบท้วนตามที่ศาสนาใช้เท่านั้นจะได้เข้าสวรรค์ เพราะคำว่า “ไม่ได้ตั้งภาคีใดๆกับอัลลอฮ์”นั้นอาจทำให้เข้าใจผิดได้ว่า คนที่แม้ปฏิเสธคำพูดอัลลอฮ์ ปฏิเสธอาคิเราะฮ์แต่ไม่ตั้งภาคีอาจได้เข้าสวรรค์ ตรงนี้ ท่านอิมามอัลกุรฏุบีย์อธิบายว่า “ความหมายของการปฏิเสธการตั้งภาคีนั้น หมายถึง การไม่ทำให้สิ่งหนึ่งเป็นภาคีกับอัลลอฮ์ในความเป็นพระเจ้า แต่ว่าคำพูดเช่นนี้โดยทั่วไปแล้วกลายเป็นคำที่สื่อถึง การอีมานที่ศาสนาใช้” ท่านอัลฮาฟิซ อิบนุ ฮะญัรกล่าวว่า “จากฮะดีษนี้ได้รู้ว่าผู้ที่ทำบาปใหญ่(มุสลิม) จะไม่อยู่ในนรกตลอดกาล และบาปใหญ่นั้นยังไม่ทำให้เสียความเป็นมุอฺมิน และผู้ที่ไม่มีเตาฮีดนั้นจะไม่ได้เข้าสวรรค์” แล้วกาฟิรมีสิ่งใดที่ดีพอจะทำให้เขาเข้าสวรรค์???

-ท่านอิบนุมัสอูดรายงานจากท่านนบี ท่านนบีกล่าวว่า “ผู้ใดตายในสภาพที่ตั้งภาคีกับอัลลอฮ์จะเข้านรก”ฉัน(อิบนุมัซอูด)กล่าวว่า ผู้ใดตายในสภาพที่ไม่ได้ตั้งภาคีกับอัลลอฮ์จะได้เข้าสวรรค์

-ท่านอบูฮุรอยเราะฮ์รายงานว่า ท่านนบีใช้ให้ท่านบิลาลประกาศกับผู้คนว่า “จะไม่มีใครได้เข้าสวรรค์ยกเว้นผู้ที่เป็นมุสลิม...” อีกรายงานหนึ่ง “ยกเว้นผู้ที่ศรัทธา”