ยินดีต้อนรับสู่ Moradokislam.org!
Homeหน้าแรก     Forumsกระดานข่าว     Your Accountสำหรับสมาชิก     Downloadsดาวน์โหลด     Submit Newsเผยแพร่ข่าวสาร     Topicsหัวข้อเรื่อง     Select Thai LangaugeThai Langauge   
อนุรักษ์มรดกอิสลาม :: ดูกระทู้ - “มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com)
อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก อนุรักษ์มรดกอิสลาม  
  เพื่อการอนุรักษ์มรดกอิสลาม      คำถามถามบ่อยของกระดานข่าว      ค้นหา      รายนามสมาชิก  
  · เข้าระบบ ข้อมูลส่วนตัว · เข้าระบบเพื่อตรวจข่าวสารส่วนตัวของคุณ · กลุ่มผู้ใช้งาน  
“มรดกอิสลาม”.............โดย แมทท์ (muslimThaiUSA.com)
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 7, 8, 9 ... 21, 22, 23  ถัดไป
 
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ลัทธิ-นิกาย
ดูกระทู้ก่อนนี้ :: ดูกระทู้ถัดไป  
ผู้ส่ง ข้อความ
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Mon Jun 28, 2004 10:34 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

สลามพี่น้องมุสลิมที่รักทุกท่าน
สวัสดีคุณ matt

แล้วในที่สุดคุณ matt ก็แกล้งฉลาดน้อยอีกตามเคย ทั้งๆที่ผมก็นำเอาภาษาไทยมาเปรียบเทียบให้คุณฟังว่า

“คุณ matt เป็นคนไทย” ซึ่งคำพูดประโยคนี้มิได้ปฏิเสธว่าผมหรือท่านอื่นมิได้เป็นคนไทยด้วย ซึ่งต่างกับคำว่า “คุณ matt เท่านั้นที่เป็นคนไทย”

และเมื่อผมพูดว่า “คุณ matt เป็นคนไทย” กับคำพูดที่ว่า “คุณ matt และวิทยากรเป็นคนไทย” คุณว่าทั้งสองประโยคนี้ขัดกันไหม ?

เช่นเดียวกับสำนวนในฮะดีษว่า “ทิ้งอัลกุรอานไว้” กับ “ทิ้งอัลกุรอานและซุนนะห์ไว้” อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าขัดกันหรอกครับ แต่เขาเรียกว่า “ซิยาดะตุสซิกเกาะห์” ในภาษาฮะดีษ

แต่เมื่อผมอธิบายเปรียบเทียบด้วยภาษาไทยแล้ว คุณยังไม่เข้าใจอีก แล้วจะให้ผมอธิบายด้วยภาษาเขมรหรือไร ?

_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Mon Jun 28, 2004 10:39 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



แม้ว่าคุณ matt จะแปลฮะดีษใหม่อีกครั้งหลังจากที่ผมติว่า แปลผิด บิดเบือนด้วยการเติมคำพูดของคุณเองลงในฮะดีษ แต่คำแปลใหม่ของคุณก็ยังไม่ตรงตามภาษาฮะดีษอีกเช่นเคยคือ

“ฉัน (มูฮัมมัด) ได้ทิ้งหนังสือของ อัลลอฮ์ เล่มนั้น (อัลกุรอาน)”

คำว่า “เล่มนั้น” เป็นคำของคุณไม่ใช่เป็นคำของฮะดีษ

บางท่านอาจตั้งข้อสงสัยว่าทำไมผมจึงติในเรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องใหญ่ในการสร้างความสั่นคลอนทางด้านอะกีดะห์

หนังสือของอัลลอฮ์มีเล่มนั้น เล่มนี้ แล้วยังมีเล่มอื่นๆ อีกด้วยหรือ ? แต่ถ้าคุณ matt อ้างว่า ก็ใส่วงเล็บไว้แล้วว่า อัลกุรอาน.. แล้วอัลกุรอานของอัลลอฮ์จะมีสักกี่เล่มละครับ... อย่าเผยไต๋นะว่า ยังมีอีกเล่มหนึ่งที่มีตั้ง 17,000 อายะห์ หากคุณไม่ใช่ชีอะห์ ก็ลบคำว่า “เล่มนั้น” ออกจากคำแปลของคุณเสีย และอย่าพยายามเติมคำของคุณในฮะดีษอีก


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Mon Jun 28, 2004 10:46 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



มีเรื่องตลกขบขันจากข้อความของคุณ matt ข้างต้นดังนี้ครับ

“สำหรับเรื่องการจดบันทึกฮาดีษนั้น ในขณะที่ท่านรอซูลมีชีวิตอยู่ ท่านสั่งไว้อย่างเด็ดขาด ห้ามจดบันทึกสิ่งใด ที่ท่านพูด นอกจาก อัลกุรอานเท่านั้น ผู้ที่มีความรู้อย่างคุณ และ เพื่อนคุณ คงทราบดี ทั้งนี้ คำสั่งนี้ อยู่ ใน “ฮะดีษ ศอเฮียะห์” เช่นกัน”

แปลกนะ..ที่คุณ matt ยกฮะดีษมาหักล้างคำพูดของผมที่ว่า มีการบันทึกฮะดีษตั้งแต่ในยุคของท่านรอซูลแล้ว.. ไม่ยักจะรู้ว่าคุณ matt ใช้ฮะดีษด้วย ทั้งๆที่ประกาศปฏิเสธฮะดีษอยู่โครมคราม แต่เมื่อคุณนำฮะดีษมาอ้าง ก็อ้างแบบไม่เข้าใจเรื่อง เพราะข้อเท็จจริงเป็นดังนี้

لاَ تَكْتُبُوا عَنِى مَنْ كَتَبَ عَنى غَيْرَ القُرْآنِ فَلْيَمْحُهُ

“พวกเจ้าอย่าได้บันทึกเรื่องใดๆจากฉัน ผู้ใดที่บันทึกเรื่องใดจากฉันที่ไม่ใช่อัลกุรอาน ก็จงลบมันทิ้งก่อน” ศอเฮียะห์มุสลิม ฮะดีษเลขที่ 5326

คำสั่งห้ามของท่านรอซูลข้างต้นนี้ เป็นคำห้ามโดยรวม เพราะท่านรอซูลได้อนุญาตให้ศอฮาบะห์บางท่านที่มีความแม่นยำในการบันทึก และสามารถจำแนกระหว่างอัลกุรอานและซุนนะห์ ทำการบันทึกได้ หรืออย่างเหตุการณ์ที่ อะบีชาฮ์ ซึ่งเป็นชาวยะมันได้ เดินทางมาศึกษาเรื่องราวอิสลามกับท่านนบี ขณะที่เขาได้ฟังคุตบะห์ของท่านนบีจบลง ก็ร้องขอต่อท่านนบีว่า

يَا رَسُوْلَ اللهِ اكْتُبُوا لِى فَقالَ اكْتُبُوا لَهُ

“โอ้ท่านรอซูลของอัลลอฮ์ ได้โปรดให้พวกเขาบันทึกให้ฉันด้วยเถิด ท่านกล่าวว่า พวกเจ้าจงบันทึกให้เขาด้วย” มุสนัดอิหม่ามอะห์หมัด ฮะดีษเลขที่ 6944

ผมแปลกใจกับพฤติกรรมของคุณ matt จริงๆ หรือ ณ.วินาทีนี้คุณยอมรับฮะดีษศอเฮียะห์แล้ว หรือว่าต้องการเอาชนะ หรือต้องการสร้างความสั่นคลอนในอะกีดะห์ให้แก่พี่น้องมุสลิม และเชิญชวนพี่น้องมุสลิมไปสู่การเป็นกาเฟรด้วยการปฏิเสธฮะดีษศอเฮียะห์


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Mon Jun 28, 2004 10:50 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



คุณ matt ไม่สงสัยคำพูดของผมหรือว่า

คุณปฏิเสธอัลกุรอาน ทั้งๆที่ปากประกาศว่า ตามอัลกุรอานอย่างเดียว

من يطع الرسول فقد أطاع الله

“ผู้ใดฏออัตต่อรอซูล เขาได้ฏออัตต่ออัลลอ์” ซูเราะห์อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 80

คำว่า ฏออะห์ หมายถึงเชื่อฟัง น้อมรับ และปฏิบัติตาม แต่สำหรับคุณ matt แล้วไม่ได้ฏออัตต่อรอซูลและก็ไม่ได้ตออัฏต่ออัลลอฮ์ด้วย

อย่าเพิ่งรีบร้อนคุยเรื่องฮะดีษเลยครับ ตราบใดที่ยังปฏิเสธอัลกุรอาน


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
kodomo
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 30/12/2003
ตอบ: 15
ที่อยู่: bkk

ตอบตอบ: Mon Jun 28, 2004 11:44 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

Laughing ...เร้ววว...คุณ MATT สู้ๆ...... Smile
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว MSN
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Mon Jun 28, 2004 3:56 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามมุอลัยกุมท่านวิทยากร


การเปรียบเทียบของคุณ นั้น ไม่มีเหตุผล...... โดยเหตุผลต่อไปนี้...

“คุณ matt เป็นคนไทย” ซึ่งคำพูดประโยคนี้มิได้ปฏิเสธว่าผมหรือท่านอื่นมิได้เป็นคนไทยด้วย ซึ่งต่างกับคำว่า “คุณ matt เท่านั้นที่เป็นคนไทย”


ในภาษาไทยเรา

และเมื่อคุณพูดว่า “คุณแมทท์เป็นคนไทย”

ในประโยคนี้ คำว่า “คุณแมทท์” เป็นประธาน ของ ประโยค ซึ่ง คำว่า “แมทท์” เป็น วิสามัญนาม “คำเฉพาะ” จะเป็นคนอื่น ไม่ได้ ที่เป็น คนไทย. และ เป็นประธาน ซึ่งเป็น “เอกพจน์”

คำว่า “และ” เป็น คำ สันธาน “คำเชื่อมประโยค”


แต่เมื่อ คุณ พูดว่า “ คุณ matt และวิทยากรเป็นคนไทย” นั้น กลายเป็น ประโยค ผสม คือ มีมากกว่า “หนึ่งประโยคขึ้นไป” ภาษาอังกฤษ เรียกว่า “compound sentences” คือ

ประโยคที่ 1. คุณแมทท์เป็นคนไทย
ประโยคที่ 2. คุณวิทยากรเป็นคนไทย

แต่เมื่อมาเชื่อม กัน ด้วย คำ สันธาน “และ” จะกลายเป็น

คุณแมทท์และคุณวิทยากร เป็น คนไทย

สิ่งที่เหมือนกัน ในสองประโยคนี้ ก็คือการ ใช้”คำคุณศัพท์” ร่วมกัน คือ “คนไทย”

การเปรียบเทียบของคุณ “ เป็นการเปรียบเทียบ ความเหมือนกันของ “ลักษณะนาม”

คือคำว่า “ความคนไทย” บอกลักษณะร่วมกัน ของ ประธาน ของประโยค


ดังนั้นประโยคทั้งสองนี้ จึงต่างกันใน ด้านไวยกรณ์ คือ ประโยค
ที่ประธานเป็นเอกพจน์ และ ประโยคที่ประธานเ้ป็น พหูพจน์

“คุณแมทท์และคุณวิทยากรเป็น คนไทย” ประธาน กลายมา เป็นพหูพจน์ ซึ่งต่างกัน ตามหลักไวยกรณ์ แต่ ลักษณะของประธาน เหมือนกัน “ตามคำคุณศัพท์”


********************************


จงมาดูประโยคที่ว่า

“ฉันทิ้งอัลกุรอานไว้” ในประโยคนี้

ประธาน ของประโยคเป็นเอกพจน์คือ “ฉัน”
คำกริยา “ทิ้ง”
กรรม “อัลกุรอาน” เป็นเอกพจน์

ความสำคัญของประโยคนี้ อยู่ ที่ สภาพของ “กรรม” (Objective) ของประโยค คือ “อัลกุรอาน” ซึ่ง “กรรม” ของประโยค เป็นเอกพจน์, คือ “หนังสือของ อัลลอฮ์ เล่มนั้น”

คำว่า “เล่มนั้น” เป็นคุณศัพท์ชี้เฉพาะ สำหรับ นามที่เราต้องการจะเจาะจงเป็นพิเศษ กว่านามอื่นๆ คือ คำบ่ง จำเพาะ เป็นประเพณีของภาษาไวยกรณ์ จะแปลก็ได้ไม่แปลก็ได้ ซึ่งแสดงความเป็น “เอกพจน์” และชี้เฉพาะ ของ คำนามนั้น

(แต่ถ้าเราจะ คิดไปอีก ทางว่า ยังจะมีเล่มอื่น อีกหรือ นั้นต้อง แล้วแต่ความรู้และความคิด ของผู้อ่านว่าประโยคนี้หมายความถึงหนังสือกี่เล่ม)

ในประโยคนี้..

“ฉัน (มูฮัมมัด) ได้ทิ้งหนังสือของ อัลลอฮ์ เล่มนั้น (อัลกุรอาน) ไว้กับพวกท่านทั้งหลายแล้ว, และถ้าท่านทั้งหลายยึดถือมัน (อัลกุรอาน) อย่างมั่นคง, พวกท่านทั้งหลายจะไม่หลงไปในทางที่ผิด.”


ประธาน ของประโยค คือท่าน รอซูล “ทิ้ง” คำนามชี้เฉพาะ คือ “หนังสือของ อัลลอฮ์ เล่มนั้น (อัลกุรอาน) ที่เป็น "กรรม" ในสภาพ “เอกพจน์” ไว้กับพวกท่านทั้งหลายแล้ว... การที่ในประโยคนี้ ต้องใช้ คำคุณศัพท์ ชี้แสดง “เล่มนั้น” ก็เพื่อ ป้องกัน การ การสอดแทรก “คำอื่นต่อท้ายเข้าไป”

เมื่อใดก็ตาม ที่ประโยค ถูก ต่อ เติมด้วย “กรรม” อีกอันหนึ่งเข้าไป จะทำให้สภาพ ของ “กรรม” กลายเป็น “พหูพจน์” แล้ว ความหมายของประ โยค จะเปลี่ยนไป จากวัตถุประสงค์ ของประธาน


การเปรียบเทียบของท่านวิทยากร เป็น การเปรียบของสองสิ่งที่ต่างกัน


คือ เปรียบเทียบ คุณศัพท์บอกลักษณะนาม(Descriptive Adjective) ของประธานของประโยค กับ คุณศัพท์ นับจำนวน (Numeral Adjective) ของ “กรรม” (Object) ของประโยค


สมาชิกทั้งหลายพิจารณาดูให้ดีๆครับ


ตามที่ท่านวิทยากร ว่า...


เช่นเดียวกับสำนวนในฮะดีษว่า “ทิ้งอัลกุรอานไว้” กับ “ทิ้งอัลกุรอานและซุนนะห์ไว้” อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าขัดกันหรอกครับ แต่เขาเรียกว่า “ซิยาดะตุสซิกเกาะห์” ในภาษาฮะดีษ

“ซิยาดะตุสซิกเกาะห์” หมายความ ว่าอะไร ? มีใครทราบบ้าง?


สำนวนในฮะดีษว่า “ทิ้งอัลกุรอานไว้”

กับ สำนวนในฮะดีษที่ว่า “ทิ้งอัลกุรอานและซุนนะห์ไว้”


ความแตกต่างอยู่ที่ ประโยคที่สอง ถูก “ต่อเติม” คำ ว่า “ซุนนะห์” เข้าไป ทำให้ “กรรม” (Objective) กลายเป็นพหูพจน์ คือ มีสิ่งอื่นเพิ่ม เติม ขึ้นมา อีกสิ่งหนึ่ง เลยทำให้ความหมาย ของประโยค ผิด วัตถุประสงค์ ของ ประธานไป


เช่นเดียวกับ ประโยคที่ว่า...

“ผมให้ เงิน 100 บาท แก่ คุณวิทยากร”

ซึ่งต่างกับ ประโยคที่ว่า...

“ผมให้ เงิน 100 บาท กับ “โรตีแผ่นหนึ่ง” แก่คุณวิทยากร


เห็นไหมครับ ว่า ประโยคทั้งสองมันแตกต่างกันในสิ่งที่ถูกให้ ไม่ว่าคุณจะอธิบายอย่างไรก็ตาม หาเหตผลสนับสนุนไม่ได้เลย


สัตว์ สองตัว รูปร่าง เหมือน อูฐ, ร้องก็เหมือน อูฐ, มองดูแล้วมันก็เป็น อูฐ เหมือนกันตามรูปร่าง, แต่สิ่งที่แตกต่างกันของ อูฐทั้งสองตัวนั้น ก็คือ ตัวหนึ่ง “ตัวผู้” อีกตัวหนึ่ง “ตัวเมีย”


วัสลาม

แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Mon Jun 28, 2004 7:35 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัสลามุอะลัยกุมคุณวิทยากร


ผมคิดว่าคุณคง พอใจกับการอธิบาย “หลักไวยกรณ์” ของผม แล้ว,

คุณช่วย กรุณา อธิบาย ฮะดีษ บทนี้ ตามภาษา “ฮะดีษ” ให้ผมฟังซิว่า มีอยู่จริงไหม? และมีความหมายว่าอย่างไร? จาก ฮะดีษ ศอเฮียะห์ บุคอรีย์, หมวด 9, เล่ม 92, เลขที่ 374

“บรรยายโดย....อะนัสบินมาลิก: ว่า เขาได้ยิน อุมมาร์ กล่าว ขณะที่ท่านยืน อยู่บน แท่น “คุตบะห์” ของท่านรอซูลล์ (ฮัมมัด) ในเวลาเช้า, หลังจาก วันที่ท่านรอซูลล์ (มูฮัมมัด) ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว, เมื่อฝูงชนกล่าวปฏิญาณให้ความสวามิภักดิ์ ต่อ อะบูบาคร์. ท่านอุมาร์ผู้นั้น กล่าวว่า, ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลลออ์ โดยยกนื้วชี้้ของมือขวา ขึ้น และลดนิ้วชี้นั้นลงเมื่อ กล่าว ชาฮาดะห์จบต่อหน้า อาบูบาคร์, และกล่าว, “ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง”, พระองค์อัลลอฮ์, ได้เลือกเฟ้น ท่านรอซูลล์ ให้อยู่กับพระองค์ บนสรวงสวรรค์ แทนที่จะให้อยู่กับพวกเราบนโลกมนุษย์, สิ่งนี้คือหนังสือ(อัลกุรอาน) สิ่งซึ้ง ฮัลลอฮ์ ได้ใช้ให้ เป็น หลัก แนะแนวทางปฏิบัติ ของท่านนบีมูฮัมมัด, ดังนั้นจงยึดมั่นต่ออัลกุรอาน, เพื่อที่ว่าท่านจะได้รับแนวทางที่ถูกต้องเช่นเดียวกับที่ อัลลอฮ์ ใช้เป็นสิ่งแนะนำแนวทาง แก่ รอซูลล์(มูฮัมมัด) ของท่าน”


“ฮะดีษ ศอเฮียะห์” ข้างบนนี้ มีอยู่จริงไหม? มีความหมายต่อมุสลิมว่า อย่างไร? ผมว่าบรรดาสมาชิกทั้ง หลาย ในที่นี้ ต้องการฟังคำอธิบายเช่นกัน


ข้อต่อไป.....ในเมื่อ “คุตบะฮฺ” เกิดขึ้น ในวันและเวลาเดียวกัน ทำไมการจดบันทึกต่อไปนี้ จึงต่างกัน.....

1.ฉันทิ้งไว้ให้พวกท่านสองสิ่ง นั้นคือ “อัลกุรอาน” และ “ซุนนะห์ ของฉัน” (มูวัตตะ, 46/3) “ซุนนีย์” มุสลิม46/3)......


2. ฉันทิ้งไว้ให้พวกท่านสองสิ่ง นั้นคือ “อัลกุรอาน” และ อะฮ์ลัลบัยต์ (มุสลิม 44/4, นุ2408, อิบนุฮันบาล4/366.ดอริมิ23/1, นุ3319) “ชีอะต์” มุสลิม.


ฮะดีษทั้งสองนี้แตกต่างกันหรือไม่? คุณมีความเห็นว่าอย่างไร?


ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ในเมื่อ บันทึกพร้อมๆกันอยู่ในวันเดียวกัน


ผมสัญญาว่าจะ เสวนาเป็นประเด็นๆ ไป


ประเด็นแรก.... ผมจะเริ่มด้วย “ข้างบนนี้ก่อน” ผมหวังว่า ผู้สนใจอีก เป็น จำนวน “พันคน” ในเวบนี้ คงอยากจะทราบด้วยว่า ““ฮะดีษ ศอเฮียะห์” ทั้งสามที่ผมนำมาให้คุณอธิบาย นั้น


ฮะดีษทั้งสองนี้แตกต่างกันหรือไม่? คุณมีความเห็นว่าอย่างไร?


ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ในเมื่อ บันทึกพร้อมๆกันอยู่ในวันเดียวกัน


ประเด็นที่ สอง ...สำหรับเรื่องความเชื่อ “ฮะดีษ ศอเฮียะห์” นั้น ผมจะอธิบายและให้ คุณและคุณ “ฟารีด เฟ็นดี้” เพื่อนคุณ เข้าใจทีหลัง ว่า ผู้ที่ปฏิเสธ ฮะดีษ ศอเฮียะห์(เรื่อง เล่า ที่รวบรวม มาเล่ากันต่อๆนั้น) ไม่ใช่ “กาเฟร” (เพราะ เป็นเรื่อง เล่าว่า มีผู้เคยเห็น และ เคย ได้ ยิน ท่าน รอซูล เคยกล่าวหรือ เคย กระทำอะไร และ อย่างไร? ซึ่งไม่ใช่ “วะฮีย์”)


ประเด็นที่สาม..... ผมจะอธิบายให้ คุณและคุณ “ฟารีด เฟ็นดี้” เข้าใจว่า การยกหนังสือ “ฮะดีษ ศอเฮียะห์” ของบุคอรี และ มุสลิมและ.ของใครก็ตาม, ขึ้นเทียบเท่ากับ "อัลกุรอาน", และเอาขึ้น “ทูลหัวของคุณทั้งสอง” นั้น เป็นการกระทำของ “มุชริกีน”


ทีนี้คุณคงเข้าใจแล้ว ว่าผมจะรักษาประเด็น อย่างไรแล้ว ผมขอให้คุณ เริ่มอธิบายได้แล้ว อย่าพยายามหลีกเลี่ยงอีก ผมว่า สมาชิกของคุณที่นี่และ รวมทั้งผม ด้วย สามารถพอ ที่จะดูดซึมความรู้ของคุณ โดยไม่ลำบาก ในเนื้อหาเลย เพราะผมได้ เห็นแล้ว


เริ่มได้แล้วครับผมจะตั้งใจเรียน


วัสลาม


แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
ahlussunnah
มือใหม่
มือใหม่


เข้าร่วมเมื่อ: 25/06/2004
ตอบ: 43


ตอบตอบ: Mon Jun 28, 2004 11:49 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

By Matt

จงมาดูประโยคที่ว่า

“ฉันทิ้งอัลกุรอานไว้” ในประโยคนี้

ประธาน ของประโยคเป็นเอกพจน์คือ “ฉัน”
คำกริยา “ทิ้ง”
กรรม “อัลกุรอาน” เป็นเอกพจน์

Matt
You have alqual more than 1right?

You don't need answer a lot just follow to a point. You make wrong for translation but rignt now you want to know the meaning of al ha dis. you make me and everybody lough.
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว เข้าชมเว็บไซต์
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Tue Jun 29, 2004 10:42 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

สลามพี่น้องมุสลิมที่รัก
สวัสดีคุณ matt

ชักจะเลอะเทอะกันใหญ่แล้ว…..

ท่านนบีนั้นเป็นคนอาหรับ ท่านพูดด้วยภาษาอาหรับ แต่คุณ matt เอาหลักไวยากรณ์ไทยฉบับของคุณเองไปอธิบายคำภาษาอาหรับของท่านนบี ผลที่ได้รับก็คือมั่ว...แล้วยังจะกล่าวกลบเกลื่อนว่า ผมพอใจในการอธิบายหลักไวยากรณ์ของคุณ... มั่วนิ่มจริงๆ...

ประโยคที่ว่า “ฉันได้ทิ้งอัลกุรอานและซุนนะห์ไว้” ประโยคนี้มี มัฟอูล (กรรม) อยู่ 2 ตัวดังนี้

กรรมตัวที่ 1 คือคำว่า อัลกุรอาน เป็นเอกพจน์ ไม่ใช่พหูพจน์ เพราะไม่ได้กล่าวว่า อัลกุรอานหลายเล่ม หรือกล่าวว่า บรรดาอัลกุรอานทั้งหลาย

ส่วนกรรมตัวที่ 2 คือคำว่า ซุนนะห์ เป็นเอกพจน์เช่นเดียวกัน ทางไวยากรณ์อาหรับเขาเรียกว่า “มัฟอูลซานีย์”

ถ้าคุณ matt อยากรู้เรื่องนี้ ก็เอาสูจิบัตรกับทะเบียนบ้านไปสมัครเรียนได้ที่ตามโรงเรียนสอนภาษาอาหรับทั่วไป อ้อ...แล้วอย่าลืมพาผู้ปกครองไปส่งมอบตัวด้วยละ


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Tue Jun 29, 2004 10:46 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



เมื่อผมพูดว่า สำนวนในฮะดีษที่ว่า “ทิ้งอัลกุรอานไว้” กับ “ทิ้งอัลกุรอานและซุนนะห์ไว้” อย่างนี้เขาไม่เรียกว่าขัดกันหรอกครับ แต่เขาเรียกว่า “ซิยาดะตุสซิกเกาะห์” ในภาษาฮะดีษ

คุณ matt ก็หลุดคำต่อไปนี้ออกมาลอยๆว่า

“ซิยาดะตุสซิกเกาะห์” หมายความ ว่าอะไร ? มีใครทราบบ้าง?

ตกลงว่าคุณ matt ไม่รู้เรื่องราวของหลักวิชาการตรวจสอบฮะดีษเลยหรือ แล้วคุณปฏิเสธฮะดีษศอเฮียะห์ด้วยหลักวิชาอะไรของคุณ หรือด้วยอารมณ์ของคุณเองกับการชี้นำของชัยตอน

เมื่อคุณเอาอารมณ์เป็นใหญ่ ภาพที่ปรากฏก็คือ เมื่อคุณพอใจก็เอาฮะดีษมาอ้าง (ดังเช่นที่ยกฮะดีษเรื่องการบันทึกฮะดีษมาเป็นหลักฐาน) แต่เมื่อไม่พอใจก็ปฏิเสธ ฉะนั้นแม้ผมจะนำเอาวิชาฮะดีษมาเสนอแนะ คุณก็จะปฏิเสธแบบข้างๆคูๆ อีก


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Tue Jun 29, 2004 10:59 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



ขั้นตอนการพิจารณาฮะดีษโดยหลักใหญ่ ๆ 3 ประการคือ พิจารณาที่สายรายงาน, พิจารณาที่ตัวผู้รายงาน และพิจารณาที่คำรายงาน สำหรับพี่น้องมุสลิมของผมขอชี้แจงเบื้องต้นก่อนว่า ฮะดีษเหล่านี้ถูกเรียกว่า “มุตะวาติร” คือฮะดีษที่มหาชนร่วมกันรายงาน ส่วนรายระเอียด ผมจะทยอยชี้แจงเป็นลำดับขั้น

แต่สำหรับคุณ matt ต้องย้อนไปคุยในประเด็นเดิมก่อนคือ

เรื่องหลักใหญ่ที่คุณประกาศอย่างเด็ดเดี่ยวว่า จะยึดอัลกุรอานอย่างเดียว แต่ผมยืนยันมาหลายครั้งว่า คุณปฏิเสธอัลกุรอาน แต่ก็ไม่เห็นคุณจะทุกข์ร้อน หรือใส่ใจที่จะชี้แจง ผมขอนำข้อความต่อไปนี้กลับมาโพสต์อีกครั้ง

من يطع الرسول فقد أطاع الله

“ผู้ใดฏออัตต่อรอซูล เขาได้ฏออัตต่ออัลลอ์” ซูเราะห์อันนิซาอ์ อายะห์ที่ 80

คำว่า ฏออะห์ หมายถึงเชื่อฟัง น้อมรับ และปฏิบัติตาม แต่สำหรับคุณ matt แล้วไม่ได้ฏออัตต่อรอซูลและก็ไม่ได้ตออัฏต่ออัลลอฮ์ด้วย

คุณประกาศยอมรับอัลกุรอานไม่ใช่หรือ ? มาศรัทธาต่ออัลกุรอานให้ถูกต้องเสียก่อน, ก่อนที่จะไปคุยกันเรื่องฮะดีษ

อย่าหลบประเด็น!


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
mahdisaudi
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 03/06/2004
ตอบ: 381


ตอบตอบ: Tue Jun 29, 2004 4:41 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

ในอัลกุรอานสูเราะฮิ อัลบะเกาะเราะฮฺ 2/217
การงานของพวกเขาไร้ผลทั้งโลกนี้และโลกหน้า
และเหล่านี้เป็นผู้พำนักอยู่ในไฟ
พวกเขาจะอยู่ในนั้นนาน..

คำว่าหะบิฏ็อต หมายถึงอูฐกินหญ้ามากจนพุงกางไม่ย่อย จนไม่ขี้ไม่เยี่ยว
คือไม่ได้อะไรดีจากนั้น อิมามรอฆิบอธิบายว่า
ประการหนึ่งนั้นคือ ทำการงานเพื่อโลก และไม่ยังผลในกิยามะฮฺ
ดังได้กล่าวถึงดำรัสของอัลลอฮฺตะอาลา ที่ว่า 25/23 และเราจะหันมายังการงาน
ที่พวกเขาได้ประกอบไว้ และเราจะทำให้มัน(ไร้ค่า) เป็นฝุ่นละอองที่ปลิวว่อน.
ประการที่สองคือ การงานนั้นสำหรับโลกหน้าแต่เจตนาของผู้นั้น มิใช่เพื่ออัลลอฮฺโดยแท้จริง ดั่งมีรายงานในหะดีษว่า ชายคนหนึ่งถูกนำมาในวันกิยามัต
พระองค์ทรงกล่าวว่า เจ้าอยู่ในกิจการอันใดเขาบอกว่าอ่านอัลกุรอาน
พระองค์ตรัสว่า เจ้าอ่านเพื่อจะให้คนเรียกเจ้าว่าเป็นกอรีย์นักอ่าน
จึงมีคำสั่งให้เอาเขาลงนรก.
ประการที่สามคือ การงานดี แต่เคียงคู่ด้วยความชั่ว เขาได้ตายในลักษณะ
เช่นนั้นซึ่งข้อนั้นแหละที่เรียกว่า ตราชูของเขาเบา

ตามคำอธิบายข้างต้น ประการหนึ่งเหมือนพ่อค้าที่หมกมุ่นในการค้าเพื่อหวังจะได้เงินมาบำรุงตนเองเท่านั้น ไม่บริจาคไม่เฉลี่ยความสุขให้ผู้อื่น การงานของเขาจึงไร้ค่า เช่นการมุ่งหวังในความเจริญทางวัตถุอย่างเดียว ของท่านนายก บางประเทศ ที่ชอบอ้างว่ากำลังพัฒนาชาติ โดยไม่พัฒนาศาสนาควบคู่ไปด้วย
ปล่อยให้มี บาร์ลามก อาบอบนวด แฟชั่นแก้ผ้า เปลือยกาย อยู่ทั่วประเทศ
ประการที่สอง คนที่ไม่ซื่อตรงต่อหน้าที่การงาน ที่ตนกระทำ


ยังมีต่อ

_________________
อัลฟะละกี
เรื่องดาราศาตร์ก็มีกล่าวในอัลกุรอาน
&ใช้ดาราศาสตร์เพื่อช่วยให้ง่ายสดวกในการดูเดือน
มิใช่เพื่อมาทดแทนการดูเดือน
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์
matt
มือเก๋า
มือเก๋า


เข้าร่วมเมื่อ: 02/06/2004
ตอบ: 254
ที่อยู่: usa

ตอบตอบ: Tue Jun 29, 2004 7:39 pm    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

อัลามมุอะลัยกุมคุณวืทยากร


เนื่องจากผมมี อัลกุรอาน เพียง เล่มเดียว ทีเป็นเอกสารอ้างอิง ในเรื่องศาสนา ของอัลลอฮ์ แต่ทุกครั้งที่ ผมอ้างอิง อัลกุรอาน คุณก็ เอา “สิ่งประดิษที่มนุษทำขึ้นมา (บุคอรี, มุสลิม ฯลฯ) มาอ้าง คัดค้าน แล้ว แล้ว บอกกับผม ว่า เรื่อง เล่า เหล่า นั้น เป็น วะฮีย์ ของ อัลลอฮ์

ทั้งๆ ที่ คุณ และคุณ“ฟารีด เฟ็นดี้” เพนดี ก็ รู้ อยู่ แก่ หัว ใจของ คุณ ทั้ง สอง อย่างดี ว่า “เรื่องเล่า เหล่านั้น อาจจะ มี ความเป็น จริง เพียง 50/50 เปอร์เซ็นต์ เท่า นั้น, คุณ“ฟารีด เฟ็นดี้” อธิบาย ว่า,


“ตัวบทของฮะดีษไปตรงกับฮะดีษศอเฮียะห์ในบทอื่น ถ้าเช่นนี้ไม่ถูกเรียกว่าฮะดีษฏออีฟ แต่เรียกว่า ฮะดีษฮะซัน ลิฆอยริฮี (ดีเพราะต้นอื่น) หมายถึงฮะดีษที่อยู่ในเกณฑ์ดีด้วยการสนับสนุนจากฮะดีษศอเฮียะห์, ทั้งฮะดีษศอเฮียะห์ และฮะดีษฮะซันลิฆอยริฮี ใช้เป็นหลักฐานทางศาสนาได้ เพราะลำพังฮะดีษศอเฮียะห์อย่างเดียวก็ถือเป็นมาตรฐานทางศาสนาอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ควรระวังก็คือ การยกสถานะของฮะดีษนี้ หนึ่งในนั้นต้องมีศอเฮียะห์อยู่ด้วย เพราะอ่อนกับอ่อนรวมกันเป็นศอเฮียะห์ไม่ได้

ฮะดีษครับ...ไม่ใช่ไม้กวาดทางมะพร้าว”


“ถ้าอ้าง ฮาดีษ ฏออีฟ (ที่อ่อนปวกเปียก) มา ผสม กับ ฮะดีษศอเฮียะห์ (ที่เชื่อว่าเป็นสิ่งแท้จริง)

“เรียกว่า ฮะดีษฮะซัน ลิฆอยริฮี (ดีเพราะต้นอื่น) หมายถึงฮะดีษที่อยู่ในเกณฑ์ดีด้วยการสนับสนุนจากฮะดีษศอเฮียะห์, ทั้งฮะดีษศอเฮียะห์ และฮะดีษฮะซันลิฆอยริฮี ใช้เป็นหลักฐานทางศาสนาได้”


ในที่นี้ จะเห็นได้ว่า การใช้ คำบอกเล่าที่ไม่แน่ใจว่าแท้ (หรือมีความเชื่อว่า มีส่วนน้อยที่มีความจริงอยู่บ้าง) ผสม กับ คำบอกเล่าที่เชื่อว่าเป็นความจริงมากที่สุด แล้ว ใช้เป็นหลัก ฐานทางศาสนาได้ คุณจะเห็นว่า ในวิชาการ ฮะดีษ ของคุณ ไม่ว่า จะ อ้าง อะไร ในรูป ใด มี ทางถูกต้อง ทั้งนั้น โดยไม่เอ่ยอ้าง ความแท้จริงที่เชื่อมโยง กับ อัลกุรอานเลย ซึงคุณจะเห็นการอธิบาย หลักการของ การพิจารณา “ฮะดิษ"” ของเพื่อนคุณ ข้างล่างนี้


การพิจารณาว่าฮะดีษบทใด ศอเฮียะห์ ฮาซัน หรือฏออีฟ นั้นใช้วิธีพิจารณา 4 หลักใหญ่ๆ ดังนี้คือ

1 – สายรายงาน

2 – ตัวผู้รายงาน

3 – เนื้อหา หรือตัวบทฮะดีษ

ผมจะเติมให้ อีกข้อ คือ ข้อ (4 ทั้งนี้เพื่อให้เป็นเครื่องชี้ทางแก่คุณทั้งสอง)

4.- ความเที่ยงตรงกับบทบัญญัติในอัลกุรอาน



คุณจะเห็นว่า จาก ส่วนผสม ที่เรียกว่า “ฮะดีษฮะซัน ลิฆอยริฮี” นั้น เป็น เครื่องมือ ของ คุณและเพือนคุณ ที่จะใช้ อธิบาย ในรูป ใดก็ได้ ที่จะใช้ สนับ สนุน สิ่งบอกเล่า เหล่านั้น แม้แต่ ใช้สื่งที่ไม่น่า เชื่อ มารวมกับสิ่งที่คิดว่า พอจะเชื่อได้ ก็สามารถที่จะ ใช้ เป็นหลักการ ใน ปฏิบัติศาสนกิจ ของ อัลลอฮ์ได้


[color=blue]“ฮะดีษครับ...ไม่ใช่ไม้กวาดทางมะพร้าว” เป็นคำ “สรุปเกี่ยวกับความแท้จริงของฮะดีษ” โดย...คุณ“ฟารีด เฟ็นดี้”[/color]


ถ้าคุณทราบ ไม่ว่า กวาดทางมะพร้าวเขาทำอย่างไร? ในสมัยผมเป็นเด็กๆ ทางภาคใต้ เขา ใช่ ทางมะพร้าว , แล้ว ลอก เอาส่วนเยื่อใย ตรงกลาง ของทาง ทางมะพร้าว ไว้ใช้เป็นเชือก, ส่วนใบมะพร้าว จะถูกลอกเอา ใบออก เหลือ แต่ก้านใบ แล้วเขาใช้ก้าน ใบ เหล่านั้น มา มัด รวมกัน ทางด้าน โคนก้าน แล้ว เอา “ใยของทางมะพร้าว” ที่ลอกออกไว้ แต่แรก มาทำ เป็น เชือก ผูกมัด ทางด้าน โคนก้าน มะพร้าวที่ กำไว้ อย่างแน่น ก้านมะพร้าว นี้ ตาก ให้แห้ง ก่อน มัด ร่วมกัน หรือ จะ มัด แล้ว ตาก ก็ได้ บางทีเขาก็ ตัด ส่วนปลาย ของ กำไม้กวาด ให้ เท่า กัน เมื่อ ทำทุก อย่า เรียบ ร้อย แล้ว เขาก็เรียก ว่า “ไม้กวาด ทางมะพร้าว” ซึ่ง เป็น ผลิตผล ที่ทำจาก ก้านมะพร้าว ล้วนๆ อย่างบริสุทธิ์ ไม่มีไม้ชนิดอื่น ผลิตพันธ์ พลาสติก ผสมผสาน อยู่ ในขบวนการเลย


จากการศึกษาขบวนการทำไม้กวาดทางมะพร้าว แล้ว ผมเห็นด้วย กับ คุณ“ฟารีด เฟ็นดี้” เป็นครั้งแรก เพราะ ว่า ไม่กวาดทางมะพร้าว ไม่มีส่วนผสมผสาน ของ ไม้อื่น เลย ทำจาก ทุกส่วนของ ต้นมะพร้าว อย่าง บริสุทธิ์ ซึ่งต่างจากเรื่อง บอกเล่าต่อๆกันมา ที่ ท่าน บุคอรี นำมารวบรวมไว้

จาก การเปรียบเทียบ ของ คุณ“ฟารีด เฟ็นดี้” นี้ ผมจึงนำมา ชี้ ให้ ท่านสมาชิก ทั้งหลาย ในที่นี้ รวมทั้งคุณ และ คุณ“ฟารีด เฟ็นดี้” ด้วย ว่า “นี่คือเหตุผลของผมที่ไม่มีความเชื่อว่า “สิ่งที่ ท่านบุคอรี หรือ ของ ท่าน มุสลิม หรือใครก็ตาม รวบรวมไว้” แล้วนำมาอ้าง ว่า เป็นคำพูด และ เป็น “วะฮีย์” จากอัลลอฮ์,


“ทั้งนี้ เพราะขบวนการในการ รวบรวมคำบอกเล่าที่เล่าต่อๆกันมา เป็น ร้อยๆปี ของท่านบุคอรี หรือ ของ ท่าน มุสลิม นั้น ไม่ได้ มาตรฐาน ที่สามารถ จะเทียบเท่ากับ มาตรฐาน ของ ขบวนการ ในการทำไม้กวาดทางมะพร้าวแม้แต่น้อยเลย”


ขอบอกให้ทั้งทั้งหลายและคุณวิทยากร ทราบและเข้าใจอีกครั้งหนึ่ง ว่า ผม “เชื่อฟังท่านนบีมูฮัมมัด” และ การปฏิบัติของท่าน ทุกๆอย่าง ที่ “พระองค์อัลลอฮ์ มีบัญญัติ ไว้ ในอัลกุรอาน อย่าง 100 % ทุกอย่างที่ เป็น “วะฮีย์ “ จากอัลลอฮ์ ที่ให้เชื่อฟังท่าน และตามที่ ผม ได้ ปฏิญาณไว้ โดนการ กล่าว “ชะฮาดะห์” ด้วยความมั่นใจ ดังนั้น ผมจึงเชื่อ ในความสมบูรณ์ ในอัลกุรอาน ตามที่ท่าน นบีมูฮัมมัด กล่าวไว้ โดยวะฮีย์ ในอายะ “6-114” ซึ่งต่างกับ พวก “มุชริกีน” (โปรดอ่านคำอธิบายของ 6-112 ถึง 6-117 ในอัลกุรอานเล่มใดก็ได้)


คุณวิทยากรพยายามที่จะทำให้ทุกๆ คนที่นี่ เข้า ใจผมผิดว่า ผมไม่เชื่อฟัง ท่าน นบีมูฮัมมัด ดังนั้น ผมจึงไม่มีความจริงใจ ในอัลกุรออาน อย่าง ที่ผม พูดเสมอ นี่เป็นการใส่ร้าย ป้ายสี ผม ผู้ ซึ่งเป็นพี่น้องมุสลิมด้วยกัน ทั้งนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า ผม พยายาม จะ นำความจริง มาบอกกับท่าน ทั้งหลายว่า ““ฮะดีษหรือเรื่องเล่าของ บุคอฮ์รี หรือ ของ มุสลิม หรือ ของ ใครก็ตาม ...ไม่ใช่ไม้กวาดทางมะพร้าว” (ซึงเป็นคำ “สรุปเกี่ยวกับความแท้จริงของฮะดีษ” โดย...คุณ“ฟารีด เฟ็นดี้”)


การกระทำเช่นนี้ เป็นการกระทำที่ผิดตามหลักการของอิสลาม

ตามที่ผมอธิบายว่า มุสลิมจะต้องยึดถือ “อัลกุรอาน” เป้นหลักการ ในการสอน การ เรียน และการประกอบ ศาสนกิจ ในศาสนาของพระองค์อัลลออ์ เท่านั้น ซึ่งระบุไว้อย่าง ชัดเจน งน หลาย อายาต ในอัลกุรอาน หรือ แม้แต่ “ในสิ่งประดิษฐ์ ที่มนุษย์ สร้าง ขึ้นมาหลอกลวง มุสลิมเราอยู่ในทุกๆ วันนี้ ก็ กล่าว ให้เห็น ว่า “อัลกุรอานเท่านั้น ที่มุสลิมจะต้องยึดเป็นหลัก”


ทั้งนี ซัยฏอน มนุษย์ ไม่สามารถที่จะ หลอกลวงมุสลิม ได้ ด้วยอำนาจของอัลลออ์ จึง ทำ ให้ พวก “ซัยฏอน” มนุษย์ เหล่า นั้นทิ้งความผิด พลาด ไว้ ใน การบันทึกของพวก เขาล, ขัดกันเองในความจริง, ซึ่งปรากฎอยู่ ใน การจดบันทึก “คุตบะฮ์” ครังสุดท้าย ของ ท่านศาสดามูฮัมมัด ดังต่อไปนี้

ฮะดีษต่อไปนี้ เป็น “ฮะดีษ ซอเฮียะ” ที่ถุกบันทึกในเวลาเดียวกัน จาก “คุตบะ๊หฺ” ครั้งสุดท้าย ของ ท่าน ศาสดามูฮัมมัด ที่ถุก บันทึก ไว้ 3 ภาคที่ต่างกัน คือ


ภาคที่1. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน “อัลกุรอาน” และ “ซุนนะห์” (มุวัตตะ, 46/3)


ภาคที่2. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน “อัลกุรอาน” และ อะฮ์ลาลบัยต์ (อะฮ์ลุลบัยต์)
(มุสลิม 44/4, นู2408; อิบนฺ ฮะนะบาล4/366; ดอริมิ23/1; นู 3319)


ภาคที่3. เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือของ พวก ท่าน (มุสลิม 15/19, นู 1218, อิบนุมาญะฮ์ 25/84, อะบูดาวูด 11/56)


และอีกบทหนึ่ง


ฮะดีษ ศอเฮียะห์ บุคอรีย์, หมวด 9, เล่ม 92, เลขที่ 374


“บรรยายโดย....อะนัสบินมาลิก : ว่า เขาได้ยิน อุมมาร์ กล่าว ขณะที่ท่านยืน อยู่บน แท่น “คุตอบะห์” ของท่านรอซูลล์(ฮัมมัด) ในเวลาเช้า, หลังจาก วันที่ท่านรอซูลล์(มูฮัมมัด) ได้สิ้นชีวิตไปแล้ว , เมื่อฝูงชนกล่าวปฏิญาณให้ความสวามิภักดิ์ ต่อ อะบูบาคร์. ท่านอุมาร์ผู้นั้น กล่าวว่า, ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์อัลลออ์ โดยยกนื้วชี้้ของมือขวา ขึ้น และลดนิ้วชี้นั้นลงเมื่อ กล่าว ชาฮาดะห์จบต่อหน้า อาบูบาคร์, และกล่าว, “ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้นในภายหลัง”, พระองค์อัลลอฮ์, ได้เลือกเฟ้น ท่านรอซูลล์ ให้อยู่กับพระองค์ บนสรวงสวรรค์ แทนที่จะให้อยู่กับพวกเราบนโลกมนุษย์, สิ่งนี้คือหนังสือ(อัลกุรอาน) สิ่งซึ้ง ฮัลลอฮ์ ได้ใช้ให้ เป็น หลัก แนะแนวทางปฏิบัติ ของท่านนบีมูฮัมมัด, ดังนั้นจงยึดมั่นต่ออัลกุรอาน, เพื่อที่ว่าท่านจะได้รับแนวทางที่ถูกต้องเช่นเดียวกับที่ อัลลออ์ ใช้เป็นสิ่งแนะนำแนวทาง แก่ รอซูลล์(มูฮัมมัด) ของท่าน”


และอีกบทหนึ่ง


ซอเอียะ บุคอรี, ซอเอียะ มุสลิม, ฟัตขฮุล บะรี, ตับรอนิ, ตอริคฮ์ อะฮ์มะดิ


เพื่อตัดความให้สั้นลงโดยไม่ถอยหลังกลับไปเล่าประวัติศาสตร์ ้ ไปถึง อุมายยิดและอับบาซิด คอลิฟ....ท่านอุมมาฮ์ผู้โชคร้ายผู้หนึ่งได้ตัดสินใจผิด, หลังจากการจากไปของท่านรอซูล, แม้แต่กระทั่งจนวินาทีสุดท้ายท่านอุมาฮ์ ท่านนี้ขอร้องให้ผู้ติดตามท่านให้นำ กระดาษและปากกาเพื่อว่า ท่านอุมมาฮ์ผู้นั้น จะได้เขียนข้อความที่จะป้องกัน พวกเขาจากการ หลงทางแห่งความศรัทธา ภายหลังจากท่าน, แต่ผู้คนที่อยู่รอบข้างท่าน ไม่ต้องการให้ท่านอุมมาฮ์ บอกความตั้งใจของท่านด้วยการจดบันทึก, และมีสาวกผู้หนึ่งกล่าวว่า


“หนังสือของอัลลอฮ์(อัลกุรอาน)นั้นเพียงพอสำหรับเราแล้ว”


และอีกบทหนึ่ง


เราทิ้งไว้ให้พวกท่าน, “อัลกุรอาน” อย่างเดียวเท่านั้น เพื่อให้เป็นสิ่งยึดถือของ พวก
ท่าน (มุสลิม 15/19, นู 1218, อิบนุมาญะฮ์ 25/84, อะบูดาวูด 11/56)


การที่ผมเอาเรื่องบอกเล่าเหล่านี้ มาแสดงที่นี่ ไม่ใช่ว่าผมยอมรับเรื่องเหล่านี้ เทียบเท่าอัลกุรอาน แต่ผมเอามาแสดง ให้ เห็นว่า แม้ แต่เรื่อง บอกเล่า เหล่านี้ ก็ขัด กันเอง และ ยัง สนับสนุน “ให้ยึดถืออัลกุรอานเท่านั้น”


ผมยังยืนยันอีกครั้ง ว่า “การที่วิทยากร กล่าวว่า ฮะดีษ ซอเฮี๊ยะ นั้นเป็นวะฮีย์ เทียบเท่าอัลกุรอาน และมุสลิมจะต้องเทิดทูลไว้เหนือหัวนั้น ไม่ถูกต้อง และ เป็นการกระทำที่จัด อยู่ ในการกระทำที่เป็น “ชิริก” ซึ่ง ทั้งคุณวิทยากร และ คุณ ฟารีด เฟ็นดี้ เข้าใจ อย่างดี แต่ด้วยความดื้อดึง ของเขาทั้งสองที่ถูก “ซัยฏอนมนุษย์” ครอบงำ จึงทำให้ หัวใจของ เขา ถุก ครอบ งำ และ หู ก็ ถูก อุด ตัน ผละ สติปัญญา ความคิด ก็ถูก กีดกั้น ผมกล่าวเช่นนี้ หวัง ว่า ท่าน ทั้ง สอง คง เข้า ใจ และโปรด กรุณา ชี้ทางให้ถุกต้อง กับยุวชนมุสลิม เพื่อ ที่จะให้ ยุวชนมุสลิม และมุสลิม รุ่นหลังๆ ได้ รับ “มรดกอิสลามที่ บริสุทธิ์” ตามความตั้งใจ ของผู้ สร้าง เวบ นี้


ผมขอให้ท่านสมาชิกทุกๆท่านเข้าใจว่า ท่านทั้งหลายเป้นผู้ที่จะตัดสินใจตามเหตุผลว่า ในอัลกุรอาน “6-114” กล่าวไว้ว่าอย่างไร และ ใครกล่าว แก่ใคร ? ถ้าคุณเข้าใจ อายะห์นั้น คุณก็เข้าใจผม


จำไว้อย่างหนึ่งว่า


“ ไม้กวาดทางมะพร้าว.ไม่ใช่ สิ่งบอกเล่า เหล่านั้น, เป็นสิ่งที่มี คุณภาพ
ตั้งแต่เชื่อไม่ได้เลย จนถึงที่คิดว่า เชื่อได้มากที่สุด, ขาดความแน่นอน,
ขัดกันเอง, ขัดกับบัญญัติ ในอัลกุรอาน”


ถ้า “สิ่งบอกเล่า เหล่านั้น” เป็นความจริง จะไม่มีนิกายต่างๆเกิดขึ้น, ถ้า ทั้งท่านวิทยากร และ คุณ ฟารีด เฟ็นดี้ ไม่ยอมรับว่า “ชีอะต์มุสลิม” เป็นมุสลิมเช่นเดียวกับ ท่านทั้งสองแล้ว ทั้งๆที่เชื่อใน”ฮะดีษ” หรือสิ่งบอกเล่าด้วยกัน แต่ต่างกันกับควาเชื่อ เรื่อง ครอบครับ ของ ท่าน ศาสดามูฮัมมัด

แสดงว่าท่านทั้งสองไม่มีศรัทธาในอัลลอฮ์อย่างแท้จริง เพราะ จิตใจในความศรัทธา ยังไป ฝักใฝ่ อยู่ ในความหลงใหลต่อมนุษย์ โปรด ศึกษา “ชะฮาดะฮ์” ให้เข้าใจ แล้ว ท่าน ทั้งสอง จะมี “ศรัทธาต่ออัลอฮ์, ศาสดามูฮัมมัด และ อัลกุรอาน อย่างแท้จริง


ผมเป็น มุสลิมคนหนึ่ง ที่เชื่ิอ ใน “ชะฮาดะฮ์” และเชื่อว่า ท่านนบีมูฮัมมัด ไม่ได้ยึดถือสิ่งอื่นใด นอกจากคำสั่งของอัลลอฮ์ และอัลกุรอานเท่านั้น ในการประกอบศาสนกิจ และสั่งสอน ศาสนาอิสลาม ในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ และ ผม รับมุสลิมทุกๆท่านที่มี “ศรัทธาต่ออัลอฮ์, ศาสดามูฮัมมัด และ อัลกุรอาน อย่างแท้จริง ไม่ว่า พวเเขา จะถูก จัด อยู่ ในนิกายใดๆ ก็ตาม

เนื่อง จากตัวผมเองก็เป็น “ซุนนีย์มุสลิม” มาหลายชั่วคน เมื่อเรียนรู้จากอัลกุรอานว่า การเรียกตัว ว่าเป็น ชีอะต์ หรือ ซุนนีย์ หรือ อะไรก็ตาม เป็น การสร้าง นิกาย ชึ้ง ขัดต่อ “บัญญัติ ในอัลกุรอาน” ด้วยเหตุนี้ ผมจึง พยายาม ที่จะ บอกให้ มุสลิม ทุกท่าน เข้า ใจว่า มุสลิม จะแตกแยก ออก เป็น นิกายต่างๆ ไม่ได้ เพราะว่า “อัลลออ์” ท่านประทาน ศาสนาอิสลาม มา เพื่อ ความ สามัคคี ของ มนุษย์ ชาติ เพื่อที่จะได้ อยู่ ร่วม กัน อย่าง สงบ ไป จนถึงวัน อาคี เราะห์


ความแตกแยกกันเป็นนิกายต่างๆ เป็นจุด อ่อน ของ มุสลิม ในปัจจุบันนี้ เพราะ หลงเชื่อ และ ตก อยู่ ใน หลุมพราง ของ ซัยฏอน มนุษย์ ที่ใช้สิ่งแปลกปลอม มาหลอก ล่อ มุสลิม ไห้ออกนอก ทาง จาก ความ ศรัทธาที่แท้จริง ตามหลักอิสลาม และ พระองค์ อัลลออ์

ผมจะไม่เสวนาสิ่งเหลวไหลและการเล่นลิ้น เล่นคำกับคุณวิทยากร ต่อไป แต่ถ้า คุณ ฟารีด เฟ็นดี้ จะมาแก้แทนลูกศิษย์ ของ คุนผมยินดีจะ เสวนาด้วยเหตุผลเสมอ ขออย่างเดียว อย่าไปเที่ยวไป หลอก เด็กๆ ว่า “ถ้าไม่เชื่อในสิ่งแปลกปลอม ที่คุณ เรียก ว่า “ฮาดีษ” แล้ว จะ เป็น “กาเฟร”



วัสลาม



แมทท์
กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 10:39 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)

salam

สลามพี่น้องมุสลิมที่รักทุกท่าน
สวัสดีคุณ matt

อาจารย์ฟารีดได้พูดถึงการเอาฮาดีษฏออีฟหลายต้นไปรวมกัน ซึ่งไม่สามารถทำให้สถานะของมันเปลี่ยนไปเป็น ศอเฮียะห์ แล้วท่านก็เปรียบว่า “ฮาดีษ..ไม่ใช่ไม้กวาดทางมะพร้าว” ท่านเปรียบในแง่ที่เอาหลายอ่อนรวมกันเป็นแข็งไม่ได้

แต่คุณ matt เลอะเทอะไปเองต่างหาก พยายามเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของผู้พูด ซึ่งผมไม่แปลกใจ เพราะขนาดอัลกุรอานยังบิดเบือนได้ แล้วนับประสาอะไรกับคำพูดของคน มั่วไม่เลิกจริงๆ


_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
วิทยากร
อนุรักษ์มรดกอิสลาม
อนุรักษ์มรดกอิสลาม


เข้าร่วมเมื่อ: 13/01/2004
ตอบ: 158


ตอบตอบ: Wed Jun 30, 2004 10:44 am    ชื่อกระทู้: ตอบกระทู้ด้วยเครื่องหมายคำพูด(quote)



ผมเอาคำพูดของคุณ matt ข้างต้นมากรอให้ดูอีกครั้งดังนี้ “มุสลิมจะต้องยึดถือ “อัลกุรอาน” เป้นหลักการ ในการสอน การ เรียน และการประกอบ ศาสนกิจ ในศาสนาของพระองค์อัลลออ์ เท่านั้น ซึ่งระบุไว้อย่าง ชัดเจน ใน หลาย อายาต ในอัลกุรอาน”

อย่าหลอกลวงกันอีกเลยคุณ matt ถ้าคำพูดของคุณเป็นจริงก็ไม่ต้องนำอ้างหลายอายาตหรอก ขอแค่ อายะห์เดียวก็พอ.... ที่หลายท่านถามคุณว่า วิธีละหมาดตามอัลกุรอานเป็นอย่างไร ทำไมคุณไม่ยอมตอบเขาละ ไหนละ..อายะห์ไหน คำว่าเอากุรอานเป็นหลักในการประกอบศาสนกิจ เอามาซิ...วิธีละหมาดตามอัลกุรอานอายะห์ไหน อย่าพูดพล่อยๆ เพื่อล่อลวงพี่น้องมุสลิมของผม

_________________


กลับไปข้างบน
แสดงข้อมูลส่วนตัวของสมาชิก ส่งข่าวสารส่วนตัว ส่งอีเมล์ เข้าชมเว็บไซต์ MSN
แสดงการตอบก่อนนี้:   
ตั้งกระทู้ใหม่   ตอบกระทู้    อนุรักษ์มรดกอิสลาม หน้ากระดานข่าวหลัก -> ลัทธิ-นิกาย ปรับเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
ไปที่หน้า ก่อนนี้  1, 2, 3 ... 7, 8, 9 ... 21, 22, 23  ถัดไป
หน้า 8 จากทั้งหมด 23

 
ไปยัง:  
คุณ ไม่สามารถ ตั้งกระทู้ใหม่ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ แก้ไขการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลบการตอบกระทู้ของคุณในกระดานนี้
คุณ ไม่สามารถ ลงคะแนนในแบบสำรวจในกระดานนี้
คุณ สามารถ แนบไฟล์ในกระดานข่าวนี้
คุณ สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ในกระดานข่าวนี้


Powered by phpBB ฉ 2001, 2002 phpBB Group







ที่ตั้งมูลนิธิ


สำนักงาน มูลนิธิ อนุรักษ์มรดกอิสลาม
เลขที่ 27/5 หมู่ที่ 2 ถนนเลียบวารี แขวงโคกแฝด เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
ติดต่อ : 02-956-9860, 02-956-9958
E-mail : moradokislam@hotmail.com
ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ในการนำไปเผยแพร่ในหนทางที่ถูกต้อง และควรระบุแหล่งที่มาของข้อมูล

PHP-Nuke Copyright © 2005 by Francisco Burzi. This is free software, and you may redistribute it under the GPL. PHP-Nuke comes with absolutely no warranty, for details, see the license.
การสร้างหน้าเอกสาร: 0.22 วินาที
IPBNukeRed theme by HOLBROOKau and
PHP-Nuke Thailand ©2004
เธ‚เธญเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธตเธซเธ™เนˆเธญเธขเธ„เธฃเธฑเธšเธชเธกเธฑเธ„เธฃเธ›เธธเนŠเธšเธฃเธฑเธšเธ›เธฑเนŠเธšเน„เธกเนˆเธ•เน‰เธญเธ‡เธเธฒเธ เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เน‚เธšเธ™เธฑเธชเน„เธ”เน‰เน€เธ‡เธดเธ™เธˆเธฃเธดเธ‡ slot938 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธชเธฅเน‡เธญเธ•เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaicasinobin เนเธˆเธเน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เธชเธฅเน‡เธญเธ• เธšเธฒเธ„เธฒเธฃเนˆเธฒ เธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ JQK41 เธชเธฅเน‡เธญเธ• เน€เธ„เธฃเธ”เธดเธ•เธŸเธฃเธต เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ thaibet55 kubet เน„เธ—เธขเธ„เธฒเธชเธดเน‚เธ™เธญเธญเธ™เน„เธฅเธ™เนŒ เนเธ—เธ‡เธšเธญเธฅ เธ‹เธญเธ„เน€เธเธญเธฃเนŒเธฅเธตเธ เธ„เธฐเนเธ™เธ™เธŸเธธเธ•เธšเธญเธฅ เน€เธงเน‡เธšเธžเธ™เธฑเธ™เธญเธฑเธ™เธ”เธฑเธš1 HUC99 เน€เธงเน‡เธšเธ•เธฃเธ‡ เน„เธกเนˆเธœเนˆเธฒเธ™เน€เธญเน€เธขเนˆเธ™เธ•เนŒ